เมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านได้มีงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของ Clinique ซึ่งก็คือ Repairwear Laser Focus Wrinkle & Photodamage Corrector นั่นเอง ภายในงานก็เต็มไปด้วยผู้สื่อข่าว บรรณาธิการความงาม เซเลบริตี้ไปร่วมงานกันอย่างคับคั่ง Blogger อย่างปูเป้ และพี่เก๋ oHLa ก็ได้รับเกียรติไปร่วมงานนี้ด้วย

 

(เดี๋ยวนี้คุณหมอเขาสวย ๆ กันทั้งนั้นเลยเนอะ…)
ในงานก็มีแพทย์หญิงธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง และเวชศาสตร์วัยยุวัฒน์ โรงพยาบาลสมิติเวช ก็ขึ้นมาให้ความรู้เกี่ยวกับการเกิด “ริ้วรอย” และ “วิธีการดุแลสุขภาพ” ให้กับผู้ที่มาร่วมงาน (รายละเอียดตรงนี้ปูเป้เคยพูดไปแล้วในหัวข้อ Blog ก่อนหน้าจึงไม่อยากขอเล่าซ้ำ ไปเปิดอ่านย้อนกันได้เลยนะครับ) นอกจากนี้ก็ได้รับชม VTR ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ออกตัวอย่างแรงว่าเป็นทางเลือกให้ผิวสวยไร้ริ้วรอยโดยไม่ต้องพึ่งการทำเลเซอร์ทรีตเมนต์ อู้ว…. ขนาดนั้นเลยหรอ…

วันนี้ก็เป็นวันดีที่ใช้ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่นี้มาครบ 1 เดือนเต็มไม่ขาดไม่เกินจึงจะมาขอเล่าถึงความประทับใจและแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Clinique : Repairwear Laser Focus Wrinkle & Photodamage Corrector (ราคา 2,500 บาท ปริมาณ 30 ml.) ขวดนี้กันสักหน่อย

“เลิศ” เป็นคำสั้น ๆที่อธิบายถึงผลิตภัณฑ์ตัวนี้ได้ดี เพราะผลิตภัณฑ์กลุ่มมอยซืเจอไรเซอร์และซีรั่มของ Clinique ไม่เคยทำให้ปูเป้ผิดหวังอยู่แล้ว เนื้อซีรั่มนั้นให้ความรู้สึกเย็นฉ่ำเมื่อยามสัมผัสผิว แต่ก็บางเบาแห้งสนิทไปกับผิวอย่างรวดเร็วจึงใช้ได้กับทุกสภาพผิวแม้แต่ผิวที่เป็นสิวง่ายก็ยังใช้ได้เลยล่ะ ทางด้านส่วนผสมนั้นก็มีทั้งวิตามินเอ ซี อี และ สารสกัดจากพืชหลากชนิดที่ช่วยต่อต้านความเสียหายจากปัจจัยลบภายนอกไม่ว่าจะเป็นการระคายเคือง มลภาวะ อนุมูลอิสระ ส่วนผสมของเปปไทด์ก็จะไปช่วยสื่อสารกับเซลล์ผิวทำให้ผิวทำงานดีขึ้นได้จริง

ซีรั่มตัวนี้ใช้ได้ตั้งแต่ยังวัยรุ่นเลยล่ะ เพราะการใช้ผลิตภัณฑืที่มีส่วนผสมดี ๆ แบบนี้ควบคู่กับครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันจะช่วยชะลอการเกิดร้อวรอยอย่างได้ผล สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกิดขึ้นมาแล้วก็สามารถช่วยให้ผิวเนียนนุ่มขึ้นและทำให้ริ้วรอยและจุดด่างดำจางลงได้เมื่อใช้ติดต่อกันเป็นประจำ (แต่แน่นอนว่าคงไม่สามารถทำให้ผิวย้อนกลับไปสวยเด้งราวกลับไม่เคยมีริ้วรอยหรือจุดด่างดำมาก่อนได้ขนาดนั้น)

จากการเช็คข้อมูลพบว่าส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ที่ขายในเอเชียนั้นไม่เหมือนกับที่ขายในอเมริกานะครับ ตัวที่ขายในเอเชียมีเนื้อบางเบากว่า และมีส่วนผสมที่มีประโยชน์เพิ่มขึ้นมาด้วย (หนึ่งในนั้นก็คือ Glycyrrhiza Glabra (Licorice) Leaf Extract ที่ช่วยลดการระคายเคืองและอาจเป็นไวท์เทนนิ่งได้ด้วยนั่นเอง)

Ingredients : Water/Aqua, Methyl Gluceth-20, PEG-75, Bis PEG-18 Methyl Ether Dimethyl Silane, Butylene Glycol, Glycereth-26, Pentylene Glycol, Sigesbeckia Orientalis (St. Paul’s Wort) Extract, Retinyl Palmitate, Glycyrrhiza Glabra (Licorice) Leaf Extract, Plankton Extract, Punica Granatum (Pomegranate) Juice Extract, Arabidopsis Thaliana Extract, Sea Whip Extract, Whey Protein, Pinanediol, Camphanediol, Glycine Soja (Soybean) Protein, Ergothioneine, Pantethine, Acetyl Hexapeptide-8, Caffeine, Micrococcus Lysate, Hydrolyzed Jojoba Ester, Palmitoyl Oligopeptide, Anthemis Nobilis (Chamomile), Linoleic Acid, Betain, Squalane, Sodium Mannose Phosphate, Oleth-3 Phosphate, Oleth-3, Glycerin, Ethylhexylglycerin, Oleth-5, Glyceryl Polymethacrylate, Bisabolol, Choleth-24, Aminopropyl Ascorbyl Phosphate, Hyaluronic Acid, Sodium Hyaluronate, Tocopheryl Acetate, PEG-8, Xanthan Gum, TEA-Citrate, Sodium Carbomer, Disodium EDTA, Phenoxyethanol.

แต่ถามว่าผลิตถัณฑ์ตัวนี้ให้ผลได้เทียบเท่าหรือสามารถทดแทนการทำ Laser ได้รึเปล่า? บอกตามตรงว่าเป็นไปไม่ได้ครับ คิดเอาง่าย ๆ อย่างน้อยผลิตภัณฑืตัวนี้ก็ไม่สามารถรักษารอยหลุมสิวหรือแผลเป็นได้เหมือนกับ Co2 Laser อย่างแน่นอน… แต่ Clinique : Repairwear Laser Focus Wrinkle & Photodamage Corrector หรือซีรั่มที่มีส่วนผสมโดดเด่นชิ้นอื่น ๆ ก็เป็นทางเลือกเบื้อต้นที่คุณจะนำไปใช้ป้องกันหรือบรรเทาปัญหาริ้วรอย ในกรณีที่ความเสียเกินเยียวยาด้วยเครื่องสำอางหรือต้องการฟื้นฟูแบบเห็นผลชัดเจนจริง ๆ ปูเป้ก็ยังคงแนะนำให้คุณปรึกษาแพทย์ผิวหนังเก่งๆ เพื่อทำการรักษาด้วยเลเซอร์อยู่ดีครับ (แน่นอนว่าคุณต้องรับความเสี่ยง ยอมเจ็บตัว และยอมจ่ายแพงด้วยนะ)

PS. ขอบคุณ Clinqiue ที่เชิญปูเป้ไปร่วมงานเปิดตัวนะครับ ในฐานะที่ผมเป็นแฟน Clinique มากว่า 12 ปี… ก็รู้สึกดีใจมากเลยฮะ ;D