หลังจากที่ได้รีวิวสองผลิตภัณฑ์ชั้นสูงของ KANEBO อย่าง KANEBO : The Lotion และ KANEBO : The Emulsion ไปแล้ว จะไม่พูดถึงเพชรยอดมงกุฏอย่าง KANEBO : The Cream ก็คงจะขาดอะไรไป

กลุ่มผลิตภัณฑ์ KANEBO The Exceptional นั้นถูกทำขึ้นเพื่อนำเสนอความหรูหราเป็นเทคโนโลยีขั้นสุดของแบรนด์ โดย The Cream นั้นถูกนำเสนอว่าเป็นที่สุดของการบำรุง อัดแน่นด้วยส่วนผสมและเทคโนโลยีสิทธิบัตรเฉพาะของคาเนโบเอาไว้มากที่สุดและเข้มข้นที่สุด ความหรูหราที่อยู่ในทุกรายละเอียดของการออกแบบบรรจุภัณฑ์ เนื้อสัมผัส กลิ่น  ทำให้ป้ายราคาก็พีคที่สุดด้วยเหมือนกัน

หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมผลิตภัณฑ์ที่ราคาสูงที่สุดและบำรุงเข้มข้นที่สุดของแบรนด์ถึงได้ออกมาในรูปแบบของครีม?  ทำไมการบำรุงเข้มข้นสูงสุดถึงไม่อยู่ในรูปของเซรั่มแบบที่ผู้บริโภคชาวไทยทั่วไปเข้าใจกัน?  คำตอบก็คือเป็นวัฒนธรรมและมุมมองด้านสกินแคร์ที่ต่างไปในแต่ละสังคม  ในขณะที่ไทยค่อนข้างรับอิทธิพลด้านสกินแคร์ส่วนมากมาจากฝั่งตะวันตกที่มีแนวคิดว่าสารบำรุงเข้มข้นสุดจะมาในรูปแบบของเซรั่ม  ส่วนครีมเป็นมอยซ์เจอไรเซอร์ไว้เคลือบผิว

แต่สำหรับตลาดญี่ปุ่นนั้นครีมคือตัวแทนของการบำรุงขั้นสุด เข้มข้นมากเป็นพิเศษ  หากสังเกตดูแบรนด์สกินแคร์แบบญี่ปุ่นแท้ ๆ ผลิตภัณฑ์พวกครีมมักจะเป็นสินค้าที่มีราคาเทียบกับปริมาณเฉลี่ยออกมาสูงที่สุดเพราะถูกโพซิชั่นเอาไว้ว่าเป็นการบำรุงเป็นพิเศษนั่นเอง

Product’s Formula

ในแง่เทคโนโลยีด้านส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ KANEBO : The Cream (40ml / 48,000 Baht)  เป็นชิ้นที่อัดสารบำรุงและเทคโนโลยีเอาไว้มากที่สุด โดยยืนพื้นที่ส่วนผสมของ Clear Botanical Complex ซึ่งจะเน้นไปที่ความต้องการพื้นฐานของผิวอย่างเช่นเรื่องการเสริการพัฒนาตัวและความแข็งแรงของ Skin Barrier การมอบความชุ่มชื้นกับผิวในหลายระดับ และการปกป้องผิวจากริ้วรอย อันประกอบไปด้วย

Nasturtium Officinale Extract เป็นการสกัดเอาสารสำคัญอย่าง Uronic acids ซึ่งช่วยเสริมการพัฒนาตัวของ NMF หรือสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ จากการสืบค้นสิทธิบัตรพบว่าส่วนผสมนี้คือ ODRALINE จากบริษัท  Silab

Ethyl Glucoside เป็นสิทธิบัตรเฉพาะของคาเนโบ ช่วยเสริมกระบวนการ Keratinization ของเซลล์ผิว ช่วยเสริม Barrier Function ลดการสูญเสียความชุ่มชื้นและลดความหยาบกร้านของผิว

Lactobacillus/ Pear Juice Ferment Filtrate ส่วนผสมนี้คือ  Fermentage Pear B จากบริษัท Ichimaru Pharcos ซึ่งระบุว่าสารหมักบ่มนี้มีคุณสมับติในการช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ช่วยให้ผิวมีความเรียบเนียน และผลัดความหมองคล้ำของผิวชั้นนอกออกไป

Carnitine HCL ในสิทธิบัตรของคาเนโบระบุว่าใช้เพื่อปลุกเสริมพลังงานให้กับเซลล์ผิว ส่วนผสมนี้ถูกใส่มาเพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพในการให้ความกระจ่างใส เนื่องจากมีการศึกษาที่ชี้ว่าเซลล์ผิวที่มีการสะสมตัวของเมลานินจะไปลดการแบ่งตัวของเซลล์ผิวใหม่ เมื่อผิวมีพลังในการแบ่งตัวเร่งการฟื้นฟูก็จะช่วยเร่งการผลักเอาเซลล์ที่มีเมลานินสะสมออกไปนั่นเอง

Geranium Robertianum Extract น่าจะมาจากซัพพลายเออร์อย่าง Ichimaru Pharcos ซึ่งสารสกัดตัวนี้สามารถต้านเอนไซม์ Tryptase ซึ่งถูกกระตุ้นโดยรังสี UV และไปสร้างความเสียหายให้กับ Collagen I และ IV ที่ชั้นฐานของผิวชันนอก จึงช่วยต่อต้านการเกิดริ้วรอย

ส่วนผสมอื่น ๆ ที่น่าสนใจนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ก็จะเป็นส่วนผสมที่พบได้ในผลิตภัณฑ์ประเภทเซรั่มต่อต้านริ้วรอย หรือไบร์เทนนิ่งของคาเนโบ

Methylserine หรือ N-Methyl-L-Serine นั้นมีการตีพิมพ์การศึกษาว่าช่วยกระตุ้นการสร้างไฮยาลูโรนิคแอซิด และยังมีสิทธิบัตรที่ระบุว่าช่วยสร้างคอลลาเจนได้

Alpinia Speciosa Leaf Extract มีข้อมูลที่ชี้ว่าสารสกัดจากใบก็มีสารกลุ่มโพลีฟีนอลและฟลาโวนอยด์หลากหลาย ต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าวิตามินซี เป็นไวท์เทนนิ่งแบบอ่อน  การทดสอบแบบ In-Vitro พบคุณสมบัติในการต้านผลกระทบจากรังสี UV ได้อย่างน่าสนใจ

Malva Sylvestris Flower Extract มีข้อมูลเล็กน้อยว่าอาจใช้เป็น Anti-Aging ได้ ส่วนการทดสอบพบคุณสมบัติในการต้านการอักเสบและเร่งการสมานแผล

Eugenia Caryophyllus Flower Extract ทางคาเนโบจดสิทธิบัตรโดยเคลมว่าสารสกัดจากดอกกานพลูที่พัฒนาขึ้นเองนี้สามารถยับยั้งการเกิด Nepsilon-(carboxymethyl)lysine หรือ CML ซึ่งเป็นหนึ่งในสาร Advanced Glycation End Product (AGEs) ที่ทำทำให้เกิดความคล้ำเหลืองของโปรตีนบนผิวชั้นนอกได้ มีการศึกษาจากแหล่งอื่นที่ชี้ว่าสารสกัดจากกานพลูมีคุณสมบัติเป็นแอนติออกซิแดนท์และต้านไกลเคชั่นของโปตีนได้ในหลอดทดลอง แต่ยังไม่มีการศึกษาจากแหล่งอื่นที่ทดสอบกับมนุษย์

Tocopheryl Nicotinate เป็นอนุพันธุ์ของวิตามินอีที่ถูกรวมเข้ากับ Niacin หรือ Nitotinic Acid ซึ่งเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของ Vitamin B3  เป็นตัวที่ไม่ค่อยเห็นถูกเอามาใช้กันเท่าไหร่เนื่องจากมีข้อมูลว่ามันดูดซึมได้น้อยกว่าวิตามินอีในรูปแบบอื่น แต่จากการสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมก็พบว่าทางคาเนโบได้มีการจดสิทธิบัตรในการใช้สารตัวนี้ร่วมกับการกลุ่มแซคคาไรด์อย่างสาร Maltitol ร่วมกับสารก่อฟิลม์อย่าง Xanthan Gum ซึ่งมีผลเสริมฤิทธิ์กันในการลดความหยาบกร้านของผิวโดยไม่มีผลกระทบในแง่ของการระคายเคืองที่อาจพบได้บ่อยจากส่วนผสมของ Niacin

Dipotassium Glycyrrhizateเป็นส่วนผสมช่วยต้านการระคายเคือง

ตัวเบสของเนื้อครีมยังเป็นเทคโนโลยีสิทธิบัตร  Baby-Soft Oil Formulation ที่ทางคาเนโบพัฒนาขึ้นเองโดยทำเลียนแบบโครงสร้างของ Vernix หรือไขมันลิพิดที่เคลือบคุ้มผิวทารก ซึ่งประกอบไปด้วยส่วนผสมของ Emollients พวกน้ำมันจากพืช กรดไขมัน และสารที่มีในผิวตามธรรมชาติหลากหลายชนิด สร้างเนื้อครีมที่มีลักษณะเป็น Liquid Crystal เหมือนกับในชั้นผิวตามธรรมชาติจึงสามารถเข้าไปชดเชย ทดแทน และช่วยเก็บกัก ลดการระเหยความชุ่มชื้นได้ทันที

โดยภาพรวมในแง่ของส่วนประกอบ จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่รวมส่วนผสมและเทคโนโลยีสิทธิบัตรเฉพาะของ KANEBO เอาไว้มากที่สุดตัวหนึ่ง และเหมือนกับเอาผลิตภัณฑ์กลุ่ม Hydration + Anti-Aging + Brightening มาผสมไว้ในกระปุกเดียว โดยเน้นที่การชดเชยไขมันที่จำเป็นของผิว เสริมความแข็งแรงของปราการผิว เติมความชุ่มชื้นในทันทีและเสริมให้ผิวสร้างโมเลกุลความชุ่มชื้นของผิวตามธรรมชาติ  ช่วยเสริมความอิ่มเอิบ ปรับลดโทนเหลืองของผิวจากไกลเคชั่นที่ให้ผิวดูหมองคล้ำ ทั้งหมดเพื่อผิวที่ดูเรียบเนียนและกระจ่างใส

Ingredients : Aqua, Squalane, Maltitol, Cetearyl Alcohol, Diglycerin, Glycerin, Petrolatum, Phytosteryl/Isostearyl/Cetyl/Stearyl/Behenyl/ Dimer Dilinoleate, Dipropylene Glycol, Glyceryl Stearate, Olea Europaea Fruit Oil, Hydrogenated Castor Oil Isostearate, PEG-2 Stearate, Simmondsia Chinensis Seed Oil, Sodium Stearoyl Glutamate, Stearic Acid, Macadamia Ternifolia Seed Oil, Carnitine HCI, Cera Alba, Dimethicone, Glyceryl Stearate SE, Isostearic Acid, Methylserine, Potassium Hydroxide, Xanthan Gum, Parfum, Butylene Glycol, Alcohol, Dipotassium Glycyrrhizate, Tocopheryl Nicotinate, C10-40 Isoalkyl Acid Cholesterol Ester, Phytosteryl Macadamiate, Lactobacillus/ Pear Juice Ferment Filtrate, Disodium EDTA, Hydrogenated Lecithin,  Eugenia Caryophyllus Flower Extract, Tocopherol, Nasturtium Officinale Extract, Malva Sylvestris Flower Extract, Geranium Robertianum Extract, Ethyl Glucoside, Alpinia Speciosa Leaf Extract, Phenoxyethanol, Chlorphenesin, Benzyl Benzoate, Benzyl Salicylate, Butylphenyl Methylpropionol, Citronello, Geraniol, Limonene, Linalool. 

Usage & Result

สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชั้นสูงคือความหรูหราในทุกมิติ โดยบรรจุภัณฑ์ได้รับการออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชื่อดังชาวฝรั่งเศสอย่าง Gwenael Nicolas ที่แสดงให้ถึงความเข้มข้นอันเป็นที่สุดของการบำรุงผ่านรูปทรงหยาดน้ำสีทองราวกับหยดเอสเซนส์อันเลอค่าเวลาเราเทลงบนฝ่ามือ การเก็บรายละเอียดที่เนี๊ยบ วัสดุที่ใช้ น้ำหนัก สัมผัสยามจับล้วนทำให้รู้สึกดี

แพคเกจจะประกอบไปด้วยตัวฐานเป็นพลาสติกคุณภาพดี และตัวกระปุกครีมเป็นแก้วเคลือบสีทอง  ตัวฐานสามารถนำไปใช้เป็นที่วางเครื่องประดับ หรือที่เก็บของจุกจิกได้  แต่โดยส่วนตัวรู้สึกว่าถ้าเราเป็นลูกค้าของครีมตัวนี้และซื้อกระปุกใหม่ก็จะได้ถาดตัวนี้มาเพิ่มอีกทุกครั้ง ก็จะเป็นการสร้างขยะพลาสติกโดยไม่จำเป็น ทางแบรนด์น่าจะมีตัวเลือกของบรรจุภัณฑ์ที่สามารถเปลี่ยนรีฟิลได้ในอนาคต เพราะทิศทางของเทรนด์ในปัจุบัน รวมไปถึงทิศทางใหม่ของคาเนโบก็มีในเรื่องของสิ่งแวดล้อมเข้ามาด้วย

เนื้อสัมผัสของครีมที่เข้มข้นดุจบาล์มตอนตักจากกระปุก จะหลอมละลายห่อหุ้มคลุมเคลือบผิวอย่างนุ่มละมุนเมื่อสัมผัสกับความร้อนของผิว กลิ่นหอมเหมือนช่อดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ ให้ประสบการณ์ในการใช้ที่ดี แต่โดยส่วนตัวปูเป้ชอบกลิ่นของตัว KANEBO : The Lotion มากกว่า  เพราะในตัวครีมและอิมัลชั่นแม้จะมีกลิ่นพื้นฐานที่เหมือนกัน แต่จะเพิ่ม powdery note ที่ปูเป้ไม่ค่อยชอบมานิดหน่อย

จากการทดลองใช้ พบว่าผิวที่ไม่ยืดหยุ่นมีเส้นริ้วดูแห้งหยาบกร้าน จะรู้สึกนุ่มนวลขึ้น และรู้สึกสบายผิวขึ้น  ใช้ปริมาณไม่มากก็เคลือบคลุมผิวได้มาก  เนื้อจะเหมาะกับคนผิวค่อนไปทางแห้งถึงแห้งมาก หรือขาดความชุ่มชื้นได้ง่าย

ช่วงไหนที่ผิวแบบยับเยินมาก ๆ แบบใช้ชีวิตเละเทะ เล่นเกมส์ ดูการ์ตูนหรือซีรี่ยส์ยันเช้าติด ๆ กัน แล้วใช้ชุด The Exceptional โดยเน้นที่โลชั่นและครีม ผิวจะฟื้นตัวไวมากเลยล่ะ  แต่ถ้าอยู่ในช่วงที่ใช้ชีวิตดี นอนพอ ผิวไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก ก็จะรู้ว่าใช้คาเนโบตัวสีดำปกติที่เราใช้อยู่ก็เพียงพอแล้วครับ

การทาผลิตภัณฑ์ด้วยวิธีแบบ Blissful Method ที่ทางแบรนด์แนะนำก็ไม่ซับซ้อนหรือมีพิธีกรรมอะไรมากมาย เบื้องหลังหลักของการสูดดมกลิ่น และการประคบผิวด้วยฝ่ามือหลังลูบเนื้อครีม มีพื้นฐานจากการศึกษาของเขาพบว่า ความรู้สึกผ่อนคลายจากการประคบผิวง่าย ๆ นี้ช่วยกระตุ้นหนึ่งในฮอร์โมนที่เป็นตัวชี้วัดก็คือ Oxytocin ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่หลั่งมาเมื่อมีความสุข หรือมีความรัก

ปัจจัยพวกนี้เป็นสิ่งที่ทาง KANEBO ให้ความสำคัญมาก โดยเฉพาะกับลูกค้ากลุ่มพรีเมี่ยม เพราะสกินแคร์ไม่ได้แค่มีผลต่อการทำงานของผิวเท่านั้น แต่ยังมีผลทางความรู้สึกและจิตใจของผู้ใช้อีกด้วย จึงมีการจัดตั้งหน่วยวิจัย Kansei Science Research มาเพื่อการศึกษาเจาะลึกถึงกระบวนทางทางสมอง ความรู้สึก ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของความงามและคุณภาพชีวิตโดยตรง  และพบว่าการออกแบบรูปทรง ผิวสัมผัสของบรรจุภัณฑ์ เนื้อสัมผัสของครีม กลิ่นที่ได้รับ วิธีการสัมผัสผิว ล้วนมีผลให้ผู้ใช้เกิดความพึงพอใจและความสุข และมีผลต่อคุณภาพผิวที่ดีขึ้นด้วย

Conclusion

จะเห็นได้ว่าทุกรายละเอียดของ KANEBO : The Cream  ตั้งแต่ส่วนผสม ไปจนถึงวิธีการทาผลิตภัณฑ์ ล้วนถูกกำหนดขึ้นโดยมีพื้นฐานจากการศึกษาและวิจัยของคาเนโบเป็นพื้นฐาน และหนึ่งในเหตุผลที่ KANEBO ทำให้ครีมตัวนี้อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีก็เพื่อที่ผู้ใช้จะได้ไม่ต้องลงสกินแคร์หลายชิ้น ไม่ต้องมีพิธีกรรมและวิธีการในการทำที่ซับซ้อน อยากให้สบาย ง่าย ผ่อนคลาย ใช้เวลาไม่มาก ให้เราได้มีความสุขกับสกินแคร์ที่เราเลือกใช้มากกว่ามองว่าเป็นภาระในแต่ละวันนั่นเอง หากเงินไม่ใช่ปัญหา นี่เป็นผลิตภัณฑ์ที่รวบตึงแนวคิดและส่วนผสม เทคโนโลยีของแบรนด์มาไว้มากที่สุดในตัวเดียว

คำถามที่ปูเป้มักได้รับมากที่สุดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ตัวนี้คือ กับป้ายราคาเกือบครึ่งแสนนั้นคุ้มไหมกับส่วนผสมที่ได้มา? ปูเป้ก็จะบอกตามตรงว่าในผลิตภัณฑ์ระดับ Luxury นี้ถ้าเราจะดูความคุ้มค่าโดยดูมูลค่าจากส่วนผสมนั้นก็คงไม่ได้ เพราะความ Luxury มันรวมไปถึงมิติและแง่มุมต่าง ๆที่รายล้อมตัวสินค้า ถ้าคิดถึงเรื่องเงินที่จ่ายไปกับส่วนผสมที่ได้มา ปูเป้ยังเคยแนะนำว่าถ้าคุณอยากได้ส่วนผสมและเทคโนโลยีของครีมตัวนี้ คุณสามารถซื้อ KANEBO : The Lotion เพื่อเอาสารสำคัญในกลุ่ม The exceptional และเอา KANEBO : Wrinkle Lift Serum  มาผสม KAEBO : Illuminating Serum ในอัตราส่วนที่เท่ากันเพื่อเอาเทคโนโลยีเนื้ออิมัลชั่นและสารสำคัญที่มีในตัว The Cream ซึ่งทั้งสามชิ้นรวมกันมีราคาราว 1/3 ของตัว KANEBO : The Cream

แต่พูดมุมของคนที่เคยผ่านประสบการณ์ในการเป็น Top Spender มา การจ่ายเงินเพื่อผลิตภัณฑ์ในกลุ่มหรูหราราคาระดับนี้เราจะไม่ได้แค่ส่วนผสมในผลิตภัณฑ์หรือแพคเกจจิ้งสวย ๆ ครับ แต่จะได้กลับมาในรูปของโปรโมชั่นของห้าง กับบัตรเครดิต และของแบรนด์ การสะสมคะแนนที่แลกของรางวัลประจำดีระดับสูง ๆ ได้  ของสมนาคุณที่จัดเต็มกว่า  ของขวัญในโอกาสสำคัญซึ่งอาจเป็นของที่มีไม่วางจำหน่ายทั่วไป และกิจกรรมที่มอบให้เฉพาะลูกค้าระดับ VIP ของแบรนด์  คือจะได้ความรู้สึกว่า Exclusive สุด ๆ ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่คนว่าจะให้ความสำคัญกับสิ่งเหล่านี้มากแค่ไหน คนที่เงินไม่ใช่ปัญหาและต้องการอะไรแบบนี้เขาก็มองว่าสิ่งที่ได้มาแบบนี้ก็คุ้มกับเงินที่เขาต้องจ่ายแหล่ะ

ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องตัดสินใจและเลือกกันเอาเอง  ปูเป้ก็บอกกับทุกคนมาตั้งแต่รีวิวก่อนหน้าแล้วว่าส่วนตัวผมเองก็ไม่มีปัญญาจะซื้อครีมนี่เมื่อพิจารณาจากฐานรายได้ของตัวเอง แต่แฟนเพจปูเป้มีคนสนใจครีมตัวนี้กันไม่น้อยและบางคนก็ใช้อยู่แล้ว จึงอยากให้ทุกคนได้มีข้อมูลในการตัดสินใจ หรืออยากบอกให้รู้ว่าในทุกรายละเอียดของผลิตภัณฑ์นั้นมีเรื่องราวอะไรอยู่เบื้องหลังบ้าง มันไม่ได้จู่ ๆ ถูกใส่มาโดยไม่มีเหตุผลหรอกนะ!!!

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

***Sponsored Item***

KANEBO : The Cream
Price : 40ml / 48,000 BAHT
Skin Type : Notmal to Dry Skin
Outstanding : Nourish / Resilience / Barrier Repair / Anti-Aging / Clarity

KANEBO : The Cream
FORMULA
GENTLENESS
SENSORY
RESULT
PUPE LOVE IT
PROS
  • เนื้อครีมเข้มข้น ทำให้ผิวนุ่มมาก สัมผัสในการใช้ที่ดี
  • ส่วนผสมและเทคโนโลยีของคาเนโบ้อัดแน่นที่สุดในตัวเดียว
  • ไม่ต้องทาเยอะ มีขั้นตอนไม่ซับซ้อน สะดวกมาก
CONS
  • มีส่วนผสมของน้ำหอม
4.0Overall Score