“Make Your Life a Masterpiece” ทำให้ชีวิตของเราเป็นดั่งผลงานชิ้นเอกที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก ผ่านการสลักด้วยประสบการณ์กับห้วงเวลาและฤดูกาลที่เปลี่ยน ไม่ว่าจะเจอสิ่งดีหรือร้าย ก็จะมีผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยโอบกอด และผลักดันให้เราก้าวข้ามผ่านช่วงวัน เดือน ปี เหล่านั้นได้อย่างงดงามและสง่างาม นี่คือคำสัญญาที่ KANEBO มีให้กับเรา

หลาย ๆ คนน่าจะรู้จักหรือคุ้นเคยกับชื่อของ Kanebo กันเป็นอย่างดี เพราะเป็นชื่อของเครือบริษัทที่รวบรวมแบรนด์ความงามในมือจำนวนมากและเป็นที่นิยมของผู้ชื่นชมในความงามชาวไทยมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็น IMPRESS กับ LUNASOL กับ BLANCHIR รวมไปถึง COFFRET D’OR  และยังมีแบรนด์ราคามิตรภาพแต่สูงด้วยคุณภาพอีกมายที่จำหน่ายในญี่ปุ่น โดยกลุ่มบริษัท Kanebo ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกมากว่า 80 ปี ที่แล้วกับการออกผลิตภัณฑ์ความงามชิ้นแรก Savon de Soie (Silk Soap) เมื่อปี 1936 ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันเขามีการสร้างนวัตกรรมผ่านการค้นคว้าวิจัยต่าง ๆ ออกมามากมายและต่อเนื่อง แต่สิ่งเดียวที่เขายังไม่เคยทำออกมาก็คือการมีแบรนด์ความงามที่ใช้ชื่อเดียวกับบริษัทของเขานั่นเอง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเหมือนใครเท่าไหร่นักในวงการเครื่องสำอางที่เครือเครื่องสำอางใหญ่ ๆ จะมีแบรนด์ที่มีชื่อเดียวกันกับบริษัทแม่กันทั้งนั้น

เมื่อปี 2016 ที่ผ่านมาจึงเป็นครั้งแรกที่บริษัท Kanebo จะมีแบรนด์ที่เป็นเหมือนกับตัวแทนที่จะสื่อสารตัวตน วิสัยทัศน์ และมุมมองของความงาม ผ่านแบรนด์ที่ชื่อว่า KANEBO ที่เหมือนกับการรวบรวมประสบการณ์ ความชำนาญ และนวัตกรรมทั้งหมดมาเพื่อกลั่นเป็นผลงานชิ้นเอกครั้งนี้ด้วยคอนเซปต์ของความงามที่มีชื่อว่า “Chrono Beauty” หรือ “ศาสตร์ความงามตามช่วงเวลา” กับแนวคิด มุมมอง ที่ให้ความงามของเราดำเนินและไหลไปกับจังหวะของห้วงกระแสเวลาอย่างงดงาม เป็นธรรมชาติ และเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด

แน่นอนว่า KANEBO เป็นผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง หรือ Prestige Brand แต่ภาพความหรูหราที่ KANEBO สื่อสารออกมาหาใช่ภาพสวยสมบูรณ์แบบสูงค่าหรือยากจะจับต้องเข้าถึง แต่เป็นสิ่งที่เรียบง่าย ดูเป็นธรรมชาติ เป็นคนที่เจ็บได้ ร้องไห้เป็น แต่สามารถยืนหยัดเข้มแข็งอย่างงดงามและสง่างาม มีความสุขกับสิ่งเล็กน้อยในแต่ละวัน กอดยอมรับตัวเองในแบบที่เป็นได้ และเลือกเฟ้นมองหาสิ่งที่ดีมีคุณภาพให้กับตัวเอง

ความหรูหราของ KANEBO จึงไม่ถูกจำกัดแค่แสงประกายระยิบระยับประดับเพชรทอง แต่เป็นความหรูหราที่เปิดกว้างไปมากกว่าแค่ป้ายราคา เน้นไปที่คุณค่ามากกว่ามูลค่า ความหรูหราในนิยามใหม่นี้จึงไม่ได้ถูกตีกรอบว่าต้องเป็นการไปพักรีสอร์ตห้าดาวบนเกาะส่วนตัวพร้อมสระน้ำหน้าวิลล่า แต่อาจหมายถึงช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ได้นั่งลงพักหลับตาจิบชาดี ๆ สักแก้วที่ชงอย่างประณีตและใส่ใจ หรือช่วงเวลาที่ได้สูดกลิ่นหอมอันหรูหราจากผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและความอุ่นอบจากอุ้งมือที่ประคบโอบกอดผิวหน้าอย่างอ่อนโยนเชื่องช้าและเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักที่มีให้กับตัวเอง

สิ่งที่เราชอบในแนวคิดของแบรนด์คือการมองความงามและเวลาเป็นสิ่งที่ต้องไหลคล้อยตามกันไปไม่ใช่ต้านทานหรือพยายามย้อนกระแสของเวลาที่ไม่มีวันหวนกลับได้ และเมื่อเราไม่สามารถหยุดหรือย้อนเวลาได้ สิ่งที่เราควรทำคือการโอบกอดความจริงและล่องตามกระแสเวลาอย่างรู้เท่าทัน เก็บรักษาสิ่งดีงามไว้ให้นานที่สุดและปล่อยสิ่งที่ไม่จำเป็นให้ผ่านไปเพื่อที่จะใช้ชีวิตและยืดหยัดอย่างสง่างามในทุก ๆ ช่วงของเรา ที่อาจจะไม่สมบูรณ์แบบแต่ก็งดงามในแบบของเราที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน

ริ้วรอยและความเปลี่ยนแปลงของผิวยังไงก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หยุดยั้งไม่ได้ แต่เราก็สามารถทำให้เวลาของผิวไหล (Flow) ไปช้ากว่ากาลเวลา เพื่อให้เราได้ชื่นชมและดื่มด่ำกับทุกช่วงเวลาของชีวิตอย่างงดงามและเปี่ยมไปด้วยความสุข นี่คือสิ่งที่ KANEBO อยากจะบอกกับทุกคน ผ่านคอนเซปต์ “Chrono Beauty” หรือ “ศาสตร์ความงามตามช่วงเวลา”

ด้วยเหตุนี้ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ KANEBO ต่างก็สะท้อนแนวคิดของ “Flow” หรือการ “ไหล” ไปตามกระแสห้วงเวลา ตั้งแต่บรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบเส้นสายที่สื่อถึงการไหลของน้ำในรูปแบบที่เป็นธรรมชาติผ่านมุมมองของดีไซน์เนอร์ชื่อดังชาวฝรั่งเศส Gwenael Nicolas ซึ่งทำให้บรรจุภัณฑ์ของ KANEBO ได้รับรางวัล iF Award ซึ่งเป็นการประกวดงานออกแบบระดับโลก

คำว่า “Flow” ยังถูกบรรจุในชื่อของผลิตภัณฑ์บางไอเทม รวมกับคำอื่น ๆ อย่าง “Graceful” ที่แปลว่าสง่างาม  หรือ “Fulfilling” ที่แปลว่าเติมเต็ม ซึ่งสื่อสารถึงตัวตนของแบรนด์และสื่อถึงคุณสมบัติที่ผลิตภัณฑ์มอบให้

เนื้อผลิตภัณฑ์ก็ถูกออกแบบโดยใช้เทคโนโลยีของเขาที่เคลมว่าช่วยเสริมการดูดซึมของผลิตภัณฑ์ให้ Flow แทรกผ่านผิวได้ ซึ่งหนึ่งในผลิตภัณฑ์ชิ้นหลักของเขาคือ KANEBO : THE FIRST SERUM ที่เป็นเซรั่มที่ใช้เป็นขั้นตอนแรกของการบำรุงผิว (First Step of Skincare) และเป็นเซรั่มชิ้นแรกของแบรนด์ KANEBO ด้วยเนื้อเซรั่มบางใสที่จะกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับผิวและช่วยให้โลชั่นบำรุงผิวที่ลงตามเป็นขั้นตอนต่อไปไหลซึมแทรกเข้าไปเติมเต็มความชุ่มชื้นได้ดียิ่งขึ้น

กลิ่นของผลิตภัณฑ์ถูกรังสรรค์ขึ้นมาโดยการศึกษาวิเคราะห์แยกแยะโครงสร้างกลิ่นหอมของดอกชาจีนและญี่ปุ่นเพื่อสร้าง Teatopia กลิ่นหอมของดอกชาขึ้นเพื่อเป็นกลิ่นฐานของทุกผลิตภัณฑ์ของ KANEBO เพื่อให้ความรู้สึกสดชื่นเบาสบาย เป็นกลิ่นที่ไม่เหมือนใคร หรูหรา แต่คงความเป็นธรรมชาติที่ไม่ถูกปรุงแต่งจนเกินงาม เรียบง่ายแต่ก็ไม่แบนราบไร้มิติหรือถูกเลียนแบบได้ง่าย ๆ

กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว KANEBO แบ่งออกเป็นกลุ่มบำรุงผิวพื้นฐาน (Basic Care) และกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเป็นพิเศษ (Tuning Item) โดยผลิตภัณฑ์พื้นฐานเป็นสิ่งที่ใช้ประจำวันในช่วงกลางวันและกลางคืนที่ผิวก็จะมีจังหวะและวงจรที่แตกต่างไป เช่นในตอนกลางวันผิวชั้นนอกจะยึดเกาะกันแน่นเป็นปราการที่คุ้มกันปัจจัยลบจากภายนอกและปราการนี้จะคลายตัวผลัดเปลี่ยนซ่อมแซมจนสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายขึ้นในยามค่ำคืน

ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเป็นพิเศษ (Tuning Item) นั้นมีไว้ปรับแต่ง (Tuning) ตามบางช่วงเวลาในแต่ละเดือน ในแต่ละช่วงของปี เช่นในช่วงวันนั้นของเดือนผิวอาจจะไวต่อการระคายเคืองและการอักเสบได้ง่ายขึ้น ผิวอาจจะแสดงออกถึงความแห้งหยาบกร้านได้มากกว่าปกติ หรือในช่วงเปลี่ยนฤดูกาลของปีผิวอาจจะต้องการความสดชื่นเย็นสบายเพื่อคลายร้อนมากกว่าที่ผ่านมา หรือแม้แต่เมื่อกาลเวลากำลังพิสูจน์ความแข็งแรงของผิวจนต้องการผลิตภัณฑ์ที่เข้มข้นมากกว่าการดูแลพื้นฐานประจำวัน ทั้งหมดนี้เพื่อให้ผิวของเราเดินทางไหลผ่านห้วงจังหวะของเวลาอย่างสวยงามนั่นเอง

KANEBO เป็นแบรนด์ที่แม้จะดูเรียบง่ายแต่ลุ่มลึกในแนวคิด ดูอ่อนช้อยด้วยเส้นสายของการออกแบบ นุ่มนวลด้วยกลิ่นฐานของดอกชาที่ละมุนละไม แต่เบื้องหลังคือประสบการณ์ นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่บ่มเพาะจนเข้มแข็ง

เราเชื่อว่าคนที่ชอบสกินแคร์ที่ให้ผิวเป็นผิว เป็นผิวที่ชุ่มชื้น นุ่มนวล อ่อนละมุน สวยฉ่ำกำลังดีไม่แห้งไป ไม่มันจนเกินไป กับกลิ่นหอมละมุนไม่เหมือนใคร น่าจะตกหลุมรัก KANEBO ได้ไม่ยากเลยล่ะ โดยใครที่สนใจก็สามารถแวะไปรับบริการเช็คสภาพผิว, Personal counseling และ ผลิตภัณฑ์ขนาดทดลอง KANEBO ที่เหมาะกับคุณได้ที่เคาน์เตอร์ KANEBO ทุกสาขา