photo Biotherm BTA Serum 01.png
รู้หรือไม่ว่าปัญหาผิวริ้วรอยและความเสื่อมถอยของผิวพรรณที่เรามองเห็นนั้น มีเพียง 20% เท่านั้นที่เกิดจากวัยที่เพิ่ม นอกเหนือจากนี้เราสามารถป้องกัน หรือแม้แต่สามารถฟื้นฟูให้กลับมาแข็งแรงอ่อนเยาว์ได้ นี่คือสิ่งที่ผลิตภัณฑ์ของ Biotherm ในกลุ่ม Blue Therapy ที่ออกมาเมื่อหลายปีก่อนเคลมว่าสามารถย้อนความเสียหาย 80% ของผิวให้คืนมาได้ แต่ในปีนี้ สูตรล่าสุดของเขาอย่าง Biotherm : Blue Therapy Accelerated Repairing Serum (50ml / 3,600 THB) ก็เคลมว่าเห็นผลดีกว่าสูตรเดิมถึง 3 เท่าด้วยนะ!!!

 photo 20_80 Aging.png
ไอ้ตัวเลข 20 / 80 ที่ว่านี้ไม่ใช่ใครมโนนั่งเทียนเขียนกันขึ้นมาเองแต่มีการศึกษาที่ยืนยันผลมาแล้วทั้งในชาวตะวันตกและชาวเอเชีย ว่าสัญญาณของริ้วรอยทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นตีนกา ร่องลึก ความหย่อนคล้อย สีผิวไม่สม่ำเสมอ จุดด่างดำ และอื่น ๆ อีกมากมายที่ปรากฏบนผิวนั้น มีเพียง 20% เท่านั้นที่มาจากวัยที่เพิ่มขึ้น แต่อีก 80% นั้นมาจากปัจจัยแวดล้อมทั้งหมด ซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากรังสี UV (เราเลยเรียกกันว่า Photo-Aging หรือ Sun Damage) ส่วนอื่นที่ประกอบก็มีตั้งแต่ ความร้อน (รังสีอิฟาเรด) มลภาวะ บุหรี่ อะไรทำนองนี้

การป้องกันผิวจากรังสี UV ที่ดีที่สุดที่เราทำได้ทุกวันนั่นก็คือการผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดเป็นประจำทุกวัน (แม้แต่วันที่อยู่บ้านเพราะรังสี UV ทะลุกระจกเข้ามาได้) รวมไปถึงการเลี่ยงการสัมผัสแดดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่ยังต้องจัดการ และยังมีวิธีอื่นที่จะช่วยให้เราฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วให้กลับมาดีขึ้นได้

(Source : Effect of the sun on visible clinical signs of aging in Caucasian skin., Solar exposure(s) and facial clinical signs of aging in Chinese women: impacts upon age perception., Environmental influences on skin aging and ethnic-specific manifestations.)

Biotherm : Blue Therapy Accelerated Repairing Serum เป็นสูตรใหม่ของ Blue Therapy Serum ที่เปลี่ยนส่วนผสมตัวหลักที่ใช้เกือบทั้งหมด (สูตรเดิมมีวิตามิน CG สารสกัดจากสาหร่าย 3 ชนิด สารสกัดเห็ดหอม แล้วก็โปรตีนถั่วเหลือง)

ส่วนผสมหลักตัวแรกที่แบรนด์หยิบมาพูดถึงก็คือสารสกัดจากสาหร่ายสีน้ำตาลที่มีชื่อว่า Alaria Esculenta ซึ่งเป็นสาหร่ายขนาดใหญ่ โตเร็วและมีความยืดหยุ่นสูงเพื่อที่อาศัยในน่านน้ำที่มีสภาพอากาศแปรปรวนอยู่บ่อยครั้ง และยังอุดมไปด้วยกระอะมิโน ไลปิด และแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายรวมถึงผิวด้วย ซึ่งทางแบรนด์เคลมว่าสารสกัดจากสาหร่ายตัวนี้ของเขานั้นมีคุณสมบัติในการต้าน Inflammation (การอักเสบ) ของเซลล์ผิวเพื่อลดการแสดงออกของโปรตีนที่ก่อให้เกิดความเสื่อมชราของผิว และยังเสริมการสร้าง Lipid ของผิว และกระตุ้นกระบวนการเมตาบอลิซึ่มโยการเพิ่ม ATP ซึ่งเป็นพลังงานของเซลล์ด้วย

คอนเซปต์เรื่อง ATP ถูกนำมาพูดถึงบ่อยมากในวงการเครื่องสำอางช่วงหลังมานี้ เพราะถ้าเซลล์เราไม่ Active ผลิตพลังงานน้อย การซ่อมแซม เยียวยา และการตอบสนองกับสิ่งที่เราทาลงไปเพื่อบำรุงผิวก็จะน้อยลงด้วยเช่นกัน

 photo Alaria Esculenta.png
เท่าที่ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดูเราพบว่ามีส่วนผสมของสารสกัดจากสาหร่ายพันธุ์ Alaria Esculenta วางขายอยู่หลายตัว แต่ตัวที่เราว่ามีแนวโน้มว่าจะเป็นตัวที่ใช้ในนี้คือส่วนผสมที่มีชื่อว่า Juvenessence® AD จากบริษัท SEPPIC / Biotech Marine เพราะเคลมในเรื่องเดียวกันกับที่ทางแบรนด์ว่าไว้ โดยเฉพาะเรื่องลดโปรตีนที่ทำให้เกิดร้ิวรอย (สารสกัดตัวอื่นใช้ตัวทำละลายที่ไม่มีในสูตรส่วนผสมของเซรั่มตัวนี้จึงตัดช้อยส์ออกไปได้เลย)

นอกเหนือจากคำเคลมของแบรนด์และผู้ผลิตสาร ก็พบว่ามีการศึกษาที่ตีพิมพ์เอาไว้ว่าสาหร่าย Alaria Esculenta นั้นมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ และสามารถลดการผลิตโปรตีน Progerin ซึ่งเป็นเสมือนสารพิษที่ขัดขวางไม่ให้เซลล์ทำงานได้เป็นปกติและทำให้เกิดความชราได้

อธิบายเพิ่มเติมจากความเข้าใจของเรา (ผิดถูกอย่างไรวานผู้รู้ช่วยแก้ไขด้วยนะฮะ) เจ้า Progerin มาจากการสร้างตัวที่ไม่สมบูรณ์ของ Lamin A ซึ่งเป็นโปรตีนที่เป็นเหมือนโครงสร้างของผนังนิวเคลียสในเซลล์ (ทำให้นิวเคลียสมีความเถียร และการทำงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งตัว การแสดงออกของยีนส์ การส่งสัญญาณทำได้อย่างไม่มีปัญหา) การผลิตที่ไม่สมบูรณ์นี้มาจากการกลายพันธุ์ของยีนที่ผลิต Laimin A อย่าง LMNA Gene ทำให้ Progerin เป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญในการเกิดความเสื่อมชราก่อนวัย ซึ่ง Progerin นั้นจะมีเกิดขึ้นได้เองจากวัยที่เพิ่มขึ้น แต่จะถูกกระตุ้นให้มีมากขึ้นเมื่อเจอปัจจัยที่มากระตุ้นอย่างเช่นรังสี UVA

สรุปง่าย ๆ คือการที่มี Progerin มากขึ้นในเซลล์ผิวชั้นนอก (Keratinocyte) และเซลล์ Fibroblast ในผิวชั้นใน จะทำให้การทำงานของเซลล์แย่ลง เกิดความเสื่อมชราเป็นร้ิวรอยก่อนวัย ถ้าเราไปลดเจ้า Progerin ได้ เซลล์ก็จะกลับมาทำงานดีขึ้น ชะลอการเกิดริ้วรอยและช่วยฟื้นฟูผิวที่เสียหายจากระดับเซลล์นั่นเองนั่นเอง ซึ่งฟังดูดีนะ ที่เหลือก็ต้องมาลุ้นเอาว่าถ้าเอามาทาลงบนผิวแล้วจะทำได้เหมือนกับการทดสอบในสภาวะควบคุมรึเปล่า

ข้อมูลที่น่าสนใจอีกอย่างนึงคือ Alaria Esculenta นั้นพ่วงคุณสมบัติในการเป็นไวท์เทนนิ่งได้ด้วย กลไกการทำงานของมันก็คือไปลดการแสดงออกของโปรตีน PMEL17 ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาการของถุง Melanosome ทำให้การส่งผ่านถุงเม็ดสีเข้าสู่เซลล์ผิวนั้นทำได้น้อยลง แต่ผลของคุณสมบัตินี้มีข้อจำกัดที่ความเข้มข้นของสารสกัดที่ใช้ เพราะว่าในความเข้มข้นที่ 0.01% กลับมีประสิทธิภาพในการลด PMEL17 ได้ดีกว่าความเข้มข้น 0.1% หรือแม้แต่ 1% ก็ตาม

(Source : Quantitative assessment of lactate and progerin production in normal human cutaneous cells during normal ageing: effect of an Alaria esculenta extract., Alaria esculenta Extract Protects against Oxidative Damage by Inducing Heme Oxygenase-1 Expression via Akt and Nrf2, Longwave UV light induces the aging-associated progerin., Melanosome transfer evaluation by quantitative measurement of Pmel 17 in human normal melanocyte-keratinocyte co-cultures: effect of an Alaria esculenta extract.)

 photo ProXylane.jpg
ส่วนผสมที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาอีกอย่างก็คือ Hydroxypropyl Tetrahydropyrantriol หรือ Pro-Xylane ซึ่งเป็นโมเลกุลน้ำตาลเชิงซ้อนที่สกัดจากต้น Beech ถูกพัฒนาโดยบริษัท L’Oréal และนำเสนอมาตั้งแต่ปี 2006 มีข้อมูลที่ทางบริษัทตีพิมพ์เอาไว้ว่า Pro-Xylane มีคุณสมบัติในการเสริมการสร้าง Glycoaminoglycans ในผิวชั้นนอก (ทำให้ผิวชุ่มชื่นขึ้น แข็งแรงขึ้น) และผิวชั้นใน (ทำให้ผิวมีความอิ่มขึ้น) และเสริมการทำงานของชั้น Dermal-Epidermal Junction (การแลกเปลี่ยนสารอาหารและข้อมูลระหว่างผิวชั้นนอก-ชั้นใน และโครงสร้างของผิว)

(Source : Synthesis of Pro-Xylane: a new biologically active C-glycoside in aqueous media., Formulating Innovative Anti-aging Skin Care: A Q&A with L’Oréal’s Gabrielle Sore)

ส่วนผสมที่ถูกคงเอาไว้ก็คือวิตามินซีในรูปของ Ascorbyl Glucoside ซึ่งมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ ลดการสร้างเมลานินส่วนเกิน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Sodium Hyaluronate ให้ความชุ่มชื่น Capryloyl Salicylic Acid หรือ LHA ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน และที่ไม่มีไม่ได้ก็คือ Vitreoscilla Ferment ที่ได้มาจากแพลงก์ตอนแบคทีเรียในแหล่งน้ำแร่เทือกเขาพีเรนีส ซึ่งมีคุณสมบัติที่หลากหลาย (ไปอ่านได้ในรีวิว [Deep-review] Biotherm : Life Plankton Essence อันนี้)

 photo Biotherm BTA Serum 02.png
โดยสรุปแล้วส่วนผสมหลักจะเน้นไปที่เรื่องของการป้องกัน และฟื้นฟูปัญหาผิวจาก Photo-Aging ด้วยการเข้าไปลดโปรตีนที่เป็นหนึ่งในตัวการสำคัญของความชราในเซลล์ ช่วยเสริมการสร้างโปรตีนคอลลาเจน ช่วยต้านอนุมูลอิสระเพื่อปกป้องเซลล์ผิว ช่วยลดการสร้างเมลานินและการส่งผ่านเมลานินไปยังเซลล์ผิวเพื่อลดเลือนสีผิวไม่สม่ำเสมอซึ่งเป็นอีกสัญญาณของ Photo-Aging เสริมความแข็งแรงของผิวชั้นนอก และลดการระคายเคืองผิวด้วย Life Plankton ส่วนเรื่องการสร้าง ATP เพื่อกระตุ้นพลังงานของเซลล์นั้นยังหาข้อมูลจากแหล่งอื่นนอกจากคำเคลมของผู้ผลิตไม่เจอนะฮะ

Ingredients : Aqua, Cyclohexasiloxane, Glycerin, Alcohol Denat., Hydroxypropyl Tetrahydropyrantriol, Propylene Glycol, Ascorbyl Glucoside, Polysilicone-11, Polymethylsilsesquioxane, Dimethicone, PEG-20 Methylglucosesesquistearate, Bis-PEG/PPG-16/16 PEG/PPG-16/16 Dimethicone, Algae Extract, Sorbitol, Sodium Citrate, Sodium Hyaluronate, Sodium Hydroxide, Ammonium Polyacryldimethyltauramide, Disodium EDTA, Caprylic/Capric Glyceride, Caprylic/Capric Triglyceride, Capryloyl Salicylic Acid, Caprylylg Gycol, Vitreoscilla Ferment, Citric Acid, Xanthan Gum, Octyldodecanol, Phenoxyethanol, CI 77491, CI 77891, Mica, Linalool, Limonene, Citronellol, Parfum, (F.I.L. C174671/1).

 photo Biotherm BTA Serum 03.png
นอกจากการเปลี่ยน Actives หลักแล้ว เนื้อผลิตภัณฑ์ก็เปลี่ยนสูตรไปเลยนะ ถ้าใครที่เคยใช้สูตรเก่าจะพบว่าสูตรใหม่นี้มีเนื้อที่บางกว่า และเกลี่ยได้เรียบลื่นและซึมไว ให้เอฟเฟคของผิวที่นุ่มนวลละมุน ซึ่งส่วนตัวรู้สึกชอบแบบใหม่นี้มากกว่าตัวเก่าล่ะ เนื้อเอสเซนส์มีประกายสีทองอยู่ด้วยซึ่งเขาบอกวาช่วยเพิ่มความกระจ่างใสในทันทีแต่เราว่ามันไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าไหร่ และส่วนตัวเราไม่ชอบพวกชิมเมอร์ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนัก (ผู้ชายคงไม่อยากให้เห็นวิ้ง ๆ บนผิวใช่ไหมล่ะ)

ความรู้สึกหลังการใช้ สัปดาห์แรกยังไม่เห็นผลอะไรกับผิวที่ชัดเจน นอกจากเนื้อสัมผัสที่ดีและเข้ากับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่น ๆ ที่ใช้อยู่แล้วได้อย่างไม่มีปัญหา ขึ้นสัปดาห์ที่สองเราเริ่มมา Biotherm : Life Plankton Essence ทำเป็นมาส์กหน้าในตอนกลางคืนแล้วลงตามด้วย Biotherm : Blue Therapy Accelerated Repairing Serum แล้วรู้สึกว่าผิวมันดีขึ้น รู้สึกว่าความยืดหยุ่นของผิวมันมีมากขึ้น และในช่วงนี้เรามีสิวอักเสบที่เจ็บมากอันนึง หลังจากกดสิวออกแล้วรู้สึกว่าหลังจากรอยแดงจากลงแล้วมันเป็นรอยดำน้อยลงมาก (ปกติถ้าอักเสบหนักขนาดนี้จะเป็นรอยดำชัดเจนหลังจากรอยแดงจากการอักเสบหายไป)

เรื่องของริ้วรอยเรายังไม่ได้มีปัญหาที่เห็นได้ชัดเจนจึงวัดผลได้ลำบากว่าริ้วรอยที่เรามีมันดีขึ้นแค่ไหนในเวลาที่จำกัด แต่ตัวนี้ยังเน้นในเรื่องของการชะลอการเกิดริ้วรอยและความเสื่อมของผิวก่อนวัยได้ด้วย ซึ่งทำให้คนที่ไม่มีปัญหาเรื่องริ้วรอยหรือ Photo-Aging ก็ยังสามารถใช้เพื่อป้องกันปัญหาได้

 photo Biotherm BTA Serum 04.png
โดยภาพรวมแล้ว Biotherm : Blue Therapy Accelerated Repairing Serum ยังคงย้ำถึงคุณสมบัติในการช่วยป้องกันและฟื้นฟูความร่วงโรยของผิว 80% ที่เราสามารถจัดการได้ แต่ด้วยส่วนผสมใหม่ที่เจาะถึงสาเหตุของความเสื่อมของผิวที่ลึกยิ่งขึ้น (และเข้าใจยากขึ้น)

ส่วนผสมหลักโดยรวมสามารถหาข้อมูลจากแหล่งอื่นมาเพิ่มเติมได้ เสริมควาน่าเชื่อถือของคำเคลม ส่วนผสมสาหร่ายพิเศษนี้แม้จะยังไม่ได้มีการศึกษากันกว้างขวางอย่างส่วนผสม Anti-Aging มาตรฐานอย่างพวกวิตามินเอ วิตามินซี แต่ก็มีกลไกออกฤทธิ์ที่น่าสนใจไม่น้อย

 ทำให้ตัวนี้ตอบโจทย์ความต้องการของผิวหลายอย่าง ทั้งการป้องกันและการฟื้นฟู ริ้วรอย สีผิวไม่สม่ำเสมอ ความแข็งแรง และเสริมการปกป้องผิว ทำให้ช่วงวัยที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี่เริ่มได้ตั้งแต่ช่วง 20 กว่าๆ ไปก็ใช้ได้แล้วล่ะ

ความเห็นส่วนตัวคือเซรั่มตัวนี้ดีกว่าสูตรเก่าในหลายแง่มุม ทั้งเนื้อสัมผัส ส่วนผสม และผลที่ได้เราค่อนข้างพอใจเลยนะ คือเป็นเซรั่มตัวแรกของ Biothermที่เรารู้สึกว่ามันเวิคร์ และถ้าใช้ Blue Therapy Accelerated Repairing Serum คู่กับ Life Plankton Essence เราเห็นผลเรื่องคุณภาพผิวโดยรวมที่ดีขึ้นแบบรู้สึกเลยล่ะ ส่วนใครที่ไม่ชอบเนื้อที่ออกจะเคลือบผิวของ Life Plankton Essence ก็ใช้เฉพาะตอนกลางคืนก็ได้ แต่ให้ทำเป็นมาส์กหน้าอย่างที่เราใช้ก็น่าจะโอเคแล้วนะ

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

ข้อดี

– คอนเซปต์ของการต่อต้านโปรตีน Progerin เพื่อชะลอและต่อต้านริ้วรอยก่อนวัยเป็นสิ่งที่ใหม่และน่าสนใจ
– สารสำคัญที่ใช้ดูแลผิวในหลายมิติ ทั้งชะลอ ฟื้นฟู และ เสริมความแข็งแรง ส่วนใหญ่มีข้อมูลจากแหล่งอื่นมาสนับสนุน
– เนื้อสัมผัสบางเบา แต่เคลือบผิว ทำให้ผิวรู้สึกนุ่มละเอียด และไม่เป็นขุยง่าย
– ส่วนตัวรู้สึกว่ามันใช้ดีกว่ารุ่นเดิม

ข้อเสีย

– มีส่วนผสมของน้ำหอม
– มีชิมเมอร์ (ความไม่ชอบส่วนตัว)

***Sponsored Item***

– Biotherm : Blue Therapy Accelerated Repairing Serum