หนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์เราตกหลุมรักที่สุดในแบรนด์ fresh ก็น่าจะหนีไม่พ้น Vitamin Nectar ซึ่งเราที่เสพติดอะไรกลิ่นซิตรัสอย่างเข้าเส้นถูกจริตที่สุดในสามโลก แน่นอนว่าเซรั่มตัวใหม่ของไลน์นี้ทำให้เราฟินมากในทุกสัมผัสและเคยโพสถึงไปแล้วคร่าว ๆ แต่วันนี้จะมารีวิวแบบเจาะลึกชนิดที่ว่าพรุนให้ชมกันเลยจ้า
ผลิตภัณฑ์ fresh : Vitamin Nectar Glow Juice Antioxidant Face Serum (15ml / 1,200 BAHT) เคลมว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากน้ำผลไม้สกัดเย็นที่ดีต่อสุขภาพ เซรั่มตัวนี้ก็จะเติมเต็มผิวด้วยความชุ่มชื้นและวิตามินสกัดจากพืชผักผลไม้ และยังผสานแคปซูลทรงกลมขนาดเล็กที่เรียกว่า Microbubble กว่า 480,000 ลูกที่บรรจุไปด้วยน้ำมันบำรุงผิวที่ได้จากมะพร้าวพร้อมวิตามินซี อี และเบต้าแคโรทีน
ในแง่ของส่วนประกอบนั้นผลิตภัณฑ์ fresh : Vitamin Nectar Glow Juice Antioxidant Face Serum (15ml / 1,200 BAHT) ตัวนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วนของ Water Phase ที่รวมส่วนผสมที่ละลายในน้ำ กับ Oil Phase ที่เป็นส่วนผสมของน้ำมันและส่วนผสมที่ละลายในน้ำมัน
ในตัว Water Phase นอกจากจะมีน้ำ ตัวทำลาย และ Humectant ที่ให้ความชุ่มชื้นแล้ว ก็ยังมีแอคทีฟหลัก ๆ อยู่หลายตัวทีเดียว โดยตัวหลักจะเป็น Cichorium Intybus (Chicory) Root Extract หรือ VEDERINE® โดยบริษัท SEPPIC ของฝรั่งเศส ซึ่งตีพิมพ์ข้อมูลการศึกษาเอาไว้อย่างน่าสนใจทีเดียว
การศึกษาที่ตีพิมพ์ในปี 2017 ระบุว่าสารสกัดตัวนี้อุดมไปด้วย Oligofructosans ช่วยกระตุ้น Vitamin D Receptor ได้คล้ายกับ Vitamin D ซึ่งเจ้า Vitamin D นี้มีความสำคัญในกระบวนการแบ่งตัวและพัฒนาตัวของเซลล์ผิว และเพื่อทดสอบประสิทธิภาพจึงทำการทดสอบกับมนุษย์ 50 คน โดยผลออกมาปรากฏว่าส่วนที่ทา Chicory Root Extract นั้นหลังจากผ่านไป 28 วัน ผลการวัดการสูญเสียความชุ่มชื้นของผิว (TEWL) ออกมาน้อยกว่ากลุ่มควบคุม และกลุ่มที่ทาครีมที่ไม่มีสารสกัดตัวนี้ โดยสองกลุ่มหลักที่ทดสอบโดยใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดร่วมด้วย และไม่ใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด ก็ให้ผลแบบเดียวกัน จึงสรุปว่าสารสกัดตัวนี้ช่วยทำให้ปราการปกป้องผิวแข็งแรงขึ้น และทำงานคล้ายกับ Vitamin D นั่นเอง
ซึ่งส่วนผสมที่คล้าย Vitamin D มีความน่าสนใจ เพราะในขณะที่คนทั่วไปเข้าใจว่า Vitamin D นั้นร่างกายของเราสังเคราะห์ได้เองเมื่อโดนแดด จึงดูไม่น่าจะเป็นวิตามินที่ร่างกายขาด โดยเฉพาะในประเทศที่แดดร้อนแผดเผาแบบประเทศไทยและเอเชีย แต่ข้อมูลการสำรวจพบว่า คนกรุงเทพนั้นมีปริมาณของ Vitamin D เฉลี่ยต่ำที่สุดเมื่อเทียบทุกภูมิภาคของประเทศ อยู่ที่ 64.8 nmol/l (ซึ่งค่าของ Vitamin D ที่เพียงพอยังไม่มีตัวเลขที่ตรงกันเป๊ะ แต่โดยรวมจะอยู่ที่ 100-200 nmol/l) อันน่าจะมาจากการใช้ชีวิตที่ทำงานในร่มเป็นส่วนมาก จึงอาจเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพและปัญหาผิวที่อ่อนแอได้อีก ส่วนผสมที่ช่วยชดเชยหรือทำหน้าที่ทดแทนคล้ายกับ Vitamin D จึงช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับผิวได้โดยที่ไม่ต้องเอาตัวไปตากแดดเพิ่ม อีกส่วนหนึ่งก็คือการทานอาหารที่มี Vitamin D สูงด้วยเพื่อดูแลสุขภาพภายในโดยรวม
(Source : Cichorium intybus root extract: A “vitamin D-like” active ingredient to improve skin barrier function., THE GLOBAL EPIDEMIOLOGY OF VITAMIN D STATUS, Vitamin D: Deficiency, Sufficiency and Toxicity, The effect of sunscreen on vitamin D: a review.)
Polymnia Sonchifolia Root Juice เป็นสารสกัดจากพืชที่มีหัวใต้ดินคล้ายกับมันแกว มีปริมาณของพวกแซคคาไรด์เยอะ ใช้เป็นตัวเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทางแบรนด์อาจจะใช้ส่วนผสมที่ชื่อว่า Nutrimel® Skin จากบริษัท Solabia ของฝรั่งเศสอีกเช่นกัน
Zingiber Officinale (Ginger) Water อันนี้คือน้ำสกัดจากขิง ยังไม่มีข้อมูลอะไรเท่าไหร่เกี่ยวกับตัวนี้ครับ
Magnesium Aspartate กับ Zinc Gluconate และ Copper Gluconate คือ SEPITONIC™ M3.0 ของบริษัท SEPPIC อีกเช่นกัน (เครือนี้ใช้ส่วนผสมของบริษัทนี้เยอะ) ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ทำงานเสริมฤิทธ์กันในการเสริมการเมตาบอลิซึมของผิว ส่วนผสมตัวนี้มักถูกใช้เพื่อเคลมการเป็นบูสเตอร์เนื่องจากเมื่อผิวผลิตพลังงานได้มากขึ้น ก็จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์อื่นๆที่ใช้ทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น ประมาณนี้
ส่วนผสมของสารสกัดจากพืชหลายตัวอย่าง Vaccinium Myrtillus Fruit Extract, Saccharum Officinarum (Sugar Cane) Extract, Citrus Aurantium Dulcis (Orange) Fruit Extract, Citrus Limon (Lemon) Fruit Extract, Acer Saccharum (Sugar Maple) Extract คือ ACB Fruit Mix ซึ่งทางผู้ผลิจเคลมว่านี่คือารสกัดที่เป็น AHA ตามธรรมชาติ แต่ในความเข้มข้นที่ใช้ไม่น่าจะให้ผลเรื่องการผลัดเซลล์ผิวเท่าไหร่ ทว่าส่วนผสมเหล่านี้เป็นมอยซ์เจอไรเซอร์ให้กับผิวได้ด้วย
Panthenol หรือ Pro Vitamin B5 ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นของผิว
ทางด้าน Oil phase ประกอบไปด้วยน้ำมันสกัดจากมะพร้าว Cocos Nucifera (Coconut) Oil และ Isononyl Isononanoate ซึ่งเป็น Emollient ที่มีความบางมาก ช่วยให้ผิวนุ่มและกระจายตัวได้ดี และก็มีวิตามินซีในรูปแบบที่ละลายน้ำมันอย่าง Ascorbyl Tetraisopalmitate ซึ่งปริมาณวิตามินซีในนี้ไม่เยอะมาก คาดหวังผลเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระประจำวันให้ผิวก็พอ และวิตามินอีสองรูปแบบ Tocopheryl Acetate กับ Tocopherol ส่วน Beta-Carotene ซึ่งนอกจะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระแล้วยังช่วยให้สีเหลืองกับส่วนของ Oil phase อีกด้วย
ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีส่วนผสมของน้ำหอม
Ingredients : Aqua (Water), Isononyl Isononanoate, Glycerin, Pentylene Glycol, Propanediol, Cocos Nucifera (Coconut) Oil, Zingiber Officinale (Ginger) Water, Polymnia Sonchifolia Root Juice, Cichorium Intybus (Chicory) Root Extract, Vaccinium Myrtillus Fruit Extract, Helianthus Annuus (Sunflower) Seed Oil, Saccharum Officinarum (Sugar Cane) Extract, Citrus Aurantium Dulcis (Orange) Fruit Extract, Citrus Limon (Lemon) Fruit Extract, Acer Saccharum (Sugar Maple) Extract, Tocopheryl Acetate, Ascorbyl Tetraisopalmitate, Tocopherol, Carbomer, Parfum (Fragrance), Sodium Hydroxide, Disodium EDTA, Alcaligenes Polysaccharides, Amodimethicone, Panthenol, Magnesium Aspartate, Zinc Gluconate, Ethylhexylglycerin, Beta-Carotene, Copper Gluconate, Chlorphenesin, Potassium Sorbate, Phenoxyethanol, Limonene, Linalool, Citral, Benzyl Salicylate.
เนื้อเซรั่มที่มีแคปซูล Microbubble นี้เป็นนวัตกรรมด้านเนื้อสัมผัสที่ทางเครือ LVMH พัฒนาขึ้นและจดสิทธิบัตรเอาไว้เรียบร้อยแล้ว โดยหลักการคือการทำเปลือกหุ้มอนูน้ำมันที่บางใสที่พร้อมจะแตกตัวทันทีทาลงผิวแต่คงตัวในบรรจุภัณฑ์ได้ตลอด Shelf-life จากสารกลุ่มโพลีแซคคาไรด์ ซึ่งในที่นี้คือ Alcaligenes Polysaccharides (และต้องมี Carbomer ใน Water-Phase ด้วย)
พูดง่าย ๆ แล้วผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีลักษณะเป็นเหมือนกับ Bi-Phase Serum ที่เราไม่ต้องมานั่งเขย่าขวดเองทุกครั้งก่อนใช้นั่นเอง
(Source : Liquid cosmetic with agar shell capsule)
เนื้อเซรั่มให้สัมผัสที่ชุ่มฉ่ำสดชื่นบนผิวและไม่ทิ้งความเหนอะหนะ ไม่ทิ้งความมันวาวจนเกินงาม ผิวจะดูชุ่มชื้นและจับแสงกำลังดี กลิ่นหอมมว๊ากกกกกกกกกกกกกก ใช้กับสกินแคร์ที่มีอยู่ได้อย่างสบาย ๆ และผลที่ได้คือเป็นเหมือนเซรั่มประจำวันสำหรับทุกสภาพผิว ทุกเพศ และจริง ๆ ก็ได้ทุกช่วงวัยเพราะเน้นการต้านอนุมูลอิสระ การเสริมความชุ่มชื้น เสริมความแข็งแรงของผิว และเสริมพลังงานของผิว ซึ่งก็เป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐานของผิวสุขภาพดีนั่นเอง
โดยสรุปแล้ว fresh : Vitamin Nectar Glow Juice Antioxidant Face Serum (15ml / 1,200 BAHT) เป็นเซรั่มที่ Feel-Good สุด ๆ และก็มีแอคทีฟที่น่าสนใจอย่างส่วนผสมที่ทำงานคล้าย Vitamin D ที่แม้จะไม่ได้ช่วยให้เราเป็นคนดี แต่ทำให้ผิวเราดีขึ้น แข็งแรงขึ้น ส่วนผสมเน้นความต้องการพื้นฐานที่จำเป็นอย่างความชุ่มชื้นและการปลุกพลังของผิว ซึ่งมาพร้อมกับกลิ่นหอมที่ปลุกความสดชื่นทุกครั้งที่ได้ใช้ เรียกได้ว่าประโยชน์ที่ได้กับความรู้สึกที่ได้จากการใช้ผลิตภัณฑ์นั้นสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวเลยล่ะ
ถ้ามองถึงสิ่งที่สามารถปรับปรุงในแง่ของ Formulation ได้ เรามองว่าน่าจะเป็นเรื่องของปริมาณวิตามินซีที่เอาจริงก็ยัดมาได้อีก หรือสามารถใช้อนุพันธ์วิตามินซีที่ละลายน้ำได้ในส่วนของ Water-Phase ไปเพิ่ม ก็จะสร้างจุดเด่นได้เพิ่มไปอีกล่ะ แต่นอกนั้นเราก็ไม่มีอะไรจะติ
พูดไปก็จะหาว่าอวยมากจนออกนอกหน้าเพราะความชอบใน Vitamin Nectar อย่างมากมายเป็นการส่วนตัว แต่เอาเป็นว่าอ่านแล้วก็ไม่ต้องเชื่อเราหรอก แต่เก็บข้อมูล ไปพิจารณาแล้วลองสัมผัสด้วยตัวเอง คุณอาจจะกลายเป็นแฟนของไลน์นี้เหมือนเราก็ได้
สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง
***Sponsored Item***
fresh : Vitamin Nectar Glow Juice Antioxidant Face Serum
Price : 15ml / 1,200 BAHT
Skin Type : All Skin Type
Outstanding : Sensory / Hydration / Antioxidant / Barrier Repair / Glow
- ใช้แล้วฟินมาก ฟีลดีสุด ๆ
- ผิวชุ่มชื้นและนุ่มขึ้น ดูสดใสเมื่อใช้ไปต่อเนื่อง
- คอนเซปต์ส่วนผสมที่ทำงานคล้าย Vitamin D คือน่าสนใจทีเดียวล่ะ
- มีส่วนผสมของน้ำหอม
- ส่วนตัวคาดหวังว่าอยากให้วิตามินซีเยอะกว่านี้