วันเวลาผ่านไปเร็วมาก ไม่ทันไรก็ถึงช่วงเวลาแห่ง “ไวท์เทนนิ่ง” กันอีกรอบ ซึ่งปีนี้จะขอเริ่มต้นด้วยแบรนด์แรกอย่าง h2o+ เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งตัวแรกที่ใช้ในปีนี้

 photo h2oWW01.jpg
ใครที่ติดตามข่าวคราวมาเป็นอย่างดีจะพบว่าเมือปีก่อนทางแบรนด์นี้ได้มีการปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ใหม่หมดด้าม ดังนั้นใครอ่านรีวิวกลุ่ม Waterwhite Advanced™ ของปีที่แล้วและพอไปที่เคาน์เตอร์ทำไมขวดไม่เหมือนกันเลยก็ไม่ต้องตกใจไป ผลิตภัณฑ์ทุกกลุ่มยังคงสูตรเดิมแต่ใช้บรรจุภัณฑ์ใหม่ที่สวยขึ้นเท่านั้นเองจ้า

ในปี 2013 นี้ทาง h2o+ ได้มีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Waterwhite Advanced™ ให้ครบขั้นตอนและทุกความต้องการในการดูแลผิวให้มากขึ้นด้วย มาส์กพอกหน้า และทรีตเมนต์เข้มข้นเพื่อผิวขาวกระจ่างใสใน 14 วัน

 photo Biowhite.jpg
ส่วนผสมหลักของไลน์ Waterwhite Advanced อย่าง Asian Brightening Botanicals หรือ Biowhite™ จากบริษัท BASF ซึ่งเป็นสารสกัดจากพืช 4 ชนิด (Morus Bombycis / Vitis Vinifera / Scutellaria Baicalensis / Saxifraga Sarmentosa) นั้นยังคงถูกใช้อยู่ในผลิตภัณฑ์ใหม่เช่นเดิม

ตามมาด้วยส่วนผสมของวิตามินซีในรูปของ Adcorbyl Glucoside ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และขัดขวางการทำงานของเอนไซม์ที่ผลิตเม็ดสี และมีสารสกัดจากสาหร่าย Palmaria Palmata Extract ที่จะไปลดการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase และยังมีคุณสมบัติในการลดการลำเลียงถุงเม็ดสีเข้าไปยังเซลล์ผิวด้วย สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 ชนิดนี้จะมีส่วนผสมที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ 2 ชนิด ซึ่งจะให้รายละเอียดเอาไว้ด้านล่าง

ใครที่สนใจอยากอ่านรายละเอียดว่าส่วนผสมแต่ละชนิดมีประโยชน์อย่างไรบ้าง มีการศึกษาอะไรรองรับไว้ สามารถคลิก “ที่นี่” เพื่ออ่านได้เลยจ้า

 photo h2oWW04.jpg
h2o+ : Waterwhite Advanced™ Brightening Mask (75ml / 1,980 THB)

มาส์กตัวนี้เป็นมาส์กชนิดอุ่น หรือ Self-Heating Mask ด้วยส่วนผสมของ PEG-8 จะปล่อยพลังงานออกมาในรูปของความร้อนเมื่อสัมผัสกับความชื้นหรือน้ำ และตามมาด้วยสารสกัดจากพืช จากสาหร่าย และวิตามินที่เป็นสารไวท์เทนนิ่ง ลดการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส ขัดขวางการลำเลียงเม็ดสีสู่เซลล์ผิว ต้านอนุมูลอิสระ และลดการอักเสบที่เกิดจากรังสี UVB มาในปริมาณที่น่าประทับใจ

 photo SophoraRoot.png
ส่วนผสมที่เพิ่มขึ้นมาคือ Sophora Angustifolia Root Extract ซึ่งหาไม่เจอว่าเป็นสารของบริษัทใดกันแน่ (เพราะมีจำหน่ายเยอะพอสมควร) แต่จากการหาข้อมูลพบว่า สารสกัดจากรากของ Sophora Angustifolia มีคุณสมบัติในการขัดขวางการผลิตเม็ดสีและลำเลียงเม็ดสีไปยังเซลล์ผิว ในขณะเดียวกันก็ยังลดการแสดงออกของโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการผลิตเม็ดสีด้วย สารสกัดตัวนี้ยังใช้กันในเครื่องสำอางจากคุณสมบัติในการลดการอักเสบของผิวด้วยเช่นกัน

(Source : The effects of Sophora angustifolia and other natural plant extracts on melanogenesis and melanin transfer in human skin cells.)

 photo h2oWW05.jpg
มาส์กตัวนี้มีความหนืดพอดูแต่ก็ให้ความชุ่มชื้นดีเพราะเป็นเบส Glycerin วิธีใช้ก็คือหลังจากทำความสะอาดผิวหน้าแล้ว ให้ทามาส์กลงบนผิวหน้าที่เปียกซึ่งจะทำปฏิกิริยากับตัวมาส์กแปรไปเป็นความร้อนที่อุ่นใช้ได้เลยล่ะ ให้ความรู้สึกที่ดีมากขณะใช้ ทางแบรนด์เคลมว่าความอุ่นนี้จะช่วยเปิดรูขุมขนเพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่คั่งค้างออกไป ในขณะเดียวกันก็ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนใต้ผิวให้ผิวดูเปล่งปลั่งมากขึ้น

จากการใช้ส่วนตัวก็ต้องบอกว่ามาส์กตัวนี้ทำให้ผิวชุ่มชื้นในระกับหนึ่ง และดูไบร์ท สดใสขึ้นหลังใช้ ซึ่งอาจเป็นผลจากส่วนผสมของอณูกระจายแสงขนาดเล็กละเอียดที่อัดมาให้เต็มที่ ซึ่งจะหลงเหลือติดอยู่บนผิวหลังจากล้างออก ซึ่งต้องสังเกตกับแสงไฟให้ดีจึงจะเห็นล่ะ

โดยรวมแล้วปูเป้ค่อนข้างถูกใจมาส์กตัวนี้นะ เพราะส่วนผสมดี ฟีลในขณะใช้ก็ดี ผลหลังล้างก็น่าพอใจทีเดียวล่ะ ผลเชิงคอสเมติคในการกระจายแสงและความร้อนในการกระตุ้นผิว เหมาะมากสำหรับการเตรียมตัวไปออกงาน หรือเป็นตัวช่วยสำหรับผิวที่ดูเหนื่อยล้า ซีดเซียว ให้ดูดีขึ้นใน 15 นาที

Ingredients : Glycerin, PEG-8, Butylene Glycol, Dipropylene Glycol, Silica, Morus Bombycis Root Extract, Palmaria Palmata Extract, Saxifraga Sarmentosa Extract, Scutellaria Baicalensis Root Extract, Sophora Angustifolia Root Extract, Vitis Vinifera (Grape) Fruit Extract, Ascorbyl Glucoside, Aqua/Water/Eau, Carbomer, Disodium EDTA, Pentasodium Pentetate, Sodium Metabisulfite, Sodium Sulfite, Triethanolamine, Butylparaben, Ethylparaben, Isobutylparaben, Methylparaben, Phenoxyethanol, Propylparaben, Parfum/ Fragrance, Benzyl Benzoate, Benzyl Salicylate, Lilial/Butylphenyl Methylpropional, Citronellol, Hydroxyisohexyl 3-Cyclohexene Carboxaldehyde, Limonene, Linalool, CI 77019/Mica, CI 77891/Titanium Dioxide.

 photo h2oWW02.jpg
h2o+ : Waterwhite Advanced™ Intensive Overnight Brightening System (1.1 ml x 28 / 4,380 THB)

ทรีตเมนต์ที่ทาง h2o+ ภูมิใจนำเสนอว่าเป็นผลิตภัณฑฺ์ที่เข้มข้นที่สุดในการบำรุงผิวแบบเร่งรัด 14 วัน โดยเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เฉพาะตอนกลางคืน เมื่อเปิดกล่องมาจะพบผลิตภัณฑืทั้งหมด 4 แผง แผงละ 7 แคปซูล แบ่งเป็น Step 1 รวม 14 แคปศูล และ Step 2 รวม 14 แคปซูล ขั้นตอนในการใช้ที่แนะนำคือใช้หลังจากเช็ด Toner หรือ Water Lotion ทา Step 1 ก่อน และค่อยทาตามด้วย Step 2

ส่วนผสมของทั้ง Step 1 และ Step 2 นั้นมีสารบำรุงที่เหมือนกัน สิ่งที่แตกต่างคือส่วนผสมที่ประกอบเป็นเบสครีมนั้นจะเปลี่ยนไปโดย Step 1 นั้นจะมีเนื้อที่เบากว่า และ Step 2 มีเนื้อที่ข้นกว่า

อีกสิ่งหนึ่งที่แตกต่างกันคือ Step 1 ซึ่งเน้นเรื่องการ ‘Hydrate’ นั้นจะมีส่วนผสมพิเศษเพิ้มเข้ามานั่นก็คือ Glycosyl Trehalose และ Hydrogenated Starch Hydrolysate หรือ TORNARE โดยบริษัท Hayashibara ซึ่งเป็นสารกลุ่มน้ำตาลเชิงซ้อนที่ได้มาจากแป้งข้าวโพด มีการศึกษาจากญี่ปุ่น 2 ชิ้นซึ่งให้ข้อมูลว่าสารตัวนี้จะช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้น เรียบเนียน ลดความหยาบกร้าน

(Source : Protective Effects of Tornare on Skin Roughness and Inhibitory Effects on the Production of Inflammatory Molecules by Keratinocyte, Characteristics and cosmetic applications of new suger which mainly contain Glycosyl Trehalose.)

 photo h2oWW03.jpg
ปริมาณ 1.1 ml ต่อแคปซูลที่ให้มานั้นถือว่าเยอะทีเดียวล่ะ เรียกได้ว่าทาได้ทั่วใบหน้่าและลำคอกันเลย ทางแบรนด์บอกว่าให้ใช้เซรั่มหรือมอยซ์เจอไรเซอร์ต่อ แต่โดยส่วนตัวแล้วปูเป้คิดว่าแค่ 2 ชั้นตอน ปริมาณล้นพูนนี้ก็เยอะแล้วสำหรับผิวผสมถึงมันของตัวเอง

ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ปูเป้ใช้ไม่ครบ 14 วัน เพราะว่าปูเป้ใช้แล้วมีอาการคันและมีตุ่มขึ้นบริเวณรอบกรอบใบหน้าที่กำลังมีปัญหาสิวอยู่ เมื่อหยุดใช้อาการเหล่านี้ก็ลดลง ปูเป้จึงบอกไมได้แน่นอนว่าใช้แล้วจุดด่างดำหรือรอยสิวจะจางลงไปไวแค่ไหน แต่ว่าตื่นมทาแล้วผิวรู้สึกว่าชุ่มชื้นและฟูดี

ปูเป้ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดเป็นอาการแพ้ เพราะว่าส่วนผสมของสารบำรุงโดยรวมก็แทบจะเหมือนกับผลิตภัณฑ์ก่อนหน้านี้ที่ปูเป้เคยใช้โดยที่ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนผสมที่เพิ่มขึ้นก็มีอยู่ในมาส์กซึ่งปูเป้ก็ใช้ได้โดยที่ไม่มีปัญหาอะไรเช่นกัน อีกความเป็นไปได้คือช่วงนี้ผิวปูเป้จะค่อนข้างไวกว่าปกติ และผลิตภัณฑ์ตัวนี้อาจจะใส่สารบำรุงมาเข้มข้นกว่าตัวอื่น ๆ จึงเกิดอาการแบบนี้ขึ้นก็เป็นได้

โดยรวมแล้วส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ถือว่าคาดหวังผลได้ แต่ปูเป้คิดว่าราคามันสูงไปหน่อยกับการใช้ได้เพียงแค่ 14 วัน คงจะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์แบบเร่งรัดจนไม่อั้นเรื่องงบประมาณมากกว่า

Step 1: ‘Hydrate’ Ingredients : Aqua/Water/Eau, Butylene Glycol, Glycerin, Hydrogenated Polyisobutene, Pentylene Glycol, Ascorbyl Glucoside, Cetyl Ethylhexanoate, Silica, Diphenylsiloxy Phenyl Trimethicone, Sorbitan Stearate, Dimethicone, Tocopherol, Morus Bombycis Root Extract, Palmaria Palmata Extract, Saxifraga Sarmentosa Extract, Scutellaria Baicalensis Root Extract, Sophora Angustifolia Root Extract, Vitis Vinifera (Grape) Fruit Extract, Behenic Acid, Behenyl Alcohol, Carbomer, Cetyl Palmitate, Citric Acid, Disodium EDTA, Glycosyl Trehalose, Hydrogenated Rapeseed Oil, Hydrogenated Starch Hydrolysate, PEG-25 Stearate, Potassium Hydroxide, Sodium Citrate, Sodium Metabisulfite, Sodium Sulfite, Xanthan Gum, Butylparaben, Ethylparaben, Isobutylparaben, Methylparaben, Phenoxyethanol, Propylparaben, Parfum/Fragrance, Benzyl Benzoate, Benzyl Salicylate, Lilial/Butylphenyl Methylpropional, Citronellol, Hydroxyisohexyl 3-Cyclohexene Carboxaldehyde, Limonene, Linalool.

Step 2: ‘Brighten’ Ingredients : Aqua/Water/Eau, Hydrogenated C6-14 Olefin Polymers, Butylene Glycol, Diphenylsiloxy Phenyl Trimethicone, Glycerin, Cetyl Ethylhexanoate, Ascorbyl Glucoside, Cetyl Alcohol, Dimethicone, Sorbitan Stearate, PEG-45 Stearate, Morus Bombycis Root Extract, Palmaria Palmata Extract, Saxifraga Sarmentosa Extract, Scutellaria Baicalensis Root Extract, Sophora Angustifolia Root Extract, Vitis Vinifera (Grape) Fruit Extract, Tocopherol, Batyl Alcohol, Behenyl Alcohol, Cetyl Palmitate, Citric Acid, Disodium EDTA, Ethylhexylglycerin, Glycerin/Oxybutylene Copolymer Stearyl Ether, Hydrogenated Rapeseed Oil, Palmitic Acid, Potassium Hydroxide, Silica, Sodium Citrate, Sodium Metabisulfite, Sodium Sulfite, Stearic Acid, Triethylhexanoin, Butylparaben, Ethylparaben, Isobutylparaben, Methylparaben, Phenoxyethanol, Propylparaben, Parfum/Fragrance, Benzyl Benzoate, Benzyl Salicylate, Lilial/Butylphenyl Methylpropional, Citronellol, Hydroxyisohexyl 3-Cyclohexene Carboxald.

 photo h2oWW06.jpg
โดยภาพรวมแล้ว สองผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Waterwhite Advanced™ นั้นปูเป้มองว่าเป็น Minor Change คือเป็นการเพิ่มผลิตภัณฑ์และส่วนผสมบางชนิดเข้ามา แต่ไมได้มีการยกเครื่องส่วนผสมหรือใช้นวัตกรรมใหม่หมด แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือการลดการใช้ซิลิโคนลง (ซึ่งหลายคนคงชอบใจ)

ตัวผลิตภัณฑืโดยรวมมีสารไวท์เทนนิ่งที่ทำงานได้เกือบครบวงจร สิ่งที่ขาดไปยังคงเป็นเรื่องของการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งอาจจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอื่นเสริมเข้าไป บรรจุภันฑ์แบบแคปซูลเป็นการบังคับปริมาณในการใช้ต่อครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงที่ออกแบบมามากที่สุด แต่ปูเป้ก็คิดว่าราคาค่อนข้างโดดจากผลิตภัณฑือื่นในกลุ่มเมื่อมองว่าสามารถใช้ได้เพียง 14 วันเท่านั้น สิ่งหนึ่งที่ปูเป้มองว่าแปลกและเป็นเรื่องที่น่าสนใจคือการนำมาส์กแบบอุ่นมาใช้ในกลุ่มไวท์เทนนิ่ง เรียกได้ว่านี่เป็นมาส์กไวทืเทนนิ่งตัวแรกที่เป็นแบบอุ่นเลยก็ว่าได้ และปูเป้ก็ค่อนข้างชอบทีเดียวล่ะ

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้งครับ

ส่วนใครที่สนใจหรืออยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีเคาน์เตอร์ที่ไหน มีโปรโมชั่นอะไร หรือมีกิจกรรมอะไรบ้าง ก็แวะไปที่ Facebook ของ H2O Plus Thailand ได้เลยจ้า

ข้อดี

– ส่วนผสมของสารไวท์เทนนิ่งที่ทำงานเกือบครบวงจร
– บรรจุภัณฑ์รูปแบบแคปซูลนั้นสะอาดและกำหนดปริมาณในการใช้แม่นยำ
– มาส์กแบบอุ่นให้ความรู้สึกดี ส่วนผสมดี และให้ผลหลังการใช้ที่น่าประทับใจ
– แบรนด์นี้มีโปรโมชั่นบ่อยครั้ง

ข้อเสีย

– มีส่วนผสมของน้ำหอมและ Fragrance Component ในทุกผลิตภัณฑ์
– ทรีตเมนต์ 14 วัน คงจะมีสารบำรุงเข้มข้นมาก ผิว Sensitive ควรทดลองก่อน
– ราคาสูง

***Sponsored Item***

– h2o+ : Waterwhite Advanced™ Brightening Mask
– h2o+ : Waterwhite Advanced™ Intensive Overnight Brightening System