THREE Diaphanous Loose Powder (17g. / 1,950 Baht) เป็นแป้งฝุ่นที่ปูเป้ใช้มาอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีตั้งแต่เขาเริ่มเปิดตัวครั้งแรก ปรับสูตร และเพิ่มสูตร เรียกได้ว่าลองมาครบทุกสูตรทุกสีแล้ว ซื้อเองบ้าง ได้มาตอนงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่บ้าง ให้เป็น PuPe’s Favorite มาติดกันรัว ๆ จนเหมือนหวยล็อคเลยก็ว่าได้

พอดีทาง THREE เห็นว่าปูเป้ชอบผลิตภัณฑ์ตัวนี้ก็อยากให้ปูเป้รีวิวแป้งฝุ่นตัวนี้ให้เขาหน่อย แต่ครั้นจะให้เรามารีวิวผลิตภัณฑ์กลุ่มเบสเมคอัพโดยที่เราก็มีประสบการณ์ในด้านนี้น้อยก็กระดากใจ และเมคอัพเป็นเรื่องที่ดูจากผลเชิงคอสเมติคมากกว่าที่ส่วนประกอบ ดังนั้นปูเป้จะขอมาแชร์ประสบการณ์ว่าทำไมปูเป้ที่เป็นสายสกินแคร์ถึงใช้แป้งฝุ่นตัวนี้ และมันตอบโจทย์เราอย่างไร ทำไมถึงได้ชอบใจนัก

Loose Powder is a MUST HAVE in every skincare routine

“แป้งฝุ่นควรเป็นหนึ่งใน Skincare Routine ของทุกคน” แม้ว่าแป้งฝุ่นจะห่างไกลคำว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมากแต่จากประสบการณ์ปูเป้บอกอย่างเต็มปากว่ามันจำเป็นจริง ๆ นะ เพราะว่าหลายครั้งที่เราลงผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ลงผลิตภัณฑ์กันแดดเสร็จแล้ว ผิวจะดูเงาเลื่อมเกินพิกัดของคำว่าดิวอี้ และยิ่งในอากาศบ้านเราที่ร้อนชื้นแบบนี้ออกไปข้างนอกได้สักพักเดียวหน้าจะเยิ้มเหนอะจนน่ารำคาญ แต่ครั้นจะใช้กันแดดหรือสกินแคร์ที่เซ็ทตัวแบบแมทแห้งเป็นแป้งนวลเนียนผิว ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะใช้อะไรแบบที่ว่ามาได้โดยไม่มีปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในวัยเลข 3 อัพที่ผิวเริ่มขาดน้ำแห้งกร้านได้ง่ายมากกว่าเดิม ใช้อะไรคุมมันหรือแห้งแมทติดต่อกันแล้วพบกันเจอความบรรลัยของหนังหน้ากันก็มีไม่น้อย แต่ปัญหานี้แก้ไม่ยาก ก็แค่ใช้สกินแคร์และกันแดดที่เหมาะกับผิวของเรา ถึงจะแอบมันหรือวาวไปนิดหลังใช้ก็ไม่เป็นไร เราใช้แป้งฝุ่นตบกลบความเงาวาวได้

ทีนี้แป้งฝุ่นแต่ละตัวก็มีคุณสมบัติที่ต่างกัน แป้งฝุ่นขายดีเหมือนแจกฟรีหลายตัวโด่งดังในคุณสมบัติในการคุมความมันหรือดู Matte ได้ยาวนาน แต่นั่นไม่ใช่คุณสมบัติที่ปูเป้ต้องการเท่าไหร่ เพราะเราไม่ชอบหน้าแมท ๆ เพราะเราคิดว่ามันดูไม่เป็นธรรมชาติ เนื่องจากผิวตามธรรมชาติของเรามันจะมีความวาวเล็กน้อย ต้องดูชุ่มชื่น มีน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวพองาม งานผิวแมท ๆ ราวพอชเลนนั้นอาจจะจำเป็นสำหรับงานหรือโอกาสต่าง ๆ เช่นการถ่ายรูปหรืองานอะไรที่ต้องอยู่กับแสงไฟ พิธีกร หรืออะไรพวกนี้  แต่ในชีวิตประจำวันใครถ้าไม่ต้องเจอแบบนั้นหรือจำเป็นต้องใช้หน้าเพื่อการนั้น เราคิดว่ามันไม่จำเป็นเลยล่ะ

คือเราต้องเข้าใจว่าผิวของเราจะสุขภาพดีแข็งได้ต้องมีสมดุลของความชุ่มชื่นและน้ำมันที่ลงตัว การที่หน้าเรามันม๊ากกกกกกกกกอาจเป็นสัญญาณหนึ่งที่บอกว่าสมดุลของเรากำลังเสียไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่มีการขับน้ำมันผิวออกมาเยอะแต่ความชุ่มชื่นของผิวต่ำเตี้ยเรี่ยดิน (เรียกง่าย ๆ ว่าผิวขาดน้ำ) การพยายามเอาน้ำมันออก ซับมันบ่อย ๆ หรือหาอะไรที่คุมมันยาวนานกลับยิ่งทำให้ปัญหาแย่ลง เพราะนอกจากจะให้ความชุ่มชื่นไม่พอแล้ว ใช้ผลิตภัณฑ์คุมมันมาก  ๆ จะยิ่งทำให้ผิวแห้งลงไปใหญ่ สุดท้ายผิวเลยยิ่งพยายามผลิตน้ำมันมากขึ้นแต่ผิวข้างในก็กร้านไม่สดใสไม่อิ่มเอิบ ดังนั้นหลังใช้สกินแคร์ที่ให้ความชุ่มชื่นบำรุงที่เหมาะกับความต้องการของผิวการเลือกแป้งฝุ่นที่เพียงการลดความเงาวาวส่วนเกินที่ไม่ต้องการออกไป คงความเป็นธรรมชาติ กลืนเป็นหนึ่งเดียวกับผิว และเพียงแค่พ่นสเปรย์น้ำแร่และซับหน้าด้วยทิชชู่ในระหว่างวันก็ทำให้ผิวหน้ากลับมาผ่องสดใสเหมือนตอนพึ่งโบ๊ะหน้าเสร็จออกมาจากบ้าน จึงเป็นเป้าหมายที่ปูเป้ต้องการ และใครที่มีความต้องการเหมือนกันนี้แล้วล่ะก็ นี่น่าจะเป็นตัวเลือกที่คุณลองพิจารณาดู

THREE : Diaphanous Loose Powder

THREE Diaphanous Loose Powder ปูเป้ชอบตาข่ายกรองแป้งที่ละเอียดกำลังดีและยืดหยุ่นซึ่งให้แป้งในปริมาณที่ไม่มากหรือน้อยเกินไป รวมไปถึงพัฟที่นุ่มแน่นสบายผิว เนื้อแป้งเบาบางกระจายกับผิวได้ดี ส่วนตัวไม่เจอปัญหาแป้งตกร่องผิวนะ  ปัจจุบันมีทั้งหมด 3 สูตร ได้แก่ Glow กับ Translucent และ Colorless โดยแต่ละสูตรมี 2 เบอร์ให้เลือกตามโทนสีผิว

Glow

Glow เป็นสูตรที่มีชิมเมอร์ที่ละเอียดมากแต่มองแทบไม่เห็นเวลาทาลงบนหน้า ตัวนี้เวลาที่น้ำมันบนผิวหลั่งออกรวมตัวกับแป้งที่ลงในระหว่างวันผิวจะดูโกลว์ดีทีเดียวล่ะ

 

Translucent

Translucent เป็นสูตรที่ออก matte ที่สุดแล้วในบรรดาทั้งสามสูตรที่เขามี แต่ก่อนที่จะมีสูตร Colorless นี่จะเป็นสูตรที่เราใช้ตอนช่วงอากาศร้อนชื้นมาก ๆ

 

Colorless

Colorless เป็นสูตรที่ออกมาหลังสุดและเป็นสูตรที่ให้ความโปร่งบางกว่า Translucent และคงความเป็นธรรมชาติมากที่สุด
ปัจจุบันปูเป้ใช้สูตร Colorless เพราะมันตรงกับสภาพผิวของตัวเองมากที่สุดคือเป็นคนผิวผสมที่ตรงแนวกรามและแก้มจะแห้งกร้านได้ง่าย ถ้าใช้ Translucent ตรง T-Zone จะโอเคดีแต่ตรง U-Zone จะดูกระด้างไป แต่ถ้าใช้ Glow จะต้องซับหน้าตรง T-Zone ในระหว่างวันบ่อยกว่าใช้สูตรอื่น Colorless เป็นอะไรกลาง ๆ ที่พอเหมาะกับตัวเองในตอนนี้ แต่สำหรับใครที่มีสภาพผิวที่ต่างจากตรงนี้ รวมไปถึงความชื่นชอบของเอฟเฟคพื้นผิวที่อยากได้ ก็ต้องไปลองจิ้ม ๆ กันดูที่เคาน์เตอร์ก่อนตัดสินใจซื้อล่ะ

วิธีการใช้ก็คือใช้หลังสกินแคร์และครีมกันแดดแล้ว เป็นไปได้ปูเป้อยากจะให้ทุกคนรอกันแดดเซ็ทตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะรอไหว เพราะบางทีกันแดดที่เราทาลงไปจะเริ่มเซ็ทตัวดูเงาวาวน้อยลงเมื่อเวลาผ่านไปสัก 2-5 นาที ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้แป้งมากไปเดี๋ยวผิวจะยิ่งดูแห้งเป็นแป้งมากขึ้นโดยไม่จำเป็น (ในระหว่างที่รอให้กันแดดหน้าเซ็ทตัวเราอาจจะใช้เวลาตรงนี้ทากันแดดที่แขน ขา หรือจุดที่ต้องสัมผัสแสงแดดอื่นๆ  ไปจะได้ไม่เสียเวลาเปล่า ๆ)

ในรูปปูเป้ใช้ THREE : Diaphanous Loos Powder สูตร Colorless เบอร์ 01 แบบลงแป้งเสร็จปุ๊ปถ่ายรูปปั๊ปเลย หลังจากนั้นก็จะะพ่นสเปรย์น้ำแร่ หรือ สกินแคร์แบบสเปรย์ที่ละอองละเอียดมาก และใช้ทิชชู่ซับกดเบา ๆ เพื่อให้แป้งรวมเป็นหนึ่งเดียวกับผิว จะเห็นได้ว่าความเป็นละอองแป้งบนผิวหายไป แป้งหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับผิวแล้วและเป็นธรรมชาติมาก

ซูมให้เห็นงานผิวว่าก่อนกับหลังลงสกินแคร์ ลงแป้งฝุ่น ตามด้วย สเปรย์มิสต์และกดซับเบา ๆ ด้วยทิชชู่ ให้พื้นผิวที่เป็นธรรมชาติมากขนาดไหน

ในระหว่างวันปูเป้ถ้ารู้สึกว่าหน้าเริ่มเงาวาวหรือมันมากเกินงามแล้วก็ ปูเป้จะไม่ใช้กระดาษซับมันหรือแผ่นฟิลม์ซับมันเลย (ไม่ใช้มาหลายปีแล้วเพราะรู้สึกว่าใช้แล้วผิวยิ่งผลิตน้ำมมันมากกว่าเดิม) จะใช้เพียงทิชชู่กดซับเบา ๆในจุดที่ต้องการและพ่นสเปรย์น้ำแร่หรือสกินแคร์แบบสเปรย์ที่ละอองละเอียดลงไปอีกครั้งและใช้ทิชชู่ซับออกเบา ๆ เพียงเท่านี้ผิวก็รู้สึกสดชื่น สดใสแล้ว (แต่ถ้าไม่ได้ต้องการวับเอาความเงาวาวออก การใช้สเปรย์น้ำแร่หรือสเปรย์บำรุงผิวนั้นไม่จำเป็นต้องซับออก พ่นลงบนผิวให้พอประมาณ อย่าเยอะจนไหลเยิ้ม แล้วปล่อยให้มันแห้งได้เลย)

 

ก็หวังว่าสายสกินแคร์หรือใครที่สนใจแป้งฝุ่นที่ดูเป็นธรรมชาติและมีหลายสูตรที่เหมาะกับสภาพผิว รวมไปถึงผลเชิงคอสเมติกที่ต่างกันจะถูกใจกันไม่น้อยสำหรับแป้งฝุ่นในดวงใจของปูเป้อันนี้นะฮะ