ถึงแม้จะนานกว่าที่เราคิดแต่ในที่สุดผลิตภัณฑ์ที่เราแนะนำรัว ๆ ไปเมื่อ 5 ปีก่อนก็ปรับสูตรใหม่จนได้ ในปี 2017 นี้ L’Oreal Paris : Youth Code Skin Activating Ferment Pre-Essence (30ml / 699 Baht) ก็คลอดออกมาในที่สุด แต่จะไฉไลกว่าเดิมหรือไม่อย่างไรก็ต้องมาดูกันเป็นข้อ ๆ ดีกว่า

สิ่งที่สังเกตได้อย่างแรกเลยคือการใช้คำว่า Ferment อยู่บนชื่อผลิตภัณฑ์ ต้องบอกว่าในช่วงปีสองปีมานี้การหมักบ่มทางชีวภาพหรือ Fermentation นั้นเป็นเมก้าเทรนด์ของเครื่องสำอางเลยล่ะ กระบวนการ Fermentation ช่วยเปลี่ยนและย่อยสารที่ทำการหมักบ่มไป ปัจจุบันเราสามารถสกัดนำสารที่เกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการหมักบ่มมาใช้ประโยชน์ได้มากมาย กระบวนการหมักบ่มยังมีข้อมูลว่าช่วยลดสารพิษที่อยู่ในสิ่งที่หมักบ่มได้ด้วย ในเครื่องสำอางเราจะเห็นส่วนผสมหมักบ่มมากมาย ในช่วงไม่นานมานี้เราไปเจอส่วนผสมที่สกัดเอาเปปไทด์ที่เกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการหมักกิมจิมาใช้เป็นสารกันเสียในเครื่องสำอางได้และยังให้ความชุ่มชื่นกับผิวได้ด้วย ปูเป้เชื่อว่าเทรนด์ของส่วนผสมหมักบ่มทางชีวภาพจะยังคงมีต่อไปเรื่อย ๆ แบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

(Source : Reduction in antinutritional and toxic components in plant foods by fermentation)

ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดมากที่สุดคงจะเป็นเรื่องของ ราคา ที่สูตรเดิมขายที่ 990 บาท แต่รุ่นใหม่เขาปรับราคาลงเหลือ 699 บาท สอดคล้องกับการที่ตัวผลิตภัณฑ์เองเป็นสิ่งที่ใช้ได้กับทุกสภาพผิวและนำเข้าไปใช้ร่วมกับสกินแคร์ที่มีอยู่ได้ง่าย การตั้งราคาที่เข้าถึงง่ายจะช่วยในการแทรกเข้าไปยังกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น

แต่นั่นเป็นแค่เปลือกนอกที่เราเห็น มาดูกันที่แก่นแท้ของตัวผลิตภัณฑ์กันต่อดีกว่า

Product’s Formula

L’Oreal Paris : Youth Code Skin Activating Ferment Pre-Essence มีการปรับเปลี่ยนนำส่วนผสมเพิ่มเข้าและลดบางตัวออกไปบ้าง แต่โครงสร้างหลักยังคงยืนพื้นคล้ายเดิม

– Bifida Ferment Lysate เป็นส่วนผสมดั้งเดิมที่มีมา และเป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาตั้งชื่อใหม่สวย ๆ ว่า Ferment Essence Complex ส่วนผสมตัวนี้คุ้นหน้าคุ้นตากันดีในหมู่คนที่อ่านส่วนผสมเครื่องสำอาง เพราะมันมีใช้กันนานมากแล้ว แต่ก็พึ่งมีการศึกษาจริงจังเมื่อตอนที่ L’Oreal นำมาใช้ว่าสารสกัดที่ได้จากหมักบ่มแบคทีเรียชนิดนี้ในความเข้มข้น 10% ก็จะช่วยเสริมให้ปราการปกป้องผิวของเราแข็งแรงขึ้น ผิวแห้งน้อยลง และตอบสนองกับสิ่งเร้าที่ทำร้ายผิวจากภายนอกน้อยลง ซึ่งผิวที่แข็งแรงคือสิ่งที่ทุกสภาพผิว ทุกเพศ ทุกวัยล้วนต้องการ และข่าวดี ปูเป้สามารถยืนยันได้เต็มปากว่าผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ใส่ Bifida Ferment Lysate มา 10% เท่ากับที่ใช้ในการวิจัยเลยล่ะ (แต่มันเป็นเอกสารภายใน นำมาเผยแพร่ไม่ได้นะฮะ เอาเป็นว่าเราเห็นแล้วละกัน ไม่งั้นไม่กล้าออกตัวให้หรอก)

(Source : Bifidobacterium longum lysate, a new ingredient for reactive skin.)

– Papain เป็นส่วนผสมใหม่ที่เพิ่มขึ้นมา และเป็นหนึ่งใน Ferment Essence Complex เอนไซม์นี้พบมากในมะละกอและก็มีคุณสมบัติในการสลายโครงสร้างโปรตีน ซึ่งก็มีข้อมูลว่าช่วยในการสลายพันธะที่ยึดระหว่างเซลล์ผิวชั้นหนังกำพร้าได้จึงช่วยผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพให้หลุดออกไป และยังช่วยให้สารต่าง ๆ แทรกผ่านผิวเข้าไปได้ดียิ่งขึ้นจึงถูกใช้เป็นตัวช่วยในระบบนำพาของเครื่องสำอางและยาอยู่บ้าง แต่ก็มีข้อมูลบางส่วนพบว่าเอนไซม์ชนิดก็มีโอกาสที่จะก่ออาการแพ้ได้ในบางรายที่ไวกับส่วนผสมชนิดนี้เช่นกัน

(Source : In vitro safety assessment of papain on human skin: A qualitative Light and Transmission Electron Microscopy (TEM) studyPapain Degrades Tight Junction Proteins of Human Keratinocytes In Vitro and Sensitizes C57BL/6 Mice via the Skin Independent of its Enzymatic Activity or TLR4 Activation)

ข้างกล่องเคลมถึง Ferment Essence Complex ว่าผ่านกระบวนการสกัดระบบอัลตร้าโซนิคจนได้ความบริสุทธิ์เข้มข้นสูง ซึ่งทางแบรนด์ไม่มีข้อมูลให้มามากกว่นี้ และปูเป้ก็ไม่สามารถหาสิทธิบัตรของ L’Oreal ที่โยงข้อมูลได้ แต่ว่ากระบวนการสกัดโดยใช้คลื่นอัลตร้าโซนิคนั้นถูกใช้ในวงการเครื่องสำอางกันมาอยู่แล้ว โดยหลักการง่าย ๆ คือการที่คลื่นความถี่นี้ไปพ้องกับช่วงคลื่นที่ทำให้ผนังเซลล์ของสิ่งที่จะไปสกัดเกิดการแตกออกและทำให้สารที่อยู่ภายในแพร่ออกมาทำให้สามารถสกัดสารที่ต้องการออกมาได้มากขึ้นนั่นเอง ประมาณนี้แหล่ะ

นอกจากเจ้าคอมเพล็กนี้แล้วก็ยังมีส่วนผสมใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาก็คือ

– Ananas Sativus (Pineapple) Fruit Extract หรือสารสกัดจากสับปะรด ซึ่งในสับปะรดมีเอนไซม์ Bromelain ซึ่งเป็นสารกลุ่ม Protease ซึ่งในทางทฤษฏีแล้วก็น่าจะช่วยผลัดเซลล์ผิวได้แต่ว่ามันก็มีข้อมูลน้อยมากเลย แต่ Bromelain ก้เป็นแอนติออกซิแดนท์ได้

– Oxothiazolidinecarboxylic Acid หรือ หรือในชื่อทางการค้าว่า Pro-Cysteine ทาง L’Oréal ได้จดสิทธิบัตรว่าสารตัวนี้สามารถใช้เป็นไวท์เทนนิ่งและช่วยในเรื่องของการผลัดเซลล์ผิวได้ แต่ยังไม่มีข้อมูลการศึกษาจากแหล่งอื่นมาเป็นข้อมูลเพิ่มเติม

(Source : L-2-oxothiazolidine-4-carboxylic acid derivatives and use thereof for skincare Method of depigmenting or bleaching mammalian skin using L-2-oxothiazolidine-4-carboxylic acid)

– Hydrolyzed Soy Protein ถั่วเหลืองมีคุณสมบัติที่ดีมากมาย แต่เราจะเดาว่าสารตัวนี้อาจจะเป็น RIDULISSE C ซึ่งเป็น Oligopeptide ที่สกัดจากถั่วเหลือง เคลมในเรื่องของการทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและลดเลือนริ้วรอย เหตุผลที่ดาว่าเป็นสารตัวนี้เพราะว่ามันถูกใช้ในผลิตภัณฑ์ L’Oreal Paris ในไลน์อื่น และเหตุผลในเรื่อง Economy of Scale การใช้ส่วนผสมที่ต้องสต็อคเพื่อใช้ในผลิตภัณฑ์อื่นอยู่แล้วจะได้เปรียบในแง่ต้นทุนการผลิตด้วย

สำหรับส่วนผสมเดิมที่มีอยู่ในสูตรเก่าและยังคงมีอยู่ในสูตรนี้ก็ได้แก่

– Salicyloyl Phytosphingosine หรือ Phytosphingosine SLC ซึ่งผู้ผลิตสารเคลมถึงเสริมการทำงานของ Skin Barrier ในการกระตุ้นการสร้าง Ceramide เพื่อให้ผิวสามารถเก็บกักความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น ลดการสร้างเอนไซม์ MMP-1 ที่ทำร้ายคอลลาเจนใต้ผิว แถมเสริมการสร้าง Pro-Collagen ด้วย เขาตีพิมพ์ผลการศึกษาของเขาในวารสารทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางเอาไว้ด้วย แต่การที่ผู้ผลิตสารจัดทำการทดสอบเองก็ทำให้มันดูมี Bias ได้เหมือนกัน

(Source : Salicyloyl-phytosphingosine: a novel agent for the repair of photoaged skin.)

– Hydroxyethylpiperazine Ethane Sulfonic Acid มีสิทธิบัตรที่จดไว้โดย L’Oreal ว่าจะไปเสริมการทำงานของ Protease ที่คล้ายกับเอนไซม์ Trypsin ซึ่งช่วยสลาย Desmosome ที่เป็นเสมือนกาวยึดเกาะเซลล์ผิวเข้าไว้ด้วยกัน จึงช่วยเสริมการผลัดผิวตามธรรมชาติ

(Source : Aminosulfonic acid compounds for promoting desquamation of the skin)

– Adenosine ถูกใช้ในเกือบทุกผลิตภัณฑ์ของเขาเลยก็ว่าได้ มีคำเคลมไปตั้งแต่การลดเลือนร้ิวรอย การเสริมพลังงานเพื่อช่วยให้การผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวทำได้ดีขึ้น

(Source : Effects of adenosine 5′-monophosphate on epidermal turnover.)


ส่วนผสมที่ถูกตัดออกไปก็คือ Palmitoyl Oligopeptide และ Palmitoyl Tetrapeptide-7 ซึ่งเป็นเปปไทด์ที่เคลมถึงเรื่องการลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตานะ แต่มันก็ถูกแทนที่ด้วย Oligopeptide ที่สกัดจากถั่วเหลืองแทนแล้ว และก็เคลมถึงเรื่องการลดริ้วรอยเหมือนกัน เราว่าตัวนี้หายไปก็ไม่เป็นไร

โดยรวมแล้วส่วนผสมที่เพิ่มขึ้นจะเน้นในเรื่องของการช่วยเรื่องการผลัดเซลล์ผิวด้วยการบวนการทางเอนไซม์ซะมากกว่าและยังช่วยต้านอนุมูลอิสระได้เป็นของแถม นอกจากนี้ยังพยายามส่วนผสมที่เป็นไวท์เทนนิ่งเสริมมาให้บ้างแต่ไม่ใช่เป้าหมายหลัก รวมกับส่วนผสมเดิมที่เน้นทำให้ผิวมีความแข็งแรง ตอบสนองกับสิ่งเร้าภายนอกน้อยลง ผิวชุ่มชื่นขึ้น และช่วยชะลอการเกิดร้ิวรอยได้


Ingredients : Aqua/Water, Bifida Ferment Lysate, Glycerin, Alcohol, Dimethicone, Hydroxyethylpiperazine Ethane Sulfonic Acid, PEG-20 Methyl Glucose Sesquistearate, PEG-32, Papain, Triethanolamine, Sodium Hyaluronate, Salicyloyl Phytosphingosine, Ananas Sativus (Pineapple) Fruit Extract, Adenosine, Ammonium Polyacryldimethyl Taurate, Disodium EDTA, Propanediol, Hydrolyzed Soy Protein, Caprylyl Glycol, Citric Acid, Xanthan Gum, Oxothiazolidinecarboxylic Acid, T-Butyl Alcohol, Octyldodecanol, Tocopherol, Potassium Sorbate, Sodium Benzoate, Phenoxyethanol, Parfum/Fragrance, Limonene. (F.I.L. B182501/1)

Usage & Result

เนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ดูไม่ต่างจากเดิมนักจากสายตา เมื่อเกลี่ยลงบนผิวแล้วก็ซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย ผิวรู้สึกุ่มชื่นบางเบา สิ่งที่เรารู้สึกไปเองรึเปล่าไม่แน่ใจ แต่เรารู้สึกว่ามันมีความหนึบผิวน้อยกว่าเดิมซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับการเป็น Pre-Essence ที่ใช้ก่อนหน้าเอสเซนส์หรือเซรั่มชิ้นอื่น ๆ กลิ่นยังคงเป็นสไตล์เดิม ๆ แต่ว่าเราโอเคที่กลิ่นติดไม่ทนเท่าไหร่นัก การนำไปใช้ควบคู่กับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่นที่เราใช้อยู่จึงไม่ก่อปัญหาอะไร

สภาพผิวในช่วงที่ลองก็อยู่ในสภาพดีอยู่แล้ว มันไม่ดีขึ้นไปอีกนะ แต่ก็ไม่ได้แย่ลงแม้จะตัดผลิตภัณฑ์ที่เราเคยใช้ก่อนหน้าออกไป ซึ่งเราก็ถือว่าน่าพอใจทีเดียวล่ะ เราพกตัวนี้ไปใช้ที่ฟิตเนสหลังออกกำลังกายและอาบน้ำเสร็จ เราต้องการอะไรที่ง่าย ไม่หนักผิวไป แต่ก็ไม่เบาไปจนทำให้ผิวรู้สึกว่าชุ่มชื่นไม่พอ ทาเป็นเอสเซนส์พื้นฐานแล้วตามด้วยกันแดดที่ไม่เซ็ทตัวแบบแมทสักตัว สบายผิวกำลังดี และครอบคลุมความต้องการพื้นฐานของเราได้

Conclusion

โดยสรุปแล้ว L’Oreal Paris : Youth Code Skin Activating Ferment Pre-Essence ก็ยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจด้วยส่วนผสมที่เข้มข้นและเน้นไปที่ความต้องการพื้นฐานที่ทุกสภาพผิวและทุกเพศทุกวัยต้องการนั่นก็คือการทำให้ผิวชั้นนอกมีความแข็งแรง ต้านทานกับปัจจัยลบที่เข้ามากระทบ ทำให้ผิวชุ่มชื่นมีคุณภาพที่ดีและชะลอการเกิดริ้วรอย เพิ่มเติมเข้ามาคือคุณสมบัติการในช่วยเสริมการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวที่อาจจะเกิดขึ้นช้าลงเมื่ออายุเราเพิ่มขึ้น และแอบพ่วงเรื่องเสริมการเป็นไวท์เทนนิ่งมาเล็กน้อย ส่วนใครที่ต้องการดูแลเรื่องไหนเสริมเป็นพิเศษอย่างริ้วรอยที่มากหน่อยก็ไปใช้พวกเซรั่มที่ช่วยกระชับหรือต่อต้านร้ิวรอยเพิ่มไป ถ้ามีปัญหาเรื่องสีผิวไม่สม่ำเสมอจุดด่างดำก็หาเซรั่มไวท์เทนนิ่งที่เจาะจงเสริมเข้าไปกับการใช้ Youth Code ได้

เอาจริง ๆ ส่วนตัวเราแอบหวังว่าจะมีการปรับในเรื่องของเนื้อสัมผัสมากกว่านี้เพราะในช่วงที่ผ่านมาเครือนี้เขามีเนื้อสัมผัสแปลกใหม่ออกมาเยอะ เราคิดว่าเขาสามารถทำให้มันบางเบากว่านี้ได้โดยยังคงเรื่องการให้ความชุ่มชื่นที่ดีเท่าเดิม (หรือดียิ่งขึ้น) แต่การปรับราคาลงให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นก็ทำให้เราหยวน ๆ ไปได้ เอาเป็นว่านี่เป็นความเห็นของเราเผื่อสำหรับการปรับสูตรในรอบหน้าละกันเนอะ

สรุปสั้น ๆ คือสิ่งดี ๆ ที่เคยมีอยู่ก็ยังคงเดิม เพิ่มเติมคือส่วนผสมใหม่ที่มีประโยชน์กับผิว ที่หายไปก็คือป้ายราคาที่ถูกลงจากเดิม 30%  นี่มันข่าวดีชัด ๆ

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

***Sponsored Item***

  • L’Oreal Paris : Youth Code Skin Activating Ferment Pre-Essence
L’Oreal Paris : Youth Code Skin Activating Ferment Pre-Essence
*คะแนนดาวเรทติ้งจะแสดงผลไม่ถูกต้องหากเปิดอ่านบทความนี้จาก Smart Phones / Tablets*
FORMULA
GENTLENESS
SENSORY
RESULT
PUPE LOVE IT
PROS
  • ยังมีข้อดีจากสูตรเดิมและเพิ่มส่วนผสมใหม่เข้าไป
  • เรารู้สึกว่าเนื้อสัมผัสมีความเหนอะหนะน้อยลง
  • ราคาเข้าถึงง่ายขึ้น
CONS
  • มีส่วนผสมของน้ำหอม
  • ไม่เชิงเป็นข้อเสีย แต่เราคาดหวังการเปลี่ยนแปลงของเนื้อสัมผัส และ ส่วนผสมข้างเคียงที่มากกว่านี้
3.5Overall Score