มีใครกลัว “รองพื้น” เหมือนปูเป้บ้างครับ? หรือว่ามีผมคนเดียวที่รู้สึกว่าใช้รองพื้นแล้วไม่เกิด… ใช้แล้วไม่มั่นใจ… รู้สึกเหมือนกำลังสวมหน้ากาก… นี่ไม่ใช่ผิวที่แท้จริงของฉัน… ต่อให้เป็นรองพื้นที่เขาร่ำลือว่าเทพแต่ลองใช้ก็ยังไม่มั่นใจอีกอยู่ดี… แต่การไป Workshop กับ Covermark นั้นได้เปลี่ยนความคิดของปูเป้ที่มีต่อ “รองพื้น” ไปเลยล่ะ…

หลาย ๆ คนคงจะรู้ว่าการเลือกรองพื้นควรจะเลือกเฉดสีให้เหมาะกับสีผิว นอกจากนี้ยังต้องเลือกให้เหมาะกับ Undertone หรือโทนสีที่แท้จริงของผิวอีกด้วย แต่การจะรู้โทนสีผิวนั้นส่วนใหญ่เราจะใช้การดูด้วยตาเปล่า ซึ่งหลายครั้งก็ทำให้ผลที่ได้นั้นคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงอยู่บ้าง ทาง Covermark ได้คิดค้นทฤษฎี Skin Undertone ซึ่งพิจารณาจากโครงสร้างสีผิวที่แท้จริง โดยได้รับอิทธิพลจากเม็ดเลือดที่หล่อเลี้ยงใต้ผิวหนัง แทนการเลือกเฉดสีรองพื้นจากสีผิวที่มองเห็นด้วยตาเปล่าเพียงอย่างเดียว

Skin Undertone คือทฤษฎีสีที่พิจารณาการเลือกสีรองพื้นจากโครงสร้างสีผิวที่แท้จริงโดยได้รับอิทธิพลจากเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงใต้ผิว อันเกิดจากการรวมตัวกันของสี 3 ชนิดคือ เมลานิน (สีน้ำตาล) แคโรทีน (สีเหลือง) และออกซิเจนในเม็ดเลือด (สีแดง และ สีน้ำเงิน) ตามทฤษฎีสีของ Covermark ได้แบ่งโทนสีผิวออกเป็น 2 โทน คือ โทนสีน้ำเงิน (Blue Base) และ โทนสีเหลือง (Yellow Base)

Blue Base คือสีผิวที่ได้รับอิทธิพลจากสีน้ำเงินของเส้นเลือดดำมาก จึงทำให้สีผิวเป็นโทนสีเหลืองเปลือกผลมะนาว แลดูกระจ่างใส ให้ความรู้สึกเย็นสบาย

Yellow Base คือสีผิวที่ได้รับอิทธิพลจากสีน้ำเงินของเส้นเลือดดำน้อย แต่ได้รับอิทธิพลจากสีแดงของเส้นเลือดแดงโดยตรง จึงทำให้สีผิวเป็นโทนสีเหลืองเปลือกกล้วยหอม แลดูเป็นธรรมชาติมีสุขภาพดี ให้ความรู้สึกอบอุ่น

วิธีการทดสอบโครงสร้างสีผิวที่แท้จริงหรือ SkinUndertone นั้นทำโดยทารองพื้น Jusme Color สี Blue Base (สีโทนน้ำเงิน) และ Yellow Base (สีโทนเหลือง) ลงบนท้องแขนข้างละ 3 สี (โทนเดียวกันทาข้างเดียวกัน) จากนั้นทิ้งไว้สักครู่ เมื่อรองพื้นแห้งให้สังเกตดูการเปลี่ยนแปลงของสีผิวบริเวณรอบ ๆ ซึ่งแขนข้างที่ผิวบริเวณรอบๆรองพื้นแลดูกระจ่างใส มีสุขภาพดี กลมกลืนเป็นสีเดียวกัน คือสีผิวที่แท้จริง หรือ Skin Undertone ของเรานั่นเอง จากนั้น BA ก็จะเลือกเฉดสีที่เข้ากับสีผิวจริงมากที่สุด โดยการทดสอบลงบนใบหน้าบริเวณแนวกราม

ผมคิดมาตลอดว่าตัวเองเป็นคนผิวเหลือง หรือต้องใช้ Undertone เหลืองนะ แต่พอทดสอบมาพบว่าจริงๆ แล้วผมเป็นคน Undertone น้ำเงินต่างหาก (มิน่า ใช้รองพื้นทีไรดับทุกที เพราะเราเลือกใช้ไม่ถูกกับสีผิวที่แท้จริงของเรานี่เอง) และสิ่งที่ปูเป้รู้สึกทึ่งมากคือตอนที่ BA ทดสอบสีรองพื้นให้ รองพื้น Covermark : Essence Liquid Foudation เบอร์ BN20 อันนี้นั้นกลื่นไปกับผิวจนหมดเลย เป็นสีที่เข้ากับผิวของเราเป๊ะ!!!

พอได้เห็นอย่างนี้แล้วก็รู้สึกมั่นใจในการใช้รองพื้นมากขึ้น แต่ด้วยความผมไม่ค่อยแต่งหน้าก็กลัวว่าจะลงรองพื้นไม่เนียน ไม่แจ่มอีก ทาง Covermark ก็ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญบินตรงมาจากญี่ปุ่นเพื่อนให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด บรรดา Blogger ทุกคนก็ตั้งใจฟังเก็บเกี่ยวความรู้อย่างเต็มที่เลย

ก่อนลงรองพื้นก็ใช้ Makeup-Base กันหน่อย ปูส่วนเป้มีผิวผสมถึงมันจึงเลือกใช้ Covermark : Connecting Base ที่มีค่า SPF 38 PA+++ เนื้อประกายมุกชมพูอ่อน ๆ ละเอียดมาก แค่ลง Base ตัวนี้ผิวก็ปิ้งขึ้นมาแล้ว

การใช้รองพื้น Covermark : Essence Liquid Foudation นั้นไม่ต้องใช้เยอะเลย แค่หนึ่งหยดสำหรับครึ่งหน้าข้างซ้าย อีกหนึ่งหยดที่ครึ่งหน้าข้างขวา และอีดหนึ่งหยดสำหรับ T-Zone เศษ ๆ ที่เหลือก็เก็บรายละเอียดที่ขอบจมูกและรอบดวงตา เท่านี้ก็ได้ผิวที่สวยและดูเป็น “ผิวจริง” แล้ว ตบท้ายด้วยแป้งฝุ่นที่เป็น Undertone น้ำเงินอีกเป็นอันเสร็จพิธี…

สรุปแล้วการเลือกรองพื้นต้องดูที่ Undertone ของผิว แล้วจึงไปเลือกเฉดสีที่ตรงกับผิวอีกทีหนึ่ง นอกจากนี้ผมยังคิดว่าเราไม่ควรจะไปถามเพื่อนหรือถามคนอื่น ๆ ว่ารองพื้นสีไหน เบอร์อะไรจะเข้ากับผิวของเรา หรือแบรนด์ XXX สีจะเหมือนกับแบรนด์ YYY รึเปล่า เพราะว่าแต่ละแบรนด์ต่อให้เป็นรองพื้นชื่อสีเดียวเดียวกัน เบอร์เดียวกัน แต่สีที่ออกมามันก็จะต่างกันไปอีกอยู่ดี ผิวของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอีก ดังนั้นเราควรจะไปเทียบสีรองพื้นด้วยตัวเองที่เคาเตอร์จะดีที่สุด

 

(Blogger ชายหนึ่งเดียวทางทาง Blogger สาว ๆ ทั่วฟ้าเมืองไทย)
แน่นอน… ผมคงจะไม่บอกว่า Covermark : Essence Liquid Foudation คือรองพื้นเทพที่ดีที่สุดในโลก (เพราะผมไม่ค่อยได้ใช้ makeup มากเท่าไหร่) แต่การมา Workshop ในครั้งนี้ทำให้ผมเข้าใจและไว้ใจ “รองพื้น” มากขึ้น ใครที่เคยกลัวการใช้รองพื้นเหมือนปูเป้มาก่อน ผมอยากแนะนำให้ไปลองทดสอบที่เคาเตอร์ Covermark ดูครับ เผื่อคุณจะได้ประสบการณ์ดี ๆ ที่เปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อรองพื้นไปตลอกาล… ก็ต้องขอบคุณ Covermark ที่ให้โอกาสปูเป้ได้สัมผัสกับประสบการณ์ดี ๆ แบบนี้ด้วยนะครับ

PS. หลังจากงาน Workshop ก็ไปทานขนมกันที่ After You แล้วก็ไปสยามพารากอน พี่ ๆ ที่ร้าน Kiehl’s ทักทุกคนเลยว่าหน้าเด้งมาก พอบอกว่าใช้รองพื้นมาทุกคนก็ถามกันใหญ่เลยว่าของแบรนด์อะไร เพราะว่าผิวเด้งใสแบบไม่โบ๊ะเลย Covermark ทำได้ฮะ… ปลื้ม ๆ