เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปร่วมการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทยของแบรนด์ AHC จากเกาหลี ซึ่ง AHC ย่อมาจาก Aesthetic Hydration Cosmetics อันมีจุดกำเนิดมาจากคลีนิคความงามชั้นนำในเกาหลีก่อนจะออกมาเป็นผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่เข้าถึงง่ายและถูกซื้อกิจการโดยกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Unilever เมื่อไม่กี่ปีก่อนนี้เอง
ในงานเปิดตัวก็มีการจัดแสดงผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ซึ่งก็มีจำหน่ายทั้งทางออนไลน์และใน Watsons ซึ่งโดยส่วนตัวปูเป้สนใจผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Minimal 10 ที่มีส่วนผสมเพียง 10 อย่างหรือน้อยกว่า เพราะว่าส่วนตัวเราจะเน้นผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนอยู่แล้ว และต้องบอกว่ากระแส Minimal Skincare กำลังบูมในเกาหลี ซึ่งถือว่าเป็นการพลิกของกระแสที่จากเดิมเกาหลีเน้นความเยอะอย่างมากขั้นตอน และเรามองว่าสิ่งนี้น่าสนใจ
ผลิตภัณฑ์ที่ทางแบรนด์ต้องการโฟกัสในการเปิดตัวนี้คือกล่องที่รวมกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นตัวขายดีและเป็นตัวชูโรงของแบรนด์ ซึ่งมีตัวหนึ่งที่อ่านชื่อแล้วก็เอียงคอสงสัยอย่าง AHC : The Real Eye Cream for Face – PURE (60ml / 880 BAHT) ซึ่งถ้าจะแปลเป็นไทยก็คงได้อารมณ์ “อายครีมที่แท้ทรูสำหรับผิวหน้า” ประมาณนี้ และจากที่เคยโพสเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ไป ก็ถามผู้ที่สนใจเข้ามาถามไถ่กันเยอะเลยว่ามันคืออะไร? อะไรคืออายครีมสำหรับผิวหน้า? ส่วนผสมเป็นยังไง? อยากจะอ่านรีวิว ปูเป้เลยจะขอมาแถลงไขให้กระจ่างทุกประเด็นในบล็อกนี้เลยทีเดียว
ว่าด้วยเรื่อง Eye Cream หรือครีมบำรุงผิวรอบดวงตากันก่อน ไม่ว่าคุณจะใช้อยู่หรือไม่ คุณจะคิดเห็นว่าจำเป็นหรือไม่อย่างไร แต่ตามหลักการแล้ว ในทางกฏหมายไม่ได้มีการนิยามหรือกำหนดประเภทผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตา (Eye Cream / Eye Serum หรืออื่น ๆ ) แยกเอาไว้ต่างหาก ดังนั้นในเชิงกฏหมายเครื่องสำอางแล้วนั้น Eye Cream ไม่ได้มีความพิเศษจาก Face Cream ไม่ได้ต้องขออนุญาตอะไรเพิ่ม ไม่ได้มีข้อกำหนดพิเศษอะไร เอกสารเดียวที่คุณต้องทำเพิ่มในกรณีที่คุณจะทำอายครีมและอยากเคลมเป็นอายครีมเพื่อผิวรอบดวงตาโดยตรง ก็น่าจะเป็นการเตรียมเอกสารการทดสอบโดยจักษุแพทย์ ว่าไม่ระคายเคืองตาหรือปลอดภัยกับผู้ที่ใช้คอนแทคเลนส์ แล้วถึงจะสามารถแปะเคลมว่า Ophthalmologist-Tested ได้บนฉลากผลิตภัณฑ์ได้ (ซึ่งไม่ใช่อายครีมทุกตัวจะมีเคลมอันนี้ด้วยนะ)
เมื่อมองในแง่ของ Formulation หรือการทำสูตรเครื่องสำอาง ก็ไม่มีการกำหนดว่าส่วนผสมไหนที่เฉพาะเจาะจงว่าส่วนผสมนี้จะใช้ได้กับผิวรอบดวงตาเท่านั้น ซึ่งถ้าคุณเข้าใจหลักการอ่านส่วนประกอบ (หรือไม่ต้องเข้าใจก็ได้) แค่พลิกส่วนประกอบข้างกล่องมาอ่านเทียบกัน คุณจะเห็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับรอบดวงตาก็ไปโผล่อยู่ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทาผิวหน้า (หรือแม้แต่ผิวกายด้วยซ้ำ)
แต่สำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่ม Makeup การแต่งแต้มสีสันนั้นอาจเป็นข้อยกเว้นในกรณีนี้เพราะบางประเทศ อย่างอเมริกา ทาง FDA มีการระบุอย่างชัดเจนว่าพิกเมนต์หรือส่วนผสมของสีอะไรบ้างที่ทางการอนุญาตให้ใช้กับรอบดวงตา ดังนั้นผลิตภัณฑ์มาสคาร่า อายชาโดว์ หรืออะไรก็ตามที่ต้องใช้กับรอบดวงตาที่จำหน่ายในอเมริกาจะต้องใช้ส่วนผสมของพิกเมนต์ที่อนุญาตตามกฏหมายเท่านั้น ซึ่งถ้าใครสนใจอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมว่าพิกเมนต์ใดที่ใช้กับรอบดวงตาได้ ก็ลองไปดูใน Summary of Color Additives for Use in the United States in Foods, Drugs, Cosmetics, and Medical Devices ได้เลย
ถ้าอย่างนั้น Eye Cream หรือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ทำแยกขึ้นมาสำหรับดวงตา คืออะไรล่ะ?
คำตอบแบบตรงไปตรงมามันคือ “การตลาด” แบบหนึ่ง สกินแคร์ที่มีความอ่อนโยน มีส่วนผสมที่ดี ไม่ระคายเคืองผิว ก็สามารถนำมาใช้กับผิวรอบดวงตาได้แม้จะไม่ได้เขียนว่าเป็นอายครีมหรือเอาไว้ทารอบดวงตาก็ตาม และในทางกลับกันคุณจะเอาอายครีมที่มีส่วนผสมดีกับผิว เอามาทาส่วนอื่นของใบหน้า ก็ย่อมทำได้ เพียงแต่มันจะเปลืองเงินมาก เพราะอายครีมมักมีราคาที่สูงกว่าในปริมาณที่น้อยกว่า แต่ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหา และคุณใช้แล้วชอบ ก็จัดเลย ไม่ได้ห้าม
ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น แม้ว่าปูเป้จะบอกข้อมูลใครดังที่กล่าวมาข้างบนต่อทุกคนที่ติดตามมาเป็นสิบปีแล้ว แต่ส่วนตัวปูเป้ก็มีการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับรอบดวงตาแยกเหมือนกันนะ เนื่องจากก็ตามข้อเท็จจริงที่ว่าผิวรอบดวงตามันค่อยข้างบางอยู่แล้ว และมักมีความแห้งกร้านได้ง่ายกว่าส่วนอื่นของใบหน้าของปูเป้ที่มีผิวผสม ผลิตภัณฑ์สำหรับรอบดวงตาที่ปูเป้ใช้แยกจึงเน้นเรื่องความชุ่มชื้นและการเคลือบผิวที่มากกว่า ไม่มีคุณสมบัติในการคุมความมัน ไม่มีคุณสมบัติในการผลัดเซลล์ (เพราะไม่จำเป็น และยิ่งทำให้ระคายเคือง)
ดังนั้นเหตุผลที่แท้ทรูในการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับรอบดวงตาแยกจริง ๆ ตามเหตุผลที่กล่าวมา จึงเป็นเรื่องของการที่สภาพผิวรอบดวงตาของเราดันมีความแห้งและความมันที่ต่างกับผิวส่วนอื่นของใบหน้า จึงจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อแตกต่างกันต่างหาก แต่ถ้าผิวรอบดวงคุณแห้งผิวหน้าคุณก็แห้ง แล้วคุณมีครีมที่อ่อนโยนดี ส่วนผสมดี เหมาะกับผิวแห้ง คุณก็ทามันไปทั้งหน้าและรอบดวงตานั่นแหล่ะ (แต่ครีมที่เนื้อหนักมาก ข้นมาก เวลาทาผิวรอบดวงตาก็อาจมีโอกาสทำให้เกิดเป็นตุ่มที่คนไทยเรียกว่าสิวข้าวสารได้นะ) อีกกรณีหนึ่งก็คือผิวหน้ามีปัญหาที่แตกต่างจากผิวส่วนอื่นและต้องการแอคทีฟที่ดูแลเจาะจง เช่นผิวส่วนอื่นคุณไม่ได้มีปัยหาริ้วรอยเลยแต่รอบดวงตามาหนักก่อนใครเพื่อน จะใช้แยกอันนี้ก็พอจะโอเคเข้าใจได้อยู่ตามหลักการ แต่สุดท้ายมันก็อยู่ที่เงินของแต่ละคนและความชอบความสบายใจของเราที่จะใช้ ปูเป้ให้ข้อมูลตรงนี้ตามหลักการแต่จะไม่ตัดสินหรือบังคับใคร
ทีนี้ความเข้าใจของคนทั่วไปก็จะเข้าใจว่า ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาสำหรับรอบดวงตา จะต้องอ่อนโยนกว่า จะต้องมีประสิทธิภาพกว่า (เพราะรอบดวงตามักเป็นจุดแรกที่แสดงสัญญาณแห่งวัย) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องถูกทำมาเป็นพิเศษ ก็คงมีคนอนุมานไปว่าผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาสำหรับผิวรอบดวงตาเมื่อเอามาทาบำรุงผิวหน้าด้วยมันก็ยิ่งต้องดีกับผิวหน้าสิ (เพราะมีความเชื่อว่าอายครีมพิเศษกว่าครีมทาหน้า) ปูเป้มองว่านี่จึงเป็นอีกแนวคิดที่ทางผู้ออกแบบผลิตภัณฑ์ได้ตั้งโพซิชั่นและออกตัวผลิตภัณฑ์ที่ตั้งชื่อออกมาแบบนี้ แต่โดยหลักการแล้วมันคือมอยซ์เจอไรเซอร์ที่เคลมว่าสามารถใช้ได้ทั้งผิวหน้าและรอบดวงตานั่นเอง ซึ่งเรามองว่ามันเป็นการบิดมุมในการนำเสนอที่ดูน่าสนใจนะ
เราจบเรื่องแนวคิด นิยาม มุมมอง และข้อเท็จจริงเชิงกฏหมายและในเชิงวิทยาศาสตร์ของสูตรเครื่องสำอางเกี่ยวกับ Eye Cream กันแล้ว ขอไปต่อกันที่ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ดีกว่า
ตัวผลิตภัณฑ์ AHC : The Real Eye Cream for Face – PURE (60ml / 880 BAHT) นั้นเคลมว่าช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น คืนความกระจ่างใส และยกกระชับแลดูอ่อนเยาว์ โดยใช้เทคโนโลยี Microemulsion ช่วยให้ส่งสารบำรุงได้ล้ำลึก เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวแม้ผิวบอบบาง
เมื่อดูที่ส่วนประกอบอันเรียงรายเป็นหางว่าว เรียกได้ว่ายาวที่สุดเท่าที่เคยทำรีวิวมา 11 ปี นั้นปูเป้จะต้องบอกว่ามันมีหลายมุมมองกับการทำผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมยาวๆ เยอะ ๆ แบบนี้
อย่างแรกคือเรื่องความปลอดภัย ส่วนผสมเยอะมาก โอกาสที่จะสุ่มไปเจอตัวที่ไม่ถูกกับผิวก็จะมีโอกาสมากกว่าผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมน้อยกว่า
อย่างที่สองคือถ้าเราใช้แล้วได้ผล มันก็ยากมากเลยที่จะรู้ว่าเราตอบสนองกับส่วนผสมกลุ่มไหนหรือตัวไหนดีเป็นพิเศษ เพราะมันเยอะไปหมด (และในทางตรงกันข้าม ถ้ามีปัญหาก็ยากมากในการตรวจเทียบว่าเราจะไม่ถูกกับส่วนผสมตัวไหนเช่นกัน)
อย่างที่สาม ในฐานะของคนที่รีวิวส่วนประกอบ เราก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะใส่ส่วนผสมเหล่านี้มาในความเข้มข้นแค่ไหน ส่วนผสมที่ใส่มาเป็นส่วนผสมที่มีประโยชน์ แต่การคาดหวังต้องมาพร้อมกับเรื่องความเข้มข้นที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ด้วย
แต่จากที่ดูแล้ว ส่วนประกอบหลักที่คาดหวังผลได้แน่ ๆ คือส่วนที่เน้นในเรื่องของความชุ่มชื้นที่ดีอย่าง Betaine และส่วนผสมของวิตามินแสนดีสารพัดประโยชน์อย่าง Niacinamide ที่พอจะคาดเดาได้ว่าอย่างน้อยก็น่าจะมีอยู่ 2% ขึ้นไป ซึ่งในความเข้มข้นระดับเราคาดหวังคุณสมบัติในการเสริมความแข็งแรงเสริมเซราไมด์ในชั้นผิวได้ ถ้ามากกว่านี้ก็ไปถึงเรื่องความกระจ่างใสได้ล่ะ
ส่วนผสมที่อยู่หลังจากนั้นน่าจะมีน้อยกว่า 1% และสามารถเรียงลำดับสลับมาอย่างไรก็ได้โดยไม่ต้องเรียงตามความเข้มข้นจากข้อยกเว้นทางกฏหมายเครื่องสำอาง จึงชักไม่แน่ใจเรื่องความเข้มข้นที่ใส่มา แต่หลัก ๆ สามารถกรุ๊ปปิ้งส่วนประกอบเหล่านั้นเป็นกลุ่มหลัก ๆ ได้แก่
ส่วนที่เป็นเปปไทด์ก็มีหลายตัวมาก อย่างพวก Palmitoyl Pentapeptide-4 กับ Palmitoyl Hexapeptide-12 และ Acetyl Hexapeptide-8 ที่เน้นเรื่องริ้วรอย Acetyl Dipeptide-1 Cetyl Ester ที่ช่วยลดความรู้สึกไม่สบายผิวจากการระคายเคือง และอีกหลายตัว แต่บอกตามตรงว่าไม่อาจแน่ใจได้เลยว่าใส่มาในความเข้มข้นมากตามที่ผู้ผลิตแนะนำรึเปล่า
ส่วนที่เป็น Skin-Identical ที่มีในผิวตามธรรมชาติ ก็จะมีเบลนด์ของสารกลุ่มเซราไมด์และไขมันจำเป็น อย่าง Ceramide NP Ceramide AP Ceramide EOP, Phytosphingosin, Cholesterol ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ดีนะ มันช่วยเรื่องความแข็งแรงของผิว
ส่วนที่เป็นตัวเน้นเรื่องความชุ่มชื้น ไม่ว่าจะเป็นสารกลุ่มน้ำตาล แซคคาไรด์ สารสกลุ่มกรดอะมิโนต่าง ๆ ที่มีหลากหลาย
ส่วนที่เหลือจะเป็นพวกสารสกัดจากพืชหลายตัวมาก มีน้ำมันสกัดจากพืชด้วย แต่เยอะมากจนจับไม่ได้ว่าหลักการและจุดประสงค์ในผลิตภัณฑ์คืออะไร
ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีส่วนผสมของน้ำหอม
Ingredients : Water, Cyclopentasiloxane, Methylpropanediol, Glycerin, Betaine, Hydrogenated Poly(C6-14 Olefin), Niacinamide, Cyclomethicone, Cetearyl Alcohol, Dimethicone, Polysorbate 60, Dioscorea Japonica Root Extract, Hydroxyethyl Acrylate/Sodium Acryloyldimethyl Taurate Copolymer, Phellinus Linteus Extract, Arctium Lappa Root Extract, Piper Methysticum Leaf/Root/Stem Extract, Saussurea Involucrata Extract, Oryza Sativa (Rice) Extract, Rhododendron Ferrugineum Extract, Collagen Extract, Pseudoalteromonas Ferment Extract, Anastatica Hierochuntica Extract, Phaseolus Lunatus (Green Bean) Seed Extract, Epilobium Angustifolium Flower/Leaf/Stem Extract, Argania Spinosa Kernel Extract, Nymphaea Alba Flower Extract, Lepidium Meyenii Root Extract, Salicornia Herbacea Extract, Hydrogenated Lecithin, Argania Spinosa Kernel Oil, Oenothera Biennis (Evening Primrose) Oil, Borago Officinalis Seed Oil, Sodium Hyaluronate, Centaurea Cyanus Flower Water, Macadamia Integrifolia Seed Oil, Elaeis Guineensis (Palm) Oil, Helianthus Annuus (Sunflower) Seed Oil, Squalane, Dimethicone/Vinyl Dimethicone Crosspolymer, Panthenol, Tocopheryl Acetate, Hydrogenated Polyisobutene, Caprylic/Capric Triglyceride, Alcohol, Polyquaternium-51, Bifida Ferment Lysate, Glycosyl Trehalose, Isononyl Isononanoate, Polyglyceryl-10 Stearate, Xanthan Gum, Hydrogenated Starch Hydrolysate, Raffinose, Biosaccharide Gum-1, Butyrospermum Parkii (Shea) Butter, Stearic Acid, Adenosine, Polyglyceryl-2 Dipolyhydroxystearate, Butylene Glycol, Lecithin, Ceramide NP, Disodium EDTA, Cholesterol, Inulin Lauryl Carbamate, Dipropylene Glycol, Schizosaccharomyces Ferment Filtrate, Sodium Palmitoyl Proline, Cetyl Hydroxyethylcellulose, Acrylates Copolymer, Disodium Stearoyl Glutamate, Rutin, Sodium Lauroyl Lactylate, Helichrysum Italicum Flower Water, Palmitoyl Tetrapeptide-7, Palmitoyl Tripeptide-1, Hydrolyzed Lupine Protein, Sorbitan Laurate, Leuconostoc/Radish Root Ferment Filtrate, Maltodextrin, Folic Acid, Hydroxydecyl Ubiquinone, Hydroxyethylcellulose, Acetyl Dipeptide-1 Cetyl Ester, Acetic Acid, Ceramide AP, VP/Polycarbamyl Polyglycol Ester, Saccharide Hydrolysate, Palmitoyl Tripeptide-5, Hydrolyzed Vegetable Protein, Lactic Acid, Hydrolyzed Sesame Protein PG-Propyl Methylsilanediol, Carbomer, Tromethamine, Ascorbic Acid Polypeptide, Copper Tripeptide-1, Acetyl Hexapeptide-8, Magnesium PCA, Sodium Lactate, 1-Methylhydantoin-2-Imide, Glycine, Glucosamine HCl, Glutamic Acid, Glutamine, Dipotassium Phosphate, Lysine, Leucine, Magnesium Citrate, Magnesium Chloride, Methionine, Valine, Serine, Sucrose, Cysteine, Citrulline, Sea Salt, Acetyl Tripeptide-1, Asparagine, Aspartic Acid, Alanine, Arginine, Ammonia, Ornithine, Urea, Uric Acid, Isoleucine, Calcium Chloride, Taurine, Tyrosine, Threonine, Tryptophan, Palmitoyl Pentapeptide-4, Palmitoyl Hexapeptide-12, Phenylalanine, Formic Acid, Potassium Hydroxide, Proline, Histidine, Ceramide EOP, Phytosphingosine, Fragrance, Hydroxyacetophenone, 1,2-Hexanediol, Ethylhexylglycerin, Caprylyl Glycol, Potassium Sorbate.
เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นเหมือนเจลครีม อาจจะดูเหมือนเบาและบาง และมีเนื้อที่เกลี่ยง่าย แต่ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ค่อนข้างฉ่ำผิวและให้ความชุ่มชื้นที่ดี และแอบเคลือบคลุมผิวจริงจังอยู่ในระดับหนึ่งทีเดียวนะ ดังนั้นจะต้องคุมเรื่องของปริมาณในการใช้ให้พอดีสำหรับคนที่มีผิวผสม แต่สำหรับคนที่ผิวค่อนไปทางแห้งก็ไม่น่าจะมีปัญหากับเนื้อผลิตภัณฑ์
การเซ็ตตัวเมื่อใช้คู่กับขั้นตอนสกินแคร์อื่น ๆ จะมีความดิวอี้ฉ่ำผิวบาง ๆ และมีความลื่นผิวพอที่จะใช้ท่านวดกระตุ้นการไหลเวียนใต้ผิวได้โดยไม่รู้สึกว่าผิวถูกดึงรั้งมากจนเกินไป ตัวนี้ค่อนข้างโดดเด่นในแง่ของการอัดความชุ่มชื้นให้ผิวซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สกินแคร์เกาหลีมักทำมาได้ดี
ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีส่วนผสมของน้ำหอม กลิ่นค่อนข้างที่จะติดทนพอสมควร และดันเป็นกลิ่นที่ส่วนตัวไม่ถูกจริตเลย ซึ่งเรื่องกลิ่นเป็นเรื่องความชอบและจริตแต่ละบุคคล อันนี้ต้องไปลองดมกลิ่นกันอีกที แต่ส่วนผสมของน้ำหอมจะเป็นส่วนผสมที่ปูเป้จะไม่ค่อยแนะนำให้มีอยู่ในผลิตภัณฑ์สำหรับบำรุงผิวรอบดวงล่ะ
โดยสรุปแล้ว AHC : The Real Eye Cream for Face – PURE ปูเป้มองว่านี่เหมาะที่จะเป็นมอยซ์เจอไรเซอร์สำหรับผิวหน้าที่เป็นผิวธรรมดาค่อนไปทางแห้ง หรือใช้เป็นมอยซ์เจอไรเซอร์บำรุงยามค่ำคืนสำหรับผิวผสมได้ เนื้อผลิตภัณฑ์น่าจะถูกใจสำหรับคนชอบอะไรฉ่ำผิว และให้ความชุ่มชื้นได้ค่อนข้างดีส่วนหนึ่งอาจจะมาจากความเป็นไมโครอีมัลชั่นของเนื้อผลิตภัณฑ์ก็ได้
การที่ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีส่วนผสมที่ดูเยอะอาจจะถูกใจผู้บริโภคบางกลุ่ม แต่ส่วนตัวมองว่าส่วนผสมบางตัวที่พอจะคาดเดาปริมาณและหวังผลได้ ซึ่งผลหลัก ๆ จะเป็นในเรื่องของการให้ความชุ่มชื้น เสริมเซราไมด์ และความยืดหยุ่นให้กับผิว และต้านอนุมูอิสระเป็นหลัก
ในอีกมุมหนึ่งการมีส่วนผสมจำนวนมากในผลิตภัณฑ์ตัวเดียวก็จะมีข้อกังวลในเรื่องของโอกาสที่จะเจอส่วนผสมที่ไม่ถูกกับผิวหรืออาการแพ้ที่เป็นอาการเฉพาะตัวของบุคคล นอกจากนี้ส่วนผสมของน้ำหอมในผลิตภัณฑ์ก็เป็นหนึ่งในส่วนผสมที่ปูเป้คาดหวังว่าจะไม่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่ระบุใช้กับรอบดวงตาด้วย ถ้าหากมีสูตรที่ปราศจากน้ำหอมเราก็จะมองว่านี่เป็นผลิตภัณฑ์ที่พอจะใช้กับผิวรอบดวงตาได้มากกว่านี้ เอาจริง ๆ ถ้าตัวนี้ไม่มีน้ำหอมหรือถ้ามีกลิ่นที่ถูกใจและกลิ่นจางไวหน่อย ก็จะถูกจริตเรามากกว่านี้ล่ะ
สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง
***Sponsored Item***
AHC : The Real Eye Cream for Face – PURE
Price : 60ml / 880 BAHT
Skin Type : Dry Skin, Normal Skin, Combination Skin
Outstanding : Hydration, Antioxidant
- ให้ความชุ่มชื้นค่อนข้างดีทีเดียว
- มีสารแอนติออกซิแดนท์และส่วนผสมให้ความชุ่มชื้นหลายชนิด
- เนื้อผลิตภัณฑ์เหมาะกับการใช้ท่านวดผิวควบคู่ไปด้วย
- มีส่วนผสมของน้ำหอม
- ส่วนผสมยิ่งมากยิ่งมีโอกาสสุ่มไปเจอตัวที่ไม่ถูกกับผิวมากขึ้น