มาถึงรุ่นล่าสุดของเซรั่มกลุ่ม Even Better เซรั่มลดเลือนจุดด่างดำ รอยสิว เพื่อความกระจ่างใสและสม่ำเสมอของสีผิว โดยสูตรใหม่นี้เคลมว่าเป็นการอัพเกรดที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในรอบ 10 ปีของ Clinique เลยทีเดียวล่ะ
สูตรใหม่นี้มีชื่อว่า Clinique : Even Better Clinical Radical Dark Spot Corrector + Interrupter ซึ่งเปลี่ยนจากเซรั่มแบบ 2 หลอดในขวดเดียวในรุ่นก่อน กลับมาเป็นขวดปั้มแบบเดิมในรุ่นก่อนหน้า แต่ปรับรูปลักษณ์ด้วยการดีไซน์เหลือบประกายรุ้งเล่นสีกับแสงที่สวยงามและถ่ายรูปลง Instagram ได้สวยขึ้น (เทรนด์ Instagramable น่ะคุณ)
การปรับสูตรใหม่นี้เรามองว่าน่าสนใจ เพราะมันตรงกันข้ามกับรุ่นก่อนหน้าที่เน้นเพิ่มส่วนผสมอื่น ๆ เข้ามาหลายตัว (จนต้องใช้บรรจุภัณฑ์แบบ 2 หลอดในขวดปั้มเดียว) แต่รุ่นนี้กลับถอดส่วนผสมหลายตัวที่เพิ่มเข้ามาในคราวก่อน เหลือไว้แต่ตัวสำคัญ ๆ และทำการเพิ่มความเข้มข้นของส่วนผสมไวท์เทนนิ่งใน CL-302 Complex เป็น 2 เท่าแทน และรู้สึกเหมือนจะมีการปรับเนื้อสัมผัสเล็กน้อยด้วย เรามาดูในรายละเอียดกันดีกว่า
ในแง่ของโครงสร้างสูตรนั้น Clinique : Even Better Clinical Radical Dark Spot Corrector + Interrupter (30ml / 2,850 BAHT , 50ml / 4,100 BAHT) นั้นแยกเป็น 2 ส่วนหลัก ๆ นั่นก็คือ CL-302 Complex กับ Interrupter Complex
CL-302 Complex ที่เคลมว่ามีความเข้มข้นเป็น 2 เท่าจากสูตรเดิมนั้น ประกอบไปด้วยส่วนผสม 5 ชนิด
– Dimethoxytolyl Propylresorcinol หรือ Nivitol™ (UP-302) ซึ่งเป็นสารที่ได้มาจากต้น Dianella ensifolia โดยข้อมูลที่ตีพิมพ์ระบุว่าส่วนผสมนี้ลดการสร้างเมลานินที่ก่อความหมองคล้ำและจุดด่างดำด้วยสองกลไก หนึ่งคือการต้านการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ด้วยคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ และสองคือการเร่งการเสื่อมสลายของเอนไซม์ Tyrosinase โดยส่วนผสมตัวนี้มีประสิทธิภาพสูงกว่า Kojic Acid ถึง 20 เท่า
– Ascorbyl Glucoside อนุพันธ์วิตามินซีเสถียรที่คุ้นหน้าคุ้นตา เป็นส่วนผสมต้านอนุมูลอิสระ และใช้เป็นไวท์เทนนิ่งกันมาอย่างยาวนาน
– Yeast Extract เป็นส่วนผสมที่ทางแบรนด์เคลมว่าช่วยทำให้กลุ่มก้อนของเมลานินแตกกระจายเล็กลง แต่เรายังไม่เห็นข้อมูลอื่น ๆ ในส่วนนี้ แต่การศึกษาล่าสุดพบว่าสารสกัดจากยีสต์มีคุณสมบัติในการต้านการผลิตเมลานินได้
– Acetyl Glucosamine เป็นสารกลุ่มน้ำตาลที่ทางเครือ ELC จดสิทธิบัตรว่ามีคุณสมบัติในการเสริมการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติและเสริมเรื่องความชุ่มชื้นให้กับผิวและมีการตีพิมพ์การศึกษาเอาไว้ด้วย
– Salicylic Acid หรือ BHA นั้นเป็นส่วนผสมที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวมาตรฐาน จากข้อมูลของเอกสารในการจดสิทธิบัตร ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ใช้ CATEZOMES SA-2O ซึ่งเป็น Encapsulated Salicylic Acid ซึ่งทำให้การผลัดเซลล์มีความอ่อนโยนขึ้น และยังทลายข้อจำกัดเรื่องค่า pH ในการทำสูตรอีกด้วย
(Source : Unigen® Announces The Launch Of Nivitol™ – Powerful New Anti-Aging Skin Care Ingredient, 1-(2,4-Dihydroxyphenyl)-3-(2,4-dimethoxy-3-methylpheny)propane inhibits melanin synthesis by dual mechanisms., 1-(2,4-dihydroxyphenyl)-3-(2,4-dimethoxy-3-methylphenyl)propane, a novel tyrosinase inhibitor with strong depigmenting effects.,Cosmeceuticals for Hyperpigmentation: What is Available?, The Roles of Vitamin C in Skin Health, Quasi-Drugs Developed in Japan for the Prevention or Treatment of Hyperpigmentary Disorders, Effect of melanogenesis inhibition by a yeast extract in comparison to that by other food extracts, and its mechanism of action, The effect of N-acetyl-glucosamine on stratum corneum desquamation and water content in human skin., Actives for stimulating differentiation of keratinocytes to lighten hyperpigmented skin)
ในส่วนของ Interrupter Complex นั้นประกอบไปด้วยส่วนผสมหลายชนิด ซึ่งส่วนใหญ่มีมาตั้งแต่ใน Even Better Clinical รุ่นแรก แต่สิ่งที่ถูกใส่มาสูตรก่อนหน้าและยังถูกคงเอาไว้ในสูตรใหม่นี้ก็คือ Camellia Sinensis Leaf Extract ซึ่งทางแบรนด์เคลมว่าเป็นสารสกัดชาเขียว Gyokuro ซึ่งเป็นชาเขียวเกรดพรีเมี่ยม และมีคุณสมบัติในการปลอบประโลมผิวที่ดี มีข้อมูลการจดสิทธิบัตรจากแบรนด์อื่นว่าสารสกัด Gyokuro ยังเป็นไวท์เทนนิ่งผ่านการยับยั้งเอนไซม์ α–MSH อีกด้วย
ส่วนผสมอื่นก็เป็นสารที่เน้นการต้านการอักเสบ การระคายเคือง และบางตัวก็มีคุณสมบัติเป็นไวท์เทนนิ่งด้วย ไม่ว่าจะเป็น Glycyrrhetinic Acid จากรากชะเอม กับ Morus Bombycis (Mulberry) Root Extract จากรากต้นหม่อน Scutellaria Baicalensis Root Extract มีสาร Baicalin ในการต้านการอักเสบและผลกระทบจากมลภาวะ รวมไปถึงสารสกัดจาก Trametes Versicolor Extract หรือเห็ดหางไก่งวง ก็ช่วยปลอบประโลมผิวเช่นกัน
นอกจากนี้ในเอกสารการจดสิทธิบัตรของเครือเอสเตลอเดอร์ยังระบุว่าส่วนผสมที่มีชื่อว่า Phytofix ซึ่งประกอบไปด้วย Cucumis Sativus (Cucumber) Fruit Extract กับ Hordeum Vulgare (Barley) Extract และ Helianthus Annuus (Sunflower) Seedcake นอกจากจะช่วยเสริม Skin Barrier ความแข็งแรงของผิวแล้ว ยังไปเสริมการทำงานของสารไวท์เทนนิ่งใน CL-302 Complex อีกด้วย
(Source : Α-MSH inhibitor derived from tea extract, whitening agent, anti-aging agent, MMP-1 production inhibitor containing the same, and topical skin preparation containing these, Scutellaria radix Extract as a Natural UV Protectant for Human Skin., HIGH CONCENTRATION OF BAICALIN AS A KEY ANTI-OXIDANT IN LONGWAVE UVA PROTECTION, ANTI POLLUTION BENEFIT FROM BAICALINE, Actives for stimulating differentiation of keratinocytes to lighten hyperpigmented skin)
โดยภาพรวมแล้วผลิตภัณฑ์ตัวนี้จึงช่วยทั้งการลดผลกระทบจากการกระตุ้นจากสิ่งเร้าภายนอกที่จะทำให้เกิดความหมองคล้ำ ไม่ว่าจะจากรังสี UV และมลภาวะ และยับยั้งการสังเคราะห์เม็ดสีในหลายกลไก รวมไปถึงการเร่งการสลายตัวและผลัดเซลล์ที่หมองคล้ำออกไปอย่างอ่อนโยน จะว่าไปแล้วในสูตรก่อนหน้ามีส่วนผสมที่ช่วยลดการส่งผ่านเมลานินสู่เซลล์ด้วยแต่ถูกถอดออกไปเพื่ออัดส่วนผสมของ CL-302 Complex เป็น 2 เท่าแทนล่ะ
Ingredients : Water\Aqua\Eau, Cyclopentasiloxane, Dimethicone, Polysilicone-11, Isododecane, Butylene Glycol, Ascorbyl Glucoside, PEG-10 Dimethicone, PEG-6, Morus Bombycis (Mulberry) Root Extract, Scutellaria Baicalensis Root Extract, Camellia Sinensis Leaf Extract, Cucumis Sativus (Cucumber) Fruit Extract, Saccharomyces Lysate Extract, Hordeum Vulgare (Barley) Extract\Extrait D’Orge, Salicylic Acid, Triticum Vulgare (Wheat) Germ Extract, Cholesterol, Oryza Sativa (Rice) Bran Extract, Squalane, Acetyl Glucosamine, Sodium Hyaluronate, Caffeine, Isohexadecane, Betula Alba (Birch) Bark Extract, Trametes Versicolor Extract, Sodium RNA, Glycyrrhetinic Acid, Dimethoxytolyl Propylresorcinol, Di-C12-18 Alkyl Dimonium Chloride, Helianthus Annuus (Sunflower) Seedcake, Yeast Extract\Faex\Extrait De Levure, Caprylyl Glycol, Propylene Glycol Dicaprate, Ammonium Acryloyldimethyltaurate/VP Copolymer, Acrylamide/Sodium Acryloyldimethyltaurate Copolymer, Polysorbate 20, Tocopheryl Acetate, Polysorbate 80, Tromethamine, Sodium Hydroxide, Hexylene Glycol, Disodium EDTA, Sodium Benzoate, Sodium Metabisulfite, Sodium Sulfite, Phenoxyethanol, Yellow 6 (CI 15985), Yellow 5 (CI 19140) <ILN46602>
เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นเซรั่มเบสน้ำและซิลิโคนสีเหลืองอ่อน ๆ ที่คุ้นเคย ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม มีสีเหลืองจาง ๆ ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ชนิดที่ทำให้ผิวแห้งได้ ส่วนตัวคือจำเนื้อสัมผัสของรุ่นเก่าไม่ได้แล้ว แต่รู้สึกว่าเราใช้สูตรใหม่นี้แล้วมันเกลี่ยง่าย ไม่รู้สึกขัดใจเหมือนแต่ก่อนนู้น ที่มันจะฝืด ๆ หนืด ๆ หน่อย เราสามารถเลเยอร์สกินแคร์ได้ค่อนข้างง่าย เซรั่มเซ็ทตัวแบบไม่มันวาว แต่ไม่แห้งไป และใช้ร่วมกับกันแดดและไพรเมอร์ที่ใช้อยู่ได้อย่างไม่มีปัญหา ดังนั้นในแง่ของการเลเยอร์ผลิตภัณฑ์สกินแคร์เราพอใจกับตรงนี้
ในแง่ของประสิทธิภาพนั้น ปูเป้มีรอยดำจากสิวอักเสบที่ผิวบริเวณรอบปากพอดี ซึ่งก็มีจุดด่างดำที่เป็นกระ และขี้แมงวันอยู่ด้วย จึงเป็นจุดที่เหมาะที่จะดูว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีผลอย่างไรกับจุดด่างดำที่มีสาเหตุต่างกันไปบ้าง
หลังจากผ่านไป 15 วัน ที่ใช้ Clinique : Even Better Clinical Radical Dark Spot Corrector + Interrupter เป็นผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งหลักเพียงชิ้นเดียวในขั้นตอนการบำรุงผิวทั้งหมด เห็นได้ชัดว่ารอยดำที่มาจากการอักเสบของสิว หรือ Post-Inflammatory Hyperpigmentation นั้นจางลงไปอย่างมากในระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์ ซึ่งรอยสิวอักเสบสำหรับคนอายุใกล้ 38 ปี อย่างปูเป้ ถ้าไม่ดูแลอะไรเลยจะอยู่ยาวติดไปหลายเดือน เราถือว่าสิ่งนี้น่าพอใจทีเดียว ส่วนจุดด่างดำที่เป็นกระ หรือจุดด่างดำที่มีอยู่นานแล้ว ยังจางลงไม่มาก ส่วนจุดที่เป็นขี้แมงวันยังไม่มีความแตกต่างในระยะเวลาที่ทดลองนี้ครับ
นอกเหนือจากเรื่องของจุดด่างดำและรอยสิวแล้ว ในแง่ของโทนผิวโดยรวมเรายังรู้สึกว่ายังคงโทนผิวที่ดูกระจ่างใสได้ เพราะก่อนที่ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์นี้ปูเป้พึงพอใจกับโทนผิวของตัวเองอยู่แล้ว มีแค่รอยสิวอักเสบนี่แหล่ะที่พึ่งทิ้งเอาไว้ ส่วนสีของผิวในรูปที่นำมาเทียบกันและต่างไปเล็กน้อย เกิดจากมุมที่ต่างกันเล็กน้อยที่หันเข้าหาแหล่งกำเนิดแสงในขณะถ่ายภาพ และอาจรวมถึงการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอก่อนถ่ายรูปก่อนใช่ ผิวเลยดูซีดกว่าหลังใช้ครับ
โดยสรุปแล้ว Clinique : Even Better Clinical Radical Dark Spot Corrector + Interrupter สูตรใหม่นี้ใช้ส่วนผสมของสารไวท์เทนนิ่งที่เข้มข้นมากกว่าสูตรเดิม ทำงานในหลายกลไก มีส่วนผสมที่อ่อนโยน และช่วยปลอบประโลม ลดการระคายเคือง ช่วยปกป้องผิว และก็ดูเหมือนว่ามันจะมีประสิทธิภาพที่ดีทีเดียว อย่างน้อยรอยดำฝังลึกจากสิวอักเสบเม็ดตู้มก็จางลงอย่างมากในระยะเวลา 2 สัปดาห์อย่างที่เห็นจากในรูป
ในแง่ของส่วนประกอบเราถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดี จริง ๆ ก็มีกลไกการลดการส่งผ่านเมลานินไปยังเซลล์ผิวที่ยังสามารถเสริมเข้าไปได้ แต่ส่วนผสมอย่าง Niacinamide ก็ไม่ใช่ส่วนผสมที่หาได้ยาก เราสามารถหามาไว้ในขั้นตอนการบำรุงผิวของเราได้อยู่แล้ว เนื้อสัมผัสเรารู้สึกว่ามันทาได้ง่ายขึ้น แต่เราก็ยังคงรู้สึกชอบเซรั่มที่เป็นน้ำ ๆ มากกว่านี้ หรือเซรั่มที่ให้ความรู้สึกเป็นซิลิโคนน้อยกว่านี้ คือเราไมไ่ด้แอนตี้หรือรังเกียจซิลิโคนนะ แต่แค่รู้สึกว่าเวลาเราเลเยอร์เซรั่มหลายตัวมันทำได้ง่ายกว่าเท่านั้นเอง
สำหรับใครที่สนใจ Clinique : Even Better Clinical Radical Dark Spot Corrector + Interrupter ก็วางจำหน่ายแล้วในทุกช่องทาง ทั้ง EVEANDBOY / SEPHORA / KIS / LAZADA ส่วนขนาด 50ml จะมีจำหน่ายเฉพาะในเคาน์เตอร์ Clinqiue และทางเวปไซต์ www.clinique.co.th เท่านั้นจ้า
สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง
***Sponsored Item***
Clinique : Even Better Clinical Radical Dark Spot Corrector + Interrupter
Price : 30ml / 2,850 BAHT , 50ml / 4,100 BAHT
Skin Type : All Skin Type
Outstanding : Whitening / Antioxidant / Soothing / Fragrance-Free
- สูตรใหม่ สารไวท์เทนนิ่งเข้มข้นกว่าเดิม และทำงานในกลไกที่หลากหลาย
- อ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม มีสารต้านการระคายเคืองหลายชนิด
- รอยสิวอักเสบจางลงค่อนข้างไว น่าประทับใจ
- ส่วนตัวอยากเห็นเนื้อเซรั่มที่มีความเป็นน้ำมากกว่านี้