เมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาทาง Bioderma ส่งผลิตภัณฑ์กลุ่ม Sensibio Defensive ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ตัวใหม่เป็นเซรั่มเพื่อช่วยปลอบประโลมผิวลดความรู้สึกระคายเคือง เสริมความแข็งแรงของผิว ช่วยปกป้องผิวจากผลกระทบของมลภาวะ และสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิวครับ
กลุ่มผลิตภัณฑ์ Sensibio Defensive เน้นที่สูตรที่อ่อนโยนแม้กับผิวที่บอบบางและระคายเคืองง่าย ช่วยปลอบประโลมผิว โดยมุ่งเป้าที่ 3 กลไกหลัก ได้แก่ 1. ปกป้องผิวจากความเสียหายของอนุมูลอิสระที่ทำร้ายเซลล์ผิว 2. เสริมความแข็งแรงของชั้นปราการผิว 3. ปลอบประโลมผิว บรรเทาการระคายเคืองและการอักเสบ โดยในเซรั่มตัวใหม่จะเพิ่มส่วนผสมเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการปลอบประโลมผิวให้มากยิ่งขึ้น
Bioderma : Sensibio Defensive Serum (30ml / 1,480 BAHT) นั้นมีส่วนผสมหลักที่เพิ่มเข้ามาสองชนิด ตัวแรกคือ Biosaccharide Gum-1 ซึ่งน่าจะเป็นสารที่มีชื่อทางการค้าว่า Fucogel® ของบริษัท Solabia ซึ่งผู้ผลิตเคลมว่านอกจากจะฟอร์มตัวเป็นชั้นฟิล์มที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นและเสริมการสร้างไฮยาลูโรนิคแอซิดในชั้นผิวแล้ว ยังมีคุณสมบัติในการปลอบประโลมลดความรู้สึกไม่สบายผิว เสริมการพัฒนาตัวของผิวชั้นนอกให้สมบูรณ์ขึ้น
ส่วนผสมใหม่อีกตัวหนึ่งคือ Hydrolyzed Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นไฮยาลูโรนิคแอซิดที่มีขนาดเล็ก แต่เล็กแค่ไหนปูเป้ก็ไม่ทราบ เนื่องจากชื่อ INCI ตัวนี้มีผู้ผลิตหลายเจ้าและมีสเป็คตตั้งแต่มีขนาดเล็กกว่า 10kDa ไปจนถึง 50kDa เลย แต่พื้นฐานคือเป็นส่วนผสมให้ความชุ่มชื้นที่จะแทรกลงไปในผิวชั้นนอกได้ลึกขึ้นกว่ารูปแบบที่มีขนาดใหญ่ครับ
ส่วนผสมสำคัญอื่น ๆ ก็คล้ายคลึงกับตัว BIODERMA : Sensibio Defensive ครีมที่เคยทำรีวิวไปแล้ว โดยยืนพื้นที่เปปไทด์ Palmitoyl Tetrapeptide-10 ที่เคลมว่าเสริมการแสดงออกของ α-Crystallin ผลึกของโปรตีนชนิดหนึ่งที่มีข้อมูลที่ชี้ว่าช่วยให้ผิวมีความต้านทานต่อปัจจัยลบภายนอกมากขึ้น เพราะมีความสำคัญต่อการควบคุมการทำงานของโปรตีนต่าง ๆ ของเซลล์ให้สมดุล (Proteostasis) ลดการเสื่อสภาพและเกาะกลุ่มแบบผิดรูปร่างของโปรตีน ช่วยต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ ลดการเกิดออซิเดชั่นของไขมันผิว และยังเป็นโมเลกุลที่อุ้มความชุ่มชื้นอีกด้วย จึงมีส่วนทำให้ผิวมีความแข็งแรงขึ้นในระยะยาว
Salvia Miltiorrhiza Flower/Leaf/Root Extract หรือ Red Sage เป็นพืชที่มีคุณสมบัติทางยาและมีข้อมูลว่ามีฤทธิ์ต้านการอักเสบได้ ซึ่งการอักเสบ (Inflammation) โดยเฉพาะ Micro-Inflammation ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เป็นการอักเสบในระดับเซลล์ เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่ทำให้เกิดความเสื่อมชราแก่ก่อนวัย จึงทำให้ในอีกแง่นึงคุณสมบัติในการต้านการอักเสบจึงช่วยเรื่องการชะลอริ้วรอยได้ด้วย และยังมี Carnosine เป็นเปปไทด์สายสั้น ข้อมูลชี้ว่ามีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระและช่วยต้านการเกิด Glycation ซึ่งทำให้คุณภาพโปรตีนเสื่อมลงและมีโทนที่เหลืองขึ้นและเป็นอีกหนึ่งในสัญญาณแห่งวัย จึงทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติเป็น anti-aging ไปในตัว
ตัวเบสเซรั่มเป็นอิมัลชั่นที่ใช้สารประกอบเชิงซ้อนสิทธิบัตรเฉพาะของแบรนด์ด้วยสารกลุ่มน้ำตาลอย่าง Xylitol กับ Mannitol และ Rhamnose สารให้ความชุ่มชื้นอย่าง Glycerin ผสมเข้ากับน้ำมันที่มีความเข้ากันกับผิวได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็น Squalane และ C15-19 Alkane ซึ่งเขาเคลมว่าส่วนผสมเหล่านี้ทำให้ได้เบสของเนื้อผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้ากันกับผิวได้เป็นอย่างดี ตามแนวคิด Ecobiology ของแบรนด์ในการเลือกใช้ส่วนผสมหรือสารที่มีอยู่ในผิวตามธรรชาติ (Skin Identical) หรือโมเลกุลที่มีความคล้ายหรือเลียนแบบสิ่งที่ผิวมีตามธรรมชาติ (Biomimetic)
Ingredients : Aqua/Water/Eau, Glycerin, Butylene Glycol, C15-19 Alkane, Squalane, Cellulose, C20-22 Alkyl Phosphate, C20-22 Alcohols, Pentylene Glycol, 1,2-hexanediol, Caprylyl Glycol, Carnosine, Polyacrylate Crosspolymer-6, Maltodextrin, Xanthan Gum, Mannitol, Xylitol, Tocopherol, Salvia Miltiorrhiza Root Extract, Rhamnose, Biosaccharide Gum-1, Citric Acid, Glycine Soja (Soybean) Oil, Hydrolyzed Hyaluronic Acid, Sodium Hydroxide, Palmitoyl Tetrapeptide-10.
เนื้อเซรั่มเป็นอิมัลชั่นน้ำนมที่มีความเข้มข้นเล็กน้อย ปราศจากสี น้ำหอม เมื่อทาลงบนผิวจะให้ความรู้สึกฉ่ำและสบายผิวขึ้นแบบรู้สึกได้ และให้ความชุ่มชื้นในระดับที่น่าพอใจ ปริมาณในการใช้ต่อครั้งปูเป้ใช้ 1 ดรอปเปอร์สำหรับทั่วใบหน้าและลำคอครับ
เซรั่มตัวนี้ใช้ได้กับทุกสภาพผิว ไม่ใช่แค่กับคนผิวแห้ง แต่รวมไปถึงคนที่มีผิวมันแต่รู้สึกว่าผิวมีการระคายเคืองและขาดน้ำ อยากได้ผลิตภัณฑ์ที่เติมความชุ่มชื้น ปลอบประโลมผิว และเสริมความแข็งแรง สำหรับคนผิวมันตัวนี้ก็สามารถที่จะใช้เป็นเซรั่มตัวหลักและอาจแทนขั้นตอนของอิมัลชั่นไปได้เลยเนื่องจากมีส่วนผสมของ emollients เคลือบผิวมาในระดับหนึ่ง จะเห็นถึงการเคลือบผิวให้ดูมีความโกลว์เล็กน้อยแต่ไม่เหนอะหนะหรือเหนียวบนผิว ถือว่าทำเนื้อสัมผัสมาได้ดีทีเดียว
แต่สำหรับคนที่มีผิวหรือผิวค่อนไปทางแห้ง หรือมีการระคายเคือง ปราการผิวอ่อนแอเสียหาย ก็จะแนะนำว่าควรมีเนื้อครีมมาทาเป็นตัวปิดเพื่อเสริมการปกป้องผิว ช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นซึ่งตัว BIODERMA : Sensibio Defensive ที่ปูเป้เคยรีวิวไว้ ก็ทำหน้าที่นี้ได้ดีเนื่องจากมีเนื้อเหมือนครีมกึ่งเจลที่เนื้อเกลี่ยง่ายไม่หนักผิว
แต่รอบนี้ทางแบรนด์ได้ส่ง BIODERMA : Sensibio Defensive Rich เนื้อเข้มข้นกว่ามาให้ด้วย ซึ่งตัวนี้ไม่เคยใช้เพราะว่าปกติเขาวางขายเฉพาะในโรงพยาบาล แต่พอได้ลองใช้ก็พบว่าตัวนี้เหมาะกับคนที่ผิวค่อนข้างแห้ง หรือสำหรับปูเป้ที่มีผิวผสมแต่แห้งง่ายขึ้นมากจากอายุเข้าวัย 40+ เนื้อครีมแบบนี้ถูกใจปูเป้มากกว่าในการนำมาใช้เป็นครีมบำรุงผิวในตอนกลางคืนครับ
กลุ่ม Sensibio Defensive นี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่เรียบง่าย ไม่หวือหวา แต่เหมาะกับผิวที่มีปัญหาระคายเคือง อ่อนแอ หรือคนผิวธรรมดาทั่วไปที่มองหาผลิตภัณฑ์พื้นฐานที่ใช้ง่าย ๆ เนื้อสัมผัสดี ให้ผิวชุ่มชื้นและเสริมการปกป้องผิว ให้ผิวแข็งแรง โดยเฉพาะตัว Sensibio Defensive Serum นี้ปูเป้มองเป็น Hydrating Serum ที่ใคร ๆ ก็ใช้ได้ ไม่หวือหวา แต่ใช้เพลินจนรู้ตัวอีกทีก็จะหมดขวดแล้ว
สำหรับใครที่สนใจ ผลิตภัณฑ์ ก็สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาและโรงพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศ Watsons / Boots / EVEANDBOY / Beautrium และ KIS Beauty ส่วนช่องทางออนไลน์ ก็มี KONVY และ Central Online หรือในช่องทางออนไลน์อย่างเป็นทางการได้ใน Lazada และ Shopee ครับ และหากต้องการปรึกษาขอคำแนะนำการเลือกผลิตภัณฑ์ BIODERMA ก็ติดต่อทีม BA ได้ที่ https://linktr.ee/biodermath