หลังจากพูดถึงมาแรมปี วันนี้ได้มารีวิว Hada Labo กันอย่างจริง ๆ จัง ๆ สักทีเนอะ แบรนด์นี้เป็นการจับมือกันระหว่างบริษัท Mentholatum จากอเมริกา และ Rohto จากญี่ปุ่น เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เน้นคอนเซปต์ถึงความเรียบง่าย อ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมที่เกินความจำเป็น และมีประสิทธิภาพ ผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายในเอเชียจะผลิตที่จีน ซึ่งยังคงผลิตภายใต้มาตรฐานเดียวกับโรงงานผลิตยาเช่นเคย (แต่ประเทศญี่ปุ่น จะผลิตในประเทศเขาเองนะ)
Arbutin เดิมเป็นสารที่ทางบริษัท Shiseido เป็นผู้พัฒนาขึ้นเอาไว้เมื่อปี 1989 ซึ่งสิทธิบัตรจะมีอายุประมาณ 5 ปี และหลังจากนั้นผู้ผลิตรายอื่นก็สามารถนำสารตัวนี้มาใช้ได้ ความเข้มข้นของ Arbutin ที่แนะนำคือ 5% จ้า
เริ่มต้นด้วยโฟมล้างหน้ากันก่อนเลย โฟมล้างหน้าหลอดนี้ใช้สารทำความสะอาด Sodium Myristyl Glutamate กับ Sodium Methyl Cocoyl Taurate และ Sodium Lauroyl Glutamate ที่อ่อนโยนมากทีเดียว แตกต่างกับโฟมล้างหน้าทั่วไปในท้องตลาดตรงที่ล้างแล้วไม่ทำให้ผิวแห้งตึงอย่างแน่นอน Sorbitol เป็นน้ำตาลแอลกอฮอล์ที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ ใช้ Cocamide DEA และ Myristic Acid ในการเพิ่มฟองและเพิ่มความคงตัว
มีส่วนผสมของ น้ำมันจากพืชตระกูลลซิตัรสเพื่อแต่งกลิ่น แต่แทบไม่ได้กลิ่นออกมาเลยจึงคิดว่ามีอยู่ในปริมาณที่น้อยมากและไม่น่าจะก่อปัญหาอะไรกับผิวนัก ส่วนผสมของ Arbutin นั้นมีอยู่ในรูป Alpha-Arbutin ซึ่งแตกต่างกับผลิตภัณฑ์ตัวอื่นที่ใช้ Beta Arbutin จริงๆ แล้ว Alpha-Arbutin มีประสิทธิภาพที่ดีกว่า Arbutin และใช้ในความเข้มข้นที่น้อยกว่า แต่ในผลิตภัณฑืที่ใช้แล้วต้องล้างออกมันจึงไม่มีประโยชน์มากสักเท่าไหร่นัก
โดยรวมถือเป็นโฟมล้างหน้าที่อ่อนโยนและเหมาะกับทุกสภาพผิว ล้างออกได้ง่าย แต่ไม่สามารถทำความสะอาดเมคอัพ รองพื้น หรือกันแดดที่ให้คุณสมบัติกึ่งเมคอัพได้ดีนัก เหมาะที่จะใช้หลังผลิตภัณฑืทำความสะอาดเครื่องสำอางอีกต่อหนึ่งมากกว่า ราคาไม่แรงจนเกินไปและหาซื้อได้ไม่ยาก ฟองโฟมที่ได้มีปริมาณปานกลางถึงมาก แต่ว่าตัวฟองไม่ได้ละเอียดและแน่นเท่าไหร่ ส่วนเรื่องใช้โฟมล้างหน้าและจะขาวใสขึ้นหรือไม่ ปูเป้ไม่อยากจะให้คาดหวังอะไรนอกจากประสิทธิภาพในการทำความสะอาดที่อ่อนโยนจ้า
Ingredients : Water, Butylene Glycol, Sodium Myristyl Glutamate, Sorbitol, Sodium Methyl Cocoyl Taurate, Sodium Lauroyl Glutamate, Cocamide DEA, Myristic Acid, Sodium Chloride, Lauric Acid, PEG-40 Hydrogenated Castor Oil, Methylparaben, Citrus Grandis (Grapefruit) Peel Oil, Citrus Auratium Dulcis (Orange) oil, Glycerin / Angelica Archangeilica Root Extract / Morus Alba Bark Extract / Syringa Vulgaris (Lilac) Extract / Paeonia Aibiflora Root Extract / Capsicum Frutescens Fruit Extract / Bletilla Striata Root Extract / Ampelopsis Grossedentata Extract / Poria Cocos Root Extract / Atractylodes Macrocephala Root Extract, Alpha-Arbutin, Sodium Acetylated Hyaluronate.
[สำหรับขนาด 100 ml 299 บาท และ 30 ml 109 บาท มีขายเฉพาะที่ Watson]
โลชั่นน้ำของญี่ปุ่นนั้น แม้จะถูกจัดเป็นขั้นตอนที่อยู่ในลำดับเดียวกับ Toner แต่โลชั่นน้ำของญี่ปุ่นนั้นไม่ได้เน้นเรื่องการทำความสะอาด (เพราะถ้าใช้ทั้งที่ล้างเครื่องสำอาง และโฟมล้างหน้าเป็น Double Cleansing มาก็ควรจะสะอาดแล้วป่ะ…) โลชั่นน้ำของญี่ปุ่นจะเน้นการบำรุง เติมความชุ่มชื้น เตรียมผิวให้พร้อมกับการใช้ Essence / Serum ในขั้นตอนต่อไป และโลชั่นน้ำตัวนี้ได้รับตำแหน่งขายดีที่สุดในญี่ปุ่นเมื่อปี 2011 ในกลุ่มไวท์เทนนิ่งโลชั่นด้วย
ส่วนประกอบไม่มีความซับซ้อนอะไรมากนัก มีเพียงน้ำ ตัวเสริมการดูดซึม ตัวให้ความชุ่มชื้น Arbutin สารก่อฟิลม์ สารกันเสีย และวิตามินอีกนิดหน่อย จากข้อมูลที่ทางแรนด์ให้มาระบุว่า Arbutin ที่ใส่ลงไปมีความเข้มข้นอยู่ที่ 3% ซึ่งก็ถือว่าไม่เลวทีเดียว แต่ยังไม่ถึงระดับ 5% ที่แนะนำเอาไว้ จึงควรใช้คู่กับผลิตภัณฑ์ในขั้นตอนอื่นที่มี Arbutin เพิ่มขึ้นอีกเพื่อให้ได้ผลที่ดีที่สุด
แม้สูตรนี้จะมี Sodium Hyaluronate แค่เพียงรูปแบบเดียว (ไม่เหมือนรุ่นสีขาวที่มีไฮยาลูรอน 3 รูปแบบ) แต่โลชั่นขวดนี้มีส่วนผสมของ Tremella Fuciformis Polysaccharide หรือ Tremoist™-TP จากบริษัท Nippon Fine Chemical เป็นสารสกัดโพลีแซคคาไรด์จากเห็ดหูหนูขาว โดยสารกลุ่มโพลีแซคคาไรด์เป็นตัวให้ความชุ่มชื้นที่ดีอยู่แล้ว Tremoist™-TPยังมีคุณสมบัติในการสร้างฟิลม์บนพื้นผิวที่ยืดหยุ่น แต่ไม่เหนอะหนะและคงความชุ่มชื้นบนผิวได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
เนื้อโลชั่นน้ำจะค่อนข้างเหลวและมีสีออกขาวขุ่นเล็กน้อย ปริมาณในการใช้ที่แนะนำคือประมาณเหรียญ 5 บาท แต่ในรายที่มีผิวมันหรือใช้ในตอนกลางวันอาจจะลดลงมาเหลือขนาดเหรียญ 1 บาทก็ได้ กระจายให้ทั่วฝ่ามือและประคบลงบนผิวให้ทั่วใบหน้า ลำคอ จนกระทั่งตัวผลิตภัณฑืแห้งดี ในช่วงที่ใกล้จะแห้งจะสัมผัสถึงความหนึบได้บ้าง แต่เมื่อแห้งสนิทแล้วสัมผัสเหล่านั้นจะหายไป หลังจากนั้นก็ลงบำรุงได้ตามปกติ
โดยรวมแล้วถือเป็นโลชั่นน้ำบำรุงผิวคุณภาพดี ที่ค่อนข้างที่จะปลอดภัยในการใช้ แต่เรื่องอาการแพ้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ส่วนการอุดตันนั้นขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวโดยรวมของแต่ละคนด้วยจ้า
Ingredients : Water, Dipropylene Glycol, Glycerin, Arbutin, Betaine, PPG-10 Methyl Glucose Ether, Styrene/VP Copolymer, Disodium Succinate, Methylparaben, Tremella Fuciformis Polysaccharide, Succinic Acid, Sodium Hyaluronate, Magnesium Ascorbyl Phosphate.
ตามปกติแล้ว Serum/Essence ควรจพเป็ผลิตภัณฑ์ที่มีสาร Actives ในปริมาณที่เข้มข้นที่สุด (จริงมะ?) แต่ปูเป้ก็แอบแปลกใจเหมือนกันว่าทำไมเอสเซ้นซ์ขวดนี้ถึงมี ปริมาณ Arbutin อยู่ 3% เทียบเท่ากับกับโลชั่นเลยก็ไม่ทราบ
ในแง่ของการออกแบบผลิตภัณฑ์แล้วก็เป็นอีกคอนเซปต์ที่จะให้ผู้บริโภคใช้ผลิตภัณฑ์ครบขั้นตอนเพื่อให้ได้ปริมาณสาร Active ที่พอเหมาะในการหวังผลเรื่องประสิทธิภาพ แต่ความเห็นส่วนตัวก็มองว่า ถึงเอสเซ้นซ์ขวดนี้จะมีส่วนผสมที่อ่อนโยน ปลอดภัย ให้สัมผัสที่ดี แต่เมื่อเทียบราคากับปริมาณแล้ว ก็คิดว่าเราน่าจะได้ Arbutn ที่มากกว่า 3% นะ…
เนื้อเอสเซ้นซ์เป็นเจลสีขาวขุ่นจาง ๆ แห้งไปกับผิวได้อย่างไวเมื่อใช้เดี่ยว ๆ แต่เมื่อใช้หลังจาก Hada Labo : Arbutin Whitening Lotion ปริมาณที่แนะนำให้ใช้ต่อหนึ่งครั้งคือ 1 ปั้มพอดี เพราะถ้าเยอะไปก็รู้สึกหนึบผิวมากขึ้น ซึ่งเป้นสิ่งที่ผู้บริโภคชาวไทยไม่ชอบ แต่สำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่เขาชอบเพราะรู้สึกว่าผิวชุ่มชื้นดี
Ingredients : Water, Dipropylene Glycol, Glycerin, Arbutin, Triethylhexanoin, Isopropyl Myristate, PEG-20 Sorbitan Isostearate, Cetyl Alcohol, Carbomer, Triethanolamine, Glyceryl Stearate, Hydroxyethylcellulose, Methylparaben, Disodium EDTA, Magnesium Ascorbyl Phosphate.
Milk หรือ Emulsion ในแบบฉบับของญี่ปุ่นทำขึ้นมาเพื่อเคลือบ เก็บกัก ซีล ให้ความชุ่มชื้นและสารบำรุงที่ทาลงไปก่อนหน้านั้นอยู่กับผิวให้นานที่สุดและซึมลงได้ลึกยิ่งขึ้น น้ำนมบำรุงผิวนี้ยังคงมีส่วนผสมของ Arbutin เช่นเคย ในความเข้มข้นที่ไม่ได้ระบุเอาไว้ (ถ้าถามข้อมูลมาได้จะมาอัพเดทกันอีกที) แม้เนื้อน้ำนมจะมีความเหลวแต่คุณสมบัติในการเคลือบผิวและให้ความชุ่มชื้นก็ไม่ได้น้อยเลย ถ้าใช้มากไปอาจทำให้รู้สึกหนึบหนับเกินไปเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นปูเป้มักจะแนะนำให้ใช้ Milk อันนี้ในตอนกลางคืนสำหรับคนผิวธรรมดาถึงผิวมัน ส่วนผิวแห้งจะใช้ตอนกลางวันด้วยก็ได้
ปริมาณที่แนะนำให้ใช้คือประมาณ 1 เหรียญบาท ทาได้ทั่วใบหน้าและลำคอ ผู้ที่มีผิวแห้งสามารถเพิ่มปริมาณในการใช้ได้ตามต้องการจ้า
Tip : ถ้าจะลงทุนสักหน่อย สามารถใช้ Hada Labo : Arbutin Whitening Lotion คู่กับ Hada Labo : Arbutin Whitening Milk ทาผิวกายในส่วนที่หมองคล้ำหรือส่วนที่อยู่นอกเสื้อผ้าในตอนกลางคืน และใช้กันแดดในตอนกลางวันเป็นประจำ สีผิวจะสม่ำเสมอขึ้นในประมาณ 1 – 2 เดือน และผิวจะนุ่ม ชุ่มชื้นขึ้นมาก ๆ ล่ะ
Ingredients : Water, Dipropylene Glycol, Triethylhexanoin, Isopropyl Palmitate, Arbutin, Glycerin, Glyceryl Stearate, Pentylene Glycol, PEG-20 Sorbitan Isostearate, Limnanthes Alba (Meadowfoam) Seed Oil, Cetyl Alcohol, Methylparaben, Hydroxyethylcellulose, Xanthan Gum, Carbomer, Disodium EDTA, Triethanolamine, Sodium Hyaluronate, Magnesium Ascorbyl Phosphate.
มาส์กอันนี้ยังไม่วางจำหน่ายในไทย แต่ไปสอยมาตั้งแต่ตอนไปเที่ยวมาเลย์เมื่อปลายปีก่อน ขอบอกว่าใช้ดีอยู่นะ ส่วนผสมเบสิคมาก เพราะไม่มีอะไรมากไปกว่า น้ำ + ตัวเสริมการดูดซึม + Arbutin + ตัวให้ความชุ่มชื้น + ตัวก่อเนื้อเจลนิดหน่อย และสารกันเสีย มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ไม่มาก ซึ่งทำให้เนื้อสัมผัสของมาส์กไม่เหนอะหนะผิว
แนะนำให้ใช้มาศืกในตอนกลางคืนหลังจากทำความสะอาดผิวหน้าเสร็จ พอกไว้ประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นก็ลอกมาสืกออก ใช้มือประคบผิวให้ซึบลงผิวจนหมด ตามด้วยการลงเอสเซ้นซ์หรือ Milk แล้วก็เข้านอนได้เลย ตัวแผ่นมาส์กที่ลอกออกมายังเอามาเช็ดผิวบริเวณคอและลำตัวเพื่อความคุ้มค่าได้อีกต่อด้วย
แผ่นหนึ่งเฉลี่ยมาแล้วไม่ถึง 100 บาท สามารถใช้ได้บ่อยเท่าที่ต้องการอีกด้วย อันนี้เราชอบมากเลย อยากให้วางขายในไทยเร็ว ๆ จัง
Ingredients : Water, Butylene Glycol, Arbutin, Diglycerin, Alcohol, Disodium Succinate, PEG-40 Hydrogenated Castor Oil, Xanthan Gum, Styrene/VP Copolymer, Methylparaben, Ethylparaben, Succinic Acid, Magnesium Ascorbyl Phosphate.
เนื้อผลิตภัณฑ์และความรู้สึกหลังใช้อาจจะขัดใจผู้ใช้ชาวไทยบางส่วนที่นิยมอะไรก็ตามที่ทาแล้วแห้งสนิทหายวับไปกับตา แต่ก็อย่าลืมว่าผลิตภัณฑ์เหล้านั้นอาจให้ความชุ่มชื้นได้ไม่มากพอเช่นกัน สำหรับใครที่กังวลเรื่องความหนึบของผลิตภัณฑ์ ปูเป้คงจะแนะนำให้ใช้ชุดนี้ในตอนกลางคืนมากกว่า เพราะในตอนกลางคืนเราไม่ต้องแต่งหน้า และส่วนใหญ่ก็นอนในห้องแอร์กัน ซึ่งเป็นช่วงที่เราต้องเน้นเติมความชุ่มชื้นเป็นพิเศษ
สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง
ข้อดี
– มีส่วนผสมที่อ่อนโยน ค่อนข้างปลอดภัยที่จะใช้ แม้ผิว Sensitive
– ให้ความชุ่มชื้นสูง ผิวไม่แห้ง ไม่ระคายเคือง
– เมื่อใช้ผลิตภัณฑืสองชิ้นขึ้นในไปในกลุ่มบำรุงผิว ก็จะได้ Arbutin ในปริมาณที่หวังผลได้
– ราคาไม่แพง หาซื้อได้ง่าย
– ใช้ได้กับเกือบทุกสภาพผิว
ข้อเสีย
– เนื้อสัมผัสหลังใช้อาจไม่ถูกใจผู้ใช้ชาวไทยอยู่บ้าง
– เอสเซ้นซ์มีราคาสูงกว่าผลิตภัณฑ์อื่นแต่กลับไมได้มี Arbutin ที่เข้มข้นมากกว่า
***Self-Bought Item***
– Hada Labo : Arbutin Whitening Face Wash
– Hada Labo : Arbutin Whitening Lotion
– Hada Labo : Arbutin Whitening Mask
– Hada Labo : Arbutin Whitening Milk
***Sponsored Item***
– Hada Labo : Arbutin Whitening Essence