photo BiothermLPE04.jpg

สารสกัดแพลงก์ตอนจากน้ำแร่ร้อนของ Biotherm เป็นสิ่งที่คุ้นเคยกันดีและถูกผสมในทุกผลิตภัณฑ์ของแบรนด์นี้มายาวนาน แต่ในปี 2014 นี้จะเป็นครั้งที่ส่วนผสมสุดพิเศษนี้จะถูกใช้ในความเข้มข้นสูงที่สุดถึง 5% จนสามารถเรียกได้ว่าเป็น Healing Dose ได้เลยทีเดียว!!!

ว่าแต่เจ้าแพลงก์ตอนน้ำแร่ร้อนนี้คืออะไร? ทำไมมันถึงได้มีความพิเศษ? และมีประโยชน์กับผิวอย่างไรบ้างและไมถึงต้อง 5%? มาดูกันดีกว่า…

ps. มีในรูปแบบวีดีโอให้ดูด้วยนะจ๊ะ

 photo BiothermHistory.jpg
Mythical Power in Thermal Water


เมื่อพูดถึงการใช้น้ำแร่ น้ำพุร้อน ในการบำบัดโรคผิวหนังบำรุงผิวพรรณ หลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินผ่านหูมาบ้างเพราะมีการพูดถึงและนำมาใช้กันตั้งแต่สมัยโบราณ แต่การนำแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำแร่ร้อนมาใช้ในการบำบัดโรคหรือบำรุงผิวนั้นกลับเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่เนื่องจากแต่เดิมนั้นนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าในน้ำพุร้อนนั้นไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตใด ๆ ดำรงอยู่ได้ แต่การค้นพบใหม่ ๆ นั้นทำให้เรารู้ว่าสิ่งมีชีวิตสามารถดำรงอยู่ได้ในสภาวะสุดขั้ว ไม่ว่าจะความกดดันสูง ความร้อนสุดโหด หรือในสภาวะที่ไร้ออกซิเจนและแสงแดด

สารสกัดแพลงก์ตอนน้ำแร่ร้อนที่ทาง Biotherm นำมาใช้คือแพลงก์ตอนแบคทีเรียแกรมลบที่มีชื่อว่า Vitreoscilla filiformis สายพันธุ์ American Type Culture Collection 15551 ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดที่ไม่ก่อให้เกิดโรค อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำพุร้อนที่มีแร่ธาตุหลากหลายและเข้มข้น อยู่สภาวะที่มีออกซิเจนน้อยและเต็มไปด้วยกำมะถันที่เป็นพิษกับสิ่งมีชีวิตตามปกติทั่วไป แบคทีเรียสายพันธุ์นี้มีอยู่ในหลายแหล่งทั่วโลก แต่ผลิตภัณฑ์ Biotherm ดั้งเดิมใช้แบคทีเรียตัวนี้จากแหล่งน้ำพุร้อนบนเทือกเขา Pyrenees ในฝรั่งเศส

 photo VitreoscillaFiliformis.jpg
Fermogenesis : Cultivate the Uncultivable



เนื่องจากความเปราะบางของแบคทีเรียสายพันธุ์นี้ การเพาะพันธุ์ Vitreoscilla filiformis เพื่อนำมาใช้ในการผลิตเชิงอุตสาหกรรมนั้นมีความยากลำบากมากและเคยเชื่อกันว่ามันไม่สามารถถูกเพาะขึ้นมาได้ในห้องทดลอง แต่หลังจากที่นักวิจัยของ Biotherm ประสบความสำเร็จในการเพาะเลี้ยงแพลงก์ตอนแบคทีเรียชนิดนี้ด้วยการหมักบ่มทางชีวภาพในปี 1994 ทำให้การศึกษาและการผลิตเครื่องสำอางเพื่อส่งออกเป็นจำนวนมากสามารถเกิดขึ้นได้ และได้สารสกัดที่มีความบริสุทธิ์สูงสุด

กระบวนการเพาะเลี้ยงแพลงก์ตอนแบคทีเรีย Vitreoscilla filiformis นี้เรียกว่า Fermogenesis ซึ่งถือเป็นความลับสูงสุดของ Biotherm ในการเร่งให้แบคทีเรียชนิดนี้แบ่งตัวเร็วกว่าปกติตามธรรมชาติถึง 1,000 เท่า แต่จากข้อมูลในการตีพิมพ์งานวิจัยเมื่อปี 2006 ทำให้พอทราบคร่าว ๆ ว่าแบคทีเรียถูกเลี้ยงในของเหลวที่ประกอบไปด้วยอาหารเลี้ยงเชื้ออย่างน้ำตาลกลูโคส สารสกัดจากยีสต์ เปปโทนและแร่ธาตุหลายชนิด มีการควบคุมสภาพแวดล้อมอย่างอุณหภูมิ ความดัน ค่าความเป็นกรดด่าง และปริมาณของออกซิเจนอย่างเข้มงวด หลังจากกระบวนการหมักบ่มทางชีวภาพได้ที่ เชื้อที่ถูกเพาะจะถูกปั่นแยกเอาเฉพาะส่วนของชีวมวล (Biomass) แล้วนำเอาชีวมวลที่ได้ไปทำการแช่แข็งที่ -20C และทำให้เสถียรพอที่จะนำไปใช้ในเครื่องสำอางด้วยการสเตอริไลซ์ด้วยไอน้ำที่อุณหภูมิ 121C จนได้สาร Vitreoscilla Ferment ที่มีองค์ประกอบของกรดอะมิโน น้ำตาล แร่ธาตุที่มีความคล้ายคลึงกับเซลล์ผิวกว่า 35 ชนิด เพื่อนำมาใช้ผสมในผลิตภัณฑ์ Biotherm

Vitreoscilla Ferment ถูกเรียกด้วยชื่อทางการค้าเดิมว่า Pure Thermal Plankton และถูกปรับชื่อใหม่เป็น Life Plankton ในปัจจุบัน

 photo MnSOD.png
Plankton’s Healing Power Revealed



แม้จะมีตำนานเล่าขานยาวนานนับพันปีถึงสรรพคุณในการบำบัดรักษาโรคผิวหนังของแหล่งนำพุร้อนบนเทือกเขา Pyrenees แต่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ถึงสรรพคุณของแพลงก์ตอนแบคทีเรีย Vitreoscilla filiformis พึ่งถูกศึกษาและและตีพิมพ์อย่างเป็นทางการในปี 2006 ที่ผ่านมา โดยทีมวิจัยของ L’Oreal ฝรั่งเศส ห้องแลป Biotherm ที่โมนาโค และมหาวิทยาลัย Stanford ถึงคุณสมบัติในการกระตุ้นการแสดงออกของ mRNA ของเซลล์ Keratinocytes ของผิวชั้นนอก และในไซลล์ fibroblasts ของผิวชั้นในการสร้าง Manganese Superoxide Dismutase (MnSOD) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่เราผลิตขึ้นในเซลล์ตามธรรมชาติไว้สำหรับจัดการกับอนุมูลอิสระที่ถูกสร้างขึ้นในเซลล์และจากการกระตุ้นจากภายนอก การศึกษาบนผิวหนังของมนุษย์ยังพบว่า Vitreoscilla filiformis หรือ Life Plankton สามารถลดการไหม้ของเซลล์จากการสัมผัสกับรัง UV-B ได้ ซึ่งสอดคล้องกับการที่ผิวสามารถผลิต MnSOD ได้เพิ่มขึ้น

(Source : Induction of the skin endogenous protective mitochondrial MnSOD by Vitreoscilla filiformis extract.)

 photo Atopic.png
Life Plankton 5% “The Healing Dose”

จากการศึกษาภายในของ Biotherm พบว่า Vitreoscilla filiformisหรือ Life Plankton มีสรรพคุณในการลดการระคายเคือง ต้านการอักเสบของผิว จึงเป็นการจุดประกายให้มีการนำ Life Plankton ความเข้มข้น 5% ในการบำบัดปัญหาโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง หรือ Atopic Dermatitis 

แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่เข้าใจถึงสาเหตุของการเกิดโรค Atopic Dermatitis ได้ทั้งหมด แต่ความบกพร่องของปราการผิว​ (Skin Barrier) และความไม่สมดุลของระบบภูคุ้มกันนั้นมีผลอย่างมาก และยังมีทฤษฏีที่บอกว่าความสะอาดที่มากเกินไปทำให้สมดุลของแบคทีเรียที่อยู่บนผิวนั้นเสียไปเนื่องจากผิวหนังของคนเราเป็นที่อยู่อาศัยของแบคทีเรียจำนวนมาก ซึ่งแบคทีเรียชนิดดีที่อาศัยบนผิวนี้จะขัดขวางไม่ให้แบคทีเรียชนิดที่ก่อให้เกิดโรคเข้ามาอาศัยบนผิวได้

การศึกษาในประเทศฟินแลนด์เมื่อปี 2012 ตรวจพบว่าบนผิวหนังของของผู้ที่เป็นโรค Atopic นั้นมีความหลากหลายของแบคทีเรียแกรมลบที่น้อยกว่าในรายที่มีสภาพิวหนังปกติ และมีปริมาณของ Cytokine Interleukin-10 (IL-10) ซึ่งช่วยต่อต้านการอักเสบน้อยกว่าด้วยเช่นกัน การค้นพบนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของแบคทีเรียประจำถิ่นที่มีต่อดุลยภาพของระบบภูมิคุ้มกันบนผิวหนังของเรา

(Source : Environmental biodiversity, human microbiota, and allergy are interrelated.)

การศึกษาในปี 2006 และ 2008 พบว่าการใช้ Vitreoscilla filiformis5% กับผู้ป่วย Atopic Dermatitis ที่ไม่รุนแรง ถึงปานกลาง นั้นให้ผลในการรักษาที่น่าพึงพอใจ การศึกษาเพิ่มเติมที่ตีพิมพ์ในปี 2014 นำเสนอกลไกการทำงานของ Vitreoscilla filiformis ด้วยการส่งสัญญาณไปยัง Dendritic Cell ผ่านทาง Toll-like receptor 2 เพื่อให้ผลิต Cytokine Interleukin-10 (IL-10) มากขึ้น อันเป็นผลทำให้การอักเสบที่เกิดขึ้นจากโรค Atopic Dermatitis ได้รับการบรรเทาลงได้ การศึกษาชิ้นนี้ยังชี้ว่า Vitreoscilla filiformis ยังอาจนำไปศึกษาต่อเพื่อใช้บำบัดโรคที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบของผิวหนังชนิดอื่น ๆ ได้

(Source : Improvement of atopic dermatitis skin symptoms by Vitreoscilla filiformis bacterial extract, Vitreoscilla filiformis biomass improves seborrheic dermatitis., Effects of nonpathogenic gram-negative bacterium Vitreoscilla filiformis lysate on atopic dermatitis: a prospective, randomized, double-blind, placebo-controlled clinical study., Nonpathogenic Bacteria Alleviating Atopic Dermatitis Inflammation Induce IL-10-Producing Dendritic Cells and Regulatory Tr1 Cells., Dermatological Therapy by Topical Application of Non-Pathogenic Bacteria.)

 photo BiothermLPE02.jpg
เกริ่นมาซะยืดยาวแต่ก็จำเป็นในการอธิบายว่าทำไม Biotherm : Life Plankton Essence (125ml , 2,300 THB) ถึงต้องเข้มข้น 5% และทำไมจึงเรียกได้ว่าเป็น Healing Does

จากส่วนประกอบทั้งหมดสิ่งที่อาจจะดูแปลกสักหน่อยคือการเรียงลำดับของ Life Plankton หรือ Vitreoscilla Ferment ที่ดูไม่เหมือนกับจะใส่มา 5% ได้ แต่เมื่อมองย้อนกลับไปในทุกผลิตภัณฑ์ของเขา การเรียงลำดับของส่วนผสมตัวนี้ก็เป็นลักษณะนี้ทั้งหมด (ยกตัวอย่าง Skin Vivo ที่มี Vitreoscilla Ferment 2% แต่เรียงลำดับอยู่ช่วงกลาง ๆ เหมือนกัน) แต่ส่วนตัวคิดว่ามีความเข้มข้น 5% จริงๆ เพราะถ้าไม่สอดคล้องกับสูตรที่ส่งแจ้ง อย. ไป ทาง อย. ไม่น่าจะปล่อยให้คำเคลมเรื่องความเข้มข้นนี้หลุดออกมาได้อยู่แล้ว

นอกจากความเข้มข้นของ Life Plankton ที่มากที่สุดเท่าที่ Biotherm เคยใช้แล้ว ยังมีส่วนผสมของสารสกัดจากองุ่นเป็นแอนติออกซิแดนท์ และ Adenosine ซึ่งใช้เพื่อช่วยในเรื่องของการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและลดเลือนริ้วรอย

Ingredients : Aqua, Glycerin, Maris Aqua, Butylene Glycol, Propylene Glycol, PPG-6-Decyltetradeceth-30, Sodium Chloride, Sodium Hyaluronate, Sodium Hydroxide, Vitis Vinefera Extract, Cellulose Acetate Butyrate, p-Asnic Acid, Adenosine, Ammonium Polyacryldimethyltauramide, Disodium EDTA, Caprylyl Glycol, Vitreoscilla Ferment, Xanthan Gum, Polyphosphorylcholine Glycol Acrylate, Polyvinyl Alcohol, Phenoxyethanol, Linalool, Geraniol, Limonene, Citronellol, Butylphenyl Methylpropional, Benzyl Alcohol, Benzyl Benzoate, Parfum.

 photo BiothermLPE05.jpg
ตัวเบสมีข้อมูลว่าใช้สารให้ความชุ่มชื้นรวมกันมากกว่า 30% ซึ่งรวมถึง Glycerin กับ Glycol ต่าง ๆ และ Sodium Hyaluronate และส่วนผสมของ Maris Aqua ซึ่งเป็นน้ำทะเลสกัดซึ่งใช้เป็นตัวให้ความชุ่มชื้นกับสูตรและกับผิว

เนื้อเอสเซนส์มีความขุ่นและความหนืดเล็กน้อยและต้องเขย่าขวดก่อนใช้เนื่องจากจะมีตะกอนซึ่งคาดว่าเป็นตัว Life Plankton นี่แหล่ะนอนอยู่ก้นขวด สัมผัสที่ได้มีความชุ่มฉ่ำดี เกลี่ยได้ง่าย ไม่ฝืดผิว ส่วนผสม Polyphosphorylcholine Glycol Acrylate เมื่อใช้ร่วมกับ Sodium Hyaluronate จะเซ็ทตัวเป็นไฮโดรเจลฟิลม์เพื่อช่วยเก็บกักอุ้มน้ำไว้บนผิวโดยไม่ทำให้รู้สึกหนืดหรือหนึบเหนียวบนหน้าถ้าใช้ในปริมาณที่แนะนำ

เอสเซนส์ตัวนี้มีส่วนผสมของน้ำหอมแต่ไม่ฉุนมาก แต่กลิ่นที่เด่นแซงหน้ากลิ่นน้ำหอมคือส่วนผสม Vitreoscilla Ferment ที่ออกจะเหม็นตุ่ย ๆ สักหน่อย และได้กลิ่นชัดขึ้นเมื่อผลิตภัณฑ์เริ่มแห้งไปสักพัก ซึ่งส่วนตัวแล้วรับได้เพราะว่าผลิตภัณฑ์ที่ชอบใช้อยู่เป็นประจำหลายตัวกลิ่นก็ไม่ได้ดีกว่านี้ไปสักเท่าไหร่ (ท่องเอาไว้ว่าหวานเป็นลม ขมเป็นยา)

ส่วนตัวมองว่าผลิตภัณพ์ตัวนี้สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว สำหรับผิวที่มันถึงมันมากก็สามารถทดแทนมอซ์เจอไรเซอร์ได้เลยในช่วงที่อากาศร้อนแบบนี้ 

วิธีใช้ทั่วไปคือหยด Life Plankton Essence ประมาณ 5 – 6 หยด หรือขนาดประมาณเหรียญ 5 บาท (ปรับลดหรือเพิ่มปริมาณตามสภาพผิว) ลงบนฝ่ามือ และประคบลงบนผิวหลังจากทำความสะอาดและเช็ดผิวด้วยโทนเนอร์หรือโลชั่นเรียบร้อยแล้ว จึงตามด้วยการใช้เซรั่มหรือทรีตเมนต์ และจบด้วยมอยซ์เจอไรเซอร์หรือครีมกันแดดได้ตามปกติ

นอกจากนี้ยังสามารถนำมาใช้เป็นมาส์กหน้า หรือใช้เป็น After Sun ที่ช่วยลดการอักเสบหรืออาการเบรินของผิวหนังได้เป็นอย่างดี

 photo BiothermLPE06.png
จากประสบการณ์ส่วนตัวปูเป้มองว่า Life Plankton Essence นั้นมีคุณสมบัติที่หลากหลาย นอกจากจะช่วยให้ความชุ่มชื้น ลดการระคายเคืองจากการใช้ยารักษาสิวหรือทำทรีตเมนต์ กดสิว เป็นเหมือนอาหารผิวที่ช่วยให้ผิวปกป้องตัวเองได้ดีขึ้นแล้ว ปูเป้ยังใช้ Life Plankton Essence ทาในจุดที่มีการอักเสบของผิวหนังด้วย เนื่องจากโดยปกติจะเป็นคนที่มีอาการอักเสบและคันได้บ่อยตามจุดข้อพับและมักเผลอเกาตอนที่หลับโดยไม่รู้ตัวจนผิวถลอก ทำให้ต้องตื่นมาทายาในตอนกลางคืน ถ้าไม่ทายาก็จะคันจนนอนต่อไม่หลับ เป็นอุปสรรคชีวิต

ซึ่งหลังจากได้ Life Plankton Essence ตัวทดลองจากห้องแลปมาใช้ได้ไม่นานก็มีอาการนี้เกิดขึ้นพอดี ก็เลยลองเอา Life Plankton Essence ทาบาง ๆ ปรากฏว่าอาการคันและอาการอักเสบ แดงของผิวเริ่มดีขึ้นในเวลาไม่ถึง 30 นาที ตามรูปที่ถ่ายเก็บเอาไว้ คือมันอะเมซิ่งมาก ปัจจุบันแทบไม่ต้องพึ่งยาทาผสมเสตียรอยด์อีกเลยถ้ามันไม่ได้เป็นหนักมากจริง ๆ แค่ทำความสะอาดพื้นผิวเช็ดให้แห้งลูบ Life Plankton Essence ลงไปบาง ๆ ปล่อยไว้สักพักแล้วผิวจะค่อยๆ เป็นปกติเอง

 photo BiothermLPE01.jpg

โดยสรุปแล้ว Biotherm : Life Plankton Essence จะเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่อยู่ในกล่องเครื่องสำอางที่ใช้เป็นประจำอย่างถาวรไปจนกว่าจะมีสูตรใหม่ที่ดีกว่า เพราะเป็นตัวที่ตอบโจทย์ในหลายๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นความเข้มข้นของส่วนผสมหลักอย่าง Vitreoscilla Ferment ที่เข้มข้นที่สุดและหาจากแบรนด์อื่นไม่ได้ แถมมีสรรพคุณมากมาย จะใช้บำรุงผิว ให้ความชุ่มชื้น กระตุ้นคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอย จะใช้แก้ปัญหาผิว ลดการระคายเคือง ลดการอักเสบ รอยแดง อยู่ในรูปแบบเนื้อเอสเซ้นส์ที่บางเบา ไม่รบกวนขั้นตอนการบำรุงผิวดั้งเดิมของตัวเอง และมีกลิ่นที่ยอมรับได้ ไมไ่ด้มีน้ำหอมหนักหน่วงจนเวียนหัว ที่สำคัญคือราคาก็ไม่สูงจนเกินเอื้อม

นาน ๆ ทีจะเจอผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เราตื่นเต้นได้ขนาดนี้ ของเขาดีจริงอะไรจริง ไม่เลิศไม่เลิฟสุด ๆ เราไม่ออกตัวแรงขนาดนี้หรอกนะเออ

สำหรับเรื่องอาการแพ้ ขอบอกว่ายังไงมันก็ยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้ ยังไงก็ขอ Sample มาลองปาด ๆ ดูก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ แบรนด์นี้ไม่หวงแซมเปิ้ล โดยเฉพาะช่วงเปิดตัวนี่แจกแหลก ยังไงลองแวะไปที่เคาน์เตอร์กันดูนะจ๊ะ

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

ข้อดี

Vitreoscilla filiformis มีสรรพคุณที่น่าสนใจหลากหลายในการบำรุงและบำบัดผิว
– ลดการระคายเคืองและการอักเสบของผิวได้
– เสริมการปกป้องตัวเองของผิวตามธรรมชาติ
– เป็นหนึ่งในส่วนผสมเฉพาะไม่กี่ชนิดที่มีการตีพิมพ์การศึกษาอย่างเป็นทางการ
– เนื้อเอสเซนส์ใช้ง่าย เหมาะกับทุกสภาพผิว

ข้อเสีย

– มีส่วนผสมของน้ำหอม

***Sponsored Item***

– Biotherm : Life Plankton Essence