สมัยก่อนตอนเรายังเด็กเวลาที่เราดูหนังสายลับหรือหนังวิทยาศาสตร์ที่เห็นตัวละครมีอุปกรณ์สุดล้ำไฮเทคอย่างนาฬิกาที่สามารถใช้สื่อสารและเป็นเหมือนคอมเพิวเตอร์ขนาดเล็กได้ เราคงคิดว่ามันคงจะดีไม่น้อยที่จะมีของแบบนี้อยู่ในโลกของความเป็นจริงใช่แค่เพียงนิยายหรือในหนังภาพยนต์เท่านั้น

เวลาผ่านไปไม่นานอย่างที่คิด เทคโนโลยีก็สามารถเนรมิตรอุปกรณ์ในจินตนาการเหล่านี้ให้ออกมาเป็นความจริงจนได้

 photo SamsungGearS01.png
เมื่อเดือนก่อนทาง Samsung ให้ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ใหม่ของเขาอย่าง Samsung Galaxy Gear S กับ Note 4 มาให้ใช้คู่กัน เพราะเห็นว่าฟังก์ชั่นหลายๆ อย่างในนาฬิกาฉลาด (Smart Watch) ตัวนี้น่าจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์หลาย ๆ อย่างของเรา

 photo SamsungGearS02.png
เหตุผลหนึ่งที่เขาให้ Samsung Galaxy Note 4 มาให้คู่กับเจ้า Gear S ก็เพราะว่า Gear S จำเป็นจะต้องเชื่อมต่อกับ Smart Phone ของ Samsung บางรุ่นเท่านั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Note 4 (ทำให้เราได้มีโอกาสลองใช้ Note 4 ด้วยเลยทีเดียว)

การเชื่อมต่อกับ Smart Phone นั้นจำเป็นเฉพาะในส่วนของการเชื่อมต่อเพื่อลงทะเบียนเครื่องครั้งแรก และการลง Apps ใหม่ ๆ ให้กับ Gear S เท่านั้น หลังจากนั้นเจ้า Gear S จะสามารถทำงานได้อย่างเป็นอิสระ และเมื่อ Gear S อยู่ใกล้กับ Smart Phone ที่ทำการ Pair หรือผูกกันเอาไว้ มันก็จะทำการ Sync โอนถ่ายข้อมูลที่ Gear S เก็บไว้อย่างเช่นข้อมูลการออกกำลังกายและอื่น ๆ ลงไปบน Smart Phone ของเรา

 photo SamsungGearS04.png
Gear S สามารถใส่ SIM Card ได้ ดังนั้นมันจึงสามารถใช้งานในการรับสาย โทรออก รับ-ส่ง SMS เช็คอีเมลล์ และอีกสารพัดสิ่ง

ซึ่งฟังก์ชั่นตรงนี้ส่วนตัวปูเป้ค่อยไม่ได้ใช้ล่ะ เพราะว่าจะส่งข้อความแป้นพิมพ์มันก็เล็กจนไม่ค่อยสะดวก ส่วนการรับสาย-โทรออกนั้น ก็คือการเปิด Speaker Phone คุยนั่นเอง ไม่เป็นส่วนตัวเท่าไหร่ ไม่ค่อยได้ใช้งานในชีวิตประจำวันหรอก แต่มันจะมีประโยชน์มากในสถาณการณ์ที่เราไม่สะดวกที่จะพกโทรศัพท์ติดตัวไปด้วย อย่างเช่นตอนไปออกกำลังกายในฟิตเนส หรือไปวิ่ง Gear S จะทำให้เราไม่พลาดการติดต่อที่สำคัญ ๆ ของเราเลย นอกจากนี้ในกรณีที่แบตมือถือเราตาย โทรศัพท์หายหรือลืมเอามา นี่ก็จะเป็นเครื่องมือช่วยชีวิตเราได้ในยามฉุกเฉินสำหรับติดต่อคนอื่นได้อีกเช่นกัน

 photo SamsungGearS12.png
และเนื่องจากมันสามารถใช้งาน Data ในการเชื่อมต่อกับ Internet ได้ เจ้า Gear S ก็สามารถรับข้อมูลการแจ้งเตือน หรือ Notification ที่ส่งเข้าไปยัง Smart Phone ที่ทำการ Pair ไว้กับ Gear S ได้ตลอดเวลา แม้ตัวเครื่องจะอยู่ห่างกันคนละจังหวัดหรือแม้แต่คนละประเทศ

 photo SamsungGearS13.png
นั่นหมายความว่า ถ้าสามีคุณมี Smart Phone ของ Samsung แล้วคุณแอบซื้อ Gear S แล้วเอาไป Pair กับมือถือของสามีโดยที่เขาไม่รู้ คุณก็จะสามารถรู้ได้ว่าใครส่ง Line ไปคุยกับสามีคุณว่าอย่างไรบ้าง โดยทุกการสนทนาที่เปิดการแจ้ง Notification เอาไว้ จะเด้งมาถึง Gear S ของคุณแบบ Realtime เลยล่ะคุณ!!!

 photo SamsungGearS14.png
ข้อจำกัดก็คือ Gear S จะดูได้แค่ในส่วนของ Notification เฉย ๆ ไมไ่ด้สามารถเข้าไปดูข้อความสนทนาทั้งหมดได้ ดังนั้นข้อความที่เขาสนทนากันในหน้าต่างจะไม่เด้งมาหา Gear S จะเด้งมาเฉพาะ Notification ที่แจ้งเตือนเมื่อข้อความเข้ามาในตอนที่ไม่ได้เปิดเครื่องเท่านั้นจ้า

ดังนั้นวิธีแก้ตรงนี้ก็แค่ปิด Notification ของ Line เอาไว้ แต่ถ้าสามีคุณโง่เรื่อง IT แล้วล่ะก็เสร็จแน่นอน….

 photo SamsungGearS07.png
ในส่วนของหน้าปัดนาฬิกา ก็สามารถที่จะเลือกได้หลายรูปแบบที่มีให้ในเครื่อง และยังสามารถซื้อแบบใหม่ ๆ ผ่าน Store ของ Gear ได้ด้วย

 photo SamsungGearS08.png
ซึ่งหน้าปัดแต่ละแบบนั้นก็ยังสามารถที่จะปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นให้ตรงกับความต้องการของเราได้อีกด้วย

 photo SamsungGearS09.png
ฟังก์ชั่นหลัก ๆ ที่เราเลือกใช้บ่อยก็คงจะเป็นในหมวดที่ใช้คุณสมบัติในการตรวจจับความเคลื่อนไหวเสียมากกว่า อย่าง Pedometer ที่วัดว่าในแต่ละวันเราเดินไปทั้งหมดกี่ก้าว เป็นระยะทางเท่าไหร่ และสามารถประเมิณจำนวนแคลลอรี่ที่ใช้ไปโดยคำนวณจากข้อมูลของเพศ ส่วนสูง และน้ำหนักที่เราใส่ลงไปด้วย

 photo SamsungGearS10.png
เรายังสามารถย้อนดูได้ด้วยว่าแต่ละวันเรามีการเดินมาก-น้อยแค่ไหน เรายังกำหนดเป้าหมายในแต่ละวันได้ด้วยว่าเป้าหมายในวันนี้เราจะเดินอย่างน้อยกี่ก้าวเป็นต้น

ในโหมดของการออกกำลังกายนั้นเหมาะกับคนที่ออกกำลังกายแบบกลางแจ้ง เพราะว่าใน Gear S มีระบบ Location ที่สามารถระบุและบันทึกเส้นทางที่เราเดิน วิ่ง หรือปั่นจักรยานเพื่อคำนวณระยะทางที่ถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีตัวตรวจจับความสูง เพื่อใช้วัดในกรณีที่ไปทำกิจกรรมประเภทเดินทางชัน ขึ้นเขาได้อีกด้วย ซึ่งตรงนีเราไม่ได้ใช้เนื่องจากเราออกกำลังกายในฟิตเนสเป็นหลักล่ะ

 photo SamsungGearS05.png
อีกฟังก์ชั่นที่ใช้ประโยชน์จากความสามารถในการตรวจจับความเคลื่อนไหว คือการวัดการนอนหลับ โดยถ้าเราใส่ Gear S ในขณะที่เข้านอน มันจะทำการจับการเคลื่อนไหวตลอดทั้งคืน โดยเมื่อตื่นเราจะสามารถเช็คได้ว่าเรามีการเคลื่อนไหวในระหว่างที่เรานอนมากแค่ไหน การเหลื่อนไหวหรือกราฟที่ตกลงมากแปลว่าช่วงนั้นเราอาจจะตื่นขึ้นกลางดึก ซึ่งก็ทำให้เห็นว่าช่วงทีผ่านมาคุณภาพของการนอนเราไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มีการตื่นเป็นระยะหลายครั้ง (ตอนนี้สั่งอาหารเสริมเพื่อช่วยการนอนหลับมาแล้ว)

 photo SamsungGearS11.png
ฟังก์ชั่นที่เราใช้บ่อยในตอนออกกำลังกายคือการวัดการเต้นของหัวใจ เพื่อใช้ดูว่า Heart Rate ของเราถึงเป้าที่จะเบรินไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพรึเปล่า หรือว่าสูงเกินไปจนอาจเป็นอันตรายหรือไม่

Gear S ยังมี UV Sensor ที่มุมขวาล่างของหน้าปัด เพื่อวัดระดับคามเข้มข้นของรังสี UV ซึ่งทำให้เรารู้ว่าเราควรจะใช้ครีมกันแดด SPF เท่าไหร่

 photo SamsungGearS03.png
จากการใช้งานแบบไม่ค่อยได้รับสาย โทรออก หรือฟังเพลง (เพราะรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมาะที่จะใช้ มันไม่ส่วนตัว) การใช้งานของแบตเตอรี่ต่อการชาจเต็ม 1 ครั้งอยู่ได้ราว 2 – 3 วัน

การชาตแบตเตอรี่จะมีอุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่อมาให้ ซึ่งรู้สึกว่าแอบใช้งานยากนิดหน่อย ต้องเล็งหาจุดเพื่อที่จะล็อคได้อย่างแนบสนิท

 photo SamsungGearS06.png
แต่ข้อดีของอุปกรณ์ตัวนี้เป็นเหมือน Power Bank ขนาดเล้กเอาไว้ชาจแบตเตอรี่ได้ในกรณีที่ไม่มีปลั๊กไฟอยู่ใกล้ ๆ ช่วยยืดอายุของ Gear S ได้นานขึ้นอีกหน่อยล่ะ

โดยสรุปจากการใช้งาน เรารู้สึกว่า Smart Watch เป็นอะไรที่มีก็ดีนะ ถ้าเราเน้นฟังก์ชั่นในการใช้งาน มากกว่าในเรื่องของความหรูหราหรือแบรนด์ยี่ห้อ Smart Watch มอบประโยชน์ในการใช้งานมากกว่านาฬิกาทั่วไปอยู่มากโข แต่ถ้ามองในแง่ของดีไซน์ เรามองว่า Samsung Galaxy Gear S ยังมีรูปลักษณ์ที่ไม่ค่อยเข้ากับบุคลิคและการแต่งตัวของเราเท่าไหร่ (เราคิดว่าเราไม่เหมาะกับสีขาว)

ข้อกำจัดในการ pair ได้เฉพาะมือถือของ Samsung แค่บางรุ่นก็เป็นเรื่องที่น่าคิดอ่ะ