เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Curél เปิดตัวสองผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ปูเป้ตั้งตารอครับ เป็นมูสล้างหน้าและเซรั่มเนื้อมูสที่ใช้เทคโนโลยีสกินแคร์อัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เขาพัฒนามากว่า 13 ปี แถมมีตีพิมพ์งานวิจัยเอาไว้หลายชิ้น วันนี้เลยอยากจะเอาข้อมูลและงานวิจัยที่ปูเป้รวบรวมมาได้มาเล่าให้อ่านกันว่าผลิตภัณฑ์ใหม่สองตัวนี้น่าสนใจอย่างไร และทำไมปูเป้ถึงกรี๊ดตัวมูสล้างหน้าตัวนี้
ผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวในครั้งนี้มี 2 ชิ้น โดย และในงานก็มีนักวิจัยจากทาง Kao ต่อสายตรงมาอธิบายเบื้องหลังการพัฒนาผลิตภัณฑ์และตอบคำถามที่ปูเป้ค้างคาใจเอาไว้ด้วย
1. Curél : Mousse Serum ( ขนาด 120 กรัม ราคา 1,350 บาท ) ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่พัฒนามากว่า 13 ปี ปรับสูตรมา 1,500 ครั้ง ในการใช้คาร์บอนไดออกไซด์ สร้างไมโครบับเบิ้ลขนาดเล็กกว่ารูขุมขน 20 เท่า (จากข้อมูลที่หามาได้คือมีขนาดฟองเล็กที่สุดถึง 1 ไมครอน) แทรกซึมลึกสู่ชั้นผิวและเสริมการส่งเซราไมด์เสมือนได้มากขึ้น 1.6 เท่า พร้อมเพิ่มการไหลเวียนโลหิต การผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติอย่างอ่อนโยน และมีการตีพิมพ์งานวิจัยไว้หลายชิ้น
2. Curél : Rich Mousse Facial Wash ( ขนาด 200 กรัม ราคา 700 บาท ) เป็นตัวที่ต่อยอดจากเทคโนโลยีโดยสร้างมูสล้างหน้าที่ใช้ส่วนผสมแบบที่พบได้ในโลชั่นบำรุงผิว 100% มาอัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อเพิ่มคุณสมบัติในการทำความสะอาดซีบัมและสื่งสกปรก จึงอ่อนโยนและคงความชุ่มชื้นในผิวได้ดี ซึ่งปูเป้บอกเลยว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นและแตกต่างจากผลิตภัณฑ์ในท้องตลาดมาก ๆ
สิ่งที่ทำให้ Curel : Rich Mousse Facial Wash มีความโดดเด่นคือ Carbon Dioxide ด้วยเทคโนโลยีสิทธิบัตรเฉพาะในการสร้าง Microbubble ในเบสเจล ที่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์มูสหรือโฟมล้างหน้าตัวอื่น ๆในท้องตลาดครับ เพราะตัวนี้ไม่มีสารทำความสะอาดประจุลบที่พบในโฟมหรือมูสทำความสะอาดทั่วไป แต่ใช้สารกลุ่มไม่มีประจุชนิดอ่อนโยนที่พบได้ทั้งในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและสกินแคร์บำรุงผิวอย่าง Isoceteth-20 เสริมไปกับ Sodium Stearoxy PG-Hydroxyethylcellulose Sulfonate ซึ่งดูไม่น่าจะทำความสะอาดอะไรได้มานักจากในสูตร
ทว่าในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ ทางนักวิจัยของ Kao ได้แสดงให้ดูว่าการอัดคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)เข้าไปในสูตร จะช่วยยกระดับการทำความสะอาดซีบีมและสิ่งสกปรกได้มากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มสารทำความสะอาดในสูตร จึงมีความอ่อนโยนมาก คงความชุ่มชื้นได้ดี แต่ยังทำความสะอาดซีบัม น้ำมันส่วนเกินได้กำลังดีนั่นเองครับ
ตัวสูตรได้ใช้เจลที่อ่อนโยนและชุ่มชื้นสูง โดยใช้สารกลุ่ม Humectants อย่าง Glycerin และ Butylene Glycol สารต้านการระคายเคืองในรูป Dipotassium Glycyrhizate กับซิลิโคนในรูป Dimethicone และสารก่อเจลเพื่อสร้างเบสที่สามารถกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เอาไว้ได้นานหน่อย
สำหรับการใช้ เมื่อปั้มออกมาเป็นมูสฟูเนื้อหยุ่น ๆ ให้เราลูบเกลี่ยฟองให้ทั่วใบหน้าอย่างเบามือ แล้วทิ้งเอาไว้สักพักนึง เมื่อฟองยุบเป็นเจลก็ค่อยลูบวนเหมือนการทำความสะอาดผิวตามปกติ และล้างออกด้วยน้ำสะอาดตามปกติและซับแห้ง จะรู้สึกว่าผิวสดชื่น ไม่รู้สึกว่าผิวมีความลื่นหรือฝืดไป ดูกระจ่าง และคงความชุ่มชื้นได้มากทีเดียว ส่วนผสมคาร์บอนไดออกไซด์จะกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและลดความคล้ำหมองของผิว
ผลิตภัณฑ์ ตัวนี้ยังแตกต่างจากโฟมล้างหน้าอัดก๊าซแบบกระป๋องที่มีขายในท้องตลาดปัจจุบัน ที่นอกจากจะใช้สารลดแรงตึงผิวแบบประจุลบที่ก่อฟองมากเป็นตัวหลักแล้ว ยังใช้สารขับดันอื่น ๆ อย่างพวก Butane / Isobutane ที่เป็นของเหลวในสภาวะแรงดันภายในกระป๋อง แต่เมื่อปั้มออกมาจะกลายเป็นก๊าซและขยายตัวจนเกิดเป็นมูสแน่น โดยใส่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาน้อยหรือไม่ได้ใส่มาเลย ผิวจึงจะไม่ได้รับประโยชน์จากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในการบำรุงผิวนั่นเองฮะ
Ingredients : Water, Glycerin, Butylene Glycol, Carbon Dioxide, Isoceteth-20, Dimethicone, Phenoxyethanol, Acrylates/C10-30 Alkyl Acrylate Grosspolymer, Hydroxypropyl Methylcellulose, Sodium Stearoxy PG-Hydroxyethylcellulose Sulfonate, Sodium Hydroxide, Disodlum EDTA, Dipotassium Glycyrhizate, BHT.
ส่วนผลิตภัณฑ์โฟมล้างหน้าโดยทั่วไปจะมีปริมาณของสารลดแรงตึงผิวในปริมาณสูงเพื่อเป็นสารทำความสะอาดหลัก ปูเป้จะเอา Curél : Foaming Facial Wash ( ขนาด 150ml ราคา 500 บาท) ซึ่งเป็นโฟมล้างแบบปั้มโฟมสำเร็จที่อ่อนโยนมากตัวหนึ่ง ซึ่งปูเป้แนะนำและใช้เป็นประจำอยู่แล้ว มาเป็นตัวอย่างในการเทียบครับ
ตัวนี้จะใช้ทำความสะอาดกลุ่มประจุลบอย่าง Sodium Cocoyl Glutamate กับ Sodium Lauroyl Aspartate ที่ได้มาจากกรดอะมิโน ที่มีจุดเด่นเรื่องความอ่อนโยนกับผิว มาคู่กับ Lauryl Hydroxysultaine ที่เป็นแบบทั้งสองประจุเพื่อปรับคุณภาพเนื้อฟอง โดยมีสารให้ความชุ่มชื้นอย่าง Glycerin กับ Maltitol และสารลดการระคายเคืองอย่าง Dipotassium Glycyrrhizate มาเป็นตัวเสริม
โฟมตัวนี้เนื้อจะเบา เน้นทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน ล้างสิ่งสกปรกออกได้ดีกว่าสูตรมูส แต่จะไม่ทิ้งสารให้ความชุ่มชื้นเท่ากับตัวมูส และจะไม่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการไหลเวียนและการบำรุงจากคาร์บอนไดออกไวซด์เข้มข้นเหมือนตัวมูสครับ
Ingredients : Water (Aqua), Glycerin, Maltitol, Propylene Glycol, PEG-150, Sodium Cocoyl Glutamate, Sodium Lauroyl Aspartate, Lauryl Hydroxysultaine, Polysorbate 60, Ethylhexylglycerin, Disodium EDTA, Dipotassium Glycyrrhizate, Potassium Hydroxide, Phenoxyethanol, Methylparaben.
ในอดีตมีการศึกษาที่ยืนยันว่าการแช่หรือสัมผัสกับน้ำที่มีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้มข้น (กรดคาร์บอนิคที่ละลายในน้ำ) นั้นสามารถกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต เพิ่มอุณหภูมิของผิว หรือแม้แต่กระตุ้นการเยียวยาตัวเองได้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้การแช่น้ำแร่จากแหล่งที่มีกรดคาร์บอนิคและการใช้เม็ดฟู่แช่อาบน้ำจึงเป็นที่นิยมในญี่ปุ่น แต่ก็ไม่มีการศึกษาเกี่ยวกับกลไกของมันอย่างจริงจัง ทางศูนย์วิจัยของเครือ Kao ที่เป็นเจ้าของแบรนด์ Curél จึงเริ่มศึกษาแนวคิดการเอาคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)มาใช้ในการบำรุงผิว และได้พัฒนาการสร้าง Microbubble ฟองขนาดเล็กมาก และได้รับสิทธิบัตรในช่วงปี 2017 หลังจากนั้นเขาก็เดินหน้าตีพิมพ์งานวิจัยออกมาหลายชิ้น ซึ่งปูเป้เลือกมาแต่ที่เกี่ยวข้องกับผิวหนังดังนี้ครับ
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในปี 2019 ทำการทดสอบสูตรผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้มข้น (CO2) เทียบกับสูตรที่ไม่มี แบ่งครึ่งหน้า 2 ครั้งต่อวัน เป็นเวลาต่อเนื่อง 8 สัปดาห์ในช่วงฤดูหนาว กับผู้ชายจำนวน 20 คน (ใช้ผู้ชายเพราะจะได้ไม่มีปัจจัยเรื่องรอบเดือนมามีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของผิว) ผลออกมาว่าในส่วนที่ใช้ผลิตภัณฑ์ CO2 นั้นมีการระเหยออกของความชุ่มชื้น (TEWL) ที่น้อยกว่า สามารถคงความชุ่มชื้นบนผิวหนังได้มากกว่า รวมไปถึงได้คะแนนในส่วนของหยาบกร้าน กับ ริ้วรอย ที่ดีกว่าข้างที่ใช้ตัวควบคุมที่ไม่มีคาร์บอนไดออกไซด์ แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติในการบำรุงและคุ้มครองความแข็งแรงของชั้นปราการปกป้องผิว
การศึกษาในปีถัดมา เน้นการศึกษากลไกในการทำงานของสกินแคร์ผสม CO2 เข้มข้น ที่มีค่า pH 6.0 และพบว่ามันมีคุณสมบัติในการลดการเป็นขุยของผิวหนังได้อย่างชัดเจนในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ด้วยกลไกที่แตกต่างจากสารผลัดเซลล์อื่น โดยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แทรกผ่านชั้นหนังกำพร้า (Stratum Corneum) ลงไปทำปฏิกิริยากับน้ำในเนื้อเยื่อของผิวชั้นนอกเป็นกรดคาร์บอนิคและลด pH ภายในผิวชั้นนอกให้กลายเป็นกรดอ่อนเพื่อกระตุ้นเอนไซม์ ที่ออกฤิทธ์คล้ายทริปซิน (Trypsin-like protease) ที่ทำหน้าที่ในสลาย Desmoglein-1 (DSG1) Democollin-1 (DSC1) ที่ทำหน้าที่เป็นตัวยึดเกาะเซลล์ขี้ไคล ซึ่งปรากฏการณ์นี้ไม่พบในกรดชนิดอื่นที่ทดสอบ อย่าง HCl (กรดไฮโดรคลอริก) AHA (ในรูป Glycolic Acid) และ BHA (Salicylic Acid) แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าก๊าซ์คาร์บอนไดออกไซด์ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนโดยทำงานในกลไกที่ต่างกันกับกรดผลัดเซลล์ผิวอื่น ๆ โดยสิ้นเชิง
การค้นพบว่าสกินแคร์ผสม CO2 เข้มข้นลดค่า pH ของเนื้อเยื่อในผิวชั้นนอกได้นั้นนำไปสู่การศึกษาที่ตีพิมพ์ในปี 2021 ยังค้นพบว่าที่ชี้ว่า กลไกนี้สามารถลดการอักเสบของผิวได้ โดยไปกระตุ้น GPR65 ที่อยู่บนเซลล์เคราติโนไซด์และยับยั้ง NF-κB (Nuclear Factor kappa B) ที่เป็นตัวหลักในการตอบสนองต่อการอักเสบในเซลล์ จึงลดสารสื่อการอักเสบหลัก ๆ อย่างเช่น TNFα และ IL-6 ที่ทำให้เกิดการบวม แดง ร้อน ได้ทั้งในแบบจำลองผิวหนังมนุษย์แบบสามมิติ และบนผิวหนังมนุษย์จากการทดสอบด้วย UVB
การค้นพบคุณสมบัติในการเสริมการผลัดเซลล์ผิวและต้านการอักเสบนำไปสู่งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในปีถัดมาคือ โดยศึกษากับชายที่เป็นสิวระดับไม่รุนแรงและพบว่าเมื่อใช้โลชั่นผสม CO2 เข้มข้น เป็นเวลา 4 สัปดาห์ สิวอุดตันและสิวอักเสบที่ไม่รุนแรงมีปริมาณน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมไปถึงช่วยระดับซีบัมของผิวถูกปรับสมดุล และทำให้ผิวชั้นหนังกำพร้ามีค่า pH เป็นกรดอ่อนแบบผิวสุขภาพดีด้วย เมื่อเทียบกับข้างที่ใช้โลชั่นควบคุมที่ไม่มี CO2 (ส่วนตัวปูเป้อ่านดูแล้ว คิดว่ามันไม่ใช่ตัวที่จะใช้เป็นหลักในการรักษาสิว แต่เป็นสกินแคร์ที่ใช้ในระหว่างการรักษาสิวได้ และทำงานในกลไกที่ไม่ซ้ำซ้อนกันด้วย)
การศึกษาที่ตีพิมพ์ในปี 2023 ได้เปรียบเทียบและพิสูจน์ว่า การอัด CO2 เข้มข้นในรูปแบบของ Microbubble นั้นมีประโยชน์ในการช่วยเสริมการแทรกซึมของส่วนผสมบำรุงผิวผ่านชั้นหนังกำพร้าได้ดียิ่งขึ้น โดยสูตรโลชั่นที่อัด CO2 จนเป็น Microbubble สามารถแทรกลึกได้ถึง 5.8 ไมครอน แต่โลชั่นสูตรเดียวกันถ้าไม่มีฟอง CO2 จะแทรกได้เพียง 4 ไมครอนเท่านั้น งานวิจัยเผยว่า Microbubble ขนาดเล็กจิ๋วเมื่อทาลงไปบนผิวแล้ว การยุบตัวของฟองจะทำให้เกิดแรงดันไฮโดรไนนามิค กับการสลายและเรียงตัวกันใหม่ของชั้นไขมันระหว่างเซลล์ขี้ไคล จึงทำให้เกิดช่องว่างจนสารบำรุงสามารถแทรกลงชั้นหนังกำพร้าได้ลึกขึ้น โดยสูตรที่อัด CO2 จะแทรกสู่ผิวได้มากกว่าในทันทีและผลจะคงอยู่เป็นชั่วโมง และภายใน 18 ชั่วโมงสภาพการเรียงตัวของชั้นไขมันระหว่างเซลล์ขี้ไคลจะกลับสู่ปกติ (ซึ่งในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Curél เคลมว่าเทคโนโลยีนี้ ช่วยทำให้ส่วนผสมเซราไมด์เสมือนเลียนแบบธรรมชาติ /Pseudo-Ceramide ที่ผสมลงไปสูตรให้สามารถแทรกซึมได้เพิ่มขึ้นอีก 1.6 เท่า ครับ)
จริง ๆ มีงานวิจัยอีกชิ้นนึงในปี 2023 ที่ชี้ให้เห็นว่า สกินแคร์ผสม CO2 เข้มข้นไปลดค่า pH ของเนื้อเยื่อของผิวชั้นในชั่วขณะหนึ่งและไปกระตุ้น TGF-β1 ให้ไฟโบรบลาสต์ให้ผลิตพวกคอลลาเจน อีลาสติน ไฮยาลูโรนิคแอซิดได้มากขึ้น คือเป็น Anti-Aging ไปอีก แต่ว่างานวิจัยนี้มีข้อจำกัดจากการทดลองในระบบเพาะเลี้ยงแบบเซลล์ชั้นเดียว เขาจะใช้ แบบจำลองผิวหนัง 3 มิติ กับการตัดเนื้อเยื่อมนุษย์มาทดสอบเพื่อยืนยันผลอีกที ต้องรอดูกันต่อไปฮะ
ส่วนตัวปูเป้ชอบโฟมล้างหน้าของ Curél ทั้งสองตัว แต่คิดว่า Curel : Rich Mousse Facial Wash เป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับการใช้ในตอนเช้า ที่ผิวมีเพียงน้ำมันที่ผลิตขึ้นกับสกินแคร์ที่เราทาก่อนนอน จะช่วยทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยนและคงความชุ่มชื้นบนผิวได้มากกว่า และได้ประโยชน์จากการกระตุ้นการไหลเวียนใต้ผิวที่สัมผัสได้จริง ๆ แค่ลองปั้มมูส (ทั้งตัวล้างหน้าและเซรั่ม ทิ้งไว้บนหลังมือราว 30 วินาทีแล้วล้างออก จะรู้สึกว่าผิวบริเวณนั้นรู้สึกผ่าว ๆ และเห็นได้ว่าผิวบริเวณที่มีมูสจะมีความแดงจาง ๆ จากการกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตมากกว่าบริเวณรอบข้าง การกระตุ้นการไหลเวียนจะช่วยนำพาสารอาหารมาสู่เซลล์ได้ ปูเป้ใช้ตัวนี้ในตอนเช้าโดยเฉพาะในวันที่จะต้องใช้เครื่อง Panasonic Bright Shot เพราะต้องทำบนหน้าที่แห้งและสะอาด กว่าจะใช้เสร็จคือเกือบ 10 นาที ถ้าโฟมล้างหน้าไม่คงความชุ่มชื้นได้ดีจริง ๆ จะไม่สบายผิวเลยครับ แต่มูสล้างหน้าของคิวเรลตัวนี้ทำได้ดีมาก
ส่วน Curél : Foaming Facial Wash ก็ยังเป็นตัวที่ปูเป้ใช้เป็นประจำครับโดยเฉพาะในตอนเย็นวันไหนที่ไม่ได้ใช้กันแดดที่ติดทนหรือกันน้ำ ปูเป้จะใช้ตัวนี้เป็นล้างหน้าขั้นตอนเดียวได้เลย เพราะมีคุณสมบัติในการทำความสะอาดที่สูงกว่าตัวมูส (แต่ถ้ากันแดดติดทน หรือเมคอัพ ต้องใช้ตัวล้างเครื่องสำอางก่อนครับ) เหตุผลที่โฟมตัวนี้เป็นตัวพื้นฐานที่ปูเป้จะติดบ้านไว้ตลอด เพราะมันอ่อนโยน และมีถุงเติมแบบรีฟิล ซึ่งซื้อเวลามีโปรราคาก็ไม่แพงเลยครับ ช่วยประหยัดเงินและลดปริมาณขยะพลาสติกด้วย
สำหรับ Curél : Mousse Serum ปูเป้พึ่งลองใช้ครับ เดี๋ยวจะเอามาอัพเดทกันอีกที แต่เบื้องต้นคือเนื้อมันฉ่ำสุด ๆ สำหรับปูเป้ที่เป็นผิวผสม ขาดน้ำง่าย ใช้ตัวเดี่ยวทาทั่วใบหน้า ในตอนกลางวัน คืออยู่ได้สบายๆ ไม่ต้องทาอะไรเพิ่มเลย ผิวไม่แห้งหรือตึงครับ แต่ผลในระยะยาวจะต้องมาดูกันอีกที แต่จากงานวิจัยที่สรุปมาให้อ่านกันด้านบน ก็ต้องบอกว่าเป็นตัวที่น่าสนใจครับ ฟองมูสนี่มันไม่ใช่แค่กิมมิคของเนื้อผลิตภัณฑ์ แต่มันบำรุงผิวได้จริง ๆ ในกลไกที่ต่างจากผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ด้วย
ผลิตภัณฑ์ Curél : Mousse Serum และ Curél : Rich Mousse Facial Wash จะมีจำหน่ายเฉพาะในออนไลน์ทาง Lazada / Shopee / TikTok Shop
ส่วนผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของ Curél ผลิตภัณฑ์ Curél : Foaming Facial Wash ก็มีจำหน่ายตามร้านชั้นนำอย่าง Matsumoto Kiyoshi / Tsuruha / Watsons / Beautrium / Donki และในออนไลน์ครับ
สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง
***Sponsored Item***
Curel : Rich Mousse Facial Wash
Price : 200g / 700 BAHT
Skin Type : Sensitive Skin
Outstanding : Very Mild Cleansing / Sebum Removal / Hydration / Fragrance-Free
- สูตรมูสล้างหน้าที่ไม่เหมือนใครในท้องตลาด อ่อนโยนและคงความชุ่มชื้นดีมาก
- เทคโนโลยี CO2 เฉพาะของ Kao ช่วนเสริมการทำความสะอาดซีบัม และเสริมการไหลเวียนโลหิตในขณะล้างหน้า
- ไม่รู้จะติอะไร นอกจากตัวเองชอบใช้เยอะ ทำให้หมดเร็วไปหน่อย













