เมื่อยักษ์ใหญ่อย่าง Unilever เข้ามาร่วมศึกในตลาดความงามชั้นสูงกับ K-BRIGHT สกินแคร์ระดับ Prestige แบรนด์แรกที่เขาพัฒนาขึ้นมาเองกับมือ
เราเชื่อว่าน้อยคนที่จะไม่รู้จัก Unilever และถ้าลองสังเกตให้ดีในบ้านของเราน่าจะต้องมีผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในเครือนี้มากกว่าหนึ่งอย่างขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ในบ้าน และ Personal Care ต่าง ๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า และหลังจากมีการเข้าซื้อกิจการแบรนด์ความงามชั้นสูงที่กำลังโด่งดังและน่าสนใจมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โปรเจคพัฒนาแบรนด์ใหม่ของตัวเองที่ซุ่มทำมานานก็พึ่งเผยโฉมในเดือนนี้ กับแบรนด์ K-BRIGHT สกินแคร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเทรนด์ความงาม Korean Beauty ซึ่งปูเป้จะนำผลิตภัณฑ์ที่ได้มาจากงานเปิดตัวมาให้ชมว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
K-BRIGHT ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิดความงามของผิวสวยกระจ่างใส ด้วยส่วนผสมจากประเทศเกาหลี และก็ผลิตจากเกาหลี โดยชู ICY-LOCK Technology ซึ่งเคลมว่าเป็นการสกัดส่วนผสมจากธรรมชาติด้วยกรรมวิธี Freeze Dry และเก็บล็อคไว้ในบรรจุภัณฑ์ที่คงความสดใหม่ให้กับสารบำรุงที่มีประสิทธิภาพสูงทว่าเปราะบาง และแนวคิดนี้ถูกนำเสนอมาในรูปแบบของการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมือนก้อนน้ำแข็งหรือคริสตัล
กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายในช่วงเปิดตัวนี้จะเป็นขั้นตอนการดูแลผิวพื้นฐานของสาวเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการทำความสะอาด เอสเซนส์น้ำ เซรั่ม บูสเตอร์ และมอยซ์เจอไรเซอร์ ซึ่งจะเน้นไปที่การเติมความชุ่มชื้นและส่วนผสมเพิ่มความกระจ่างใสเพื่อให้ผิวเปล่งปลั่งดิวอี้ฉ่ำน้ำแบบเกาหลีนิยม
ผลิตภัณฑ์ที่ปูเป้ได้มาจากงานเปิดตัวมีทั้งหมดสองชิ้น เป็นเซรั่ม กับ บูสเตอร์ ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เราชอบลองอยู่แล้ว โดย K-BRIGHT : Crystal Bright Illuminating Serum (30ml / 2,300 Baht) จะเป็นเซรั่มที่ใช้ได้กับทุกสภาพผิว โดยสามารถผสมเข้ากับบูสเตอร์ชนิดเม็ดซึ่งมีทั้งหมด 3 แบบให้เลือกตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความชุ่มชื้น ปัญหารอยแดงจากสิว หรือปัญหาจุดด่างดำและโทนผิวอย่าง K-BRIGHT : ICY-LOCK Miracle Booster Pearls – Dream Tone (16 Tablest / 1,600 Baht)
K-BRIGHT : Crystal Bright Illuminating Serum (30ml / 2,300 Baht) ซึ่งทางแบรนด์เคลมว่าเป็นเซรั่มเพื่อความขาว กระจ่างใสที่ใช้สารไวท์เทนนิ่งหลักคือ Actosome Whitenol ซึ่งเป็นการนำสารไวท์เทนนิ่งอย่าง 4-Butylresorcinol มาบรรจุในไลโปโซมที่ทำมาจาก Borago Officinalis Seed Oil กับ Arginine กับ Dextrin และ Lecithin เพื่อช่วยเสริมความเสถียรและเป็นระบบนำพา โดย 4-Butylresorcinol นั้นเป็นส่วนผสมที่มีมายี่สิบกว่าปีแล้วแต่ในช่วงหลังเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นและมีการศึกษาในมนุษย์เพิ่มมากขึ้น โดยหลักการทำงานนอกจากจะไปขัดขวางการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase และ TRP-1 ซึ่งเป็นเอนไซม์สำคัญในการสังเคราะห์เม็ดสีเมลานินแล้ว ยังมีข้อมูลที่ชี้ว่าสารตัวนี้อาจช่วยเร่งการเสื่อมสลายของเอนไซม์ Tyrosinase ด้วย จึงช่วยลดเลือนจุดด่างดำความหมองคล้ำได้
(Source : 4-n-butylresorcinol, a highly effective tyrosinase inhibitor for the topical treatment of hyperpigmentation., The Efficacy and Safety of 4-n-butylresorcinol 0.1% Cream for the Treatment of Melasma: A Randomized Controlled Split-face Trial., 4-n-butylresorcinol enhances proteolytic degradation of tyrosinase in B16F10 melanoma cells., 4-n-butylresorcinol, a depigmenting agent used in cosmetics, reacts with tyrosinase.)
ส่วนผสมอื่น ๆ ก็ได้แก่ Bifida Ferment Lysate ที่น่าจะคุ้นชื่อกันดี เพราะเริ่มถูกใช้กันอย่างแพร่หลาย ส่วนผสมที่ได้จากการหมักบ่มของแบคทีเรียชนิดดีนี้อาจช่วยเรื่องความแข็งแรงของผิวได้ และ Niacinamide หรือ Vitamin B3 หากมีความเข้มข้น 2% ขึ้นไปก็จะช่วยเรื่องความแข็งแรงของผิว เสริมการสร้างเซราไมด์ในผิว และที่ความเข้มข้นมากกว่านั้นก็เสริมการเป็นไวท์เทนนิ่งได้เช่นกัน
ส่วนผสมอื่น ๆ ที่เราคิดว่าน่าสนใจอย่าง Oryza Sativa (Rice) Extract กับ Aspergillus Ferment นี้เรายังหาข้อมูลไม่ได้ว่ามาจากผู้ผลิตเจ้าไหน แต่เราเชื่อว่าส่วนผสมนี้น่าจะมาเป็นแพ็คกัน เนื่องจากเกาหลีมีเหล้าที่ทำจากข้าวหมักเชื้อ Aspergillus เช่นเดียวกับวัฒนธรรมเอเชียอื่น ๆ ที่ก็มีสิ่งที่คล้ายกัน และพบว่าการหมักนี้สามารถสกัดเอาสารบำรุงที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ รวมไปถึงช่วยเป็นไวท์เทนนิ่งได้ด้วย
ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีส่วนผสมของน้ำหอม
Ingredients : Water, Glycerin, Bifida Ferment Lysate, Dipropylene Glycol, Butylene Glycol, Niacinamide, Alcohol Denat., Methyl Gluceth-20, Pentylene Glycol, Bis-PEG-12 Methyl Ether Dimethyl Silane, PEG/PPG/Polybutylene Glycol-8/5/3 Glycerin, 4-Butylresorcinol, Sea Water, Ascorbyl Tetraisopalmitate, Pearl Powder, Borago Officinalis Seed Oil, Arginine, Vinegar, Dextrin, Oryza Sativa (Rice) Extract, Aspergillus Ferment, Lecithin, Polyglutamic Acid, Sodium Hyaluronate, Ethylhexylglycerin, Saccharomyces Ferment Filtrate, Pyrus Malus (Apple) Fruit Water, 1,2-Hexanediol, Dimethicone, Propanediol, Phenoxyethanol, Ammonium Acryloyldimethyltaurate/VP Copolymer, PEG-60 Hydrogenated Castor Oil, Polyacrylamide, PEG-8, C13-14 Isoparaffin, Carbomer, Fragrance, Tromethamine, Adenosine, Disodium EDTA, Laureth-7, BHT.
ส่วน K-BRIGHT : ICY-LOCK Miracle Booster Pearls – Dream Tone (16 Tablest / 1,600 Baht) จะเป็นเม็ดบูสเตอร์ในบรรจุภัณฑ์ที่เหมือนแผงยาซึ่งปกป้องส่วนผสมจากแสง ความชื้น และออกซิเจนได้เป็นอย่างดี โดยในเม็ดบูสเตอร์นี้ จะประกอบไปด้วยวิตามินซีในรูปแบบ Ascorbic Acid มากถึง 35% ซึ่งเมื่อนำมาละลายกับตัวเซรั่มก็จะเจือจางลงไปตามสัดส่วนที่ก็ไม่แน่นอน แล้วแต่ว่าเราจะใช้เซรั่มมากหรือน้อย วิตามินซีเป็นหนึ่งในส่วนผสมที่ได้รับการยอมรับว่าช่วยในเรื่องของการเป็นไวท์เทนนิ่งและช่วยเรื่องของริ้วรอยได้
อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าบูสเตอร์ของเขามีทั้งหมด 3 สูตร โดยแต่ละสูตรก็จะมีวิตามินซี 35% เหมือนกันนี่แหล่ะ แต่จะต่างกันตรงส่วนผสมรองที่ใส่เข้ามาเพื่อแยกจุดขาย โดยในสูตร Dream Tone จะมีการเพิ่มส่วนผสมที่มีชื่อว่า Resveratrol ซึ่งเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ที่มีประสิทธิภาพ มีข้อมูลที่ชี้ว่า Resveratrol เมื่อผสมเข้ากับ 4-Butylresorcinol ก็จะเสริมประสิทธิภาพในการเป็นไวท์เทนนิ่ง การผสมตัวนี้เข้ากับเซรั่มก็น่าจะไปเสริมกันพอดีเลยล่ะ
(Source : Hypopigmentary effects of 4-n-butylresorcinol and resveratrol in combination.)
Ingredients : Ascorbic Acid, Trehalose, Glycerin, Resveratrol, Water, Cyamopsis Tetragonoloba (Guar) Gum
โดยปกติแล้วตัว K-BRIGHT : Crystal Bright Illuminating Serum ก็เพียงพอที่จะใช้เป็นประจำทุกวัน แต่ถ้ามีความกังวลหรือต้องการดูแลในเรื่องไหนเพิ่มเติมก็เติม K-BRIGHT : ICY-LOCK Miracle Booster Pearls เข้าไป แค่แบ่งบรรจุภัณฑ์ออกมาสำหรับ 1 โดส แกะฟอยล์ออก วางบนฝ่ามือและและผสมเข้ากับเซรั่มตามปริมาณที่ต้องการ (ส่วนตัวเราใช้ 1 ดรอปเปอร์) แล้วก็บี้ให้ละลายเข้ากันดีซึ่งตัวเม็ดบูสเตอร์ก็พร้อมที่จะแตกตัวและละลายได้ง่ายอยู่แล้ว
สำหรับใครที่มีคำถามในใจว่า เจ้าบูสเตอร์เม็ด ๆนี้จะสามารถผสมเข้ากับเซรั่มตัวอื่น ๆ ที่ตัวเองมีอยู่ได้หรือไม่ เราคิดว่าถ้าเซรั่มที่ใช้อยู่เป็นเบสน้ำก็จะละลายได้แบบไม่มีปัญหา แต่เราคงจะให้ดูในส่วนประกอบเสียหน่อยว่าเซรั่มที่จะผสมนั้นมีส่วนผสมของพวกกรดหรืออะไรที่ผลัดเซลล์ผิวอยู่เยอะไหม ถ้ามีก็อย่าผสมไปรวมกัน ไม่ใช่ว่าผสมกันแล้วจะเสียหรืออะไร แต่เราไม่แน่ใจเรื่องค่า pH ว่าผสมแล้วมันจะดรอปจนลงต่ำเกินไปรึเปล่า แค่ถ้าใครอยากลอง แล้วมีแผ่นวัดค่า pH ติดบ้านก็เช็คดูก่อนเพื่อความชัวร์นะ
ส่วนตัวปูเป้ยังไม่ได้ลองใช้จริงจัง แต่ในแง่ส่วนประกอบก็ถือว่าน่าสนใจในระดับนึง รูปแบบของบูสเตอร์แบบเม็ดดูแปลกดี แต่ถ้ามองในแง่ของความ Unique ของ Foumulation แล้วก็ยังไม่ถึงขั้นที่แปลกใหม่ แต่ส่วนตัวเราเชื่อว่าด้วยอำนาจเงินและทรัพยากรในมือของ Unilever น่าจะพัฒนาส่วนผสมเอกสิทธิ์เฉพาะหรือมีสิทธิบัตรเฉพาะของตัวเองมาในอนาคตได้ไม่ยาก ที่ต้องปรับจริง ๆ น่าจะเป็นเรื่องบรรจุภัณฑ์ล่ะ คือในแง่ของการเก็บล็อคความสดใหม่หรือประสิทธิภาพของส่วนผสมนั้นเราก็ว่ามันทำได้ดีนะ แต่ในแง่ดีไซน์เรายังว่ามันสามารถทำได้ดีกว่านี้ แล้วเราอยากจะหยอดเรื่องการใช้แพคเกจจิ้งที่ไม่สิ้นเปลืองและดีต่อสภาพแวดล้อมเผื่อเอาไว้หน่อยก็ดีเหมือนกัน
สำหรับใครที่สนใจ ตอนนี้ผลิตภัณฑ์ K-BRIGHT จะมีวางจำหน่ายเฉพาะที่ SEPHORA ทุกสาขารวมถึงออนไลน์นะจ๊ะ ส่วนในอนาคตจะมีวางที่ไหนเพิ่มหรือจะมีเคาน์เตอร์ หรือช็อปเป็นของตัวเองไหมก็ต้องคอยติดตามดูกัน (ส่วนตัวเราคิดว่าต้องมีแหล่ะ)
***Sponsored Item***
K-BRIGHT : Crystal Bright Illuminating Serum
Price : 30ml / 2,300 Baht
Skin Type : All Skin Type
Outstanding : Brightening, Antioxidant, Hydration
K-BRIGHT : ICY-LOCK Miracle Booster Pearls – Dream Tone
Price : 16 Tablest / 1,600 Baht
Skin Type : All Skin Type
Outstanding : Anti-Aging, Brightening, Antioxidant