MeridLife TOTAL:flora เป็นโพรไบโอติกที่ปูเป้กินมาครบ 2 ปีแล้วและแฮปปี้มาก ขนาดช่วงที่ผ่านมามีโพรไบโอติกเจ้าอื่น ๆ มาให้ลองเพราะอยากร่วมงานกัน ปูเป้ก็มีปฏิเสธไปเพราะรู้สึกว่ายังไม่เจอตัวไหนที่ถูกใจเท่าหรือมากกว่า โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาปูเป้มีแชร์ประสบการณ์และความเห็นของตัวเองในการกินโพรไบโอติกและผลิตภัณฑ์ตัวนี้อยู่เป็นระยะ และมักจะมีคำถามที่ถูกถามบ่อย ๆ ปูเป้เลยรวบรวมคำถามและสิ่งที่ปูเป้เคยตอบเอาไว้มาเป็น FAQs จะได้หาคำตอบได้ง่าย สะดวก และปูเป้ก็ไม่เหนื่อยด้วย (ฮา)
ปัจจุบันโพรไบโอติกเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสามตัวที่ปูเป้ยังคงกินอยู่ เพราะเรื่องระบบการย่อยอาหาร การขับถ่าย เป็นสิ่งที่สำคัญมากกับคุณภาพชีวิตของตัวเอง (และเรื่อง 18+) แบบยังไม่มีอะไรมาแทนได้ จากอดีตที่เคยกินอาหารเสริมพวกวิตามินสารสกัดเป็นสิบตัวเพื่อหวังบำรุงผิว ก็ถูกตัดออกไปเรื่อย ๆ จนหมดตั้งแต่เริ่มมีภาระต้องรับผิดชอบครอบครัวจึงต้องลดค่าใช้จ่ายไปลงกับสิ่งที่จำเป็นพื้นฐานมากกว่านั่นคือเรื่องงานผิวก็ลงไปกับสกินแคร์ที่ใช้ทาผิวเป็นหลัก ส่วนคอลลาเจนแบบกินก็หยุดโดยสิ้นเชิงตั้งแต่เริ่มออกกำลังกายจริงจังเพราะต้องโหลดโปรตีนและกินอาหารเพื่อสร้างมวลและกล้ามเนื้อจึงไม่อยากมีค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อน คือไม่ได้บอกว่าที่เคยกินมันไม่ดีนะ แต่ด้วยเงื่อนไขของเราที่เปลี่ยนไป เราก็ต้องเลือกใช้เงินกับสิ่งที่ให้ผลกลับมามากที่สุดและจำเป็นที่สุดก่อน ไว้มีเงินเหลือใช้ค่อยว่ากันอีกที
สำหรับช่องทางในการหาซื้อ MeridLife TOTAL:flora ในปัจจุบันก็มีจำหน่ายในร้านสุขภาพและร้านขายยาชั้นนำ แต่ส่วนใหญ่ปูเป้สั่งจากร้านอย่างเป็นทางการของแบรนด์เองทาง Lazada กับ Shopee และทาง Line @meridlife ครับ
และต้องออกตัวไว้ก่อนว่าเราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางหรืออะไรในด้านนี้ นอกจากความเห็นและประสบการณ์ส่วนตัวแล้ว ข้อมูลที่ใช้อ้างถึงในบทความนี้มาจากคำแนะนำของ National Institutes of Health (NIH) หรือสถาบันสุขภาพแห่งชาติของประเทศอเมริกา และคำแนะนำจาก World Gastroenterology Organisation หรือ องค์การโรคทางเดินอาหารโลก ที่ทุกคนสามารถเข้าไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้เองหากสนใจ
โพรไบโอติก (Probiotics) คือเชื้อจุลินทรีย์ชนิดดีที่ยังมีชีวิต ซึ่งเป็นชนิดที่มีผลดีต่อสุขภาพของ Host (โฮสต์) หรือเจ้าของพื้นที่ที่มันไปอาศัยอยู่ เช่นในระบบทางเดินอาหาร บนผิวหนัง โดยจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์กับมนุษย์นั้นมีสัดส่วนและความหลากหลายที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน (ส่วนเชื้อที่เป็นพิษหรือก่อผลเสียกับผู้ที่มันอยู่อาศัย เราจะเรียกว่า Phatogen หรือเชื้อที่ก่อโรคนั่นเอง) โดยอาหารของเชื้อจุลินทรีย์ที่ดีต่อสุขภาพเหล่านี้เรียกว่า พรีไบโอติก (Prebiotics) อย่างพวกสารกลุ่มน้ำตาลและเส้นใยละลายน้ำได้บางชนิด สามารถพบได้ในกระเทียม กล้วย อะไรทำนองนี้ ส่วนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่รวมทั้ง โพรไบโอติก และ พรีไบโอติก เข้าไว้ด้วยกันในตัวเดียวเพื่อเสริมการทำงาน ก็เรียกว่า ซินไบโอติก (Synbiotics)
ประชากรจุลิทรีย์หรือจุลชีพที่ตั้งรกรากในร่างกายมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรีย ไวรัส ยีสต์ รา เราเรียกว่า Microbiota (เป็นคำใหม่ที่มาใช้แทน Microflora) โดยสามารถแยกย่อยไปตามสถานที่ตั้งรกราก อย่างเช่นในระบบลำไส้ก็เรียก Gut Microbiota บนผิวหนังก็เรียก Skin Microbiota ส่วน Microbiome การศึกษาเกี่ยวกับจีโนมหรือข้อมูลรหัสพันธุกรรมทั้งหมดของ Microbiota และความสัมพันธ์ของมันที่มีต่อจีโนมของมนุษย์
การศึกษา Microbiome ทำให้พบว่ามนุษย์เราแต่ละคนมีความหลากหลายของ Microbiota ที่มากน้อยไม่เท่ากัน และมีความเฉพาะตัว(Unique) จนเปรียบเหมือนกับลายนิ้วมือของคน ๆ นั้นเลย ข้อมูลที่น่าสนใจคือการพัฒนาการของ Microbiota ในร่างกายของเราเริ่มตั้งแต่การกำเนิดเลยก็ว่าได้ นักวิจัยพบวิธีให้กำเนิดเด็กทารกนั้นมีผลโดยตรงกับ Microbiota ของทารก โดยการคลอดด้วยวิธีธรรมชาติเด็กจะได้รับจุลิทรีย์มาจากช่องคลอดของแม่ แต่เด็กที่คลอดด้วยวิธีการผ่า ทารกจะได้รับจุลินทรีย์ที่ติดกับผิวหนังของแม่
หลังจากการคลอดก็ยังมีปัจจัยที่สำคัญอย่างเช่นการเลี้ยงด้วยนมแม่ซึ่งนมแม่อาจมีสายพันธุ์ของแบคทีเรียกมากถึง 600 สายพันธุ์และยังไม่นับสารอาหารอื่น ๆ ที่เอื้อต่อการพัฒนาการของแบคทีเรียในระบบลำไส้ของเด็ก และ Microbiota ก็สามารถถูกเปลี่ยนแปลงด้วยปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพ สภาพแวดล้อม การดำเนินชีวิต และสิ่งที่กินเข้าไป
(Source : Defining the Human Microbiome, The human microbiome: an emerging tool in forensics, Delivery mode shapes the acquisition and structure of the initial microbiota across multiple body habitats in newborns, Development of the human gastrointestinal microbiota and insights from high-throughput sequencing., Development of the gut microbiota in infancy and its impact on health in later life)
เป็นที่ยอมรับว่าสมดุลของจุลชีพที่อยู่อาศัยร่วมกับเรา ไม่ว่าจะเป็นบนผิวหนัง หรือ ในระบบย่อยอาหาร นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการคงสุมดุลและการทำงานตามปกติของอวัยวะ การเสียสมดุลอาจทำให้เกิดโรคหรือความบกพร่องในการทำงาน
มีการศึกษามาหลายสิบปีเพื่อดูว่าโพรไบโอติกสามารถช่วยปรับสมดุลเพื่อบรรเทา บำบัด อาการหรือโรคต่าง ๆ เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารออกมาเรื่อย ๆ และถูกใช้เป็นอีกทางเลือกในการดูแลปัญหาต่าง ๆ เช่น อาการท้องเสียจากการใช้ยาปฏิชีวนะในผู้ใหญ่ บรรเทาอาการของโรคลำไส้แปรปรวน (IBS) และช่วยเสริมการเคลื่อนไหวของลำไส้ช่วยลดอาการท้องผูกทั้งในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ ผ่านกลไกของการปรับสมดุล เพิ่มปริมาณของเชื้อที่ดีในระบบลำไส้ แต่การศึกษาก็พบว่าการรับประทานผลิตภัณฑ์ Probiotics นั้นไม่สามารถเปลี่ยนโปรไฟล์ของเชื้อในลำไส้ของเราได้ถาวร
ในช่วงที่ผ่านมา มีการศึกษาที่พยายามเชื่อมโยงว่าแบคทีเรียที่ดีในลำไส้อาจให้ประโยชน์มากกว่าแค่ช่วยเรื่องระบบการย่อยอาหาร แต่ส่งผลไปยังอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกายไม่ว่าจะเป็นสมอง ปอด ผิวหนัง แต่มักมีข้อจำกัดเรื่องคุณภาพและการออกแบบการวิจัย และมีไม่มากพอที่จะสรุปอย่างแน่ชัดในปัจจุบัน แต่ก็น่าสนใจว่าในอนาคตจะมีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจออกมาอีก
พื้นเดิมปูเป้เป็นคนที่ท้องผูกมาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว และเมื่ออายุแตะ 30+ ก็มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารมากขึ้น ทั้งท้องอืด ปวดแน่น มีแก๊สเยอะ ที่แย่สุดคือกรดไหลย้อนจนทำให้คอแสบแดงและติดเชื้อหลายครั้งในแต่ละปี และปูเป้ก็พบว่าปัญหาเหล่านี้ก็เกิดขึ้นกับเพื่อนหรือคนรอบตัวที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน น่าจะมาจากทั้งอายุที่เพิ่มขึ้น ความเครียดที่มากขึ้น ไลฟ์สไตล์และการทำบงานต่าง ๆ ที่เปลี่ยนไป ดังนั้นอะไรที่มาช่วยเรื่องระบบขับถ่าย เรื่องลำไส้ที่แปรปรวน ไม่ว่าจะเป็นไฟเบอร์หรือโพรไบโอติกจึงเป็นสิ่งที่ปูเป้ลองมาเยอะมาก ทั้งรูปแบบอาหารไม่ว่าจะเป็นโยเกิร์ต คีเฟอร์ คอมบุฉะ และแบบอาหารเสริมทั้งแบบเม็ด ทั้งแบบผง
สุดท้ายตอนนี้มาจบที่โพรไบโอติกแบบซองแสนอร่อย MeridLife TOTAL:flora ที่ปูเป้กินมาตั้งแต่ช่วงต้นปึ 2021 และจากฟีดแบคของคนใกล้ชิดและผู้ติดตาม ที่ลองกิน MeridLife TOTAL:flora ตามปูเป้ ก็เป็นไปในทางที่ดีและแฮปปี้กันครับ จึงเป็นตัวที่แนะนำได้อย่างสบายใจในช่วงที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ปูเป้เคยลองโพรไบโอติกมาหลายรูปแบบ ทั้งอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารเสริม คือถามว่าที่ลองมาหลายตัวก็ได้ผลนะ ไม่มากก็น้อย เราพยายามกินโยเกิร์ตที่จากเดิมไม่ชอบกินแต่ก็พยายามกินจนชิน รวมไปถึงคอมบุฉะ คีเฟอร์ ทั้งซื้อกิน ทั้งหมักเอง บางตัวคือรับรสชาติไม่ค่อยไหว หรือจะให้กินได้ก็ต้องปรุงแต่งรสชาติเยอะมาก และอีกอย่างคือความขี้เกียจ ซึ่งเป็นข้อจำกัดสำคัญคือไม่สามารถกินได้สม่ำเสมอ ไม่สามารถกินได้ทุกวัน
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโพรไบโอติกที่สะดวกกว่าก็น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะกับเรา ลองมาหลายตัวเหมือนกัน แต่สุดท้ายเราเลือกที่ช่วยแก้ปัญหาเราได้ อยู่ในรูปแบบที่เราสะดวกรสอร่อยจนอยากกินสม่ำเสมอ มีราคาที่สามารถใช้ได้ต่อเนื่องเราพบว่านี่เป็นสิ่งที่ยั่งยืนสำหรับเราในการดูแลปัญหา
ปูเป้ได้ลองโพรไบโอติก MeridLife TOTAL:flora เมื่อช่วงต้นปี 2021 เพราะทางแบรนด์ส่งมาให้ลอง ความประทับใจแรกเลยคือเป็นโพรไบโอติกที่กินง่ายปูเป้ชอบสีม่วงกลิ่นโยเกิร์ตที่รสชาติเหมือนขนม มีรสอมเปรี้ยวแต่ไม่แหลม มีรสหวานแต่ไม่แสบคอ ประกอบกับรูปแบบผงที่เก็บรักษาง่าย กินก็สะดวกแค่ ฉีกซอง–กรอกใส่ปาก–อมให้ละลายก่อนกลืน และดื่มน้ำสักแก้ว
ผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าประทับใจ การขับถ่ายก็สม่ำเสมอขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่แอบคาดเอาไว้ แต่ที่เกินคาดคือปัญหากรดไหลย้อนจนอาการแสบคอจนคออักเสบที่เคยต้องหาหมอปีละหลายรอบก็หมดไป อันนี้แฮปปี้มากเพราะเราไม่ได้คาดหวังตรงนี้แต่แรก อาการท้องอืดมีก๊าซก็น้อยลงมาก โดยรวมคือคุณภาพชีวิตดีขึ้นมาก ส่วนเรื่องเสริมภูมิคุ้มกันอันนี้ก็ไม่แน่ใจ แต่ช่วง 2 ปี ที่ผ่านมาปูเป้ไม่ค่อยป่วยเท่าไหร่ และช่วงที่ต้องกินยาฆ่าเชื้อเพราะไปเจาะหู หรือแม้แต่ล่าสุดที่ต้องกินยาฆ่าเชื้อนานถึง 30 วัน เพื่อจัดการกับต่อมไขมันที่ขอบตาล่างอักเสบ ก็ไม่เจอปัญหาท้องเสียหรือท้องไส้ปั่นป่วนจากการกินยาฆ่าเชื้อเลย ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่ทำให้กินอย่างต่อเนื่องและปูเป้ก็จะรอช่วงโปรโมชั่นดี ๆ สั่งมาตุนเพื่อตัวเองกับให้ปะป๊าและมะม๊ากินด้วยครับ
ส่วนตัวปูเป้จึงยกให้ MeridLife TOTAL:flora เป็นโพรไบโอติกตัวโปรด และรู้สึกว่าเห็นผลที่สุดเมื่อเทียบกับหลายตัวที่ลองมาจนถึง ณ ตอนที่ทำบทความชิ้นนี้ (มีนาคมปี 2023) ซึ่งอาจเป็นเพราะในผลิตภัณฑ์มีโพรไบโอติกมากถึง 10 สายพันธุ์ และมีพรีไบโอติกเสริมมาให้ด้วย เป็นไปได้ว่าบางสายพันธุ์ในนี้ (หรืออาจจะทั้งหมดก็ได้ เราไม่รู้ เพราะไม่เคยไปตรวจเชื้อแบบละเอียดจริงจังสักที) น่าจะมาตอบโจทย์ในสิ่งที่ปูเป้ขาดหรือต้องการพอดี
รวมไปถึงทั้งเรื่องรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่แสนสะดวก รสอร่อยถูกปาก และราคาที่พอจ่ายไหว ทำให้สามารถที่จะกินได้อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง เพราะนอกเหนือจากเรื่องส่วนผสมของสายพันธุ์และเทคโนโลยีแล้ว ความสม่ำเสมอและต่อเนื่องในการกินก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญ เพราะโพรไบโอติกต้องใช้เวลากินต่อเนื่องหลายสัปดาห์ค่อย ๆ ปรับสมดุล กว่าจะเริ่มเห็นผลครับ
ปูเป้คิดว่าจุดเด่นที่สำคัญของ MeridLife TOTAL:flora คือมีโพรไบโอติกมากถึง 10 สายพันธุ์ ซึ่งในขณะที่ปูเป้เริ่มลองในปี 2021 ถือว่าเป็นโพรไบโอติกสำเร็จรูปที่มีจำนวนสายพันธุ์ที่เยอะที่สุดในท้องตลาด ทางแบรนด์ก็เคลมว่ามีเทคโนโลยี SYNTEK ที่เคลือบโพรไบโอติกถึง 3 ชั้น เพื่อช่วยให้เชื้อมีความเสถียรในการเก็บรักษาและคงทนต่อกรดในกระเพาะอาหารและระบบการย่อยได้มากถึง 96% รวมไปถึงทนต่อด่างจากถุงน้ำดี เพื่อให้เชื้อรอดไปถึงระบบลำไส้ให้ได้มากที่สุด
นอกจากนี้ยังมีการผสมพรีไบโอติกในรูป Fructooligosaccharides กับ Innulin มาด้วย ดังนั้น MeridLife TOTAL:flora จึงนับว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็น Synbiotics ที่มาครบทั้งโพรไบโอติกและพรีไบโอติก โดยไม่มีการผสมสารสกัดหรือตัวยาที่ช่วยเร่งหรือกระตุ้นการขับถ่ายที่จะเป็นผลเสียในระยะยาว ปูเป้จึงสบายใจที่จะกินมาอย่างต่อเนื่อง
อย่างที่เคยบอกเอาไว้ข้างต้นว่าโพรไบโอติกคือเชื้อที่มีชีวิตที่มีประโยชน์ ดังนั้นการที่ผลิตภัณฑ์มีเทคโนโลยีที่ช่วยให้เชื้อรอดกรดในกระเพาะ ด่างจากถุงน้ำดี และเอนไซม์ต่าง ๆ ให้ผ่านไปถึงระบบลำไส้ได้จึงจำเป็นอย่างยิ่ง และเชื้อที่อาศัยในร่างกายของมนุษย์แต่ละคนนั้นมีชนิดและสัดส่วนที่แตกต่างหลากหลายกันไปจนเรียกได้ว่าเป็นเหมือนรอยนิ้วมือทางชีวภาพเลยก็ว่าได้ ดังนั้นแต่ละคนจะมีเชื้อที่ขาดหรือเชื้อที่จำเป็นต้องเติมหรือปรับสมดุลแตกต่างกัน ปูเป้จึงมองว่า MeridLife TOTAL:flora ที่มีโพรไบโอติกที่มีการศึกษาถึงประโยชน์ในแง่ต่าง ๆ มารวมถึง 10 สายพันธ์จึงมีโอกาสที่เราจะเจอกับสายพันธุ์ที่ตอบโจทย์เราพอดีได้มากขึ้น
แม้ว่าปัจจุบันมีทางเลือกในการไปตรวจเชื้อเพื่อดูความหลากหลายเพื่อสามารถบอกได้แน่ชัดว่าต้องกินโพรไบโอติกชนิดไหนสายพันธุ์อะไร มีผลิตภัณฑ์ที่ปรับแต่งมาให้เฉพาะบุคคล แต่มีราคาค่อนข้างสูงถึงสูงมาก จึงไม่ใช่สิ่งคนจำนวนมากที่จะเข้าถึงได้ ทางเลือกของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปและมีสายพันธุ์ที่หลากหลายมากจึงเป็นทางเลือกที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า
นอกจากนี้ ข้อมูลที่มีในปัจจุบันผลิตภัณฑ์โพรไบโอติกนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโปรไฟล์ของเชื้อในระบบย่อยอาหารเราได้อย่างถาวร จึงจำเป็นต้องกินเติมไปประคองสภาพอย่างสม่ำเสมอ ปูเป้จึงมองผลิตภัณฑ์โพรไบโอติกเป็นเหมือนอาหารอย่างหนึ่งที่เราต้องกินทุกวันที่ต้องไม่ใช่แค่เหมาะกับเรา แต่ต้องเป็นค่าใช้จ่ายในระดับที่เราสามารถจ่ายไหวในระยะยาวด้วย ซึ่งส่วนตัวคิดว่า MeridLife TOTAL:flora อยู่ในช่วงราคาที่ตัวเองจ่ายไหวครับ
สรุปคือปูเป้มองว่า MeridLife TOTAL:flora นั้นตอบโจทย์ตัวเองทั้งในแง่ของเทคโนโลยี สายพันธุ์ที่มาก ราคาที่เข้าถึงได้ ความสะดวกในการใช้และรสชาติที่อร่อยถูกปาก แต่ทุกท่านก็ต้องเอาปัจจัยเหล่านี้ไปพิจารณาเทียบกับบริบทของตัวเองดูครับ
MeridLife TOTAL:flora สูตรสีเหลืองกลิ่นมะม่วงเป็นตัวสำหรับบุคคลทั่วไปครับ กินวันละ 1 ซอง ส่วน MeridLife TOTAL:flora Silver สูตรสีม่วงกลิ่นโยเกิร์ต เป็นสูตรที่เขาเคลมว่าทำมาเพื่อผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัญหาลำไส้แปรปรวน (IBS) สามารถกินได้วันละ 1-2 ซอง โดยทางแบรนด์แนะนำให้กินก่อนมื้ออาหารเช้าและตามด้วยน้ำสักแก้ว ปูเป้ชอบที่ตัวโพรไบโอติกยี่ห้อนี้อยู่ในรูปผงที่เป็นก้อนหยาบ ๆ ไม่ละเอียดฟุ้ง เพราะเคยกินบางยี่ห้อเป็นผงละเอียดมากและปล่อยรสเปรี้ยวออกมาเร็วมากจนสำลักเลยครับ
ส่วนตัวปูเป้กินสีม่วง วันละ 1 ซอง หลังตื่นนอน โดยจะจิบน้ำให้ชุ่มคอก่อน จับโพรไบโอติกกรอกปาก อมให้ละลาย และดื่มน้ำตาม 1 แก้ว ถ้าช่วงไหนมีปัญหาเยอะก็กินเป็น 2 ซองครับ ส่วนตัวเริ่มเห็นผลเรื่องการขับถ่ายที่มาสม่ำเสมอขึ้นหลัง 2 สัปดาห์ไป ส่วนเรื่องกรดไหลย้อนนี่ก็กินเป็นเดือนกว่าจะรู้สึกได้ว่าปัญหาเหล่านี้เริ่มน้อยลง แต่ว่าระยะเวลาที่แต่ละคนจะรู้สึกถึงผลได้นั้นก็จะต่างกันไปนะครับ
ปูเป้เคยทำรูปสรุปข้อมูลเอาไว้ว่าทั้ง 2 สูตรมีโพรไบโอติกสายพันธุ์อะไรที่เหมือนกันและต่างกันบ้างตามรูปด้านล่าง ซึ่งจะเห็นได้ว่าสัดส่วนชนิดของโพรไบโอติก Lactobacillus กับ Bifidobacterium ของสูตรสีเหลืองคือ 6:4 ส่วนสูตรสีม่วงคือ 5:5 เพราะเชื้อกลุ่ม Bifidobacterium นั้นจะย่อยพวกแป้งเชิงซ้อน ไฟเบอร์ละลายในน้ำ โดยเฉพาะพวก Prebiotics อย่าง Fructooligosaccharides กับ Innulin (ซึ่งในผลิตภัณฑ์ตัวนี้ก็ใส่มา) และสร้างกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งในผู้สูงอายุรวมไปถึงคนที่มีปัญหาลำไส้แปรปรวน (IBS) ก็พบว่ามีสัดส่วนของ Bifidobacterium ที่น้อยกว่า จึงทำให้สูตรสีม่วงมีสายพันธ์ของเชื้อกลุ่มนี้ที่มากกว่า
แน่นอนว่าแบรนด์ก็จะมีเรื่องของการวางโพซิชั่น จุดขาย เพื่อแยกกลุ่มลูกค้าตามหลักของการตลาดทั่วไป แต่ตามที่ได้บอกเป็นข้อมูลไปเบื้องต้นแล้วว่าเชื้อในระบบทางเดินอาหารของเราแต่ละคนมีความหลากหลายและสัดส่วนที่ไม่เหมือนกันเลย ไม่มีทางรู้แน่ชัดว่าต้องเติมอะไรถ้าไม่ไปตรวจ และไม่มีผลิตภัณฑ์โพรไบโอติกสำเร็จรูปที่จะลงตัวได้ผลเหมือนกันสำหรับทุกคน
ดังนั้นส่วนตัวปูเป้มีความเห็นและแนะนำว่าถ้าอยากลองโพรไบโอติก MeridLife TOTAL:flora ก็สามารถลองซื้อทั้งสองสูตรครับ ดูว่าเราชอบรสไหนเพื่อที่เราจะได้อยากกิน ให้เรากินได้อย่างสม่ำเสมอเพื่อความต่อเนื่อง หลังจากนั้นก็ดูผลว่าสิ่งนี้ช่วยเสริมหรือบรรเทาปัญหาที่เราคาดหวังได้รึเปล่า ถ้าแฮปปี้ก็กินสูตรนั้นต่อไปครับ
หรือถ้าไม่อยากกินแบบสุ่ม อยากเลือกแบบมีหลักการให้ตรงกับปัญหาที่ตัวเองกำลังต้องการดูแลหน่อย ปูเป้ก็สรุปรายละเอียดสายพันธุ์ของ Probiotics ที่ศึกษาในการดูแลปัญหาระบบทางเดินอาหารต่าง ๆ ได้ในเอกสารของ World Gastroenterology Organisation Global Guidelines – Probiotics and prebiotics เอาไว้ตามนี้
- ลดอาการท้องเสียจากการกินยาปฏิชีวนะ ให้มองหาโพรไบโอติกกลุ่ม Lactobacillus rhamnosus GG / Saccharomyces boulardii ภายใน 2 วันแรกที่เริ่มใช้ยาปฏิชีวนะ
- บรรเทาการปวดท้องจากปัญหาลำไส้แปรปรวน (IBS) ให้มองหาโพรไบโอติกกลุ่ม Bifidobacterium breve / Bifidobacterium longum / Lactobacillus acidophilus
- บรรเทาท้องอืดท้องบวมจากปัญหาลำไส้แปรปรวน (IBS) ให้มองหาโพรไบโอติกกลุ่ม Bifidobacterium breve / Bifidobacterium infantis / Lactobacillus casei / Lactobacillus plantarum
- ลดอาการท้องผูกในผู้ใหญ่รวมถึงผู้สูงอายุ อาจมองหาโพรไบโอติกกลุ่ม Bifidobacterium bifidum / Bifidobacterium lactis / Bifidobacterium longum /Lactobacillus acidophilus /Lactobacillus rhamnosus รวมไปถึง Lactobacillus reuteri ที่ช่วยเสริมการเคลื่อนตัวของลำไส้
สำหรับปูเป้นั้น MeridLife TOTAL:flora เป็นตัวเสริมที่ช่วยปรับสมดุลเพื่อบรรเทาและเสริมการแก้ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารของตัวเองไปได้เยอะมาก ร่วมกับการตัดสาเหตุและปรับพฤติกรรมที่ไม่ดีบางอย่างออกไป เช่นการไม่กินแล้วนอนทันที การไม่นอนตะแคงขวา (และบางอย่างก็หยุดไม่ได้ เช่นการชอบกินชาเข้ม ๆ ที่มีส่วนกระตุ้นกรดไหลย้อน และยังชอบกินแอาหารแป้ง ๆ ที่มักทำให้เกิดท้องอืด) แต่ข้อจำกัดสำคัญที่อยากบอกให้ทุกคนตามตรงคือ แต่ละคนมีระดับของปัญหา สาเหตุของปัญหาและการตอบสนองที่แตกต่างกันไป อย่างเรื่องของความหลากหลายของเชื้อในลำไส้ของคนแต่ละคนก็มีความหลากหลายแตกต่างกันไป ดังนั้นโพรไบโอติกสำเร็จรูปนี้ อาจให้ผลที่ช้า–เร็วไม่เท่ากัน ให้ผลดีมาก–น้อยไม่เท่ากันในแต่ละคน
สาเหตุของอาการท้องผูก กรดไหลย้อน ลำไส้แปรปรวน และอื่น ๆ นั้นมาได้จากหลายสาเหตุหลากปัจจัย โพรไบโอติกเป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามาช่วยบรรเทาหรือเสริมการแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้ ร่วมไปกับการตัดสาเหตุและปรับพฤติกรรมที่ก่อปัญหา และถ้าสาเหตุของปัญหาของคุณไม่ได้มาจากความไม่สมดุลของเชื้อในลำไส้ จริงอยู่ว่าการกินโพรไบโอติกก็ยังมีประโยชน์กับร่างกาย แต่ก็จะไม่ได้แก้ปัญหาที่คุณอยากจะแก้ เพราะผลที่ได้มันขึ้นอยู่กับว่าเราได้เลือกสิ่งที่ตรงกับสาเหตุหรือไม่เป็นหลักครับ
ส่วนเรื่องความปลอดภัยนั้น โดยทั่วไปแล้วเชื้อจุลินทรีย์ ที่นำมาใช้ในผลิตภัณฑ์โพรไบโอติกนั้นมีอยู่ในระบบทางเดินอาหารของเราอยู่แล้ว ขอแค่เลือกผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตและแบรนด์ที่น่าเชื่อถือให้มั่นใจว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปราศจากการปนเปื้อนของเชื้อที่ไม่ต้องการ และหากใช้อย่างถูกต้องก็มีความปลอดภัยกับมนุษย์ทั่วไปอยู่แล้ว แต่ในกรณีของคนที่มีปัญหาภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือป่วยหนักมาก ก็ควรระวังและต้องใช้ผลิตภัณฑ์โดยได้รับคำแนะนำจากแพทย์ครับ
ก็หวังว่าจะได้คำตอบของคำถามที่ปูเป้เจอบ่อย ๆ กันนะครับ ถ้ามีแง่มุมไหนที่น่าสนใจจากคำถามใหม่ ๆ อื่น ๆ ปูเป้จะมาอัพเดทเพิ่มให้เรื่อยครับ หากใครสนใจก็สามารถติดตามข่าวสารได้ทาง Facebook : MeridLife TOTAL:flora Probiotic และสามารถหาซื้อได้ตามร้านสุขภาพและร้านขายยาชั้นนำ และร้านอย่างเป็นทางการของแบรนด์ทาง Lazada กับ Shopee และทาง Line @meridlife ครับ