เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเป็นการไปเยือนเกาหลีครั้งที่สองในปีนี้ของปูเป้ และเป็นครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้แวะเข้าไปในห้างสรรพสินค้าของเกาหลีเพื่อสำรวจดูแผนกเครื่องสำอางที่นี่ดูบ้าง (ปกติไปครั้งก่อนๆ ไม่เคยได้เข้าห้างเลย) ก็พบว่ามันก็มีแบรนด์แบบที่เรามีนี่แหล่ะ แต่ที่ต่างกันคือคนเยอะมาก คึกคักสุด ๆ สมแล้วกับที่เขาบอกว่าตลาดเครื่องสำอางของเกาหลีโตมาก หลายๆ แบรนด์ที่ปูเป้รู้จักดีอย่าง Kiehl’s ก็มีคนต่อคิวรับบริการตรวจสภาพผิว และ Biotherm ก็ขายดีมากซึ่งอาจเป็นเพราะว่า Biotherm เป็นที่จดจำในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านผลิตภัณฑ์กลุ่ม Hydration และคนเกาหลีก็เล็งเห็นว่าเรื่องความชุ่มชื้นของผิวเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญที่สุดในการที่จะมีผิวสวยเปล่งปลั่งนั่นเอง

 photo AQSDeepSerum07.jpg
เหลือบตาดีไปเห็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอย่าง Biotherm : Aquasource Deep Serum ซึ่งเราอ่านภาษาเกาหลีไม่ออก และอย่างที่รู้กันว่า BA เกาหลีพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ (แต่จีนกะญี่ปุ่นคล่องปร่อ) ก็เลยไม่ได้ซื้อกลับมา เพราะไม่รู้ว่าเอาไว้ทำอะไร แล้วคำว่า Deep ที่เขียนไว้ในชื่อนั้นสื่อถึงอะไร…

กลับมาถึงเมืองไทยได้สักพักก็ได้ข่าวจากทาง Biotherm ประเทศไทยว่าเจ้า Deep Serum ที่เราสงสัยนั้นจะวางขายในเดือน กรกฏาคม นี้แหล่ะ จึงได้รู้ว่านี่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้คามชุ่มชื้นมากกว่าถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับมอยซ์เจอไรเซอร์ของ Aquasource และช่วยให้เซรั่มหรือมอยซ์เจอไรเซอร์ที่ทาลงไปหลังจากนั้นสามารถดูดซึมดีขึ้นและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น แล้วก็ได้เซรั่มใหม่ล่าสุดนี้มาลองก่อนวางจำหน่ายในไทยเป็นเดือนเลยทีเดียว

 photo AQSDeepSerum01.jpg
ส่วนผสมที่เป็นหัวใจหลักของ Biotherm : Aquasource Deep Serum (50ml / 2,200 THB) มีหลัก ๆ อยู่ 3 อย่างก็คือ Mannose กับ Vitreoscilla Ferment และ Sodium Hyaluronate

หลังจากที่ทาง Biotherm ได้ทำการปรับสูตร Aquasource ใหม่ในปี 2011 ได้มีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ต่าง ๆในไลน์มากขึ้นโดยใช้ส่วนผสมของ Mannose ซึ่งเป็นสารกลุ่มน้ำตาลที่ได้มาจากพืชเป็นส่วนผสมหลักในการเติมน้ำให้กับผิว

คุณสมบัติหลักของสารกลุ่มน้ำตาลคือเป็น Water-Binding หรือช่วยอุ้มน้ำอยู่แล้ว และทาง Biotherm ได้เคลมว่าสารชนิดนี้เมื่อทดสอบในหลอดทดลอง (In-Vitro) แล้วพบว่าสามารถกระตุ้นโปรตีนสำคัญในผิวชั้นนอกอย่าง Corneodesmosine กับ Tranglutaminase 1 และ Keratin 5 ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อความแข็งแรงของชั้นปราการผิวเพื่อช่วยในการฟื้นฟูและเก็บกักความชุ่มชื้นของผิว การขาดโปรตีนบางชนิดอย่างเช่น Corneodesmosine ที่คอยยึดเกาะเซลล์ผิวจะทำให้ปราการของผิวอ่อนแอลงมาก เกิดโรคผิวลอกและแห้งมากได้

ทั้งนี้ส่วนตัวปูเป้ยังหาการวิจัยที่ตีพิมพ์เพื่อมาสนับสนุนในส่วนนี้ไม่เจอ แต่ด้วยความที่ว่าในผิวของเรามี Mannose Receptor อยู่ด้วย และ Mannose ก็เป็น Glycan ชนิดหนึ่งที่มีบทบาทต่อการทำงานของผิวชั้นนอก สิ่งที่ทางแบรนด์เคลมไว้อาจมีความเป็นไปได้ แต่ในตอนนี้ปูเป้จะยังถือว่ายังไม่มีอะไรมาสนับสนุนจนกว่าจะหาข้อมูลมายืนยันได้อีกที

สารสำคัญอีกชนิดหนึ่งก็คือ Sodium Hyaluronate ซึ่งสามารถโอบอุ้น้ำได้มากกว่าน้ำหนักตัว 1,000 เท่า จึงให้ความชุ่มชื้นได้ดีกับผิวชั้นนอกสุด เพราะว่าโมเลกุลมีขนาดใหญ่จนไม่สามารถแทรกเข้าไปในผิวได้ ความชุ่มชื้นในระดับที่ลึกลงไปจะใช้ Glycerin ซึ่งมีอยู่แล้วในผิวชั้นนอกตามธรรมชาติ

ส่วนผสมองสารบำรุงตัวสุดท้ายคือ Vitreoscilla Ferment หรือ Pure Thermal Plankton Cellular Water ที่มีกรดอะมิโน โปรตีน คล้ายกับ Natural Moisturizing Factor ตามธรรมชาติ มีการศึกษาที่ตีพิมพ์เอาไว้โดย L’Oreal เกี่ยวกับส่วนผสมตัวนี้บ้างว่าช่วยลดปัญหาจากโรคผิวหนังบางชนิด และกระตุ้นการเพิ่มขึ้นของ superoxide dismutase ซึ่งเป็นเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระในเซลล์ตามธรรมชาติเพื่อช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายที่กระตุ้นมาโดยภายนอก อย่างรังสี UVB ได้

ในแง่ของสารบำรุง เซรั่มขวดนี้เน้นไปที่เรื่องของความชุ่มชื้นโดยตรง โดยใช้ส่วนผสมที่ช่วยเติมน้ำในหลายระดับ ทั้งผิวชั้นนอกสุดด้วย Sodium Hyaluronate และ Glycerin ในชั้นที่ลึกลงไป ส่วนผสมของ Mannose มีคุณสมบัติพื้นฐานเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และการที่สารชนิดนี้มีบทบาทหน้าที่อยู่แล้วในผิวชั้นนอก อาจเป็นไปได้ที่ Mannose จะกระตุ้นการสร้างโปรตีนสำคัญที่ส่งผลต่อความสมฐุรณ์ของปราการผิวชั้นนอกซึ่งส่งผลให้การเก็บกักและโอบอุ้มความชุ่มชื้นสมบูรณ์ขึ้นจากภายใน แต่ทั้งนี้ต้องรอข้อมูลที่ตีพิมพ์เอามาสนับสนุนตรงนี้อีกครั้ง

(Source : Loss of Corneodesmosin Leads to Severe Skin Barrier Defect, Pruritus, and Atopy: Unraveling the Peeling Skin Disease, Induction of the skin endogenous protective mitochondrial MnSOD by Vitreoscilla filiformis extract., Improvement of atopic dermatitis skin symptoms by Vitreoscilla filiformis bacterial extract., Effects of nonpathogenic gram-negative bacterium Vitreoscilla filiformis lysate on atopic dermatitis: a prospective, randomized, double-blind, placebo-controlled clinical study.)

 photo AQSDeepSerum03.jpg
เนื้อเซรั่มดูเข้มข้นและเกลี่ยได้ลื่นไปกับผิวด้วยการใช้ Bis-PEG-18 Methyl Ether Dimethyl Silane หรือซิลิโคนแว๊กซ์ชนิดที่สามารถละลายในน้ำได้ และมีจุดหลอมเหลวที่ต่ำ จึงให้สัมผัสที่หลอมรวมไปกับผิวได้ดี เมื่อสังเกตให้ดีจะพบเห็นประกายมุกขนาดที่เล็กละเอียดมากผสมอยู่ คาดเดาว่าอาจใส่มาเพื่อเพิ่มความน่าใช้และน่าสนใจกับเนื้อผลิตภัณฑ์ ใช้เพื่อสื่อถึงความชุ่มฉ่ำของความชุ่มชื้น และเพื่อช่วยกระจายแสง

สำหรับปริมาณแอลกอฮอล์เป็นอันดับที่ 3 นั้นใครที่กังวลหรือแพ้ส่วนผสมตัวนี้จริงก็ตัดเซรั่มขวดนี้ไปได้เลย แต่สำหรับคนที่กังวลแค่เรื่องทำให้ผิวแห้ง ปูเป้ใช้แล้วไม่แห้งล่ะ แต่รู้สึกว่าผิวชุ่มชื้นขึ้นด้วย แน่นอนว่ามีส่วนของสี น้ำหอมตามแบบฉบับของแบรนด์นี้ ใครที่ไม่ชอบก็บอกลาได้ ใครที่รับได้แต่ไม่แน่ใจว่าจะแพ้หรือไม่สามารถขอ Sample เพื่อทดลองใช้ก่อนได้ที่เคาน์เตอร์จ้า

Ingredients : Aqua, Bis-PEG-18 Methyl Ether Dimethyl Silane, Alcohol Denat., Glycerin, Butylene Glycol, PEG-20 Dimethicone, Mannose, Methyl Gluceth-20, Propylene Glycol, Phenoxyethanol, Hydrogenated Lecithin, Carbomer, Caprylyl Glucol, Ammonium Polyacryldimethyltauramide, Parfum, Disodium EDTA, CI 77891, Sodium Hyaluronate, Sodium Hydroxide, Mica, Limonene, Vitreoscilla Ferment, Xexyl Cinnamal, Benzyl Salicylate, Benzyl Alcohol, Linalool, Citral, Hydroxyisohexyl 3-Cyclohexane Carboxaldehyde, CI 42090, CI 19140.

 photo AQSDeepSerum044.jpg
ทาง Biotherm ได้บอกว่าเซรั่มตัวนี้จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ตัวอื่น ๆที่ทาตามลงไป ดูดซึมได้ดีขึ้น ซึ่งเขาใช้วิธีง่าย ๆ ในการสาธิตด้วยการทา Aquasource Deep Serum ลงบนผิวส่วนหนึ่ง ก่อนจะหยดน้ำลงบนผิวส่วนที่ทา Aquasource Deep Serum กับอีกหนึ่งหยดลงในส่วนที่ไม่ได้ทาผลิตภัณฑ์ ซึ่งผลที่ได้ก็คือส่วนทา Aquasource Deep Serum จะมีการกระจายตัวของน้ำดีกว่า ในขณะที่ส่วนที่ไม่ได้ทา น้ำยังเกาะเป็นเม็ดนูน

จากความเห็นส่วนตัว ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เกี่ยวข้องกับแรงตึงผิวของน้ำ การที่น้ำเกาะตัวเป็นหยดเพราะว่าน้ำมีแรงตึงผิว เหตุผลที่น้ำกระจายตัวดีกว่าในส่วนที่ทา Aquasource Deep Serum เพราะว่าในตัวผลิตภัณฑ์มีสารลดแรงตึงผิวนั่นเอง (สารลดแรงตึงผิว มีคุณสมบัติเป็น Emulsifier ที่ช่วยรวมส่วนผสมต่าง ๆ ให้กลายเป็นเนื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางขึ้นมา) นอกจากนี้ส่วนผสมของเนื้อเซรั่มยังทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ทำให้การกระจายตัวทำได้ง่ายกว่าผิวที่ไม่ได้ทาอะไรเลย

การทดสอบนี้คงบอกไม่ได้ว่าเซรั่มตัวนี้จะทำให้ผลิตภัณฑ์ในขั้นตอนที่ใช้หลังจากนี้แทรกซึมได้ลึกมากขึ้นเท่าไหร่กัน (ปูเป้คิดว่ามันไม่ได้เกี่ยวกันเลย) แต่เป็นอีกตัวอย่างที่แสดงให้เห็นได้ดีว่า การทาผลิตภัณฑ์ลงบนผิวที่ได้รับการเตรียมให้มีความชุ่มชื้นนั้น จะทำให้การกระจายตัวนั้นทำได้ดีกว่าผิวแห้ง ๆ ที่ไม่ได้ทาอะไรเตรียมไว้เลย และเป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าผิวที่มีความชุ่มชื้นจะสามารถดูดซึมสารต่าง ๆ ได้มากกว่าผิวที่แห้ง

 photo AQSDeepSerum05.jpg
จากประสบการณ์ในการใช้ของปูเป้เอง มองว่า Biotherm : Aquasource Deep Serumเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้กับทุกเพศ ทุกวัย ทุกสภาพผิว ที่ต้องการเน้นการเติมน้ำให้กับผิว (และรับได้กับกลิ่นน้ำหอม และทดสอบแล้วว่าไม่มีอาการแพ้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้) เพราะว่าความชุ่มชื้นเป็นสิ่งที่สำคัญกับทุกคนไม่ควรละเลยอย่างยิ่ง

ส่วนตัวมีผิวผสมถึงมัน เมื่อลง Biotherm : Aquasource Deep Serum แล้วตามด้วยเซรั่มตัวอื่นที่ใช้ก็รู้สึกว่าผิวชุ่มชื้นมากพอแล้ว จนสามารถข้ามเสต็ปของมอยซ์เจอไรเซอร์และทากันแดดตามไปไปได้เลยในตอนกลางวัน (ทามอยซ์เจอไรเซอร์เพิ่มเฉพาะรอบดวงตา และจุดที่แห้งเป็นพิเศษรอบมุมปาก) สำหรับกลางคืนก็สามารถใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ตามได้เป็นปกติ

ตลอดระยะเวลาของการใช้ปูเป้ยังไม่เจออาการระคายเคืองใด ๆ เกิดขึ้น พบว่ามีการอุดตันเกิดขึ้นเมื่อเพิ่มเซรั่มตัวนี้เข้าไปในขั้นตอนบำรุงผิวเดิมโดยไม่มีการปรับลดตัวใดออกให้สมดุลเลย (หากเป็นสิวง่าย ทาอะไรเยอะ ๆ ยิ่งเพิ่มโอกาสที่จะอุดตันนะ) เมื่อมีการปรับลดมอยซ์เจอไรเซอร์ในตอนกลางวันออกไปตามที่บอกไว้ข้างบน ก็ไม่มีการอุดตันเพิ่มขึ้นครับ

 photo AQSDeepSerum066.jpg
ปูเป้มี Tips เล็กน้อยสำหรับการประยุกต์ใช้ Biotherm : Aquasource Deep Serum เป็นมาส์กให้ความชุ่มชื้น โดยการเอามอยซ์เจอไรเซอร์เนื้อเจล หรือ เจลครีม ที่มีอยู่ มาผสมกับ Biotherm : Aquasource Deep Serum สัก 3 – 4 ปั้มแล้วพอกหน้าจะทำให้ผิวชุ่มและน่มขึ้นอีกด้วย และถ้ามีการสครับผิว พอกโคลนหรือมาส์กดูดซับสิ่งสกปรกมาก่อน แล้วพอกตามตามด้วยมาส์กที่เราผสม ทาทิ้งเอาไว้ 10 – 15 ทาทีแล้วล้างออกหรือเช็ดออก จะยิ่งรู้สึกว่าเห็นผลมากขึ้นอีก (หรือถ้าไม่กลัวเปลือง ใช้ Biotherm : Aquasource Deep Serum หลายๆ ปั้มทาหนา ๆ แทนมาส์กไปเร้ยยย)

ใครที่สนใจ ช่วงเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นอะไรที่ไม่ควรพลาด เพราะว่าแบรนด์นี้มี Sample ให้ลองใช้แน่นอนในช่วงนี้ และในฐานะที่ปูเป้เองก็เป็นลูกค้าแบรนด์นี้อยู่แล้ว (ชอบตัวตบพุงของเขาอ่ะ ใช้เพื่อความสบายใจ 555) ก็พบว่า BA น่ารักดี และยินดีให้ Sample จ้า

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

ข้อดี

– มี Mannose ในปริมาณสูง
– Vitreoscilla Ferment ช่วยกระตุ้นการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระในเซลล์ และลดการระคายเคือง
– ผิวชุ่มชื้นขึ้น นุ่มขึ้น
– เนื้อผลิตภัณฑ์ใช้ได้กับเกือบทุกสภาพผิว
– ใช้เป็นมาส์กหน้า หรือผสมกับมาส์ก หรือ มอยซ์เจอไรเซอร์เนื้อเจล / เจลครีม เพื่อเพิ่มคุณสมบัติในการเติมน้ำได้อีก

ข้อเสีย

– มีส่วนผสมของน้ำหอม
– ส่วนผสม Mannose เคลมถึงหลักการทำงานที่น่าสนใจ แต่ยังหาข้อมูลมาสนับสนุนไม่ได้
– ส่วนตัวไม่ชอบอะไรที่มีประกาย แม้จะไม่สามารถสังเกตเห็นได้ง่ายๆ ด้วยตาเปล่า แต่รู้สึกว่ามันไม่ค่อยมีประโยชน์ในการบำรุงผิวเท่าไหร่ เป็นตัวให้เอฟเฟคเชิงคอสเมติคเท่านั้น

***Sponsored Item***

– Biotherm : Aquasource Deep Serum