เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2555 ที่ผ่านมา ปูเป้รู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้ไปทำความรู้จักกับแบรนด์ที่หลาย ๆ คนเฝ้าภาวนาและรอคอยให้เข้ามาเมืองไทยมานาน นั่นก็คือ Sulwhasoo นั่นเอง ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่ปูเป้ได้รับทราบข้อมูลและทำความรู้จักกับแบรนด์นี้ โดยได้รับเกียรติจากคุณเจนนี่ Sulwhasoo Brand Manager ประจำประเทศไทย จึงขอเอามาเล่าให้ทุกคนได้รู้จักแบรนด์ Sulwhasoo กันมากขึ้นด้วยจ้า
เรื่องราวของแบรนด์ Sulwhasoo นั้นได้เริ่มหยั่งรากเอาไว้ตั้งแต่ 46 ปีที่แล้ว เมื่อคุณ Sung-Whan-Suh ได้นำ “โสม” วัตถุดิบอันเลื่องชื่อของย่านนัมมุน, แคซอง อันเมืองเกิดของเขา ซึ่งได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นโสมที่มีคุณภาพดีที่สุดในเกาหลี มาศึกษา พัฒนา และได้ก่อตั้งบริษัท Amorepacific เพื่อผลิตครีมโสมจำหน่ายเป็นครั้งแรกในปี 1966
ในปี 1973 บริษัท Amorepacific ได้เป็นเจ้าแรกที่นำสาร Saponin ของโสมมาสกัดเพื่อใช้ในเครื่องอางโดยใช้แบรนด์ชื่อว่า SAMMI ซึ่งเริ่มจำหน่ายครั้งแรกในปี 1975 ต่อมาในปี 1978 ได้มีการเพิ่มส่วนประกอบในการฟื้นฟูผิวลงไปในผลิตภัณฑ์ และเริ่มเป็นที่มาของคำว่า “ซอลฮวา” อันแปลว่าว่า “หิมะงาม” ปี 1997 มีการปรับปรุงสูตรโดยใช้สมุนไพรคุณภาพสูง และเปลี่ยนชื่อเป็น Sulwhasoo (โซล-วา-ซู)
Sulwhasoo ใช้หลักโบราณที่เรียกว่า Sangseng (ซั่ง-เส็ง) ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจจากธรรมชาติของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของมนุษย์และธรรมชาติ จากภายในและภายนอก เฉกเช่นเดียวกับหลักความสมดุลและกลมกลืนของพลังงานในขั้วตรงกันข้ามของหยินและหยาง
ชาวเกาหลียังมีทฤษฏี “วัฏจักร 7 ปี” ที่อธิบายว่าร่างกายของเราจะเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอกในทุก ๆ 7 ปี ยกตัอย่างเช่นวัฏจักรรอบที่ 5 เมื่ออายุ 35 ปี สัญญาณแห่งความร่วงโรยจะมากขึ้น และเมื่ออีก 7 ปีผ่านไป เส้นผมจะเริ่มเป้นสีเทาและริ้วรอยจะมากขึ้นอย่างสังเกตได้
หลักการทั้งหมดนี้เป็นที่มาของการเสาะแสวงหาสมุนไพรเพื่อที่จะเสริมสร้าง นำสมดุลแห่งร่างกาย จิตใจ และผิวพรรณตามแบบฉบับของ Sulwhasoo
Jaeumdan (จา-อึม-ดัน)เป็นส่วนผสมหลักตามแบบฉบับดั้งเดิมของ Sulwhasoo อันประกอบไปด้วยสมุนไพรเกาหลี 5 ชนิด ได้แก่ รากโบตั๋นจีน อันอุดมไปด้วย Tannin และ Paeoniflorin ที่ช่วยลดการอักเสบหรือระคายเคืองผิว บัวหลวงอินเดียให้ผิวชุ่มชื้นสุขภาพดี ว่านหางจรเข้อุดทด้วยแร่ธาตุให้ผิวยืดหยุ่นกระชับ ดอกลิลลี่ขาวให้ผิวดูกระจ่างใส และรากโกฐขี้แมวที่ช่วยลดปัญหาผิวหมองคล้ำ ส่วยผสมของ Jaeumdan เปรียบเสมือนหัวใจของ Sulwhasoo ในการสร้างสมดุลของพลังงานเพื่อผิวเปล่งประกายจากข้างในอย่างงดงาม
Jaeumbowedan (จา-อึม-โบ-วี-ดัน) เป็นส่วนผสมของสมุนไพรเกาหลี 7 ชนิดเพื่อช่วยเสริมพลังให้กับ Jaeumdan ในการสร้างสมดุลของหยินและหยาง ได้แก่ รากโบตั๋นจีนที่ช่วยบรรเทาอาการอักเสบและระคายเคืองผิว ลูกเดือนที่อุดมไปด้วยโปรตีนและกรดอะมิโนอันเป็นอาหารสำหรับผิว Yai Jiu Hua มีธาตุเย็นช่วยลดปัญหาผิวจากความร้อน Ladaybells ลดความแห้งกร้าน Satsuma Mandarin ช่วยขจัดสิ่งอุดตันผิว Koban ให้ผิวละมุนละไม และ Matrimony Vine ช่วยลดความร้อนให้กับผิว
นอกจากนี้ยังมีการนำสีทั้ง 5 ที่เป็นสีประจำชาติซึ่งจะพบได้ในสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมดั้งเดิมของเกาหลีมาใช้เพื่อสะท้อนถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในแบรนด์ได้อย่างลงตัว ทำให้ Sulwhasoo เป็นแบรนด์ชั้นสูงของเกาหลีที่ผสมผสานภูมิความรู้ของแพทย์แผนโบราณ สารสกัดจากสมุนไพรที่หลากหลาย เทคโนโลยีทางวิทยศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม ปรัชญา และจิตวิญญาณของเกาหลีเข้าไว้ด้วยกัน
ส่วนตัวปูเป้คงต้องขอบอกว่า แค่ได้ฟังประวัติและความเป็นมาของแบรนด์ Sulwhasoo เท่านี้ ก็รู้สึกอยากลองอยากใช้เต็ม Max เพราะว่าคอนเซปต์ เรื่องราวของผลิตภัณฑ์นั้นดูดีมาก เรียกได้ว่าต่างจากแบรนด์เกาหลีที่เคยสัมผัสมาโดยสิ้นเชิง สมแล้วที่เป็นแบรนด์ชั้นสูงอันดับ 1 ของเกาหลี
เมื่อมาถึงหัวใจของงานในวันนี้ อย่างการทำทรีตเมนต์กับ Sulwhasoo Spa Program ที่มีความละเอียดอ่อนและขลังราวกับพิธีกรรม โดยจะเริ่มตั้งแต่การเลือกกลิ่นน้ำมันหอมทั้ง 4 กลิ่นเพื่อให้เราเลือกกลิ่นที่ตรงกับความรู้สึกในตอนนั้นมากที่สุด ซึ่งกลิ่นที่เราเลือกจะทำให้ Therapist ทราบได้ทันทีว่าเรากำลังมีสภาวะแบบใด เช่นต้องการผ่อนคลาย หรือเพิ่มความสดชื่น เป็นต้น โดยจะการเปิดเสียงเพลงตามอารมณ์ของเรา รวมถึงการเตรียมชากลีบดอกไม้และสมุนไพรที่เหมาะอีกด้วย
ตลอดการทำทรีตเมนต์ที่ใช้เวลาชั่วโมงนิด ๆ เทคนิคของ Therapist ชาวเกาหลีนั้นแพรวพราวมาก มือของพวกเธอนั้นนิ่มมาก การสัมผัสผิวมีการลงน้ำหนักเมื่อต้องการไล่ของเสียและกระตุ้นการไหลเวียน แต่ในอีกขั้นตอนนั้นกลับให้สัมผัสที่แผ่วเบาราวกับผิวของเราเป็นกระจกบางใสที่จะแตกได้ ความใส่ใจทุกรายละเอียดนั้นดูได้แม้กระทั่งอุณหภูมิของฝ่ามือ Therapist ก็มีการปรับอุณภูมิให้อุ่นพอดีด้วยการเอามือไปประคบกับผ้าอุ่นก่อนที่จะมาประคบที่ผิวหน้าของเรา
อุปกรณ์พิเศษชิ้นหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ในการนวดหน้า ก็คือ “แหวนหยก” ซึ่งหยกเป็นอัญมณีที่ให้สัมผัสเย็นบนผิว เนื้อหยกชั้นดีและเรียบสมบูรณ์แบบนั้นนวดผิวโดยไม่ดึงรั้งผิว แต่ในขณะเดียวกันก็กระตุ้นการไหลเวียนและช่วยขับของเสียไปตามระบบต่อมน้ำเหลืองได้ ช่วงที่รู้สึกมากที่สุดคือตอนที่เขาวนทั้งหน้า ไล่มาตรงแก้มและแนวกราม กลับเข้าไปที่แถวใบหู มันมีความเจ็บจี๊ด ๆ เล็ก ๆ ใต้ผิวที่ปูเป้รู้สึกเลยว่าของเหลวใต้ผิวถูกไล่และถูกขับออกไปตามจุดน้ำเหลือง และเมื่อการนวดในขั้นนั้นจบลง จะรู้สึกโล่งและสบายผิวขึ้นมาก อาการบวมน้ำที่ทำให้ให้หน้าบานเพราะพึ่งตื่นนอนได้ไม่นานก็ลดลง รูปหน้าจึงดูเป็นทรงขึ้น
ในระหว่างที่มีการมาส์กที่ต้องทิ้งเอาไว้ เวลาก็ไมได้ถูกปล่อยให้เสียเปล่า เพราะมีการนวดศรีษะ นวดหลังและไหล่ มีการใช้ Body Cream ผสมโสมนวดแขนและมือด้วย เรียกได้ว่าไม่ได้สวยกันแค่หน้า แต่ส่วนที่มักโผล่พ้นเสื้อผ้าอย่างแขน ไหล่ คอก็สวยตามไปด้วย ที่สำคัญคือรู้สึกสบายอย่างมาก
จบการทำทรีตเมนต์ก็มีการเสริฟชาสมุนไพรให้เราดื่มด้วย นี่นับเป็นหนึ่งในการนวดหน้าที่ที่ดีที่สุดเท่าที่ปูเป้เคยลองมาเลยล่ะ ขอยกนิ้วให้
ทาง Sulwhasoo ยังมอบของขวัญเป็นชุดผลิตภัณฑ์พื้นฐานในกล่องสวยหรูให้กลับมาทดลองใช้อีกด้วย แต่ที่ปูเป้สนใจมากในตอนนี้คือคอร์สนวดหน้า ที่ให้ซื้อชุดนวดซึ่งสามารถนวดได้ 12 ครั้ง และเมื่อครบ 12 ครั้งก็จะให้นำผลิตภัณฑ์ที่เหลือกลับมาใช้ที่บ้านได้ ซึ่งตอนนี้ปูเป้ยังไม่ทราบรายละเอียดเรื่องราคา แต่กะว่าวันที่เปิดเคาน์เตอร์ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ที่เซ็นทรัลชิดลม ก็จะลองไปถามข้อมูลมาให้และอัพเดทให้ฟังกันอีกรอบจ้า
สุดท้ายนี้ปูเป้ก็ต้องขอขอบคุณทาง Sulwhasoo ที่เชิญปูเป้ไปสัมผัสกับแบรนด์และประสบการณ์แสนวิเศษจากมือเทพเจ้าของ Therapist ชาวเกาหลี หวังว่า Therapist ชาวไทยเราก็น่าจะทำได้ดีไม่แพ้กัน เพราะเรื่องนวดนี่เมืองไทยเราก็มีพื้นฐานกันอยู่แล้ว ฝากทาง Sulwhasoo เอาไว้ซะหน่อยว่าอยากให้มี Sulwhasoo Spa เต็มรูปแบบในไทยเหมือนกับที่ต่างประเทศบ้างจัง