เมื่อแบรนด์เครื่องสำอางสุด “แนว” อย่าง Benefit ที่เดิมเคยมีแต่ Makeup หลากหลาย และ Skincare แบบจุ๋มจิ๋ม มาออกไลน์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวยกแผงแบบนี้คงต้องมีอะไรน่าสนใจมากแน่นอนทีเดียว ใครเป็นแฟนของแบรนด์จากซานฟรานซิสโกนี้น่าจะทราบกันดีแล้วว่าทางแบรนด์ได้วางจำหน่าย b.right! ชุดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวผิวครบขั้นตอนเพื่อผิวกระจ่างใสตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พอดีปูเป้ได้ทราบข่าวล่วงหน้ารวมถึงได้ผลิตภัณฑ์มาทดลองตั้งแต่เดือนมีนาคมแล้ว วันนี้เลยจะเอามารีวิวให้ทุกคนได้อ่านกันเช่นกันนะฮะ ;D

b.right! เป็นการเล่นคำจากคำว่า Bright ที่แปลว่า “กระจ่าง” หรือ “สว่าง” คอนเซปต์ของผลิตภัณฑ์ชุดนี้เรียบง่าย คือให้ “ผิวดูกระจ่างราวกับเปิดไฟให้ผิว” แต่ Main Visual ที่สื่อสารออกไปเป็นอะไรที่แนวมาก ๆ รูปผู้หญิงที่สวมหมวกโคมไฟเอาไว้เป็นอะไรที่จดจำได้ง่ายและติดอยู่ในความทรงจำได้ดี แบบว่าดูแล้วรู้และจำได้ทันทีว่านี่คือ Benefit : b.right!

สิ่งที่ปูเป้เห็นว่าน่าสนใจเป็นพิเศษคือ นี่คือชุดผลิตภัณฑ์ Brightening เพื่อผิวกระจ่างใสที่เน้นเรื่อง “ความชุ่มชื้น” เป็นหลัก ตามแบบที่ปูเป้เคยบอกไว้ในบทความก่อนหน้านี้แล้วว่า “ผิวที่มีความชุ่มชื้น” คือผิวที่มีสุขภาพดี และผิวสุขภาพดีเป็นผิวที่เปล่งปลั่ง อิ่มเอิบ ดูกระจ่างนั่นเอง

เทคโนโลยีที่จะถูกนำมาพูดถึงบ่อยๆ คือ Tri-Radiance Complex ซึ่งในตอนแรกที่ยังไม่ได้ทราบรายละเอียดอะไรก็คิดว่ามันต้องเป็นส่วนผสมสามชนิดที่ช่วยเรื่องจัดการจุดด่างดำและเมลานินแน่เลย แต่พอทราบข้อมูลกลับเป็นกลายเป็นว่า Tri-Radiance Complex มุ่งเน้นไปที่คอนเซปตืหลักของไลน์นี้ หรือ “ความชุ่มชื้น” โดยทำสามหน้าที่คือ (1) ดึงความชุ่มชื้นเข้าสู่ผิวชั้นนอก (2) โอบอุ้มคงความชุ่มชื้นบนผิวชั้นนอกอาไว้ (3.) สร้างชั้นสำรองความชุ่มชื้นเอาไว้ในผิว แตทางแบรนด์ไม่ได้เจาะจงว่า Tri-Radiance Complex ประกอบไปด้วยส่วนผสมตัวใดบ้าง…

บรรจุภัณฑ์ของ b.right! เป็นอะไรที่ดูโดดเด่นและรับรู้ได้ทันทีว่า Benefit ทุ่มเทให้กับการออกแบบแพคเกจเหล่านี้มาก โทนสีที่เย็นสบายตา เส้นสายที่สื่อถึงน้ำและความชุ่มฉ่ำ ทั้งหมดนี้รับเข้ากับฝาปิดพิมพ์ลายไม้คอร์กได้เป็นอย่างดี เรื่องความสวยงามของแพคเกจ คะแนนเต็ม 10 ปูเป้ให้ 100 เลย!!! น่ารักมว๊ากกกกกกก ถ้ามีครบไลน์จัดวางอย่างสวยงาม จะทำให้โต๊ะเครื่องแป้งดูหรูหรา ไฮโซ ดูดี มีชาติตระกูลขึ้นมาอีก 300%!!! แต่เห็นแพคเกจงาม ๆ แบบนี้อย่าพึ่งคิดว่าราคาจะแพงกระฉูดแต่อย่างใด ของแง้มว่าราคาของผลิตภัณฑ์เริ่มต้นที่ 960 บาท ไปจนถึง 1,700 บาทเท่านั้น ในระดับเครื่องสำอางเคาเตอร์แบรนด์นั้นถือว่าราคาเบา ๆ มาก

ปูเป้ได้ผลิตภัณฑ์มาทดลองใช้ 3 ชิ้น โดยชิ้นแรกคือ Benefit : b.right! Refined Finish Facial Polish (127.5 g. / 990 THB) ที่โฆษณาว่าช่วยผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพ เผยผิวใหม่ รูขุมขนกระชับ ผิวกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ

จากส่วนผสมแล้วก็เป็น Scrub ขัดผิวแบบมาตรฐาน เม็ดขัดผิวทำจากพลาสติก Polyethylene ในเนื้อเบสครีมเนื้อแมทผสมโคลนขาว Kaolin ใช้ Palmitic Acid เป็นสารทำความสะอาดเพื่อให้ล้างออกง่าย ส่วนผสมที่น่าสนใจคือ Alpha-Glucan Oligosaccharide ที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นของผิวได้ดีเดียว แต่ในผลิตภัรฑ์ชนิดล้างออกคงช่วยอะไรได้ไมมากนัก แต่ใส่มาก็ดีกว่าไม่มีครับ เขาเคลมว่ามี AHA ช่วยผลัดเซลลืด้วย ซึ่งก็มี Glycolic Acid ใส่มาจริง แต่ในปริมาณที่น้อยมาก ไม่สามารถช่วยเรื่องการผลัดเซลล์ได้แต่อย่างใด

Ingredients : Water (Aqua), Polyethylene, Stearic Acid, Kaolin, Palmitic Acid, Glyceryl Stearate, Propylene Glycol Stearate, Butylene Glycol, Pentylene Glycol, Alpha-Glucan Oligosaccharide, Phenoxyethanol, Dicaprylyl Carbonate, Fragrance (Parfum), Triethanolamine, Sodium Hydroxide, Algae Extract, Glycolic Acid, Stearalkonium Hectorite, Linalool, Propylene Carbonate, Hexyl Cinnamal, Tocopherol, BHT.

เนื้อสครับเข้มข้น มีเม็ดขัดผิวอยู่อย่างหนาแน่น ขนาดของเม็ดขัดผิวมีขนาดที่คละกันไปทั้งเล็กและใหญ่ เนื้อสครับไม่มีฟอง ล้างออกง่าย ไม่ทิ้งความมันลื่นตกค้าง ผิวจะรู้สึกฝืดเล็กน้อยเพราะคุณสมบัติในการดูดซับน้ำมันของ Kaolin และสารทำความสะอาดในรูป Palmitic Acid น้ำหอมกลิ่นหอมดี แต่เรื่องนี้แล้วแต่คนชอบครับ 🙂

ข้อดี

– เม็ดขัดผิวเป็นทรงกลมมนไม่บาดผิว (แต่ก็ต้องขัดเบา ๆ อยู่ดี)
– Feel หลังการใช้ให้ความรู้สึกดี

ข้อเสีย

– มีส่วนผสมของน้ำหอม และ Fragrance Component

โดยสรุปแล้ว Benefit : b.right! Refined Finish Facial Polish gเป็นสครับขัดผิวแบบมาตรฐาน ที่ดูจะเหมาะกับผิวมัน ผิวผสม และผิวธรรมดาครับ ผิวแห้งน่าจะเหมาะกับสครับขัดผิวในเบสที่ให้ความชุ่มชื้นหรือมี Emollients มากกว่านี้ สำหรับผิวเป็นสิวไม่ควรใช้สครับขัดผิวจ้า

*****************
ตัวที่สองคือ Benefit : b.right! It’s Potent! Eye Cream (14.2 g. / 1,400 THB) ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวชูโรงของไลน์นี้ แน่นอนว่าคำเคลมคงไม่พ้นคุณสมบัติในการลดเลือนรอยหมองคล้ำรอบดวงตา กระชับริ้วรอยให้เรียบเนียน ให้ดวงตาดูอ่อนเยาว์ลง

ส่วนประกอบหลัก ๆ จะเน้นไปที่ Cream Base มากกว่า สารที่มีประโยชน์กับผิวที่เห็นได้ชัดคือ Squalane ที่ช่วยทดแทนน้ำมันเคลือบผิวตามธรรมชาติได้เป็นอย่างดี สารสกัดจากเมล็ด Linseed ในที่นี้ก็น่าจะเป็น Linseed Oil นี่แหล่ะ ซึ่งอุดมไปด้วย Linoleic Acid ที่ช่วยบำรุงผิวให้ผิวชั้นนอกแข็งแรง ต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบของผิว

จากการหาข้อมูลเพิ่มเติมดูก็พบว่ามีการใช้ส่วนผสมที่ชื่อว่า Eyeliss™ (Hesperidin Methyl Chalcone +Dipeptide-2 +Pamitoyl Tetrapeptide-7) ของบริษัท Sederma ประเทศฝรั่งเศษ ซึ่งเคลมว่าช่วยลดถุงใต้ตา ลดรอยคล้ำ และกระตุ้นการไหลเวียนของน้ำเหลือง แน่นอนว่ายังไม่มีการวิจัยอื่น ๆ มาสนับสนุนคุณสมบัตินี้นอกจากคำเคลมของผู้ผลิตสารเอง

Ingredients : Aqua (Water), Ethylene/Acrylic Acid Copolymer, Butylene Glycol, Glycerin, Propylene Glycol Dicaprylate/Dicaprate, Squalane, Caprylic/Capric Triglyceride, Steareth-21, Linum Usitatissimum (Linseed) Seed Extract, Hexyldecanol, Stearalkonium Hectorite, Cetyl Alcohol, Stearyl Alcohol, Steareth-2 Glyceryl Hydroxystearate, Sodium Polyacrylate, Methylparaben, Alcohol, Palmitic Acid, Stearic Acid, Chlorphenesin, Dimethicone, Propylene Carbonate, Tocopheryl Acetate, Althaea Officinalis Root Extract, Prunus Amygdalus Dulcis ( Sweet Almond) Fruit Extract, Hesperidin Methyl Chalcone, Glyceryl Acrylate/Acrylic Acid Acid Copolymer, Acrylates/C10-30 Alkyl Acrylate Crosspolymer, Steareth-20, Tromethamine, Butylparaben, Ethylparaben, Triticum Vulgare (Wheat) Protein, Propylene Glycol, Titanium Dioxide (CI 77891), Tetrasodium EDTA, Propylparaben, Avene Sativa (Oat) Kernel Protein, Isobutylparaben, Theobroma Cacao (Cocoa) Extract, Sodium Hyaluronate, Chlorhexdine Digluconate, Sangulsorba Officinalis Root Extract, Xanthan Gum, Phenoxyethanol, Pyrus Malus (Apple) Fruit Extract, Caprylic/Capric/Succinic Triglyceride, Dipeptide-2, Potassium Sorbate, Eriobotrya Japonica Leaf Extract, Palmitoyl Tetrapeptide-7, Plankton Extract

เนื้อครีมดูไม่หนักมากแต่กลับเคลือบผิวได้ดี สัมผัสได้ถึงความชุ่มชื้นเมื่อทาลงบนผิว สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดคือผิวที่ดูกร้านจะดูอิ่มขึ้นหลังใช้ เรื่องคุณสมบัติในการลดถุงใต้ตาและรอยคล้ำนั้นปูเป้ยังให้คำตอบจากการใช้ด้วยตัวเองไม่ได้ เพราะส่วนตัวไม่มีถุงใต้ตาและรอยคล้ำอยู่แล้วครับ (ถ้าอิงจากงานวิจัยก็คงจะบอกว่าไม่มีส่วนผสมตัวใดที่ยืนยันแล้วว่าลดรอยคล้ำและรอยบวมได้)

ข้อดี

– เนื้อครีมให้สัมผัสที่ดี ผิวชุ่มชื้นขึ้น ผิวรอบดวงตาที่ห้างกร้านดูเรียบเนียนอิ่มเอิบขึ้น

ข้อเสีย

– บรรจุภัณฑ์แบบกระปุกที่ไม่ค่อยสะอาดเวลาใช้ และไม่ดีกับส่วนผสมของสารแอนติออกซิแดนท์
– ราคาสูงเหมือนกันเมื่อเทียบกับปริมาณของครีมที่ได้ (อายครีมถ้าราคาเกินพัน ปูเป้ว่าแพงหมดแหล่ะครับ)

โดยสรุปแล้วปูเป้ชอบ Benefit : b.right! It’s Potent! Eye Cream ตรงที่เนื้อสัมผัสทำออกมาได้ดี ผิวรอบดวงตารู้สึกชุ่มชื้น สดชื่น สบายผิว บรรจุภัณฑ์แบบกระปุกไม่ค่อยดีกับสารบำรุงข้างในเท่าไหร่ แต่การออกแบบทำได้น่ารัก ทำให้รู้สึกมีความสุขเวลาใช้ (ไม่รู้ว่านับเป็นข้อดีได้รึเปล่า) ส่วนในแง่ของการลดริ้วรอย ลดรอยหมองคล้ำ ลดรอบบวม ปูเป้เชื่อว่าคงไม่มีอายครีมตัวใดทดแทนการนอนหลับผักผ่อนอย่างมีคุณภาพได้แน่นอนครับ 🙂

*****************
ตัวสุดท้ายที่ได้มาลองคือ Benefit : b.right! Triple Performing Facial Emulsion SPF15 / PA++ (50.3 ml / 1,250 THB) เขาบอกว่าตัวนี้เป็นสูตร Oil-Free เนื้อบางเบา ช่วยผลักระดับความชุ่มชื้นในผิวให้สูงถึง 73% ในสองชั่วโมง

จากส่วนผสมบอกว่านี่เป็นมอยซ์เจอไรเซอร์ผสมสารกรองรังสี UV ที่กันได้ครบทั้ง UVA และ UVB ใช้ Butyl Methoxydibenzoylmethane หรือ Avobenzone เป็นตัวกัน UVA ใช้ Ethylhexyl Methoxycinnamate เป็นตัวกรอง UVB หลัก ส่วน Octocrylene เป็นตัวกรอง UVB รองและเป็นตัวเสริมความเสถียรให้ Avobenzone ส่วน %, Benzophenone-4 ปกติจะไม่ค่อยเห็นเอามาใช้เป็น Sunscreen Active หลักเท่าไหร่

นอกจากส่วนผสมของสารกันแดดแล้วทตัวเบสโลชั่นก็ประกอบไปด้วยวิตามินอี (Tocopheryl Acetate) นิดหน่อย ตัวนี้เคลมว่ามี Tri-Radiance Complex อยู่ด้วยแต่ไม่ได้บอกว่าเป็นส่วนผสมตัวใดบ้าง แต่ถ้ามองในเรื่องของชุ่มชื้นดูจะเป็นพวกสารกลุ่มน้ำตาล กับ Hyaluronic Acid และ Sodium Hyaluronate ที่มีน้อยกว่าน้ำหอมและสารกันเสีย

ส่วนผสมที่น่าสนใจคือ Ajuga Turkestanica Extract ซึ่งไปเจอการวิจัยนึงว่าสารสกัดตัวนี้ช่วยเพิ่มการทำงานของ Aquaporin-3 ได้ (รายละเอียดของ Aquaporin อ่านได้ที่นี่) แต่งานวิจัยนี้มี LVMH เป็นผู้ทำการทดสอบ (Benefit เป็นแบรนด์ในเครือ LVMH) ระดับความน่าเชื่อถือจึงไม่มากเท่างานวิจัยโดยหน่วยงานอิสระ (และมันก็ใส่มาในปริมาณที่น้อยด้วยแหล่ะ)

(Source : Hydrating skin by stimulating biosynthesis of aquaporins.)

Active Ingredients : Ethylhexyl Methoxycinnamate 7.49%, Butyl Methoxydibenzoylmethane 3.00%, Octocrylene 2.00%, Benzophenone-4 1.50%

Other Ingredients : Water (Aqua), Glycerin, Dicaprylyl Carbonate, Butylene Glycol, Pentylene Glycol, Diglycerin, C14-22 Alcohols, Polymethyl Methacrylate, Silica, Betaine, Steareth-21, Phenoxyethanol, Phenyl Trimethicone, Coco-Glucoside, Fragrance (Parfum), C13-14 Isopaffin, Sodium Hydroxide, Decyloxazolidinone, Tetrasodium EDTA, Tocopheryl Acetate, Carbomer, Xanthan Gum, Laureth-7, Xylitylglucoside, Linalool, Anhrdroxylitol, BHT, Xylitol, Hexyl Cinnamal, Limonene, Ajuga Turkestanica Extract, Hyaluronic Acid, Sodium Hyaluronate.

เนื้อโลชั่นบางเบาและให้ความชุ่มชื้นดีจริง จะรู้สึกมันวาวที่ผิวเมื่อทาแต่เมื่อรอให้แห้งก็จะเซ็ทตัวแบบ Natural Finish คือไม่แห้งหรือ Matte แต่ก็ไม่มันเยิ้มอย่างที่เห็นตอนแรก ส่วนเรื่อง Oil-Free นั้นเป็นแค่คำเคลมทางการตลาด เพราะว่าสารกันแดดแบบ Chemical ส่วนใหญ่ก็เป็น Oil Soluble ที่มีคุณสมบัติเป็นของเหลมคล้ายน้ำมันอยู่แล้ว เนื้อโลชั่นตัวนี้เหมาะกับเหือบทุกสภาพผิวยกเว้นแต่ผิวมันมากที่ไม่น่าจะชอบเท่าไหร่

โดยสรุปแล้วนี่เป็นมอยซ์เจอไรเซอร์ผสมสารกรองรังสี UV ทีเพียงสำหรับวันเบา ๆ ที่ไม่ต้องไปเจอแดดนอกบ้าน (ถ้าจะออกไปข้างนอก ปูเป้แนะนำให้ทากันแดดที่มี SPF สูงกว่านี้เพิ่มเข้าไปครับ) เนื้อสัมผัสและความชุ่มชื้นทำมาได้ดี กลิ่นหอมอ่อน ๆ ส่วนตัวคิดว่าน่าจะมีสารแอนติออกซิแดนท์มาให้มากกว่านี้หน่อยก็จะดีมากเลยครับ

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั๊ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้งนะครับ

ข้อดี

– ป้องกันรังสี UV ได้ครบ
– สารกรองรังสีมีความเสถียรปานกลาง
– เป็นขวดปั้ม ใช้สะดวกและสะอาด

ข้อเสีย

– มีส่วนผสมของน้ำหอม
– ขวดที่ค่อนข้างใส ไม่ค่อยเป็นมิตรกับสารแอนติออกซิแดนท์เท่าไหร่