ปี 2015 ที่ผ่านมา เป็นปีที่เขาบอกว่าเป็นปีชงของเรา แต่เราไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้และทำเต็มที่ของเราเหมือนเดิม สำหรับเราปี 2015 ไม่ใช่ปีชงแต่กลับเป็นปีที่ยอดเยี่ยมมาก ปีใหม่นี้เขาบอกว่ามันเป็นปีเฮงของเรา ซึ่งเราไม่เชื่อหรอก เราจะทำเต็มที่ยิ่งกว่าเดิม และก็หวังว่ามันจะเป็นปีที่เลิศมาก ๆ ของเรา

แน่นอนว่าก็ถึงเวลาที่ขาประจำของบล็อกนี้รอคอยนั่นก็คือลิสต์ผลิตภัณฑ์ที่ปูเป้ชื่นชอบประจำปี 2015 ที่ผ่านมานั่นเอง โดยลิสต์ผลิตภัณฑ์ในปีนี้จะพยายามเอาเฉพาะตัวที่ได้ลองใหม่ๆ แล้วรู้สึกถูกใจ ผลิตภัณฑ์ที่ได้รางวัลไปปีก่อน ๆ จะพยายามไม่เอามาลงเว้นแต่มันจะเป็นสิ่งที่เรายังหาตัวใหม่ ๆ ที่รู้สึกว่า “ปัง” ไม่ได้ และยังคงหยิบตัวเดิมมาใช้บ่อย ๆ ในปีนี้

ในปีนี้เรารู้สึกได้เลยว่าผลิตภัณฑ์ที่เราชอบส่วนใหญ่จะมี “Feel Good Factor” หรืออะไรที่ใช้แล้วรู้สึกดี แบบแค่ได้หยิบมาใช้ แค่ได้กลิ่น หรือสัมผัสก็รู้สึกดีแล้ว ติดมาอยู่เยอะเหมือนกันนะ (อาจเป็นเพราะเรามีภาระมากขึ้น มีเรื่องให้คิดมากขึ้น ทำให้เราอยากได้อะไรมาช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นก็เป็นได้) ปีนี้ยังเป็นปีที่โดดเด่นของมาสก์หน้าอีกด้วยนะ

ใครที่อยากได้ไอเทมอะไรทำนองนี้ขอบอกว่าห้ามพลาด!!! 

ไม่อยากให้ทุกคนเสียเวลาอันมีค่าไปมากกว่านี้ ขอเชิญชมผลิตภัณฑ์สุดที่รักของปูเป้ในปีนี้ คุมสติและกุมกระเป๋สตางค์กันให้ดี ๆ ที่สำคัญ ขอให้ทุกคนสวยหล่อดูดีมีความสุขกันตลอดปี 2016 นี้

ด้วยรัก

PuPe_so_Sweet


 

ปีนี้เป็นปีแรกที่ทำในรูปแบบวีดีโอด้วย จะมีรายละเอียดที่เยอะเป็นพิเศษ เม้ามอยแบบอินเนอร์มาสุด ๆ รับรองว่าเพลิน!!! แบ่งเป็น 3 พาร์ท เพื่อความสะดวกในการเลือกชมจ้า

Part 1 ประกอบไปด้วย

– Makeup Remover
– Cleanser
– Facial Scrub
– Toner / Water Lotion
– Treatment Essence
– Exfoliants
– Pre-Serum
– Moisturizer

Part 2 ประกอบไปด้วย

– Anti-Aging
– Whitening
– Sheet Mask
– Rinse-Off Mask
– Leave-On Mask / Sleeping Mask

Part 3 ประกอบไปด้วย

– Daily Sunscreen
– Outdoor Activity Sunscreen
– Base Makeup
– Lip Care
– Body Care
– Fragrance
– Hair Care

Makeup Remover
PureViVi : Cleansing Lotion (500ml / 590 Baht)

พอดี Bioderma สีชมพูที่ปกติเราจะใช้มันหมด ก็คิดว่าอยากลองอะไรใหม่ ๆ บ้างและพบว่าเจ้า PureViVi นี่ก็เป็นอีกทางเลือกที่ใช้ได้เลยในราคาที่ถูกกว่า ทำความสะอาดได้อย่างอ่อนโยน คงความชุ่มชื่นบนผิว ปราศจากส่วนผสมแปลกประหลาดที่จะระคายเคืองผิวได้ สิ่งเดียวที่รู้สึกคือกลิ่นของมันที่แม้จะจะเป็นสิ่งที่ดีและอ่อนโยนในการที่ปราศจากน้ำหอม แต่กลิ่นของมันเหมือนน้ำสระที่มีคลอรีนเยอะ ๆ ยังไงอย่างงั้น ดังนั้นถ้าเงินไม่ใช่ปัญหาหรือสามารถหา Bioderma ในราคาที่เท่ากันหรือถูกกว่าได้ Biodrma ก็ยังคงเป็นตัวที่เราเลือกใช้มากกว่าด้วยเหตุผลเรื่องของกลิ่นนี่แหล่ะ

THREE Balancing Cleansing Oil (200ml / 1,800 Baht)

ยังไม่เจอออยล์ล้างหน้าตัวไหนทำให้เราเปลี่ยนใจจากสิ่งนี้ไปได้ในปีนี้ และถึงแม้เราจะไม่ได้แต่งหน้า ใช้แค่แป้งฝุ่นคือมากสุด แต่เราก็ยังคงใช้ออยล์ล้างหน้าในบางวันที่ใช้กันแดดชนิดติดทน หรือในวันที่มีเวลา หรือในวันที่เรารู้สึกว่าวันนี้เหนื่อยจัง อยากจะรู้สึกสดชื่นขึ้น เพราะการได้สูดกลิ่นหอม ๆ ในขณะนวดหน้าอย่างละเมิดไปอย่างช้า ๆ มันฟินมาก ๆ

Facial Cleanser




AESOP : Fabulous Face Cleanser

เราลองสั่งมาจากเมืองนอกเพราะพี่สาวที่รักของเราคนหนึ่งแนะนำมา และพบว่า Fabulous สมชื่อ เจลใสที่แทบไม่มีฟองนี้กลิ่นดีงามที่สุดในสามโลกจนเราหลงรักตั้งแต่แรกใช้ มันทำความสะอาดสิ่งสกปรกทั่วไปได้ดีและไม่ทำให้ผิวแห้งตึงเลยหลังล้างออก คนผิวธรรมดาค่อนไปทางผิวแห้งน่าจะชอบตัวนี้ทีเดียว สำหรับเราเป็นคนผิวผสมแต่ผิวเราค่อนข้างขาดน้ำได้ง่ายก็ยังชอบมาก ในวันที่ต้องการทำความสะอาดล้ำลึกเราจะผสม AESOP : Tea Tree Leaf Exfoliants ลงไปด้วย ใบของต้นทีทรีบดละเอียดนี้จะช่วยผลัดเซลลล์ผิวและให้กลิ่นหอมเย็นพร้อมคุณสมบัติในการลดแบคทีเรียด้วย ข้อเสียมีอย่างเดียวคือราคามันไม่เบาเลยล่ะ

GlamGlow : PoweCleanse Daily Dual Cleanser (120ml / 1,6XX Baht)

เราอยากลองมานานแล้วและคนนำเข้าก็บอกว่าจะส่งมาให้แต่สงสัยจะลืม เราเลยรอจน Sephora มีลดราคาแล้วก็ไปซื้อมาใช้ให้สมใจ จะบอกตรง ๆ ว่าเราไม่จำเป็นต้องจ่ายแพงขนาดนี้เพื่อล้างหน้าหรอกนะ ของถูกกว่านี้เกือบสิบเท่าแต่ใช้ดีก็มีให้เลือก แต่ถ้าอยากล้างหน้าแล้วยิ้มไปอย่างมีความสุขล่ะก็อยากให้ลอง เพราะกลิ่นแพร์หอม ๆ กับเนื้อเคล็นเซอร์สองรูปแบบ ทั้งโคลน และเจล พร้อมเม็ดสครับเล็ก ๆ ให้ฟองกำลังดีนี้มันทำให้เราเคลิ้มจนลืมเรื่องป้ายราคาไปเลย

THREE : Balancing Foam (100g / Baht) เราจะใช้โฟมตัวนี้หลังจากใช้ออยล์ล้างหน้าจากในแบรนด์เดียวกันเท่านั้น ปกติเราจะไม่ค่อยใช้โฟมล้างหน้าแบบ Soap Base เพราะมันจะรู้สึกแห้งไป แต่โฟมตัวนี้ให้ฟองที่นุ่มเนียนราวโฟมโกนหนวดโดยใช้ปริมาณแค่เล็กน้อย และเมื่อใช้หลังจากออยล์ล้างหน้าที่เขาทำมาคู่กันแล้วให้ฟีลกำลังดีเลยล่ะ ที่สำคัญคือเรารักกลิ่นหอม ๆ ของแบรนด์นี้สุด ๆ



Facial Scrub

Fresh : Black Sugar Face Scrub (100g / Baht)

โคตรเริ่ด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ สครับน้ำตาลเม็ดละเอียดไม่บาดผิว เนื้อครีมมี่เนียนนุ่มหอมน่ากิน สครับผิวเสร็จก็ทิ้งเอาไว้ 5 – 10 นาทีเป็นมาส์กหน้าแล้วค่อยล้างออก ผิวจะนุ่มมมมมมมมมม นี่เป็นสครับน้ำตาลสำหรับผิวหน้าที่ดีที่สุดที่เราเคยสัมผัสมาจนถึงปัจจุบันนี้ ควรลอง!!!


Toner / Water Lotion



Algenist : Hydrating Essence Toner (150ml / )

ป้าพอลล่าทำโทนเนอร์มาได้ดีงามจนยากจะหาอะไรมาเทียบได้ แต่ถ้าเบื่อป้าพอลล่าเราก็มี Alienist เป็นตัวเลือกที่ราคาพอ ๆ กันเลยล่ะ โทนนอร์ตัวนี้เหมาะกับทุกสภาพผิว ส่วนผสมดีงาม และฟีลหลังใช้ก็สบายผิวชุ่มชื่นแต่ไม่เหนอะหนะด้วย

Treatment Essence



Innisfree : Soybean Energy Essence [Light] (150ml / 1,500 Baht)

ปีนี้เราลองน้ำตบหลายตัว มีเพียงตัวนี้เท่านั้นที่เราใช้จนหมดขวด น้ำถั่วเหลืองหมักนี้บางเบาสบายผิว ชุ่มชื่นกว่าน้ำป้าเจี๊ยบ เรื่องความใสถึงจะไม่เท่าแต่เราว่ามันโอเคกับราคาที่เราจ่าย เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเอาถั่วเหลืองไปหมักแล้วจะได้สารอะไรเป็นพิเศษแต่ถั่วเหลืองเป็นส่วนผสมที่ดีกับผิวในหลายด้านอยู่แล้ว และยังมีส่วนผสมของ Arbutin เป็นไวท์เทนนิ่งขำ ๆ ด้วย ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมอีกต่างหาก

SK-II : Facial Treatment Essence

ราคายังขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี บ่นทุกปี แต่ก็ยังคงใช้มาตลอดเพราะว่าขวด Limited ช่วงนี้ออกมาปีละ 4 ขวดยังไงก็ต้องซื้อ

Exfoliants



Paula’s Choice : RESIST Weekly Retexturizing Foaming Treatment 4% BHA (44ml / Baht)

เป็นผลิตภัณฑ์เดียวที่เราอยากให้ป้าพอลล่าใส่น้ำหอม เพราะกลิ่นมันช่างเหมือน้ล้างปลาที่คาวเสียเหลือเกิน ตัวนี้เขาให้มาใช้เป็นทรีตเมนต์สัปดาห์ละครั้งโดยไม่ต้อล้างออก แต่ปีนี้ผิวเราไม่ค่อยเป็นสิวนัก (เพราะเรามาสก์หน้าทุกวัน) เราเลยเปลี่ยนจากการใช้ BHA2% ทาทิ้งไว้ สัปดาห์ละ 3 ครั้ง มาเป็นใช้โฟมตัวนี้ทาก่อนล้างหน้าทิ้งไว้ 15-30 นาที แล้วค่อยล้างออกก่อนจะบำรุงผิวตามปกติ ใช้สัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง เพื่อคงสภาพผิวให้เป็นสิวได้ยากหรือช่วยลดสิวอุดตันเล็กน้อยได้เป็นอย่างดี เราชอบวิธีนี้มากเพราะทำให้เราไม่ต้องกังวลเรื่องลำดับการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อัดแน่นอยู่แล้วของตัวเอง

Pre-Serum



Sulwhasoo : First Care Activating Serum EX (60ml / 2,800 Baht)

รุ่นใหม่ที่อัพเกรดเทคโนโลยีการสกัดให้ดีขึ้นแต่ส่วนตัวเราใช้แล้วก็ไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่ ยังคงดีงามตามท้องเรื่องเฉกเช่นแบบเดิมที่เราเคยรัก ตัวนี้เหมาะมากสำหรับคนที่การไหลเวียนใต้ผิวไม่ดี สีผิวที่ซีกเซียวไม่สดใส นวด ๆ แล้วมันจะดีขึ้น

OLAY : Miracle Boost Youth Pre-Essence (40ml / 899 Baht>

เราดีใจมากเลยที่ OLAY หลุดจากกรอบของเซรั่มเนื้อซิลิโคนลื่น ๆ มาได้เพราะมันหมดยุคไปแล้ว เอสเซนส์ตัวนี้บางเบาและช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวมให้ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรืองโทนผิว ความเรียนเนียน แม้ราคาค่าตัวเราจะเห็นว่ามันสูงไปหน่อยสำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มแมสและส่วนผสมที่ได้ แต่เราใช้แล้วก็รู้สึกดีกับมันนะ

Moisturizer

Atopalm : Intensive Moisturizing Cream

เมื่อราว 7 ปีก่อน เราเคยรีวิวผลิตภัณฑ์ของเจ้าของเดียวกันที่ใช้เทคโนโลยี MLE เดียวกันนี้เอาไว้ เทคโนโลยีที่ว่านี้ทำให้โครงสร้างเนื้อครีมมีลักษณะคล้ายกับชั้นลิพิดที่ปกป้องผิวของเราตามธรรมชาติ และยังมีงานวิจัยที่สนับสนุน่ามันช่วยทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นได้จริง ครีมตัวนี้จึงช่วย Soothing และทำให้ผิวที่อ่อนแอกลับมามีสุขภาพดีได้ เนื้อครีมเข้มข้นแต่ว่ากลืนเข้ากับผิวได้ดีไม่เยิ้มหรือเหนอะไป เอาไว้ใช้ยามผิวแหกจากการทำทรีตเมนต์บ้าง ยารักษาสิวบ้างได้ดีมาก ๆ ผิวเป็นผื่นแพ้หรือผิวอ่อนแอเพราะสเตียรอยด์ตัวนี้ยิ่งเหมาะเลยล่ะ หาซื้อตามร้านขายยาใหญ่ ๆ ได้ในราคาที่ไม่แพงด้วย

Philosophy : Renewed Hope In A Jar Refresh & Refining Moisturiser

ปรบมือให้กับความกล้าหาญในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ที่เป็นไอคอ่นแบบไม่เหลือเค้าและมันก็ดีกว่ามาก ๆ เนื้อสัมผั ประสิทธิภาพ และกลิ่นที่ดีกว่าตัวเดิมแบบหาที่เปรียบไม่ได้ ความชุ่มชื่นที่กำลังดีและเนื้อที่ไม่เหนอะหนะผิวเหมาะกับคนผิวธรรมดาถึงผิวมันมากและใช้ในตอนกลางวันได้โดยไม่รู้สึกเหนอะหนะผิว

Anti-Aging



Kiehl’s : Dermatologist Solutions Precision Lifting & Pore-Tightening Concentrate (50ml / 2,950 Baht)

เซรั่มตัวนี้ช่วยให้ผิวเฟริมขึ้น แน่นขึ้น รูขุมขนดูกระชับขึ้น เนื้อเซรั่มก็ฉ่ำผิวมาก เราว่าวัย 30+ หรือคนที่เริ่มกังวลเรื่องผิวไม่กระชับ รูขุมขนกว้างจากวัยที่เพิ่มขึ้นเหมาะกับตัวนี้มาก

Biotherm : Blue Therapy Accelerated Repairing Serum (50ml / 3,600 THB)

เซรั่มสูตรใหม่ตัวนี้ดีกว่าสูตรเดิมมาก เนื้อสัมผัสหลอมละลายไปกับผิว เราเห็นได้เลยว่าโทนผิวและสภาพผิวโดยรวมมันดีขึ้น

cute press : Super Strength 10% Vitamin C Booster Serum (30ml / 499 THB)

ถ้าไม่ติดโผของปีนี้ก็แปลก วิตามินซีเสถียร 10% ในราคาไม่ถึงห้าร้อยบาท แถมยังปราศจากน้ำหอมด้วย นอกจากแพคเกจที่ไม่ค่อยสวยงามนักแล้วตัวนี้ก็ไร้ที่ติเลยล่ะ

Sulwhasoo : Timetreasure Renovating Emulsion EX (125ml /

เรารีวิวตัวเซรั่มในไลน์นี้ไปและพบว่าสิ่งที่น่าสนใจก็คือสารสกัดจากใบสนที่ไปจัดการตรงการสะสมของเสียใต้ผิวจนเป็นจุด ๆ ที่แสดงถึงอายุได้เหมือนกัน และถ้าเราอยากได้สารสกัดจากใบสนเป็นหลักโดยไม่ได้แคร์กิมมิคอื่น ๆที่ใส่ในเซรั่มมาแล้ว อิมัลชั่นตัวนี้ให้ปริมาณของสารสกัดจากใบสนที่เท่ากับเซรั่มในราคาที่ถูกกว่ามาก และเนื้อสัมผัสก็ดี ไม่เบาไป ไม่หนักไป กลิ่นก็หอมแบบสมุนไพรและใบสน ผ่อนคลายมาก ๆ

Whitening

Lancôme : Blanc Expert Melanolyser [AI] Brightening Diffusing Essence in Lotion (150ml / 2,600 THB) + Lancôme : Blanc Expert Melanolyser [AI] Intense Whitening Spot Eraser (30ml , 50ml / 3,900 THB , 4,900 THB)

เราลองใช้สองตัวนี้คู่กันเพื่อทำรีวิวและพบว่ามันเห็นผลดีอย่างน่าตกใจ รอยสิวจางลงแบบสังเกตได้ในหนึ่งเดือนโทนผิวเรากระจ่างขึ้นแบบคนทักเลยล่ะ

Garnier : Light Complete White Speed Super Essence (30ml / 299 Baht)

ถ้าโอเคกับกลิ่นน้ำหอม ใช้แล้วไมไ่ด้แพ้ นี่เป็นไวท์เทนนิ่งที่ดีมากในราคาที่ถูกอย่างเหลือเชื่อ รอยสิวจางลง โทนแดงของผิวและการอักเสบน้อยลง ที่สำคัญมันเป็นไวท์เทนนิ่งที่ทำให้ผิวดูชุ่มชื่น ไม่ได้แห้ง ๆ ด้าน ๆ เราจึงรักมาก ดีมาก มอบมงให้

Sheet Mask

LuLuLun : Daily Face Mask (42 Sheet / 1,500 Yen)

ปีนี้เป็นปีที่มาส์กหน้าด้วยมาสก์แผ่นแทบทุกวัน (ย้ำว่าแทบทุกวัน เส้นบางวันที่โคตรขี้เกียจมากจริง ๆ ก็จะไม่ได้มาสก์แผ่น แต่ก็ยังโปะสลีปปิ้งมาสก์อยู่ดี) LuLuLun เป็นหนึ่งในตัวเลือกของมาสก์ที่ราคาเป็นมิตรมากพอที่เราจะใช้ทุกวันได้อย่างสบาย ๆ (ซื้อมาจากญี่ปุ่น 42 แผ่น 1500 เยนหรือประมาณ 450 บาท ตกแผ่นละ 10.7 บาทเท่านั้น) ตัวแผ่นมาส์กอาจจะไม่ได้ดีเว่อร์หรือไซส์ฟิตพอดีกับหน้าอะไรนัก แต่ด้วยความถูก และความอ่อนโยนของสูตรผสมที่เน้นความชุ่มชื่นและความแข็งแรงของผิว แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่ทำให้ผิวเรามีสุขภาพที่ดีขึ้น ขอให้ลองสัก 1 เดือน ทำให้ได้ทุกวันแล้วผิวจะเปลี่ยน!!!




Innisfree : It’s a Real Squeeze Mask (1 Sheet / 50 Baht)

มาสก์เกาหลีสารพัดสูตร ถ้าซื้อจากเกาหลีในตอนที่มัน 10 แถม 10 มันจะถูกจนต้องแปลกใจแค่แผ่นละ 13 บาท ทำให้เราคิดว่าต้นทุนจริงๆมันราคาเท่าไหร่กันนะ!!! แผ่นมาส์กค่อนข้างแนบกับผิวได้ดีและเนื้อนุ่ม น้ำเอสเซนส์ในซองก็ฉ่ำกำลังดีไม่มากหรือน้อยไป สูตรที่แนะนำคือ Green Tea, Bamboo, Aloe ที่เหมาะกับทุกสภาพผิวและเนื้อไม่เหนอะไปสำหรับอากาศบ้านเรา ถ้าอยากได้คุณสมบัติของไท์เทนนิ่งเราแนะนำ Lemon กับ Strawberry จ้า

3CE : Water Wrapping Facial Mask (1 Sheet / 150 Baht)

แผ่นมาส์กดีเว่อร์!!! คือมันช่างนุ่มละมุนราวกำมะหยี่และขนาดมันช่างฟิตพอดีกับผิวหน้าของเราสุด ๆ สูตรผสมกลาง ๆ เน้นความชุ่มชื่นของผิว แต่ประสบการณ์ในการใช้ให้เต็ม 10 เลย



Innisfree : Soybean Energy Mask (5 Sheet / 900 Baht)

ใช้ตัวนี้คู่กับเอสเซนส์ในไลน์เดียวกันแล้วผิวจะฉ่ำมากกกกกกกก เราชอบผิวฉ่ำ ๆ ความใสของผิวมันมาจากไอ้ความฉ่ำทะลุพิกัดของผิวนี่แหล่ะ



For Beloved One : Hyaluronic Acid GHK-Cu Moisturising Bio-Cellulose Mask

เป็นมาสก์ที่ราคาสูงเลยล่ะ แต่นี่เป็นหนึ่งใน Bio-Cellulose Mask ที่หนามากทำให้มันแปะลงบนผิวได้ง่ายและติดผิวดีมาก ทำให้เราสามารถมาสก์และทำกิจกรรมอื่นได้โดยไม่ต้องกลัวมันจะหลุดจนต้องนอนเป็นผักขยับไม่ได้ ไปกดสิวมาหรือทำเลเซอร์ทำทรีตเมนต์เอาตัวนี้แปะได้เลยเพราะมันอ่อนโยนและคอปเปอร์เปปไทด์ก็จะช่วยเสริมการเยียวยาผิวและบาดแผลได้เป็นอย่างดี ความเย็นจากเนื้อมาสก์จะช่วยทำให้สบายผิวและลดความร้อนของผิวด้วย เราแนะนำให้ใช้เป็น SOS Mask หลังทำทรีตเมนต์ เลเซอร์เลย

Rinse-off Mask

Anne Semonin : Mineral Mask (75ml / 2,700 Baht)

มาส์กป้าอานน์รุ่นใหม่ราคาถูกลง ปริมาณมากขึ้นและใช้ง่ายขึ้น แถมเนื้อมาสก์ไม่แห้งระหว่างการเก็บด้วย ช่วงโปรโมชั่นดี ๆ ราคาถูกเท่ากับซื้อที่เมืองนอกเลยทำให้ปีนี้เราใช้มันบ่อยขึ้นมากเลยล่ะ

THREE : Purifying Clay Mask (120g / )

มาสก์โคลนเนื้อแน่น แห้งไว ไม่ต้องรอเป็นชาติกว่าจะแห้ง ช่วยดูดซับน้ำมันส่วนเกินในรูขุมขนได้ดี๊ดีสำหรับวันที่อยากให้หน้ามันช้าลงหน่อย หรือในคืนที่กลับมาจากเผชิญภาระอันหนักหน่วงมาทั้งวันก็ต้อง Deep Clean ผิวกันบ้าง

GlamGlow : PowerMud

ชอบเพราะกลิ่นแพร์อีกแล้ว มันเป็นมาสก์โคลนที่ไมไ่ด้โคลนจ๋า ยังคงให้ความชุ่มชื่นกับผิวบ้าง และตอนล้างก็เป็นสครับขัดหน้าได้ ผิวสดใสและฟีดกู๊ดหลังใช้ ความสุขพุ่งทะลุพิกัด

Leave-On Mask / Sleeping Mask




DrGL : Restore Gel Mask (100ml / 1,250 Baht)

เราเห็นแบรนด์นี้ครั้งแรกตอนไปสิงคโปร์ซึ่งมันดูน่าสนใจแต่ราคาผลิตภัณฑ์โหดร้ายจนเกือบต้องหมอบการ์ดยอมแพ้ในมือตั้งแต่ยังไม่ได้ลอง แต่มาสก์ตัวนี้ราคาย่อมเยาว์แบบเข้าถึงได้และส่วนผสมก็เข้าท่าทีเดียวเลยซื้อมาลองและพบว่ามันดีอ่ะ จะใช้เป็นมาสก์เจลลดความร้อนของผิว ใช้เป็นมอยซืเจอไรเซอร์สำหรับผิวมัน หรือใช้เป็น Sleeping Mask ก็ดีงามมาก มันเด่นเรื่องการปลอบประโลมและลดการอักเสบของผิว ใครที่ผิวแดงง่ายหรือเป็นสิวอักเสบขอให้โปะมันเข้าไป มันช่วยเสริมไปกับการใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวได้ดีทีเดียว

Dr.Ci:Labo : Aqua-Collagen-Gel Super Sensitive (50g. / 1,690 THB)

จริง ๆ แล้วมันเป็นมอยซ์เจอไรเซอร์เนื้อเจลครีมที่เรารู้สึกเนื้อมันไม่เวิคที่เราจะใช้ในตอนกลางวัน (ฉ่ำเกินไปสำหรับสภาพผิวเรา) แต่มันแจ่มมากถ้าจะโบกเป็น Sleeping Mask ในตอนกลางคืน สารพัดสารเสริมความแข็งแรงของผิวชั้นนอกและตัวอุ้มความชุ่มชื่นทำให้ผิวเราอิ่มเอิบฟูและเด้งดึ๋ง มันเจ๋ง!!!

Giorgio Armani : Crema Nera Extrema Supreme Recovery Balm

เป็นของฝากจากพี่สาวที่รัก บาล์มตัวนี้ทำให้ผิวที่ทรุดโทรมเหนือยล้างจากการนอนพักผ่อนไม่พอกลับมาดูดีขึ้นได้ คนอายุ 30 หรือ 40 + ที่ผิวมักจะแห้งกร้านขาดน้ำเพราะความเครียด นอนดึก พักผ่อนไม่เป็นเวลา มีเงินและอยากใช้เงินเพื่อความสุขของตัวเองบ้าง ตัวนี้ตอบโจทย์ได้ ยังไม่มีเคาน์เตอร์ในไทยใครสนใจต้องไปตำที่ดิวตี้ฟรีนะจ๊ะ

Daily 
Sunscreen

La Roche-Posay Uvidea EX Aqua Fresh Gel SPF50 PA++++

L’Oréal Paris : UV Perfect Aqua Essence [HA] Advance 12H UV Protector SPF50+ PA++++

สองตัวนี้คือแฝดเกือบเหมือนในแง่ของสารกันแดดที่ยอดเยี่ยมและเนื้อสัมผัสที่ตอบโจทย์กับสภาพอากาศของเมืองไทย ถึงแม้ La Roche-Posay จะราคาสูงกว่าหลายเท่า แต่มันไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมและไม่มีสารที่ทำให้เย็นผิว เราจึงยอมจ่ายเงินมากกว่าเพื่อสิ่งที่ดีที่สุด (แต่ถ้าอยากประหยัดและไม่ได้อะไรกับน้ำหอมหรือสารเย็นๆ ผิว เวอชั่น L’Oreal ก็เพียงพอแล้วกับกันแดดคุณภาพดีสักตัวเพื่อใช้ประจำวัน)

Garnier UV Complete Whiten & Protect Daily Sunscreen SPF50+ PA++++ (30ml / 249 Baht)

– Kiehl’s Ultra-Light Daily UV Defense SPF50 PA++++ (30ml / 1,400 Baht)

แฝนเกือบเหมือนอีกคู่อันเป็นกันแดดสิ้นคิดของเรา คิดไม่ออกบอกไม่ถูกเราจะใช้กันแดดตัวนี้ เพราะปลอดภัย ทาแล้วหน้ามันนิดหน่อยแต่ตบแป้งฝุ่นเอาผิวก็พร้อมแล้ว เวอร์ชั่นของ Kiehl’s มีสารบำรุงมาให้เยอะกว่า และเนื้อที่บางเบาเกลี่ยบนผิวได้ละมุนกว่า Garnier หน่อยนึง ถ้าไม่ติดเรื่องแบรนด์หรือคิดว่าความต่างที่ว่ามาไม่ได้ดึงดูดมากพอให้เราต่ายเงินมากกว่าราว 4 เท่าตัวได้ ขอให้ใช้ของที่ถูกกว่าแทน

ALLIE EX UV Protector Gel (Mineral Moist Neo) SPF50+ PA++++ (25g / 550 Baht – 90g / 1,150 Baht)

มันคือเพชรในตมอ่ะคุณ เป็นกันแดดที่ดีมากในทุกด้าน เนื้อสัมผัส สารกันแดด การเซ็ทตัว ไม่มีน้ำหอม ราคาต่อปริมาณก็เข้าถึงได้ แต่ไม่ได้รับโปรโมทใด ๆ ทั้งสิ้น กันแดดตัวนี้แม้จะเซ็ทตัวแบบดิวอี้ลุคฉ่ำผิว แต่มันไม่ได้เพิ่มความมันนะ แถมยังช่วยให้หน้ามันน้อยลงในระหว่างวันด้วย (จริงๆ เราจะแนะนำให้ลงมอยซ์เจอร์ดี ๆ ก่อนใช้กันแดดตัวนี้ด้วยความที่มันช่วยเรื่องลดความมันระหว่างนี่แหล่ะ) ถ้าไม่ชอบลุคดิวอี้ที่มันให้มาลงแป้งฝุ่นบาง ๆ ทับ ก็อยู่ได้ทั้งวันแล้ว ข้อเสียอย่างเดียวคือมันไม่เข้ากับเซรั่มหรือมอยซืเจอไรเซอร์เนื้อลื่น ๆ หรือเซ็ทตัวเป็นฟิลม์เพราะมีโอกาสเป็นขุยได้ แต่ใช้กับสกินแคร์แบบญี่ปุ่นที่มักเป็นเบสน้ำ ๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา

Clinique For Men : UV Defense SPF50 PA++++ (30ml / 1,700 Baht)

กันแดดตัวนี้เป็นแบบ Physical 100% มันจึงปลอดภัยกับผิวที่บอบบางมากและใช้ได้แม้กับรอบดวงตา (ซึ่งเป็นการใช้งานหลัก ๆ ของเราจากกันแดดตัวนี้) ถึงแม้จะเคลมว่ามัน Invisible หรือบางเบามากแต่ยังไงมันทำให้ผิวก็ขาวขึ้นบ้างเหมือนกันซึ่งอาจจะเป็นปัญหาสำหรับคนที่ผิวค่อนข้างเข้ม แต่กับผิวรอบดวงตาที่มักต้องการเอฟเฟคเพื่อปรับให้ความหมองคล้ำมันดูสว่างขึ้นแล้วมันหมาะมาก และสำหรับคนที่ผิวขาวหน่อยกันแดดตัวนี้ทำให้ผิว Glow ดีทีเดียว เนื้อกันแดดไม่ได้แห้งหรือแมทเท่าไหร่ แต่การลงแป้งฝุ่นแบบไร้สีก็ช่วยลดตรงนี้ไปได้ และเมื่อน้ำมันนผิวออกมาผสมผิวมันจะสวยอ่ะ เด้ง ๆใส ๆ

Outdoor Sunscreen

La Roche-Posay : Anthelios XL Fluid SPF50+ / PPD42 / PA++++ (50ml /1,400 Baht)

ไม่ว่าใครจะพูดยังไง นี่เป็นกันแดดที่เรายอมรับและมั่นใจให้ปกป้องผิวของเรายามไปออกกิจกรรมกลางแจ้ง ไปเล่นน้ำ หรือไปทะเล สารกันแดดเสถียรมาก ให้การปกป้องที่ดีมากโดยพยายามลดสารกันแดดแบบเคมีให้น้อยลงเพื่อให้เหมาะกับผิวที่บอบบาง เนื้อสัมผัสที่ดี กันน้ำดี ทาในปริมาณที่ถูกต้องและทาซ้ำตามความเหมาะสม ผิวไม่ดำหรือไหม้เลย

Shiseido : Perfect UV Protector SPF50+ PA++++ (50ml / )

กันแดดตัวนี้กลืนเป็นหนึ่งเดียวกับผิวและไม่ทำให้ผิวมันวาวเลย ตัวนี้เราจะใช้วันที่ต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งแต่ยังต้องการความบางเบาสบายผิว อยากได้กันแดดที่ดี ทนน้ำและเหงื่อดี และไม่ขาวลอย เนื้อสบายผิว ต้องลองตัวนี้






Base Makeup



Giorgio Armani : Maestro Fusion Makeup SPF 15

ต้นกำเนิดเมคอัพชิ้นนี้มาจาก มร.อาร์มานี่ นำผ้าไหมชั้นดีมาให้กับทีมวิจัยและบอกว่าถ้ารองพื้นชนิดใหม่ไม่สามารถให้สัมผัสบางเบาละมุนผิวดุจผ้าไหมนี้ได้ ก็ไม่ต้องมาคุยกัน มันคือความท้าทายขั้นสุดยอดแต่ก็เป็นจริงได้ รองพื้นตัวนี้บางเบามากแทบจะไม่ปกปิดใด ๆ แต่กลืนเป็นผิวของเราจริง ๆ ที่สวยขึ้น!!! เราจะใช้สกินแคร์พื้นฐานที่เน้นความชุ่มชื่นของผิวแล้วก็ลงรองพื้นตัวนี้ด้วยมือเกลี่ยให้ทั่วและไม่ต้องลงแป้งฝุ่น พอน้ำมันตามธรรมชาติของผิวเริ่มขับออกมามันจะหลอมรวมกันกับรองพื้นให้ผิว Glow สวย ใส ตอนไปถ่ายงาน SK-II ที่หลายคนหลังไมค์มาถามว่าใช้อะไรทำไมผิวในวีดีโอมันใสมาก คือผิวเราก็ต้องมีพื้นฐานที่โอเคอยู่แล้วแต่นี่คืออาวุธลับที่ทำให้มันดูดีสุด ๆ ยังไงล่ะ!!!

 นี่ไม่ใช่รองพื้นสำหรับคนที่แสวงหาการปกปิดผิวที่เรียบเนียนไร้รอยตำหนิ ไม่เหมาะกับคนที่คิดว่ารอยร่องจุดด่างดำที่ไม่เรียบเป็นสิ่งน่าอาย แต่เหมาะกับคนที่ยอมรับว่าความงามไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบไร้จุดตำหนิและอยากได้ผิวที่เป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง

THREE Ultimate Diaphanous Loose Powder

ยังคงเป็นแป้งฝุ่นในดวงใจและเป็นที่รักมากขึ้นเมื่อปีนี้เขาออกรุ่น Colourless ที่ไม่เปลี่ยนสีของิวหรือรองพื้นที่เราทาลงไป มันเป็นธรรมชาติมากจริง ๆ เราใช้แป้งฝุ่นเพื่อกลบความเงามันจากสกินแคร์และดันแดดที่เราทาลงไปแต่เราไม่เคยคาเหวังใ้มันดูานหรือแมทตลอดวัน และช่วงที่เราชอบผิวของเราที่สุดคือตอนที่น้ำมันของผิวมาผสมกับผงแป้งแล้วมันดูดิวอี้มีน้ำมีนวลมากเลยล่ะ

Lip Care



La Mer : The Lip Balm

เคยใช้มานานแล้วและก็เฉย ๆ คือไม่ได้แย่แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าขาดไม่ได้และราคาก็แพงไปที่เราใช้สำหรับลิปบาล์มสักอันนึง แต่ด้วยเหตุผลที่ 18+ นิดหน่อย เราพบว่ามันเป็นลิปที่ช่วยทำให้ปากเรายังคงสภาพดีได้ในระดับที่ลิปตัวอื่นที่เราลองใช้มายังทำไมไ่ด้ขนาดนี้ แถมกลิ่นเหมือนหมากฝรั่งมิ้นและรสหวานหน่อย ๆ ก็ทำให้รสจูบเรามีเสน่ห์อีกด้วย และตอนที่ปากเราแพ้ลิปบาล์มตัวใหม่ที่เคลมว่าเป็นธรรมชาติ 100% และเป็นออร์แกนิคกว่า 99.8% ก็ได้ลิปบาล์มลาแมร์ซึ่งใช้เบสจากปิโตรเลียมเจลลี่ที่สาวก Natural Skincate ร้องยี้หรือเบะปากมาช่วยเอาไว้ได้ ทำให้ปีนี้เราเสียเงินซื้อมาเป็นตลับที่ 2 แล้ว


Body Care



Fresh : Sugar Lemon Bath & Shower Gel

เจลอาบน้ำกลิ่นหอมสะอาด มันสดชื่นมาก ล้างแล้วไม่แห้งตึง แอบมีลื่นๆ เป็นมอยซ์เจอไรเซอร์คลุมผิวหน่อย ๆ กลิ่นหอมติดผิวกายกรุ่งจาง ๆยามได้ดอมดมใกล้ ๆ ชอบมากกกกกกกกก

Fresh : Cocoa Body Exfoliant

ไม่รู้จะบรรยายความฟินในตอนที่ใช้ตัวนี้ได้ยังไง ในฐานะของคนที่รักช็อคโกแลตสุดหัวใจเราแทบจะแทะแขนตัวเองตอนขัดตัว ล้างออกได้ง่ายและผิวก็นุ่มหลังใช้ด้วย


The Body Shop : Early-Harvest raspberry Body Scrub

เราชอบสครับตัวนี้เพราะว่ามันอ่อนโยนกับผิว ใช้ง่าย เนื้อเจลล้างออกง่าย กลิ่นราสเบอรี่ที่เรารัก และดีต่อโลกใบนี้ด้วยเพราะว่าเม็ดขัดผิวมาจากธรรมชาติทั้งหมดไม่ใช่เม็ดบีดส์พลสติกที่เป็นมลภาวะต่อแหล่งน้ำ

THREE : Concentrated Body Serum

มันเป็นมอยซ์เจอไรเซอร์สำหรับผิวกายที่เนื้อเหลวเหมือนโลชั่นน้ำ ใก้การคลุมผิวบางเบาแต่ว่าทำให้ผิวนุ่มเนียนและใสขึ้น หลังอาบน้ำเช็ดผิวหมาด ๆแล้วลงตัวนี้ทันทีจะเป็นวิธีที่ดีและประหยัดที่สุด ที่เราติดใจที่สุดคือมันไม่ให้ฟีลที่เหนอะหนะผิวเลย กลิ่นหอมอ่อน ๆ ทำให้เราผ่อนคลายและหลับสบายด้วย

Bioré :UV Aqua Riche Watery Gel SPF50+ PA++++

SPF สูง PA สี่บวก เนื้อสัมผัสดีไม่เหนอะหนะ ไม่ขาวลอย ทาซ้ำระหว่างวันได้ง่าย ปริมาณต่อราคาไม่แพงเกินไป ถ้าไม่น้ำหอมด้วยจะเป็นกันแดดทาตัวในอุดมคติเลยล่ะ เหมาะสำหรับใช้ประจำวันทั่วไป

Fragrance



Jo Malone : Blackberry & Bay Cologne

เป็นกลิ่นชอบที่สุดในบรรดา Jo Malone ทั้งหมด ลองจินตนาการถึงผลแบล็คเบอรี่ฉ่ำ ๆ พร้อมกลิ่นใบกระวานสดในไร่หลังฝนตก นั่นแหล่ะ ใช่เลย!!!

Fresh : Hesperides Grapefruit Eau De Parfum

น้ำหอมของ Fresh เป็นน้ำหอมที่น่ามหัศจรรย์อยู่อย่างหนึ่งคือมันไม่มี ท็อป มิดเดิล และเบสโนต คือฉีดตอนแรกเป็นยังไงกลิ่นมันก็จะเป็นอย่างนั้น และฉีดเยอะกลิ่นก็ไม่ฉุนหรือหนักไป ยังคงให้ความรู้สึกเบาสดชื่น สมกับชื่อ Fresh ของแบรนด์จริง ๆ เราชอบกลิ่นตระกูลส้มและนี่ก็เป็นน้ำหอมตระกูลส้มที่คลีนสะอาดบางเบาล่องลอยในอากาศในแบบที่เราชอบ

Hair



 Care

Boots Botanics : Intensively Hydrating Shampoo & Conditioner

แชมพูและครีมนวดสูตรปราศจากซิลิโคนที่ใช้แล้วผมไม่แห้ง ราคาเป็นมิตรและมีโปรโมชั่น 1 แถม 1 อย่างน้อยหนึ่งครั้งในรอบปี ใครใช้แชมพูและครีมนวดแล้วชอบเป็นสิวขึ้นหนังหัวหรือกรอบหน้าขอให้ลองตัวนี้

Nioxin : Haircare System No.5

เราซื้อมาลองหลังจากที่ไปทำทรีตเมนต์บำรุงหนังศีรษะเพราะตอนที่เขาสะผมให้เราด้วยตัวนี้มันสบายหนังศรีศะดีและผมก็นุ่ม ที่สำคัญคือกลิ่นมันดีมาก เป็นกลิ่นที่สดชื่นและไม่แบ่งเพศ ชายก็ใช้ได้ หญิงก็ใช้ดี ตุ๊ดใช้ก็ชอบ เราใช้มาจนจะหมดขวดแล้วละพบว่ามันก็ไม่ทำให้เราสิวขึ้นนะ ตัวแชมพูไม่มีซิลิโคน แต่ครีมนวดมีซิลิโคนบ้าง โดยรวมฟีลมันจึงพอดีกับเราทีเดียวล่ะ ส่วนตัว Hair Tonic ก็ช่วยให้หนังศีรษะโดยรวมเหมือนมันบาลานซ์ขึ้น เราไม่ค่อยคันหัวและผมก็แข็งแรงดี เขาบอกว่าโทนิคช่วยกระตุ้นการไหลเวียนใต้ผิวเพื่อให้มันมาบำรุงรากผมลดการผมร่วงได้ซึ่งเราเชื่อ เพราะเราเคยฉีดโทนนิคนี้แล้วไหลย้อยมาที่คอ อก และหลัง ผิวเราแกงตามแนวที่มันไหลไปเลยล่ะ

Beauty Gadget




Clarisonic : SMART Profile

มันคือตัวแม่ของแปรงทำความสะอาดผิว มันดีงาม มันใช้กับหัวแปรงได้ทุกชนิดตั้งแต่ผิวหน้า ผิวกาย และเท้า ระบบการบอกสปีดที่ชัดเจนทำให้เราใช้งานง่ายขึ้นมากด้วย มันเลิศแค่ไหนให้ดูจากวีดีโอได้เลย