เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมของปี 2012 ที่ผ่านมา ปูเป้ได้แวะไปงานที่สิงคโปร์ (แต่ยังไม่ได้เขียนเล่าทริปเลย) ได้แวะช็อปปิ้งที่ Sephora ได้ของติดไม้ติดมือมานิดหน่อย หนึ่งในนั้นก็คือชุด Bliss ‘Best In Glow’ Kit ซึ่งรวมสินค้าขายดีสุดกู่เอาไว้ทั้งสี่ชิ้นในราคาลดกระหน่ำ
Bliss เป็นแบรนด์สปาไฮโซจาก New York ด้วยคอนเซปต์สปาสุดฮิป ที่แนวไม่เหมือนใคร การตกแต่งสีสันสดใสและเครื่องมือสุดไฮเทค พร้อมกับบริการ Triple Oxygen Treatment สุดฮิต ซึ่งปูเป้ได้เคยไปทดลองทำที่ Bliss Spa ในฮ่องกงมาแล้วล่ะ รู้สึกว่ามันแปลกดีเพราะมีขั้นตอนและอุปกรณ์ที่แตกต่างจากที่เคยทำทรีตเมนต์ผิวหน้ามา ผลที่ออกมาผิวก็ดูสดใสดีนะ
Oxygen Treatment เป็นอะไรที่บูมมากในประเทศอเมริกาเมื่อช่วงปี 2009 ที่ผ่านมา และ Bliss : Triple Oxygen Instant Energizing Mask ก็เป็นหนึ่งในสินค้าขายดิบขายดีที่ต่างประเทศ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมีข่าวลือว่า Oxygen Treatment นั้นเป็นทรีตเมนต์สุดโปรดและเคล็ดลับของสาวสองพันปีอย่างป้ามาดอนน่าก็เป็นได้… หลักการทำ Oxygen Treatment นั้นก็มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ยกตัวอย่างที่ได้หาข้อมูลมาคือการใช้ออกซิเจนบริสุทธิ์ฉีดพ่นลงไปบนผิวพร้อมกับสารน้ำที่ประกอบไปด้วยวิตามิน และกรดไฮยาลูโรนิคแอซิด ช่วยให้ผิวนุ่มฟูและสดใสขึ้น
แต่ว่าออกซิเจนมีประโยชน์กับผิวอย่างไร? ออกซิเจนสามารถแทรกเข้าผิวได้จริงรึ?
เป็นที่รู้กันกันดีว่าขาดผู้ชายเราอยู่ได้ แต่ขาดออกซิเจนนั้นตายแหงแก๋ ออกซิเจนที่เราหายใจเข้าไปนั้นทำงานในทุกส่วนและทุกเซลล์ในร่างกาย โดยในส่วนที่เกี่ยวกับผิวหนังนั้น ออกซิเจนมีส่วนสำคัญในกระบวนการเมตาบอลิซึมเพื่อผลิตพลังงานของเซลล์ การสังเคราะห์โปรตีน และกระบวนการ hydroxylation (การเจริญเติบโต) ของคอลลาเจน การแบ่งตัวของไฟโบรบลาสต์ และการรักษาบาดแผลบนผิวหนัง ทางการแพทย์มีการใช้ออกซิเจนในการรักษาแผลที่หายยากกันด้วย โดยการนำผู้ป่วยเข้าไปใน hyperbaric chamber ที่มีออกซิเจนเข้มข้นสูง
ข้อมูลเมื่อปี 2009 (ปีเดียวกับกระแส Oxygen Treatment ดังถล่ม) มีการศึกษาหนึ่งที่พบว่าออกซิเจนรูปแบบทานั้นสามารถแทรกลงไปบนผิวได้ และอาจมีประโยชน์สำหรับทางการแพทย์ในการนำไปใช้รักษาบาดแผล โดยข้อมูลของการศึกษานี้ระบุด้วยว่าส่วนของผิวหนังที่ออกซิเจนรูปแบบทาสามารถแทรกลงไปได้ดีสุดคือผิวชั้น Dermis แต่ในผิวที่ยังมีชั้น SC (Stratum Corneum) หรือชั้นปราการผิวติดอยู่นั้น การแทรกผ่านของออกซิเจนจะทำได้น้อยกว่ามาก
จากความเห็นของปูเป้นั้น การทดสอบที่ว่านี้ดูมีประโยชน์จริง แต่ในแง่ของการนำหลักการนี้มาใช้บำรุงผิวนั้นก็ยังมีข้อกังขา อย่างแรกคือริ้วรอยไม่ใช่บาดแผล การทาออกซิเจนลงบนผิวไม่น่าจะให้ผลแบบเดียวกัน เพราะบาดแผลคือเนื้อเยื่อเปิด ชั้น SC หรือชั้นปราการผิวดูแหวกออก เปิดช่องให้โมเลกุลของออกซิเจนแทรกผ่านเข้าสู่ผิวได้ แต่ริ้วรอยนั้นเป็นหลุม ไม่ใช่รอยบาด ไม่มีการเปิดออกของผิวชั้น SC ทำให้การแทรกเข้าของออกซิเจนทำได้น้อยกว่ามาก (ถ้าอิงจากการศึกษา) นอกจากนี้ยังไม่รวมว่า ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางดูจะไม่เหมือนกับรูปแบบของ Dissolved Oxygen แบบที่ใช้ในการศึกษาด้วย…
ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่โฆษณาว่าผสมออกซิเจนส่วนใหญ่มักใช้ส่วนผสมของ Hydrogen Peroxide ซึ่งเป็น Oxidizing Agent ที่ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ แต่ก็อาจจะส่งผลเสียกับผิวในแง่ของการก่ออนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังพบว่าทำให้การสร้างเซลล์ใหม่ลดลงด้วย (เมื่อใช้ทาบนปากแผล)
บทความวิจารณ์ในวารสาร Aesthetic Plastic Surgery เมื่อปี 2011 ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการทำ Oxygen Treatment ว่ายังไม่มีการศึกษาที่มากพอเพื่อยืนยันในประสิทธิภาพ จากข้อมูลที่หาได้ ดูท่า Oxygen Treatment จะเป็นสิ่งที่ใหม่และเรายังไม่เข้าใจถึงกระบวนการของมันดี
(Source : The role of oxygen in wound healing: a review of the literature., Wound healing essentials: let there be oxygen., An in Vivo Comparison of Topical Agents on Wound Repair, Dermaplaning, Topical Oxygen, and Photodynamic Therapy: A Systematic Review of the Literature, Topical dissolved oxygen penetrates skin: model and method.
ในแง่ของส่วนประกอบนั้น ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีส่วนผสมของ Methyl Perfluorobutyl Ether ในปริมาณมาก ซึ่งสารตัวนี้จะเป็น Solvent หรือตัวทำละลายที่ใช้กันในสูตรเครื่องสำอางหลายตัว แต่คุณสมบัติพิเศษของมันอย่างหนึ่งก็คือการคายออกซิเจน (แต่ปูเป้ยังหาข้อมูลของกระบวนการนี้ไม่ได้ล่ะ) ส่วนผสมอื่น ๆ คือสารลดแรงตึงผิวชนิดอ่อนโยน น้ำหอม สารให้ความชุ่มชื้น วิตามินและสารสกัดที่เป็นแอนติออกซิแดนท์
จากส่วนผสม ปูเป้มองว่าแหล่งกำเนิดออกซิเจนเป็นรูปแบบที่ดูจะปลอดภัยกับผิวมากกว่า Hydrogen Peroxide
วิธีใช้ก็คือหลังจากทำความสะอาดผิวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ซับหน้าให้แห้งหมาด ๆ ปั้มผลิตภัณฑ์ออกมาแล้วปาดทั่วใบหน้าเว้นรอบดวงตา และปากอย่างรวดเร็ว รอสักพักก็จะเริ่มมีฟองปุด ๆ ขึ้นมาให้รู้สึกคันยุบยิบบนหน้าเล็กน้อย โดยผิวที่มีความชื้นจะมีฟองปุดมาเยอะกว่าผิวที่แห้ง
ต้องบอกว่านี่เป็นมาส์กที่ให้ประสบการณ์ที่ประหลาดดีในการใช้ สิ่งหนึ่งที่ปูเป้ชอบมากเป็นการส่วนตัวคือกลิ่นแนวซิตรัสที่หอมสดชื่นมาก ๆ บวกกับการใช้เวลาเพียง 5 นาทีซึ่งประหยัดเวลามากมาย
โดยส่วนตัวใช้แล้วรู้สึก Happy กับกลิ่นและฟีลที่ได้หลังใช้ คือผิวดูไบร์ท ดูตื่นมากขึ้น รวมถึงอารมณ์ที่สดชื่นขึ้นจากกลิ่นหอม ๆ แต่นี่ไม่ใช่มาส์กที่ปูเป้จะเลือกใช้หากคาดหวังการดูแลผิวอย่างล้ำลึก หรือต้องการความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ (เพราะมันทำไม่ได้) และก็คิดว่าราคามันแพงล่ะ…
บางคนใช้มาส์กตัวนี้แล้วบอกว่าสิวอักเสบลดลง แต่ช่วงที่ปูเป้ลองใช้มาส์กตัวนี้ไม่มีสิวอักเสบจึงไม่รู้ผลตรงนี้ได้ ในทางทฤษฏ๊มีความเป็นไปได้สองอย่างในกรณีเรื่องสิวอักเสบ กรณีแรกคือ ออกซิเจนที่ปล่อยมาเป็นอนุมูลอิสระเลย มันทำลายแบคทีเรีย จึงลดการอักเสบของสิวได้ กรณีที่่สอง ออกซิเจนที่ปล่อยมาเป็นออกซิเจนบริสุทธิ์ โมเลกุลของออกซิเจนมีขนาดเล็กมากจึงแทรกลงไปในรูขุมขนได้ สร้างสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของแบคทีเรีย P.Acne ที่อาศัยอยู่ในสภาวะไร้ออกซิเจน จึงช่วยลดการอักเสบของสิวได้ ซึ่งทั้งหมดเป็นแค่สมมิติฐานส่วนตัว ปูเป้ไม่แนะนำให้พิจารณาผลิตภัณฑ์ในการรักษาสิวนะครับ (แต่ถ้าใครลองใช้แล้วได้ผลแบบที่ว่า ก็ถือว่าโชคดีไป)
Ingredients : Water, Methyl Perfluorobutyl Ether, Cocamidopropyl Betaine, Sodium Laureth Sulfate, Coco-Glucoside, Glycerin, PEG-7 Glyceryl Cocoate, Cyclopentasiloxane, Chondrus Crispus (Carrageenan), Polyquaternium-37, Dimethicone PEG-7 Phosphate, Fragrance, Propylene Glycol Dicaprylate/Dicaprate, Sodium PCA, Vitis Vinifera (Grape) Seed Extract, Camellia Sinensis Leaf Extract, Aloe Barbadensis Leaf Juice, Gynostemma Pentaphyllum Extract, Panthenol, Polyhydroxystearic Acid, Ethylhexyl Isononanoate, Isononyl Isononanoate, Sodium Cocamidopropyl Pg-Dimonium Chloride Phosphate, Hydrolyzed Soy Protein, Potassium Chloride, Benzyl Alcohol, Phenoxyethanol, Tocopheryl Acetate, Potassium Sorbate, PPG-1 Trideceth-6, Citric Acid, Mica, Tetrahexyldecyl Ascorbate, Ferulic Acid, Ethylbisiminomethylguaiacol Manganese Chloride, Titanium Dioxide, Tocopherol, Citral, Limonene, Linalool, Red 40, Yellow 5.
จุดบอดของผลิตภัณฑ์นี้คือหลักการของออกซิเจนในการบำรุงผิวนั้นยังไม่มีข้อมูลสนับสนุนเพียงพอ และส่วนผสมของน้ำหอมอาจจะไม่เหมาะกับคนที่มีผิว Sensitive บวกกับราคาที่ไม่เบาเลยทีเดียว
หากใครกำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยแก้ไขปัญหาผิวซีดหมองไม่สดใสแบบเร่งด่วน (และชั่วคราว) มาส์กขวดนี้น่าจะตอบโจทย์ตรงนี้ได้เลยล่ะ (เพราะปูเป้ก็ใช้เพื่อการนี้อยู่เรื่อยๆ ) หรือสำหรับใครที่อยากเปิดหูเปิดตาหาประสบการณ์ในการดูแลผิวแบบใหม่ ๆ ก็สามารถทดลองดูได้ แต่หากต้องการหามาส์กที่สารบำรุงอัดแน่นล้ำลึกมอบความชุ่มชื้นสุด ๆ นี่คงไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะเท่าไหร่ และถ้าคิดแค่อยากได้ออกซิเจนมาหล่อเลี้ยงบำรุงเซลล์ผิวแล้วล่ะก็ ปูเป้คิดว่าการทำสมาธิ สูดอากาศเข้าไปให้ลึก ๆ ก็น่าจะเพียงพอแล้วล่ะ…
สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง
PS. ทาง bliss มีบริการให้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ที่สาขา Siam Center ด้วยล่ะ เพียงแวะเดินเข้าไปทักทายพนักงาน bliss และขอทดลองผลิตภัณฑ์กันได้เลยจ้า
ข้อดี
– ผิวดูโกลว์ และสดใสขึ้นหลังใช้ (ชั่วคราว)
– กลิ่นหอมสดชื่น
– ใช้สะดวก ง่าย และไม่ต้องรอนาน
– บรรจุภัณฑ์ช่วยเก็บรักษาสารแอนติออกซิแดนท์จากอากาศและแสง
ข้อเสีย
– ยังไม่มีการศึกษาที่ยืนยันแน่ชัดว่าออกซิเจนสามารถบำรุงผิวได้
– มีส่วนผสมของน้ำหอม
– ส่วนตัวไม่เห็นเรื่องความชุ่มชื้น
– ราคาสูง
***Sponsored & Self-Bought Item***
– Bliss : Triple Oxygen Instant Energizing Mask