เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาทาง Bioderma ส่งผลิตภัณฑ์กลุ่ม Atoderm มาให้ชุดใหญ่เพราะว่าเขาพึ่งนำเข้าผลิตภัณฑ์อาบน้ำแบบขวดลิตรขนาดใหญ่บึ้มในราคาสุดคุ้มมาจำหน่ายครับ ปูเป้ก็ลองใช้ไปแบบชิล ๆ และอยากจะมาแชร์ข้อมูลและบอกเล่าความรู้สึกและเห็นส่วนตัวกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้อ่านกัน

ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Atoderm นี้ออกมาแบบมาเพื่อคนที่มีปัญหาผิวธรรมดาถึงแห้งที่มีแนวโน้มจะอ่อนแอหรือระคายเคืองง่าย ไม่ว่าสาเหตุจะมาจากพฤติกรรม (การสัมผัสสารระคายเคือง การเกาและถู หรือการเจอสภาพแวดล้อมที่แห้ง) หรือมาจากกรรมพันธุ์ (ปัญหาโรคผิวหนังอักเสบ จากการที่ร่างกายมีความบกพร่องในการผลิตโมเลกุลที่จำเป็นต่อการสร้างชั้นผิวที่สมบูรณ์) 

โดยส่วนตัวปูเป้เป็นคนที่มีผิวปกติดี แต่เมื่ออายุเยอะขึ้นผิวจะมีความต้านทานต่ำลงและแห้งขาดความชุ่มชื้นง่ายขึ้นซึ่งสำหรับผิวหน้านั้นเริ่มรู้สึได้ตั้งแต่ 30+ เป็นต้นมา แต่สำหรับผิวกายนั้นปุเป้คิดว่าตอนที่ตัวเองอายุแตะเลข 4 นั้นเห็นชัดมากครับ แต่เดิมเป็นคนที่ไม่ทามอยซ์เจอไรเซอร์บำรุงผิวตัวก็อยู่ได้ แต่ตอนนี้ถ้าไม่ทามอยซ์เจอไรเซอร์บำรุงผิวกายจะแห้งจนคันเลย  ทำตอนนี้ก็เลยต้องให้ความสำคัญกับมอยซ์เจอไรเซอร์บำรุงผิวกาย รวมไปถึงการปรับเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่ต้องอ่อนโยน คงความชุ่มชื้นได้มากขึ้น ซึ่ง Bioderma : Atoderm Huile De Douche คู่กับบาล์มบำรุงผิวของเขาก็ตอบโจทย์ครับ

Bioderma : Atoderm Huile De Douche (100ml / 470 BAHT , 1,000ml / 1,250 BAHT) อันนี้แม้ชื่อจะระบุว่าเป็นลักษณะของ Cleansing Oil / Shower Oil แต่ตัวสูตรมีความเป็นเจลอาบน้ำสูตรอ่อนโยนสุด ๆ มากกว่าออยล์อาบน้ำที่ใช้เบสเป็นน้ำมันพืชผสมกับอิมัลซิไฟเออร์ครับ

สารทำความสะอาดในนี้เกือบทั้งหมดเป็นสารทำความสะอาดชนิดไม่มีประจุ (nonionic) ซึ่งตัวหลักคือ  PEG-7 Glyceryl Cocoate ที่มีลักษณะและกลิ่นคล้ายน้ำมันมะพร้าว จึงทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์และสัมผัสมีความคล้ายออยล์ แต่ล้างออกง่ายกว่าออยล์ และคงความอ่อนโยนและความชุ่มชื้นกว่าสารทำความสะอาดสังเคราะห์ที่เป็นประจุลบในเจลอาบน้ำทั่วไปครับ นอกจากนี้ในตัวสูตรยังมีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้น กับส่วนผสมของ Niacinamide และ Mannitol + Xylitol + Rhamnose + Fructooligosaccharides ที่น่าจะเป็นเทคโนโลยี Skin Barrier TherapyTM ที่ทางแบรนด์เคลมไว้ด้วย

ให้นึกภาพว่าตัวนี้เป็นทางเลือกที่อยู่ตรงกลางระหว่าง Shower Oil กับ Shower Gel ครับ ดังนั้นสำหรับคนที่มีผิวค่อนข้างแห้ง ใช้เจลอาบน้ำปกติแล้วรู้สึกว่าทำให้ผิวแห้งไป แต่ใช้ออยล์อาบน้ำก็รู้สึกว่าลื่นผิว ลื่นพื้น หรือหนักมากไป Bioderma : Atoderm Huile De Douche จะเป็นอีกตัวเลือกที่น่าจะตอบโจทย์ในส่วนนี้

โดยรวมป็นตัวที่ใช้ได้กับสภาพผิวที่หลากหลายครับ แน่นอนคนที่มีปัญหาผิวแห้ง คัน ลอก หรือผิวอักเสบ ตัวนี้ก็อ่อนโยนกับผิวมาก ไม่รบกวนผิว ไม่ทำให้ผิวแห้ง ช่วงคงความชุ่มชื้น เหมาะมากที่จะใช้กับสภาพผิวที่กล่าวมา  แต่คนที่มีสภาพผิวปกติทั่วไป ไม่ได้มีความแห้งก็สามารถใช้ได้นะ โดยชั้นฟิล์มบาง ๆ ที่อาจจะรู้สึกว่าลื่นผิวเล็กน้อยนั้นทำหน้าที่เป็นมอยซ์เจอไรเซอร์อ่อน ๆ ที่เพียงพอในสภาพอากาศร้อนชื้นของบ้านเราครับ แค่ต้องทำความคุ้นเคยสักหน่อย

ส่วนผสมของน้ำหอมเป็นกลิ่นที่ปูเป้รู้สึกกลาง ๆ นะ คือไม่ได้เกลียด แต่ก็ไม่ได้ถึงกับชอบที่สุด  เป็นกลิ่นที่ใช้ได้ ดีตรงที่เป็นกลิ่นน้ำหอมที่ไม่มี Common Fragrance Allergen ตามมาตรฐานของ EU และมีกลิ่นที่ไม่แน่นหรือเข้มข้นไป และไม่ติดผิวเท่าไหร่ครับ เลยสามารถใช้ได้เรื่อย ๆ  โดยรวมตัวนี้อ่อนโยนกับผิวมาก ใช้ได้แม้แต่กับเด็กอ่อน และใช้ได้ทั้งกับผิวหน้าและผิวกายครับ

Ingredients : Aqua/Water/Eau, Glycerin, PEG-7 Glyceryl Cocoate, Sodium Cocoamphoacetate, Lauryl Glucoside, Coco-Glucoside, Glyceryl Oleate, Citric Acid, PEG-90 Glyceryl Isostearate, Mannitol, Polysorbate 20, Xylitol, Laureth-2, Rhamnose, Niacinamide, Fructooligosaccharides, Tocopherol, Hydrogenated Palm Glycerides Citrate, Lecithin, Ascorbyl Palmitate, Fragrance (Parfum).

สำหรับมอยซ์เจอไรเซอร์ก็มีสองตัวก็คือBioderma : Atoderm PP Baume (ฝาสีน้ำเงิน) สำหรับผิวแห้งและผิวอ่อนแอ กับ Bioderma : Atoderm Intensive Baume (ฝาสีขาว) สำหรับผิวที่แห้งถึงแห้งมากและต้องการการฟื้นบำรุงมากเป็นพิเศษ เหมาะมากกับคนที่มีปัญหาโรคผิวหนังอักเสบ ก็จะมีเนื้อเข้มข้นกว่านิดนึงครับ

ทั้งสองตัวนี้มีเนื้อครีมที่ต่างกันบ้างแต่ไม่มาก และยืนพื้นด้วยเบสครีมที่ใช้ Paraffinum Liquidum หรือ Mineral Oil เป็นน้ำมันหลักตามด้วยน้ำมันจากพืชตัวอื่น ๆ ซึ่งส่วนตัวปูเป้ไม่ได้มีปัญหากับส่วนผสมของ Mineral Oil เพราะว่าในเกรดที่ใช้กับเครื่องสำอางและยาก็มีความบริสุทธิ์สูงและไม่มีกลิ่นหืนแถมยังเคลือบลดการระเหยของความชุ่มชื้นได้ดี  จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์มอยซ์เจอไรเซอร์ของ Atoderm นั้นทาเกลี่ยบนผิวได้ง่ายและเคลือบลุมผิวรักษาความชุ่มชื้นได้ดี  เทียบกับครีมหรือบาล์มสำหรับผิว Atopic ที่เป็นเบสเชียบัตเตอร์ของแบรนด์อื่น ๆ  ที่เคยลองแล้วตัวนี้ถือว่า Atoderm นี่เนื้อทาง่ายกว่าเยอะเลยครับ และแม้จะไม่มีส่วนผสมน้ำหอมแต่กลิ่นก็จะไม่ค่อยออกตุ่ย ๆ มากนัก

และในทุกผลิตภัณฑ์ก็จะมี สารประกอบเชิงซ้อนสิทธิบัตรเฉพาะของแบรนด์ด้วยสารกลุ่มน้ำตาลอย่าง Xylitol กับ Mannitol และ Rhamnose  สารให้ความชุ่มชื้นอย่าง Glycerin ผสมเข้ากับน้ำมันให้ได้เบสของเนื้อผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้ากันกับผิวได้เป็นอย่างดี  ตามแนวคิด Ecobiology ของแบรนด์ในการเลือกใช้ส่วนผสมหรือสารที่มีอยู่ในผิวตามธรรชาติ (Skin Identical) หรือโมเลกุลที่มีความคล้ายหรือเลียนแบบสิ่งที่ผิวมีตามธรรมชาติ (Biomimetic)


ในส่วนของความแตกต่างนั้น Bioderma : Atoderm PP Baume (200ml / 890 BAHT) นั้นใช้สารแอคทีฟหลักคือ Niacinamide หรือ Vitamin B3 (มีอีกชื่อนึงที่เรียกว่า Vitamin PP จึงเป็นที่มาของ PP Baume ที่อยู่บนชื่อของผลิตภัณฑ์) ซึ่งสารตัวนี้ในความเข้มข้นที่ 2% นั้นมีการศึกษาบ่งชี้ว่าช่วยเสริมความแข็งแรงของปราการปกป้องผิวโดยช่วยกระตุ้นการสร้างเซราไมด์ในชั้นผิวตามธรรมชาติซึ่งจะเห็นผลในการใช้อย่างต่อเนื่อง

สารสำคัญที่น่าสนใจก็คือส่วนผสมของ Peumus Boldus Leaf Extract ที่น่าจะเป็น BETAPUR® ของบริษัท BASF ที่ช่วยปลอบประโลมผิวและปรับสมดุลของแบคทีเรียบนผิว ส่วน Zanthoxylum Bungeanum Fruit Extract น่าจะเป็น  Zanthalene® ขอบบริษัท Givaudan ซึ่งเคลมถึงคุณสมบัติของสารสกัดจากพริกเสฉวนในการปลอบประโลมผิวและลดความรู้สึกไม่สบายผิว และสารสกัดสาหร่าย Laminaria Ochroleuca Extract น่าจะเป็น ANTILEUKINE 6™ ของบริษัท Seppic ซึ่งใช้เป็นส่วนผสมที่ช่วยต้านการอักเสบและปกป้องผิวโดยมีข้อมูลจากแหล่งอื่นที่ชี้ไปในทางเดียวกันมาสนับสนุนบ้าง

Ingredients : Aqua/Water/Eau, Glycerin, Paraffinum Liquidum/Mineral Oil/Huile Minerale, Ethylhexyl Stearate, Dimethicone, Niacinamide, Sucrose Stearate, Glyceryl Dibehenate, Fructooligosaccharides, Tribehenin, Pentylene Glycol, Glyceryl Behenate, Acrylates/c10-30 Alkyl Acrylate Crosspolymer, 1,2-hexanediol, Caprylyl Glycol, Ammonium Acryloyldimethyltaurate/vp Copolymer, Disodium EDTA, Mannitol, Xylitol, Rhamnose, Sodium Hydroxide, Peumus Boldus Leaf Extract, Oleyl Alcohol, Xanthan Gum, Zanthoxylum Bungeanum Fruit Extract, Caprylic/Capric Triglyceride, Laminaria Ochroleuca Extract.

ในขณะที่ Bioderma : Atoderm Intensive Baume (200ml / 950 BAHT) ดูจะเน้นไปที่การช่วยเติมลิพิดและไขมันที่จำเป็นต่อชั้นผิวในทันทีด้วยการผสมสารที่มีอยู่ในชั้นปราการผิวตามธรรมชาติอย่าง Ceramide AP + Ceramide EOP + Cholesterol + Phytosphingosine ในโครงสร้างอิมัลชั่นแบบ Multi-Lamellar ที่เลียนแบบโครงสร้างชั้นไขมันเคลือบผิวตามธรรมชาติ (Biomimetic) จึงสามารถดูดซึมเข้าไปชดเชยและเสริมชั้นปราการปกป้องผิวได้ในทันที

ในส่วนของสารสำคัญก็มีการใช้  Zinc Gluconate และ Sucrose Stearate ในการช่วยปรับสมดุลของปริมาณเชื้อ S. aureus ที่มีการศึกษาชี้ว่าสัดส่วนของเชื้อตัวนี้ที่มากไปจะส่งผลต่อความรุนแรงของโรค Atopic Dermatisis สาร Beta-Sitosterol ที่มีข้อมูลชี้ว่าช่วยต้านการอักเสบ กับ Palmitamide MEA ที่มีการศึกษาว่าเมื่อรวมเข้ากับเซราไมด์และสารสำคัญที่ต้านการอักเสบอื่น  จะช่วยคุมอาการคัน การระคายเคือง ของโรคผิวหนัง Atopic Dermatitis ในระดับไม่รุนแรงถึงระดับปานกลางได้  และก็ยังมี Laminaria Ochroleuca Extract อีกด้วย

จากที่ลองค้นข้อมูลดูพบว่ามีการศึกษาที่ตีพิมพ์ในปี 2015 ที่ชี้ว่า Bioderma : Atoderm Intensive Baume ช่วยคุมอาการของเด็กทารกและเด็กเล็กที่มีปัญหา Atopic Dermatitis ในระดับปานกลางได้ แต่อ่านในรายละเอียดแล้วปูเป้คิดว่าในการศึกษานั้นเป็นสูตรเก่าครับ เพราะว่าสารสำคัญบางตัวมีไม่เหมือนกันครับ แต่โดยหลักแล้วปูเป้มองว่าสูตรใหม่อัพเกรดให้ส่วนผสมดีกว่าเดิมนะ

ซึ่งโดยสรุปง่าย คือ Bioderma : Atoderm PP Baume นั้นเป็นตัวที่จะเหมาะกับคนผิวค่อนไปทางแห้ง มีแนวโน้มที่จะอ่อนแอหรือบอบบางระคายเคืองง่ายและอยากบำรุงผิวให้แข็งแรงขึ้นหรือคงสภาพผิวให้มีสภาพดี  ในขณะที่  Bioderma : Atoderm Intensive Baume จะเหมาะกับคนที่ผิวแห้งอ่อนแอแพ้พัง มีปัญหาคันและอักเสบที่ต้องการการปลอบประโลมมากเป็นพิเศษ โดยทั้งสองสูตรนี้มีเนื้อที่ทาง่าย เกลี่ยง่าย เคลือบผิวดีแต่ไม่หนึบหนับเหนอะหนะ  ทาทั้งตัวใส่ชุดนอนแขนยาวขายาวศุกเข้าผ้าห่มก็รู้สึกสบายตัว เนื้อผ้าไม่รู้สึกหนึบติดผิวครับ 

Ingredients : Aqua/Water/Eau, Glycerin, Paraffinum Liquidum/Mineral Oil/Huile Minerale, Helianthus Annuus (Sunflower) Seed Oil, Behenyl Alcohol, Sucrose Stearate, Canola/Canola Oil/Huile De Colza, Hydroxyethyl Acrylate/sodium Acryloyldimethyl Taurate Copolymer, Pentylene Glycol, Beta-Sitosterol, Xylitol, Zinc Gluconate, Acrylates/C10-30 Alkyl Acrylate Crosspolymer, Palmitamide MEA, 1,2-hexanediol, Caprylyl Glycol, Sodium Citrate, Mannitol, Rhamnose, Sodium Lauroyl Lactylate, Sodium Hydroxide, Polysorbate 60, Sorbitan Isostearate, Tocopherol, Phytosphingosine, Ethylhexylglycerin, Ceramide AP, Cholesterol, Carbomer, Xanthan Gum, Fructooligosaccharides, Caprylic/Capric Triglyceride, Laminaria Ochroleuca Extract, Citric Acid, Ceramide EOP.

สำหรับใครที่สนใจ ผลิตภัณฑ์ ก็สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาและโรงพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศ  Watsons / Boots / EVEANDBOY / Beautrium และ KIS Beauty ส่วนช่องทางออนไลน์ ก็มี KONVY และ Central Online  หรือในช่องทางออนไลน์อย่างเป็นทางการได้ใน Lazada  และ Shopee ครับ  และหากต้องการปรึกษาขอคำแนะนำการเลือกผลิตภัณฑ์ BIODERMA ก็ติดต่อทีม BA ได้ที่ https://linktr.ee/biodermath