หลังจากมีคนถามมาเป็นร้อย ๆ ทาง Facebook ว่า Serum ตัวใหม่ของ Neutrogena นั้นโอรึเปล่า? ดีกว่าของเก่าไหม? ปูเป้ก็บอกไปว่าจะทำรีวิวมาตั้งนานแต่ก็ยังไม่ได้คลอดซะที มาวันนี้ฤกษ์งามยามดีได้คลอดรีวิวนี้จนได้ (หวังว่าคงถูกใจหลาย ๆ คน)

ไหน ๆ ก็ลากยาวมานานขนาดนี้จะรีวิว Neutrogena : Fine Fairness Brightening Serum ตัวเดียวก็คงไม่สมกับการรอคอย ก็เลยขอพ่วง Neutrogena : Fine Fairness Overnight Brightening Cream ที่พึ่งออกวางจำหน่ายมาได้สักพักมาแจมเข้าไปด้วย (จะได้ครบไลน์พอดีเนอะ)

ในแง่ของสารบำรุงนั้น Neutrogena : Fine Fairness Brightening Serum (ปริมาณ 30 มิลลิลิตร ราคา 690 บาท) มีการปรับค่อนข้างเยอะเหมือนกัน โดยมีส่วนผสมของ Niacinamide มาเสริมประสิทธิภาพของ Ascorbyl Glucoside ใครที่อ่านรีวิวของ Essence ตัวก่อนน่าจะจำได้ว่าปูเป้บอกว่า Ascorbyl Glucoside ยังไม่มีข้อมูลมากพอที่จะสนับสนุนคุณสมบัติในการเป็นไวท์เทนนิ่ง มีเพียงการศึกษาเดียวเท่านั้นที่ใช้ Ascorbyl Glucoside + Niacinamide ระบุว่าการรวมทั้งสองตัวนี้สามารถเป็นไวท์เทนนิ่งได้ (และใช้เครื่อง Ultrasound ในการเพิ่มประสิทธิภาพด้วย)

หลักการทำงานของสารไวท์เทนนิ่งแต่ละชนิดนั้นไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่าง Ascorbyl Glucoside นั้นจะเข้าไปขัดขวางการสร้างเม็ดสีเมลานิน ส่วน Niacinamide จะเข้าไปขัดขวางการส่งผ่านแคปซูลเม็ดสี ( Melanosome) ไม่ให้เดินทางไปยังเซลล์ผิว นอกจากนี้ยังมีการใช้ Portulaca Oleracea Extract ที่ช่วยลดการอักเสบ (Anti-Inflammation) เพื่อลดการส่งสัญญาณไปกระตุ้น Melanocyte ทำให้เกิดการสั่งผลิตเมลานินที่น้อยลง

(Source : Ultrasound enhanced skin-lightening effect of vitamin C and niacinamide., Insight into skin lightening cosmeceuticals for women of color)

เซรั่มขวดนี้ยังมีสารสกัดและวิตามินอื่น ๆ อยู่อีก ทว่ามีอยู่ในปริมาณที่ไม่มากนัก สารที่ดูจะคาดหวังผลได้จะเป็นสามตัวหลัก ๆ ที่กล่าวมานี้ จริง ๆ แล้วอยากจะบอกว่ามี Retinol อีกตัวท่าจะช่วยเรื่อง Cell Turnover เพื่อช่วยให้เซลล์เก่าที่มีเมลานินสะสมอยู่ถูกผลัดออกไปเร็วขึ้น แต่ก็ยังไม่แน่ใจเรื่องของปริมาณความเข้มข้นที่นอนครับ

Ingredients : Water, Cyclopentasiloxane, Demethicone Crosspolymer, Ascorbyl Glucoside, Ammonium Acryloydimethyltaurate/VP Copolymer, Niacinamide, C-12-15 Alkyl Benzoate, Dimethicone, Nylon-12, Phenoxyethanol, Glycerin, Portulaca Oleracea Extract, Aluminum Strach Octenylsuccinate, Cyclehexasiloxane, Butylene Glycol, Bisabolol, Laureth-23, Sodium Dydroxide, Methylparaben, Sodium Lactate, Polyacrylamide, Laureth-4, Xanthan Gum, BHT, Disodium EDTA, Propylparaben, C13-14 Isoparaffin, Fragrance, Retinol, Sodium PCA, Polysorbate 20, Ascorbic Acid, Propylene Glycol, Ethylparaben, Sorbitol, Laureth-7, Proline, Dipotassium Glycyrrhizate, Hydrolysed Soy Protein, Lilium Candidum Flower Extract.

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงจาก Fine Fairness Essence สูตรเก่าที่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนคือการเปลี่ยนจากเบสโลชั่น มาเป็นเบสซิลิโคนที่นุ่มลื่นผิวที่มีสีเหลืองอ่อน ๆ (สูตรเก่าก็เหลืองเหมือนกัน) ซึ่งตรงนี้บางคนก็อาจจะชอบ บางคนก็อาจจะไม่ถูกใจนัก (เพราะแต่ละคนชอบ Feel ไม่เหมือนกัน) บางคนจะชอบที่รู้สึกว่าผิวเนียนละเอียดขึ้นในทันที แต่บางคนก็อาจจะไม่ชอบหรือรู้สึกว่าการทาผลิตภัณฑ์บางอย่างตามลงไปก็อาจจะเป็นขุยได้ง่ายขึ้น (ซึ่งเป็นเรื่องของการเข้ากันของเนื้อผลิตภัณฑ์ครับ แก้ไขอะไรไม่ได้) กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ไม่ฉุนมาก แต่ใครที่มีผิว Sensitive ก็ควรทดสอบอาการแพ้ควรใช้

ข้อดี

– ส่วนผสมหลัก ๆ สามารถคาดหวังผลในการเป็นไวท์เทนนิ่งได้ (โดยต้องใช้ควบคู่กับยากันแดดเป็นประจำ)
– เป็นขวดปั้มแก้วเคลือบทึบแสงที่เก็บรักษาคุณค่าของสารบำรุงได้นาน
– เมื่อเทียบกับราคาถือว่าไม่แพงเกินไป
– ปราศจากสีและแอลกอฮอล์
– หาซื้อได้ง่าย

ข้อเสีย

– มีส่วนประกอบของน้ำหอม
– ไม่ทราบความเข้มข้นของ Retinol (ถ้าทราบระดับความเข้มข้นที่แน่นอน ยังพอจะบอกได้ว่าตัวนี้หวังผลในเรื่อง Cell Turnover ได้ ซึ่งตรงนี้จะไปอยู่ในข้อดีแทน)

หลังจากทำให้งง ว่ากะจะให้เราทาครีมหรือโลชั่นที่มี SPF ในตอนกลางคืนหรืออย่างไร เพราะในตอนที่ปรับสูตร Fine Fairness มาเมื่อปีที่แล้วนั้นในไลน์นี้ไม่มีมอยซ์เจอไรเซอร์ที่ไม่มี SPF เอาไว้ใช้ตอนกลางคืนเลย แต่ในที่สุดก็มี Neutrogena : Fine Fairness Overnight Brightening Cream (ปริมาณ 50 กรัม ราคา 620 บาท) ออกมาอุดรูโหว่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในแง่ของส่วนประกอบตัวนี้จะมีส่วนผสมของสารบำรุงคล้าย ๆ กับตัว Serum นั่นแหล่ะ เพียงแต่จะมี Niacinamide หนักกว่า คุณสมบัติของสารบำรุงสามารถกลับไปอ่านตัว Serum ได้เลย

อ้อ… อีกเรื่องนึงที่คิดว่าน่าสนใจคือครีมประปุกนี้ปราศจากสารกันเสียกลุ่ม Paraben จึงคิดว่าทาง Neutrogena คงเริ่มหันมาหลีกเลี่ยงสารกันเสียกลุ่มนี้เพื่อตอบสนองตลาดที่เริ่มมีความวิตกกับสารกันเสียเหล่านี้มากขึ้น (ซึ่งส่วนตัวผมยังมองว่ามันเป็นเรื่องกระต่ายตื่นตูมมากกว่า)

Ingredients : Water, Butylene Glycol, Alcohol Denat., C12-15 Alkyl Benzoate, Dimethicone, Glycerin, Isohexadecane, Niacinamide, Cetearyl Alcohol, Behenyl Alcohol, Cetyl Alcohol, Ascorbyl Glucoside, Nylon-12, Polyacrylamide, Aluminum Strach Octenylsuccinate, Cetearyl Olivate, C13-14 Isopaffin, Portulaca Oleracea Extract, Sorbitan Olivate, Stearoxytrimethylsilane, Stearyl Alcohol, Sodium Lactate, Benzyl Alcohol, Cetearyl Glucoside, Stearic Acid, Caprylyl Glycol, Panthebol, Dimethiconol, Sodium Hydroxide, Bisabolol, Chlorphenesin, Fragrance, Tocopheryl Acetate, Titanium Dioxide, Laureth-7, Sodium PCA, Ethylhexylglycerin, Sorbitol, Acrylates/C10-30 Alkyl Acrylate Crosspolymer, Xanthan Gum, Disodium EDTA, Proline, Aesculus Hippocastanum (Horse Chesnut) Seed Extract, Camellia Oleifera Leaf Extract, PEG-12 Demethicone, Lilium Candidum Flower Extract.

ส่วนผสมของตัวเบสนั้นมีแอลกอฮอล์มาเป็นอันดับที่สามเลยนะ ตอนแรกที่อ่านส่วนปะกอบดูแต่ยังไม่ได้ก็ตกใจเหมือนกัน แต่พอเปิดดูเห็นเนื้อครีมก็รู้สึกโล่งไปหน่อย เพราะทาแล้วไม่รู้สึกว่าทำให้ผิวแห้งหรือกร้านขึ้น
จริงๆ เนื้อครีมนี่แหล่ะที่เป็นไฮไลท์ของผลิตภัณฑ์ตัวนี้ เพราะมี Texture ที่ละเอียดและนุ่มมาก (ให้ความรู้สึกเหมือนครีมแพง ๆ เลยอ่ะ) เกลี่ยได้ง่าย ให้สัมผัสที่ดีบนผิว รู้สึกชุ่มชื้นบางเบาและไม่เหนอะหนะ ถ้าทำแบบปราศจากน้ำหอมและอยู่ในขวดปั้มสุญญากาศได้ นี่จะเป็นมอยซ์เจอไรเซอร์ที่น่าสนใจอีกหนึ่งตัวในตลาด Mass สำหรับผู้ที่มีผิวธรรมดา ค่อนไปทางแห้งเล็กน้อย หรือผิวผสมครับ

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั๊ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้งจ้า

ข้อดี

– มีเนื้อสัมผัสที่ให้ Feel ที่ดีทีเดียวล่ะ
– มี Niacinamide และ Ascorbyl Glucoside อยู่พอใช้ได้

ข้อเสีย

– มีส่วนผสมของน้ำหอม
– บรรจุภัณฑ์แบบกระปุกที่ดูไม่ค่อย Hygiene และไม่เป็นมิตรกับส่วนผสมของวิตามินเท่าไหร่