photo AirAsiaHKTrip01.png
หลังจากกลับจากทริปของแบรนด์สุดที่รักอย่าง SK-II ที่สิงคโปร์เมื่อวันที่ 9 ช่วงเย็น ๆ ก็ต้องกลับมาแพ็คกระเป๋าใหม่เพื่อเตรียมตัวไปตะลุยฮ่องกงกับ AirAsia ในวันรุ่งขึ้นทันที

ฮ่องกงเป็นประเทศที่ได้ไปปีละครั้งในช่วง 2 – 3 ปี ที่ผ่านมานี้ ซึ่งแต่ละครั้งก็จะพยายามมองหาสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ ร้านอาหาร แหล่งที่ช้อป หรือแม้แต่สินค้าใหม่ ๆ ที่หาไม่ได้ในบ้านเรา

ทริปนี้ก็เป็นทริปที่ใหม่สำหรับเพราะว่าจุดประสงค์หลักคือการไปทำบุญขอพรกับสิ่งศักดิสิทธิ์ยอดฮิตของที่นี่นั่นเอง ซึ่งปกติแล้วเราเองไม่ใช่คนที่จะเข้าวัดทำบุญสักเท่าไหร่ จึงถือเป็นอากาศดีที่จะได้ทำซะบ้างเนอะ

 photo AirAsiaHKTrip02.png

ทริปนี้มีสมาชิกแก๊งค์ Beauty Blogger รวมทั้งหมด 6 คน (น้องทรายหมูน้อยจะตามไปสมทบทีหลัง) ไฟล์ FD 504 ออกเดินทางเวลา 15.35 ซึ่งอาจจะสงสัยว่าทำไมไม่ไปรอบเช้า? คือจริง ๆ ก็มีพี่ ๆ สื่อสายคมนาคมไปรอบเช้สกันก่อนแล้ว แต่แก๊งค์บิวตี้เราลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าจะไปรอบบ่าย เพราะตัวแตก ติดงานกันถ้วนหน้า (ส่วนอิชั้นถ้าบินรอบเช้าคงป่วยตายก่อน เพราะพึ่งบินกลับมาเมื่อตอนเย็นวันก่อน จัดของ แพ็คกระเป๋า เคลียงาน กว่าจะได้นอนก็ดึกแล้ว)

 photo AirAsiaHKTrip03.png

สำหรับอาหารบนเครื่องขาไปนี้เป็น Chicken Lasagna ซึ่งทำรสชาติออกมาได้ดีสำหรับคนที่ชอบเมนูที่มีครีมและชีส ซอสไก่สับก็มีออกเปรี้ยว เค็ม หวาน แต่แผ่นแป้งออกจะนิ่มเละไปเล็กน้อย แต่โดยรวมถือว่าโอเค เรากินจานนี้เกลี้ยงเลย

อีกเมนูคือข้าวเหนียวมะม่วง ซึ่งไม่มีรูปให้ดูเนื่องจากรู้สึกตัวอีกทีคือแกะกินเกือบหมดแล้ว

 photo AirAsiaHKTrip04.png

จากการเช็คพยากรอากาศ เราก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วว่าต้องเจอกับฝน เพราะเขาบอกว่าฝนตก 100% จ้าาาาา นั่งเครื่องผ่านไปได้เกินครึ่งทางเครื่องบินของเราก็ทะยานเข้าสู่ดงก้อนเมฆหนาครึ้ม
ทำให้เห็นภาพที่ตัดกันของแสงอาทิตย์และเมฆที่มืดครึ้มอย่างชัดเจน หลังจากเจอสภาพอากาศแปรปรวนเป็นระยะ ลงเครื่องมาถึงกับเวียนหัว แต่ก็ถึงที่หมายอย่างปลอดภัยดี

ทริปนี้เราไม่ใช้บริการ Data Roaming เลย เพราะว่าช่วงนี้ต้องประหยัดตังค์อย่างรุนแรง เลยซื้อซิมการ์ดของที่ที่นี่ใส่แล้วปล่อย Wifi Hotspot แชร์กัน 3 คน โดยของที่ใช้คราวนี้คือค่าย PCCW ราคา 96HK$ ใช้งานได้ 8 วัน โทรภายในประเทศไม่จำกัด Wifi ไม่จำกัด และใช้งาน Mobile Data ได้ 5 Gb ซึ่งเหลือแหล่ สภาพสัญญาณโดยรวมถือว่าพอใช้ ความเร็วก็พอประมาณ บางจุดอาจมีอืดบ้าง แต่จุดไหนที่เร็วก็ปรู๊ดปร้าดไปเลย ถือว่าโอเคกับเงินที่จ่ายไป

 photo AirAsiaHKTrip05.png

หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปฟาดอาหารเย็นที่ หมู่บ้านชาวประมง Lei Yue Mun เล่ยหยูมุน บริเวณอ่าววิคตอเรีย ซึ่งเป็นแหล่งของทะเลสด ๆ เป็น ๆ มากมายเรียงรายตลอดร้านสองข้างทาง แซมแทรกไปด้วยร้านอาหารที่เราสามารถเลือกซื้อของทะเลสด ๆ มาให้เขาปรุงได้

ร้านที่เราได้มาทานในวันนี้ก็คือ LUNG TANG Restaurant (龍騰海鮮酒樓)

 photo AirAsiaHKTrip06.png

อาหารเมนูแรกที่ได้กินในถิ่นฮ่องกงนี้คือ ปลาหมึกชุบแป้งทอด ซึ่งกินเปล่า ๆ โดยไม่ต้องจิ้มอะไรก็อร่อย เนื้อปลาหมึกหั่นหนาแต่ไม่เหนียว เนื้อนุ่มแต่แน่นมีรสหวานในตัว ตัวเปลือกมีความกรอบเค็มกระตุ้นน้ำลายให้สอเต็มปาก อร่อยมาก ๆ

 photo AirAsiaHKTrip07.png

เมนูต่อไปไม่ได้มีอะไรพิสดาร มันคือกุ้งลวกธรรมดานี่แหล่ะ แต่ด้วยความสดแบบสุด ๆ ทำให้เนื้อมันแน่น เด้ง และหวาน โบนัสคือแกะง่ายมว๊ากกกกก กินเปล่า ๆ ก็อร่อยแล้ว แต่สำหรับนักเปิปชาวไทยใครจะเอาน้ำจิ้มซีฟู๊ดไปเองก็ไม่ผิดนะจ๊ะ

 photo AirAsiaHKTrip08.png

อันนี้ก็เป็นหนึ่งในไฮไลท์เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้กินเป๋าฮื้อที่สดและใหญ่ขนาดนี้ ตัวนึงขนาดเกือบเท่าฝ่ามือ และถึงแม้ชิ้นจะใหญ่หนา แต่เนื้อหอยก็เฟริมแน่นและไม่เหนียว รสหวานธรรมชาติที่ตัดกับน้ำปรุงซีอิ้วที่เค็มหน่อย ๆ

 photo AirAsiaHKTrip07_1.png

อันนี้เป็นเมนูอร่อยที่สุดในมื้อ กั้งทอดกระเทียม ที่ตัวใหญ่มั่กกกกกกกก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องความสดและคุณภาพของเนื้อที่เด้งหวาน อันนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว แต่การทอดกระเทียมที่นี่เด็ดดวงจริงแท้ กลิ่นและสัมผัสของกระเทียมเพิ่มความหอมและรสชาติให้กับตัวกั้งโดยไม่กลบรสชาติของตัววัตถุดิบ ขอกราบงาม ๆ 1 ที

 photo AirAsiaHKTrip09.png

เมนูปูทอดหรือคั่วกระเทียมพริกเกลือ เป็นเมนูที่กินพอเป็นพิธีเราเราไม่มีทักษะในการแกะปู รู้สึกธรรมดากับจานนี้ฮับ

 photo AirAsiaHKTrip10.png

เมนูลอปสเตอร์ผัดเนยอาจจะเลี่ยนไปสำหรับคนที่ไม่ชอบของทำนองนี้ แต่ส่วนตัวกินได้อย่างสบายใจเพราะชอบอยู่ ชรส นม เนย ครีมเนี่ย ก้ามลอปสเตอร์ใหญ่ม๊าก ดึงเนื้อออกมาได้หลุดเป็นชิ้นสวยงามซึ่งการันตีถึงความสดอีกเช่นกัน

 photo AirAsiaHKTrip11.png

อันนี้เป็นหอยเชลล์ตัวใหญ่ที่ลวกก่อน แล้วก็เอาวุ้นเส้นมาวางทับ ราดซ้ำด้วยซอสที่มีกระเทียม เครื่องเทศ ซีอิ้ว ที่ให้รสหอมออกเค็ม ๆ อร่อยใช้ได้เลยล่ะ

 photo AirAsiaHKTrip12.png

เมนูปลาเก๋านึ่งซีอิ้วกินแล้วน้ำตาจิไหลในความสดของเนื้อปลา มันช่างฉ่ำ จุ๊ยซี่ หวานละมุน ไร้ซึ่งกลิ่นคาว น่าเสียดายที่มาเป็นจานหลัง ๆ เพราะเริ่มจะอิ่มแล้ว กินได้ไม่เยอะเท่าไหร่

 photo AirAsiaHKTrip13.png

อันนี้เป็นอีกไฮไลท์กับ หอยงวงช้าง หรือที่อิชั้นเรียกชื่อเล่นติดปากว่า หอยเจี๊ยว ซึ่งสามารถทานได้ทั้งแบบสด ๆ สไตล์ซาชิมิ จิ้มกับโซยุ วาซาบิ หรือจะทานแบบลวดในน้ำซุปก็ได้

เนื้อของหอยเจี๊ยว เอ๊ย หอยงวงช้างจะแบ่งเป็นสองส่วน เนื้อส่วนที่ขาว ๆ จะเป็นส่วนงวงที่ยื่นออกมา ส่วนที่สีคล้ำ ๆจะเป็นส่วนเครื่องในที่อยู่ในเปลือก เนื้อส่วนสีขาวเหมาะจะกินแบบสด แต่ส่วนเครื่องในเอาไปลวกดีกว่า

เนื้อหอยแม้จะกินแบบสดแต่ก็ไม่คาวเท่าไหร่เลย สัมผัสกรึบ ๆ กรอบ ๆ เคี้ยวเพลิน อร่อยดี

แม้วันนี้จะกินเมนูหอยไปหลายอย่าง บางอันกินสด แต่สภาพท้องก็ยังคงคงเป็นปกติ ถือว่าความสด ความสะอาดค่อนข้างดี เพราะเราเป็นคนธาตุเบา กินหอยถ้าไม่สะอาดมากจริง ๆ อีกไม่กี่ชั่วโมงรู้ผล….

 photo AirAsiaHKTrip14.png

หลังจากอิ่มฟินจนพุงแทบระเบิด เราก็มาเช็คอินที่โรงแรมที่พักในครั้งนี้ นั่นก็คือ Holiday Inn Golden Mile ซึ่งอยู่ในย่าน Tsim Sha Shui ติดกับถนน Nathan Road และห่างจากทางขึ้น MTR เพียงข้ามถนนในซอย

ที่พักที่นี่ถือว่ามาตรฐาน แม้จะเป็นโรงแรมเก่า แต่ก็ถือว่าไม่โทรม เตียงมีหมอนให้เลือกว่าต้องการหมอนนุ่ม หรือหมอนแน่น มี Wifi ให้ใช้ฟรีอีกด้วย

คืนนี้เราไม่ได้ไปเดินที่ไหนต่อ อาบน้ำ ทาครีม และมุดขึ้นเตียงนอนเพราะพรุ่งนี้ตารางอันยาวเหยียดมารอคอยเราตั้งแต่ 7 โมงเช้า

PS. กระเป๋าสะท้อนตัวตนของแต่ละคนอย่างชัดเจน

 photo AirAsiaHKTrip15.png

จะมีอะไรต้อนรับยามเช้าในฮ่องกงได้ดีกว่าการทานติ่มซำ? ร้านที่เราไปกินในวันนี้อยู่บริเวณ Tsim Sha Shui East ซึ่งเป็นย่านที่ถมทะเลขึ้นมา ร้านอาหารมีชื่อว่า Paramount Banquet Hall (百樂門宴會廳) ซึ่งอยู่ในชั้นใต้ดินของ South Seas Centre ถนน Mody Road

คุณภาพอาหารและสถานที่อยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ ฮะเก๋ากุ้งตัวใหญ่ โจ๊กหอยเป๋าฮื้อและไก่ก็รสชาติละมุนดี ปอเปี๊ยะทอดไส้เยอะและหอมฟุ้งในปาก ส่วนก๋วยเตี๋ยวหลอดไส้หมูแดงสอบตก เพราะว่าแป้งหนาแต่ไส้น้อยเกินไป

 photo AirAsiaHKTrip16.png

เมนูสุดโปรดของเราก็คือซาลาเปาไส้ไหล ที่นี่ทำไส้ได้ออกมามีรสของไข่แดงเค็ที่กำลังดี ไม่หวานจนเกินไป ถือว่าใช้ได้ ให้ผ่าน

 photo AirAsiaHKTrip18.png

หลังจากอิ่มท้องแล้วก็ไปอิ่มบุญต่อด้วยการไปนมัสการเจ้าแม่กวนอิมที่ Repulse Bay ซึ่งในทริปนี้เรามีพี่โอ๋ แม่หมอคนสวย ที่ให้คำแนะนำในการขอพร การตระเตรียมของไหว้ที่เหมาะกับแต่ละคนโดยดูตามวัน เดือน ปี เวลาเกิดด้วย

จุดแรกเราต้องไปขอพรกับเทพมังกรโดยนำลูกแก้วไปถวาย ของปูเป้ต้องขอพรให้ใจเย็นลง และเก็บเงินให้อยู่

PS. ตอนก้าวข้ามธรณีประตูเข้าบริเวณศาลเจ้า ขาเข้าให้ก้าวเข้ามาด้วยเท้าซ้าย ส่วนขาออกให้ก้าวออกด้วยเท้าขวา

 photo AirAsiaHKTrip17.png

หลังจากนั้นก็ไปขอพรกับเจ้าแม่กวนอิม แล้วก็นำสร้อยมุกจำนวน 9 เส้นไปถวาย โดยจุดที่ถวายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ของปูเป้ให้วางถวายที่บาทซ้ายของเจ้าแม่กวนอิม

ใกล้ ๆ กันนั้นก็มีให้ขอพรกับเทพเจ้าแห่งโชคลาภ โดยให้นำแบงค์ที่มีเลขท้ายลงด้วยเลข 89 และไม่มีเลข 4 ไปลูบจากบนจรดล่าง นำแบงค์พับเก็บใส่กระเป๋าเพื่อขอให้การเงินไหลมาเทมาเข้ากระเป๋าเยอะ ๆ

ps. มีรูปปั้นเทพที่มีเด็กห้อมล้อม เอาไว้ขอพรเรื่องลูกนะฮะ

 photo AirAsiaHKTrip19.png

ตรงอ่าวเยื้อง ๆ กับเจ้าแม่กวนอิม จะมีสะพานต่ออายุ ใกล้กับศาลเจ้า 8 เหลี่ยม วิธีในการขอพรที่สะพานต่ออายุ ให้เดินข้ามสะพาน 3 รอบ โดยในรอบแรกให้ขอพรเรื่องครอบครัว สุขภาพ เดินข้ามรอบสองให้ขอเรื่องการงาน การเงิน และรอบสุดท้ายขอให้พรทั้งหมดที่ขอไปสมปรารถนา

ส่วนศาลเจ้า 8 เหลี่ยมขะเป็นการขอให้เทพแห่งท้องทะเลนำสิ่งไม่ดีออกไปจากตัวเรา

หลังจากที่ขอพรเสร็จแล้ว ก่อนจะเดินออกไป ควรชำระหนี้สงฆ์โดยการบริจาคหรือทำบุญ เพราะถือว่าเรามาขอพรจากสถานที่แห่งนั้นไปแล้ว เราก็ควรจะชำระหนี้ด้วย

 photo AirAsiaHKTrip20.png

หลังจากนั้นก็มาต่อกันที่ วัดกังหัน Che Kung Temple หรือที่คนไทยเรียงกันว่า วัดแชกง เพื่อมาขอพรให้การงานรุ่งเรือง ซึ่งที่นี่จะมีชุดธูปให้เราเลือกซื้อ เริ่มต้นที่ 38HK$ ไปจนถึง 4,000HK$ กันเลยทีเดียว

ที่นี่จะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล พาไปไหว้ฟ้าดิน นำบทสวดให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเข้าไปขอพรในศาลเจ้าด้านใน

 photo AirAsiaHKTrip21.png

+พอเข้ามาในศาลเจ้าก็จะมาขอพรกับท่าน แซกงหมิว องค์ใหญ่ ที่ด้านซ้ายและขวาของท่านจะมีกังหันทองเหลืองอยู่ วิธีการขอพรคือให้ใช้มือขวาปั่นกังหันหมุนตามเข็มนาฬิกา 3 ครั้ง ส่วนใครที่ปีชงพอดีให้ใช้มือซ้ายหมุนกังหันย้อนเข็มนาฬิกา 3 รอบ ก่อนจะใช้มือขวาหมุนกังหันตามเข็มนาฬิกาตามปกติ อีก 3 รอบ หลังจากหมุนกังหันเสร็จก็ตีกลอง 3 ครั้งเป็นอันเสร็จ

ที่นี่ยังมีเทพประจำปีเกิดอีกด้วย ลองเอาปีเกิดตัวเองเดินหาดูได้เลย ส่วนปูเป้เกิดปี 1982 ก็คือเทพองนี้นี่แล

 photo AirAsiaHKTrip22.png

พักทานข้าวกลางวันที่ไหนสักแห่ง เป็นร้านข้างทางแบบที่คนฮ่องกงเขามากินกัน เมนูที่สั่งมาทุกอย่างอยู่ในระดับธรรมดา (ถึงได้ลืมว่ามันคือที่ไหน…)

 photo AirAsiaHKTrip23.png

หลังจากนั้นเราก็เดินทางมาต่อที่วัดอันเป็นที่ขึ้ชื่อของคนไทย วัดพ่อหวังต้าเซียน Wong Tai Sin Temple ซึ่งที่นี่จะมีการกำหนดการจุดธูปไม่เกิน 9 ดอก เนื่องจากบริเวณรอบวัดเต็มไปด้วยตึกสูง ถ้าจุดกันเยอะ ควันเยอะ มลพิษเยอะ รบกวนพื้นที่รอบข้างนะจ๊ะ ที่วัดแห่งนี้จะมีรูปปั้นของ 12 นักษัตรให้เรามาถ่ายรูปคู่กันด้วย

 photo AirAsiaHKTrip24.png

เจ้าพ่อหวังต้าเซียนเป็นที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการขอพรเรื่องสุขภาพ เพราะว่าเจ้าพ่อเป็นเทพที่รู้เรื่องสมุนไพรเป็นอย่างดี อะไรประมาณนี้

 photo AirAsiaHKTrip25.png

นอกจากจะมาขอพรเรื่องสุขภาพแล้ว ที่นี่ยังสามารถมาขอพรเรื่องการเดินทางกับพระถังวัมจั๋ง ขอพรเรื่องการเรียนกับเทพเจ้าขงจื้อ ซึ่งเป็นที่นิยมของนักเรียนชาวฮ่องกงในช่วงใกล้สอบ ขอพรกับเจ้าแม่กวนอิมพันมือที่ทำจากทองคำแท้ หรือขอพรเรื่องความรักกับเทพหยุคโหลว

 photo AirAsiaHKTrip26.png

ปิดท้ายวันแรกด้วยการมาขอพรกับเจ้าแม่กวนอิมที่ Kwun Yam Temple ซึ่งอยู่ใจกลางเมือง มีขนาดเล็ก แต่อัดแน่นไปด้วยควันธูป ดังนั้นจึงได้แค่ขอพรแบบเร่งด่วน และรีบออกมารอด้านนอกเพราะว่าเราแพ้ควันธูปน่ะ…

 photo AirAsiaHKTrip27.png

เรารีบทำเวลากันอย่างดีตลอดทริปเพื่อให้มีเวลาว่าง 1 ชั่วโมง 30 นาทีก่อนเวลาอาหารเย็น จุดหมายของเราในวันนี้คือ Habour City กับร้านมาการองขั้นเทพระกับตำนาน

 photo AirAsiaHKTrip28.png

Pierre Hermé เป็นเชฟชาวฝรั่งเศสที่ได้รับการยกย่องว่ารังสรรค์ Macaron ขั้นเทพด้วยรสชาติที่แปลกแหวกแนว

Macaron เป็นขนมที่ทำจากไข่ขาว + น้ำตาล และอัลมอนด์ป่นละเอียด ประกบด้วยไส้ตรงกลาง แต่เดิมนั้นไส้ของขนมมีไว้เพื่อยึดให้เปลือก Macaron ติดกัน แต่ Pierre Hermé มีแนวคิดที่ว่า ในเมื่อตัวเปลือกนั้นไม่ได้มีรสชาติอะไรนอกจากสัมผัส ความหวาน และสีสัน แต่รสชาติที่แท้จริงนั้นอยู่ที่ไส้ขนมมากกว่า ทำไมเราไม่ใส่ไส้ไปเยอะ ๆ ล่ะ?

และแล้ว Macaron ของ Pierre Hermé ก็ถือกำเนิดและได้รับความนิยมขึ้นมาด้วยไส้ขนมหลากรสและปริมาณที่ล้นสะใจ ปัจจุบันร้าน Pierre Hermé มีสาขาในหลายประเทศ อย่างในอังกฤษ อาหรับอิมิเรต กาต้า ฮ่องกง และญี่ปุ่น

 photo AirAsiaHKTrip29.png

Macaron ของที่นี่บางรสจะมีไส้หลายชั้นที่มีรสต่างกัน ทำให้ได้รสและกลิ่นเป็นชั้นเป็นขั้นเหมือนกับดมกลิ่นน้ำหอมทีจะ Top – Middle – Base

ส่วนรสชาติที่ปูเป้เลือกก็คือ Salted Caramel ซึ่งต้องบอกว่าหอมฟุ้ง อร่อยมากสำหรับคนที่ชอบคาราเมลเข้าสายเลือด

ส่วนค่าเสียหายสนนราคาอยู่ที่ชิ้นละเกือบ 130 จ้า

 photo AirAsiaHKTrip30.png

เดินผ่านร้านช็อคโกแลต Godiva ก็พบเห็ป้ายเมนูใหม่ Godiva Chocolate Soft Serve กับซอฟท์ครีมรสช็อคโกแลตอันเลื่องชื่อของเขา

เนื้อซอทฟ์ครีมเนียนละมุน รสช้อคโกแลตเต็มแน่น ออกหวาน ๆ ขม ๆ เหมาะสำหหรับคนที่รักช็อคโกแลตและซอฟท์ครีมของเราอย่างยิ่ง

 photo AirAsiaHKTrip31.png

ผู้ที่รักขนมหวานอย่างเราฟิน แต่ตูนนี่ที่ไม่อินกับขนมหวานเท่าไหร่บอกว่าหวานไปฮับ

 photo AirAsiaHKTrip32.png

อาหารเย็นในวันนี้พูดถึงแล้วยังขนลุกไม่หาย เพราะ AirAsia จัดหนักให้เรามาฟินแตกกับร้าน Budaoweng Hotpot Cuisine บนชั้น 23 ของอาคาร iSquare Tower ที่อยู่ตรงข้ามโรงแรมเรานั่นเอง

เป็นร้านชาบูแบบประยุกต์นิดหน่อย นำจิ้มมีให้เลือกหลากหลาย แต่ด้วยคุณภาพของเนื้อลายหินอ่อนชิ้นหนาแต่ลวกมาแล้วนุ่มนวล แค่จิ้มซีอิ้วผสมกระเทียมก็ฟินแล้ว งานนี้ซัดแหลกชนิดเจ้าแม่กวนอิมเห็นแล้วต้องหลั่งน้ำตา…

 photo AirAsiaHKTrip33.png

สำหรับคนที่ไม่ทานเนื้อวัว ก็ไม่ต้องเสียใจ เนื้อหมูที่นี่เทพไม่แพ้กัน!!!

 photo AirAsiaHKTrip34.png

ปกติเราจะไม่อินกับเนื้อหมูเวลาทานชาบู โดยเฉพาะกับร้านที่มีเนือวัวดี ๆ แต่หมูร้านนี้อิชั้นยอมเสียพื้นที่ในกระเพาะให้ เพราะมันอร่อยจริง ๆ ลวกกับน้ำซุปข้น เนื้อหมูเด้งนุ่ม แทรกมันแบบพอดี ไม่เหนียวเลยแม้แต่น้อย อร่อย!!!!

 photo AirAsiaHKTrip36.png

ซาชิมิที่นี่ก็สดแจ่ม ปลาแซลมอนลายสวยงาม ชิ้นหนา หวาน อร่อย ฟินนนนน กรี๊ดดดดด!!!!

 photo AirAsiaHKTrip35.png

ที่นี่ก็มีหอยงวงช้างด้วย บอกเลยว่าอร่อยกว่าร้านแรกที่ได้ไปทาน ที่นี่สไลด์ได้บางกำลังดี เนื้อหอยกรอบกรึบ ไม่คาว หวานรสชาติแท้ ๆ ของหอยสด ๆ

 photo AirAsiaHKTrip37.png

ปิดท้ายด้วยขนมจาก Maxim Cafa กับเมนู Mont Blanc ที่ประทับใจทีเดียว ครีมเกาลัดของที่นี่จากที่กินน่าจะใช้เกาลัดมาต้มครีมหรือนมแล้วบด มากกว่าจะใช้เกาลัดกระป๋องหวาน ๆ แบบฝรั่งเศสที่หวานแสบไส้และไม่อร่อยเอาเสียเลยในความรู้สึกของเรา

ในแต่ละคำเราจะได้ทั้งครีมเกาลัดที่ปั่นจนละเอียดและเบา กับวิปครีมที่ฟูนุ่มดุจปุยเมฆ กับเกาลัดเม็ดที่ให้สัมผัสเวลาเคี้ยว และเค้กสปันจ์หอม ๆ ปิดท้ายด้วยสตอรว์เบอรี่ล้างปากเนื้อหวานฉ่ำ

คืนนี้เราตรงดิ่งฝ่าสายฝนกลับเข้าโรงแรม เพราะฝนตกหนักาจนเดินช้อปปิ้งไม่ไหว แถมพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าด้วยแหล่ะ

 photo AirAsiaHKTrip38.png

ตื่นเช้ากับอากาศที่สดใสหลังจากที่ฝนตกกระหน่ำทั้งคืน อาหารเช้าในวันนี้เป็นติ่มซำ แต่ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ คือธรรมดาเกินไปสำหรับมาตรฐานติ่มซำฮ่องกงนะจ๊ะ

แต่เราก็ยังมีเวลาที่ได้เก็บรูปสวย ๆ แบบนี้อยู่นะ

 photo AirAsiaHKTrip39.png

ตารางในวันนี้เราต้องไปที่วัดโปลิน บนเกาะลันเตา เพื่อไปไหว้พระใหญ่ โดยสมัยก่อนจะต้องนั่งรถบัสขึ้นไปใช้เวลาเกือบชั่วโมงบนทางคดเคี้ยวชวนเวียนหัว แต่ปัจจุบันมี Cable Car ซึ่งย่นระยะเวลาเหลือประมาณ 20 นาที แถมได้วิวอันสวยงามจากมุมสูงอีกด้วย

อากาศในช่วงเช้าของวันนี้เย็นสบาย และเมื่อกระเช้าเดินทางสูงขึ้นไปเพื่อข้ามยอดเขา ก็เห็นทะเลหมอกลอยผ่านยอดเขาไป สวยงามมาก เมือนกับเรากำลังนั่งกระเช้าลอยเข้าไปบนสวรรค์เลย

 photo AirAsiaHKTrip40.png

ข้อดีของการมากับแก๊งค์บิวตี้คือเราจะมีภาพหมู่เยอะมากนะครัช

 photo AirAsiaHKTrip41.png

หลังจากลงกระเช้า เดินมาต่ออีก 10 นาทีก็จะถึงบริเวณวัดแล้ว จะเห็นได้ว่าหมอกลงหนามากจริง ๆ ช่วงที่ลงจัด ๆ เราไม่สามารถเห็นสิ่งอยู่ไกลเกิน 50 เมตรได้เลย

 photo AirAsiaHKTrip42.png

ก่อนจะไปถึงองค์พระบนยอดเขาได้ เราก็ต้องเดินขึ้นบันไดนี่ไปก่อน โดยการเดินขึ้นไปให้เราทำสมาธิ ก้าวเท้าซ้ายท่องพุทธ ก้าวเท้าขวาท่องโท ไปเรื่อย ๆ จนถึงยอดเขา

 photo AirAsiaHKTrip43.png

หลังจากเหงื่อไหล่โทรมกายเราก็มาถึงองค์พระใหญ่เทียนถัน (Tian Tan Buddha) พี่โอ๋ให้ปูเป้สวดชินบัญชร 1 บท ตามด้วยคาถาเงินล้านเพื่อเป็นการขอพรกับพระใหญ่แห่งนี้

 photo AirAsiaHKTrip44.png

ขากลับอากาศเริ่มโปร่งขึ้น และหมอกจางลง ทำให้เราได้เห็นวิวขององค์พระบนยอดเขาท่ามกลางป่าไม้สีเขียว กับทะเลและท้องฟ้ากว้างเป็นพื้นหลัง เลถ่ายรูปมาฝาก

อิ่มบุญแล้ว ต่อไปเราจะไปอิ่มท้องกันต่อ

 photo AirAsiaHKTrip45.png

อาหารมื้อสุดท้ายที่ฮ่องกงนี้ถือเป็นการปิดทริปแบบฟินนาเล่ ดีงาม อลังการอย่างถึงที่สุด กับร้าน Lei Garden อันขึ้นชื่อและมีหลายสาขาในฮ่องกง สาขาที่มากินอยู่ในห้าง Elements ไฮโซ ๆ บนสถานี Kawloon พอดีเป๊ะ

เมนูแรกที่ได้ทานทำให้น้ำตาและน้ำลายไหลพรากกับหมูแดงขั้นเทพ!!!

 photo AirAsiaHKTrip46.png

ขอซูมให้เห็นความเทพชัด ๆ กับเนื้อหมูแดงที่ติดมันพองาม เนื้อหมูนุ่มและฉ่ำไม่แห้ง ด้านนอกที่ถูกย่างเกรียมกำลังดีนอกจากจะมีกลิ่นที่หอม รสหวานเค็มกลมกล่มแล้ว ยังมีสัมผัสของเครื่องหมักที่ถูกย่างจนเป็นคาราเมลหนึบๆ เล็กน้อย แค่นึกถึงก็น้ำลายไหล ขนลุก

 photo AirAsiaHKTrip47.png

หมูกรอบที่นี่ช่างเด็ดดวง กับหนังที่กรอบกรุบ ไม่แข็งกระด้าง ไม่เหนียว เคี้ยวง่าย ชั้นไขมันที่ละลายในปาก กับชั้นของเนื้อที่นุ่ม อร่อยมากจริง ๆ

ถือเป็นหนึ่งในหมูแดงและหมูกรอบที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมา

 photo AirAsiaHKTrip48.png

เห็นน้ำซุปมาเสริฟเปล่า ๆ ต่อหน้าอย่านึกว่าธรรมดา ลองซดแล้วดวงตาจะเบิกกว้าง กับรสล้ำลึกที่บรรยายไม่ถูก มันกลมกล่อม คล่องคอ ชวนให้เจริญอาหารอย่างบอกไม่ถูก น้ำซุปนี้ทำมาจากขาไก่ เนื้อปลา ตุ๋นกับพุทราและเครื่องยาจีนอีกหลายชนิด

 photo AirAsiaHKTrip49.png

เป็ดปักกิ่งที่นี่ก็อร่อยดี พนักงานจะทำการแล่และห่อแป้งปาดน้ำจิ้มมาให้เรียบร้อย โดยจะมีการเสริฟสองแบบคือแบบหนังติดเนื้อ และหนังกรอบๆ อย่างเดียว ซึ่งอร่อยทั้งสองแบบ น้ำจิ้มออกหวานแทรกเค็มอ่อน ๆ เป็นรสแบบที่เราคุ้นเคย

 photo AirAsiaHKTrip50.png

เมนูปูทอดกระเทียมของร้านนี้ทำมาได้ดีเลย เนื้อปูอร่อยมาก เสียดายที่แกะปูไม่เป็นเลยกินอย่างทุลักทุเล

 photo AirAsiaHKTrip51.png

มื้อนี้จัดเต็มจริง ๆ จนกินกันไม่ไหว เมนูอีกอันนึงที่แนะนำแต่ไม่มีรูปให้ดูเพราะกินหมดอย่างรวดเร็วจนลืมคือข้าวผัด ข้าวผัดที่นี่ทำออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ข้าวยังคงเป็นเม็ดสวย มีความหนึบซึ่งให้สัมผัสที่พอดี ไม่เลี่ยนน้ำมัน หอมกลิ่นกระทะผัด ควรสั่งถ้าได้มาลองทานที่นี่

เมนูอื่นๆ ก็อร่อย แต่เริ่มอิ่มแล้วจึงกินได้ไม่มากเท่าไหร่

 photo AirAsiaHKTrip52.png

ปิดท้ายด้วยซาลาเปาไส้ไหล ที่นี่ทำรสได้เหมาะกับคนที่ไม่ชอบรสหวาน ไส้จะมีความข้นกว่าร้านอื่น ๆ ที่ทานมา และการทานก็แนะนำให้ทานตอนร้อน ๆ จะได้ไส้ที่ไหลอย่างชัดเจน ถ้าปล่อยให้เย็นหน่อยไส้จะเริ่มข้นขึ้นไม่ค่อยเยิ้มมากแล้วจ้า

 photo AirAsiaHKTrip53.png

ก่อนที่จะไปสนามบิน เรามีเวลา 1 ชั่วโมงนิด ๆ ในการช็อปปิ้งเล็กน้อยแถว Habour City โดยเป้าหมายของเราคือการไปซื้อขนมญี่ปุ่นสุดที่รักใน City Super ซึ่งวันก่อนไม่สามารถซื้อได้เพราะคนต่อคิวยาวเหยียด

โดรายากิไส้หลากรสของ Tenkei อันนี้ได้ลองเมื่อคราวก่อนที่มาฮ่องกง และติดใจกับควาอร่อยของไส้ครีมเมเปิ้ลที่หอมมาก ไส้คัสตาร์ดก็ดี ไส้ช้อคโกแลตก็ใช้ได้ รอบนี้จึงมากวาดหมดเท่าที่มีวางอยู่บนชั้น ตกถุงละร้อยกว่าบาท

อีกอันที่ลองซื้อมากินคือ Calnee Vegips เป็นผักกรอบ ไม่ว่าจะเป็นมันเทศ ฟักทอง หัวหอม อร่อยมาก ๆ แตกต่างจากมันทอด ฟักทองทอดบ้านเราตรงที่เขาหันหนา กินแล้วได้สัมผัส ได้รสเน้น ๆ คราวหน้าถ้าไปฮ่องกงแม่จะเหมาเกลี้ยงหมดชั้น

 photo AirAsiaHKTrip54.png

ในที่สุดก็ถึงเวลากลับบ้าน โดยบินไฟลท์ FD505 ช่วงหัวค่ำ มีการดีเลย์เล็กน้อยเพราะว่าการจราจรหนาแน่นมาก ไฟลท์สารการบินที่อยู่เกทข้างๆ เราดีเลย์หลายชั่วโมงเลย แต่ว่ากัปตันก็เร่งเครื่องเต็มที่ทำให้เวลาถึงไทยไม่ได้เลทกว่าตารางที่กำหนดเท่าไหร่

อาหารบนเครื่องขากลับนี้ได้ลองกินข้าวมันไก่ย่าง ซึ่งอันนี้เฉย ๆ เพราะว่าเรากินข้าวมันไก่ไม่กินน้ำจิ้ม ดังนั้นข้าวมันไก่ที่อร่อยสำหรับเราต้องอร่อยที่ตัข้าวและไก่จริง ๆ ซึ่งก็ไม่ได้หาได้ง่าย ๆ

 photo AirAsiaHKTrip55.png

อันนี้เป็นเมนูไก่อบ ซึ่งส่วนตัวชอบมาก น้ำซอสรสเข้มข้น เป็นรสแบบที่ชอบ แอบมีเผ็ดจาง ๆ แต่ก็ไม่มาก คนไม่ทานเผ็ดอย่างเราทานได้สบาย เมนูนี้ซัดหมดเกลี้ยงจ้า

 photo AirAsiaHKTrip56.png

ทริปนี้เป็นทริปที่แม้จะตารางแน่น แต่ก็ได้ไปทำบุญตามที่ตั้งใจจะไป และอาหารส่วนใหญ่ก็อร่อยมาก ประทับใจ พี่นานาไกด์ของเราก็บริการดี ยิ้มแย้มตลอด และทีมของ AirAsia ก็น่ารักเป็นกันเองกับพวกเรา และที่สำคัญคือเพื่อน ๆ ก๊วนบิวตี้ที่ทำให้ทริปนี้เอนจอยแบบสุด ๆ

ต้องขอบคุณ AirAsia ที่พาไปร่วมทริปที่แสนสนุกกับเพื่อน ๆ ด้วยนะฮะ

PS. รูปของกินและวิวมาจากกล้องของปูเป้ รูปรวมมาจากกล้องของน้องทราย ตูนนี่ และพี่มดฮับ