แอ่น แอน แอ๊นนนนนน!!! หลังจากตั้งโครงการเอาไว้ในใจมานาน ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ทำบล็อกเกี่ยวกับของกินซะที โดยร้านแรกที่จะขอประเดิมในหมวด PuPeGo2Eat นี้ ก็เป็นร้าน Peony Tea Lounge ซึ่งเป็นสาขาที่ส่วนตัวปูเป้ก็ไม่เคยแวะมาก่อน (ปกติทานสาขาศาลาแดงน่ะ)
ร้าน Peony เป็นที่รู้จักจากชาหอม ๆ ที่มีการปรุงสูตรขึ้นโดยเฉพาะสำหรับทางร้าน กับบขนมอร่อย ๆ (โดยเฉพาะเค้กส้ม มันแจ่มมาก) และร้าน Peony นี่เองที่เป็นร้านที่ปูเป้ไปขอใช้พื้นที่ในการจัดมีทติ้ง เพราะสงบเงียบและของกินก็อร่อย ราคากำลังดี
ร้าน Peony Tea Lounge ตั้งอยู่ในโรงแรม Glow Trinity Silom เดินลงจากรถไฟฟ้า BTS เข้าไปในซอยนราธิวาส 3 มาประมาณร้อยเมตรก็จะเห็นโรงแรม Glow อยู่ทางด้านขวา บรรยากาศในร้านดูไม่พลุกพล่านมากนักเพราะไม่ใช่ช่วงพักกลางวัน ค่อนข้างโล่ง สงบ ดูผ่อนคลายดี
สิ่งที่รู้สึกว่าน่ารักมาก คือเมนูของทางร้านนี้จะทำเป็นเหมือนหนังสือพิมพ์เล็ก ๆ ดูน่ารักมาก และลูกค้าสามารถนำกลับไปได้ด้วยล่ะ
มาถึงขั้นตอนการเลือกชา เขาก็มีตัวอย่างชาจำนวนมากเรียงรายมาให้เราได้เลือกกัน ถ้าเกิดไม่มีไอเดียก็ลองบอกแนวกลิ่นที่ชอบได้ เขาจะเลือกตัวอย่างมาให้ลองเทสดู
ฉลากสีต่าง ๆ ของกระปุกชาที่นำมาให้ทดลองกลิ่น จะแยกตามประเภท ไม่ว่าจะเป็นชาแบบเพียว าผสม ชาสมุนไพร ชาที่ไม่มีคาเฟอีน หรือชาผลไม้ เป็นต้น (แต่จำไม่ได้นะว่าฉลากสีไหนคืออะไรบ้าง)
พอเปิดกระปุกชาก็จะเป็นแบบนี้ เราก็ดมกลิ่นว่าชอบอันไหน แล้วก็สั่งแบบนั้นได้เลย
อันนี้เป็นชาผลไม้ ก็คือเป็นผลไม้แห้งมาเบลนด์รวมกัน ชาทุกชนิดสามารถสั่งร้องหรือเย็นก็ได้ ปูเป้ลองสั่งชาตัวนี้เป็นแบบเย็น เขาจะมีการบีบมะนาวและน้ำเชื่อมลงไปนิดหน่อยเพื่อแต่งรสให้อร่อยขึ้น และจะได้กลิ่นหอม ๆ ของชาที่สั่งไปขึ้นจมูกเลยล่ะ
ถ้าเกิดเราเลือกชาแบบร้อน ก็จะเสริฟเป็นกา โดยจะมีนาฬิกาทรายจับเวลามาให้ด้วย (3นาที)
มีเทคนิคในการเทชานิดหน่อย เขาบอกว่าถ้าเราจะเทชา 3 แก้ว เราควรรินชาใส่แต่ละแก้วในปริมาณเล็กน้อย แล้วก็เทเวียนสลับไปเรื่อย ๆ จนได้ปริมาณที่ต้องการ ทั้งนี้เพื่อให้ชาทุกแก้วได้สีและความเข้มที่เท่ากัน (คือถ้าเราเทชาให้เต็มไปทีละแห้ว ชาแก้วแรกสีจะอ่อน กลิ่นจะจางกว่าแก้วหลัง ๆ ที่สีและรสจะเข้มกว่า) ลองชิมแล้วชากลิ่นหอมมาก ๆ เหมาะสำหรับที่จะทานกับขนมหวาน ๆ หรือสโคน
การเลือกชายังสามารถเลือกได้ว่า จะให้รสสอดคล้องไปกับอาหารหรือขนมที่ทาน หรือจะเลือกให้ตัดรสกันก็ไม่ผิด บางคนอาจจะเลือกชาเป็นตัวช่วยให้สบายท้องหลังทานอาหาร เช่นการเลือกชามินท์หรือคาโมไมล์เป็นต้น
มาถึงเมนูอาหารเบา ๆ อย่างสลัด ปกติปุเป้เคยทานแต่ Sunny Salad ที่เป็นน้ำสลัดซีอิ้วญี่ปุ่น มีไข่ออนเซ็นด้วย แต่ทางร้านแนะนำให้ลอง Ceasar Salad สูตรของทางร้านก็เลยสั่งมาดู น้ำสลัดออกไปทางหวาน มีรสหอมมัน แต่ส่วนตัวคิดว่ามันแปลก ๆ เพราะชอบน้ำสลัดซีซาร์แบบออกเปรี้ยวเค็มมากกว่าจะออกหวานแบบอันนี้ล่ะ จานนี้ราคา 180 บาท
ไก่ทอดตะไคร้เป็นอีกเมนูที่เขาแนะนำ ซึ่งทำออกมาได้อรอ่ยดี ไก่ทอดไม่แห้ง หอมกลิ่นสมุนไพร ถ้ามีข้าวสวยร้อน ๆ จะฟินมาก จานนี้ 150 บาท
มาถึงเมนูจานหลักที่ปูเป้สั่ง หมูทอดข้าวห่อไข่ ชอบบบบบบบ ไม่ได้เป็นเมนูที่พิสดาร แต่รสชาติดี ทานเพลินมากมาย ถ้าสามารถทอดหมูให้แบบร้าน Saboten จะฟินสุด ๆ แต่โดยรวมเมนูนี้ให้ผ่านฉลุย กินแล้วอยากกินอีก จานนี้ราคา 200 บาท
อันนี้เป็นเมนูจานหลักจากพี่เก๋ แต่เราแอบชิมนิดนึง สปาเก็ตตี้ซีฟู๊ด ดูดีมีชาติตระกูลมา รสชาติของซอสกลกล่อมดี แต่การลวกเส้นยังดีได้กว่านี้อีก (เราอยากให้มันมีความหนึบกว่านี้น่ะ) จานนี้ราคา 250 บาท
ตามมาด้วยเมนู Rich Chocolate Cake ที่รสเข้มข้นจริง ๆ เป็นเมนูที่ใช้ได้เลยสำหรับคนที่ชอบช็อคโกแลตเค้กเนื้อแน่น ๆ แม้ชิ้นจะไม่ใหญ่มาก แต่รสมันเข้มจนชิ้นเดียวก็ล้นเลยล่ะ ถือว่าให้ผ่าน (แต่เราทำเองอร่อยกว่านี้ล่ะ 555)
เมนูวาฟเฟิลก็เป็นอีกอันที่ไม่เคยลองเลย ร้านนี้เนื้อวาฟเฟิลนอกกรอบ ข้างในนุ่ม (ไม่ใช่เนื้อเค้ก) สั่งเป็นวาฟเฟิลผลไม้รวมที่มีทั้งสตรอว์เบอรี่สด กล้วย และลูกพีชเชื้อม มาพร้อมกับวิปครีมหอมมัน ทานได้เรื่อย ๆ แบบไม่เลี่ยน คราวหน้าอยากลองราดเมเปิ้ลไซรัปกับเนยดูบ้าง
สำหรับใครที่อยากซื้อชากลับไปทานที่บ้านหรือเป็นของใาก ทางร้านก็มีให้เลือกซื้อกันตามชอบ มีทั้งอุปกรณ์ชงชา ถ้วยชาน่ารัก ๆ ด้วย
หากใครสนใจก็สามารถลองแวะไปทานได้ตามแผนที่ที่แนบเอาไว้ สาขานี้เป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดและมีเมนูให้เลือกมากที่สุดจ้า
ขอบคุณ Peony Tea Lounge ที่ชวนปูเป้ไปลองทานร้านสาขาใหม่นี้นะครับ ได้แหล่งกินที่ใหม่ใกล้ BTS เพิ่มอีกหนึ่งร้านแล้ว
อ่านรายละเอียเพิ่มเติมได้ที่ www.peonyhouse.com หรือโทร 02-636-8630