IPSA : White Process Essence OP

หนึ่งในเซรั่มไวท์เทนนิ่งตัวโปรดที่เรายินดีและสะดวกใจที่จะแนะนำต่อมากที่สุดตัวหนึ่งสำหรับคนที่อยากเน้นปรับโทนผิวให้สวยกระจ่างใสมากขึ้นเพราะมันอ่อนโยนแบบสุด ๆ และใช้ได้กับทุกสภาพผิวก็คงจะเป็น IPSA : White Process และในปีนี้เขาออกสูตรใหม่ที่ยังคงคุณสมบัติที่เรารักไว้เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีส่วนผสมที่เพิ่มประสิทธิภาพในการเสริมความใสและการลดเลือนจุดด่างดำได้มากขึ้น

ผลิตภัณฑ์ใหม่ IPSA : White Process Essence OP นำเสนอคอนเซปต์ของ 5 มิติที่สำคัญสู่การมีเนื้อผิวที่สวยกระจ่างใสในทุกแง่มุม ซึ่งพื้นผิวและสีผิวที่เรามองเห็นนั้นมาจากการที่แสงส่องเข้าไปตกกระทบในผิวแต่ละชั้นและสะท้อนแสงออกมา คุณภาพของผิวในแต่ละชั้นและอิทธิพลของเม็ดสีชนิดต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้ชั้นผิวล้วนมีผลต่อความงดงามของผิวที่เรามองเห็น โดยทางแบรนด์ได้มีการอัพเดทเครื่องตรวจสภาพผิว IPZALYZER ในการวัดคุณภาพผิวทั้ง 5 มิติที่ว่านี้ด้วย

ในสูตรเดิมนั้นมีการพูดถึงมิติของเรื่องเมลานินซึ่งทำให้เกิดความหมองคล้ำโทนน้ำตาลและจุดด่างดำ มีการพูดถึงความเสื่อมชราของโปรตีนชั้นผิวจากกระบวนการ  Carbonylation ที่ทำให้ผิวมีโทนเหลืองหม่น และรวมไปถึงการกระตุ้นการไหลเวียนใต้ผิวที่ช่วยลดโทนแดงที่ทำให้ผิวดูหมองนั้นลดลงได้ ซึ่งในสูตรล่าสุดจะมีการพูดถึงอีก 2 มิติที่ยังคงขาดไป นั่นคือการจัดการความขุ่นมัวของผิวชั้นนอกสุด และมิติสุดท้าย คือการดูแลเรื่องจุดด่างดำที่ฝังแน่น ด้วยส่วนผสมใหม่ แต่จะส่วนผสมอะไรนั้นก็ต้องอ่านต่อด้านล่างเลยจ้า

ส่วนประกอบของ IPSA : White Process Essence OP (20ml / 2,200 Baht , 50ml / 4,500 Baht) นั้นดูเป็นการเพิ่มส่วนประกอบใหม่เข้าไปโดยไม่เข้าไปปรับหรือยุ่งเกี่ยวกับโครงสร้างหลักเดิมซึ่งเป็นที่รักของแฟน ๆ อยู่แล้ว ยังคงมีการใช้ส่วนผสมของสารไวท์เทนนิ่งหลัก 3 ชนิด อย่าง Tranxamic Acid ทีทางแบรนด์เคลมว่าเมื่อผสมร่วมกับ Potassium Menthoxysalicylate หรือ 4MSK ที่เป็นสารไวท์เทนนิ่งสิทธิบัตรเฉพาะของเครือนี้ จะช่วยให้การแทรกซึมเข้าสู่ผิวมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่ง Tranxamic Acid จะไปลดการอักเสบที่เกิดจากรังสี UV ส่งผลให้ลดการส่งสัญญาณจากเซลล์ผิวไปยังเซลล์ Melanocyte ที่ผลิตเม็ดสี ส่วน 4MSK ขัดขวางการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase เพื่อลดการสังเคราะห์เม็ดสีเมลานิน และวิตามินซีเสถียร 2-O-Ethyl Ascorbic Acid เป็นแอนติออกซิแดนท์ที่ลดเลือนจุดด่างดำได้

ส่วนผสม  JM Complex III ยังคงมีส่วนผสมในเวอร์ชั่นเดิมอยู่อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น พืชตระกูลขิง Zingiber Aromaticus Extract และขมิ้น Curcuma Longa (Tumeric) Root Extract ในการต้านอนุมูลอิสระ  สารสกัดจากใบมะกอก Olea Europaea (Olive) Leaf Extract ช่วยต่อต้าน Carbonylation และลดการเหลืองคล้ำของโปรตีนของคอลลาเจน สารสกัด  Crataegus Monogyna Flower Extract ถูกเคลมว่า ช่วยเสริมการไหลเวียนของโลหิตใต้ผิวทำให้ลดโทนแดงคล้ำของผิวไปได้

ส่วนผสมที่ถูกเพิ่มเข้ามาใหม่ใน JM Complex III คือ Camellia Sinensis Leaf Extract หรือสารสกัดจากใบชาที่ทางแบรนด์เคลมว่ามาจากใบชาของรัฐอัสสัมในอินเดีย ทางแบรนด์เคลมว่าช่วยลดความคล้ำหมองของผิวชั้นหนังกำพร้าอันมาจากโครงสร้างโปรตีนเคราตินถูกทำให้เสียหายและเรียงตัวอย่างไม่เป็นระเบียบ  ส่วนผสมสารสกัดใบชาจากรัฐอัสสัมยังมีใช้แบรนด์อื่นในเครือเดียวกันโดยเคลมถึงคุณสมบัติในการลดการเกิด Carbonylation ของชั้นหนังกำพร้าด้วย เราเจอข้อมูลเล็กน้อยว่าสารสกัดจากใบชานั้นลดการเกิด Carbonylation ของชั้นหนังกำพร้าได้  แต่มาจากใบของ Camellia Japonica ที่อยู่ในสกุลเดียวกัน อาจจะมีโอกาสที่มีสารสำคัญที่ให้ผลตรงนี้คล้ายกันก็ได้ ส่วนตัวเรามองว่าคุณสมบัติตรงนี้มาจากการเป็แอนติออกซิแดนท์ซึ่งใบชาก็น่าจะทำได้แหล่ะ

(Source : Shiseido Company, Limited reveals an innovative neuroscience inspired skincare range from brand SHISEIDO, Quasi-Drugs Developed in Japan for the Prevention or Treatment of Hyperpigmentary Disorders, Method for preventing or treating yellowish discoloration of skin , Dermal carbonyl modification is related to the yellowish color change of photo-aged Japanese facial skin., Anti‐photoaging capability of antioxidant extract from Camellia japonica leaf)

สิ่งที่ใหม่ในสูตรนี้ก็คือ  DM Optimizer ที่ยกระดับการขุดเอาจุดด่างดำที่มีอยู่ให้จางลงได้มากกว่าสูตรเดิม จริง ๆ แนวคิดนี้ไม่ได้ใหม่เพราะถูกนำเสนอในผลิตภัณฑ์อื่นในเครือมาแล้ว โดยอิงจากข้อมูลที่ว่า เหตุผลที่จุดด่างดำนั้นอยู่ยั่งยืนยงและจางลงได้ยาก เนื่องมากจากการแบ่งตัวของเซลล์ผิวในจุดที่มีจุดด่างดำนั้นมีประสิทธิภาพที่ด้อยว่าเซลล์ผิวที่เป็นปกติ ซึ่งถูกยืนยันมาแล้วจากงานวิจิจัยที่ตีพิมพ์โดยบ่งชี้ว่าเซลล์ Keratinocyte ที่มีปริมาณเมลานินเข้าไปสะสมอยู่มาก จะมีการแสดงออกของโปรตีน Ki-67 ซึ่งถูกใช้เป็นตัวบ่งชี้ของการแบ่งตัวของเซลล์ที่น้อยลง เมื่อเซลล์ที่มีเมลานินสะสมมีการแบ่งตัวน้อยลงก็ทำให้การผลัดเซลล์ผิวที่มีเมลานินสะสมก็ทำได้ช้ามากขึ้นตามไปด้วย จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้จุดด่างดำนั้นไม่ค่อยจางลงแม้จะมีการใช้สารไวท์เทนนิ่งแล้วก็ตาม

DM Optimizer เป็นการใช้ส่วนผสมของ Artemisia Princeps Leaf Extract ซึ่งทางเครือชิเซโด้ได้จดสิทธิบัตรเอาไว้ว่าเสริมการแสดงออกของโปรตีน Ki-67 เพื่อช่วยเร่งการขจัดจุดด่างดำ และใช้ Royal Jelly Extract เคลมว่าเป็นอาหารที่เพิ่มพลังให้กับเซลล์ แต่ข้อมูลตรงนี้ยังเป็นเรื่องขอสิทธิบัตรและคำเคลม เรายังไม่พบข้อมูลจากแห่งอื่นที่จะมาสนับสนุนตรงนี้เท่าไหร่นัก แต่ก็เป็นแนวคิดของการทำผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งที่น่าสนใจ

(Source : Melanin Uptake Reduces Cell Proliferation of Human Epidermal Keratinocytes, Skin whitening method and screening method for factors for skin wrinkle formation suppression and/or removal)

สูตรผสมปราศจากสี น้ำหอม มีแอลกอฮอล์ในปริมาณน้อยมาก ๆ ซึ่งใช้เป็นตัวทำละลายสารสกัดในสูตรเท่านั้น จึงจัดเป็นไวท์เทนนิ่งเอสเซนส์ที่แสนจะอ่อนโยนปละเป็นตัวเลือกที่เซฟมาก ๆ อย่างที่เราไว้ใจเรื่อยมา

Ingredients : Water, Dipropylene Glycol, Butylene Glycol, PEG-20, PEG/PPG-14/7 Dimethyl Ether, Tranxamic Acid, Glycerin, Potassium Methoxysalicylate, Phenoxyethanol, Carbomer, Methyparaben, Potassium Hydroxide, Disodium EDTA, PEG-30 Phytosterol, PPG-13 Decyltetradeceth-24, Alcohol, 2-O-Ethyl Ascorbic Acid, Xanthin Gum, Sodium Metabisulfite, Olea Europe Leaf Extract, Crataegus Monogyna Flower Extract, Camellia Sinensis Leaf Extract, Sodium Acetylated Hyaluronate, Artemisia Princeps Leaf Extract, Zinger Aromaticus Extract, Curcuma Longa Rhizome Extract, Royal Jelly Extract, Tocopherol.

เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นเอสเซนส์ใสบางเบาและเพิ่มความชุ่มชื้น ไม่เหนอะผิว และใช้คู่กับสกินแคร์อื่น ๆ ได้ง่าย ไม่แตกต่างจากเดิมเท่าไหร่ ส่วนตัวไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าว่ามันเหมือนจะซึมดีกว่าที่เคยใช้ (หรือเพราะเราเริ่มแก่แล้วผิวแห้งลงอีก?)

ส่วนตัวชอบเซรั่มหรือเอสเซนส์เนื้อแบบนี้มากเพราะใช้ได้ง่าย เรายังไม่เจอปัญหากับการใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์สกินแคร์อื่น ๆ เลย เอาไปผสมในโลชั่นหรือเอสเซนส์น้ำแล้วทำเป็นมาส์กหน้าก็ทำได้ง่าย ที่สำคัญคือไม่มีชิมเมอร์หรือพวกที่ให้เอฟเฟคหลอกตาว่าผิวเนียนหรือกระจ่างขึ้นในทันที แบบว่าถ้ามันได้ผลมันได้ผลจากตัวส่วนผสมของสารบำรุงที่ใส่มาจริง ๆ ไม่ใช่เคลือบฉาบไว้แบบเมคอัพ

สำหรับการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อทำการรีวิว ปูเป้มีการหยุดใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มไวท์เทนนิ่งเป็นเวลา 2 สัปดาห์ก่อนที่จะเริ่มทดลองผลิตภัณฑ์ตัวนี้ และไม่มีการใช้ผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งตัวอื่นร่วมด้วยตลอดช่วยเวลาในการทดลอง การถ่ายรูปใช้การตั้งค่ากล้องแบบ Manual ในสถานที่และแหล่งกำเนิดแสงแบบเดียวกันทั้งหมด แต่ต้องขออภัยที่องศาในการถ่ายภาพไม่เหมือนกันเป๊ะจึงส่งผลให้เกิดความเข้มของเงาที่ต่างกันเล็กน้อยตรงแนวกรอบหน้า ซึ่งปูเป้จะพยายามหาวิธีในการควบคุมตรงนี้ให้ได้มากขึ้นในโอกาสต่อไป

โดยรวมเรายังคงประทับใจเหมือนกับที่เคยชอบในสูตรเก่าตรงที่มันอ่อนโยนมาก ไม่มีน้ำหอม น่าเสียดายที่ตอนที่เราลองผลิตภัณฑ์ตัวนี้สภาพผิวอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และเราไม่มีสิวหรือรอยสิวใหม่มาให้ทดสอบ เหลือแต่กระที่อยู่ลึก และรอยสิวที่เป็นมานานแล้วซึ่งในระยะเวลาเพียง 3 สัปดาห์ที่ทดลองใช้เรายังไม่เห็นผลตรงนี้ที่ชัดเจนนัก ซึ่งจุดด่างดำประเภทนี้จัดการยากอยู่แล้ว และควรต้องใช้เวลามากกว่า 3 สัปดาห์ ดังนั้นปูเป้จึงหลังจากรีวิวนี้ออกไปปูเป้จะใช้เอสเซนส์นี้จนหมดขวดและลองถ่ายรูปเปรียบเทียบมาอัพเดทอีกครั้งว่ามันให้ผลออกมาอย่างไร ยังไงมารอดูอัพเดทกันจ้า

โดยสรุปแล้ว IPSA : White Process Essence OP เป็นเวอร์ชั่นอัพเกรดเพิ่มส่วนผสมจากสูตรเดิมแต่ไม่เพิ่มเติมราคา ใครที่เคยใช้และชอบอยู่แล้วก็ไม่ต้องลังเล ส่วนใครที่ไม่เคยใช้และอยากได้ไวท์เทนนิ่งเอสเซนส์ที่อ่อนโยนมาก เหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่ทำให้ผิวแห้งแต่กลับชุ่มชื้นขึ้น เรื่องคุณสมบัติในการปรับโทนผิวลดโทนเหลืองและโทนแดงให้ดูเป็นโทนผิวที่สูงขึ้นเราขออิงมาจากรีวิวของสูตรเก่า เพราะว่าโดยรวมมันยังมีทุกอย่างที่เคยอยู่ในสูตรเก่าทั้งหมดจึงน่าจะให้ผลตรงนี้ไม่ต่างกัน แต่ในเรื่องการเพิ่มพลังในการลดจุดด่างดำที่ังลึกนั้นในช่วงเวลา 3 สัปดาห์ยังคงดูไม่เห็นความแตกต่าอย่างชัดเจนด้วยตาเปล่า

คอมเมนต์เล็กน้อยตรงบรรจุภัณฑ์มีการเปลี่ยนแปลงไปตรงฝาขวดที่ลดขนาดและเป็นสีเงิน ซึ่งเรามองว่าแบบเดิมดู Unique กว่า อันนี้มันก็ดูดีแหล่ะ แต่มันไม่ค่อยมีเอกลักษณ์ คือถ้าไม่เห็นสกรีนแบรนด์ IPSA แล้วเอาไปวางแปะที่ไหนไม่มีใครรู้เลยว่าสิ่งนี้เป็นของยี่ห้ออะไร ไม่เหมือนรุ่นเก่าที่ฝาขวดเป็นเอกลักษณ์มาก

สำหรับคนที่สนใจ เราแนะนำให้ลองไปตรวจสภาพผิวกับเครื่อง IPZALYZER ได้ที่เคาน์เตอร์ IPSA ทุกสาขา จะได้เช็คว่าก่อนใช้และหลังใช้เราได้คะแนนความสวยของโทนผิวทั้ง 5 มิติกันอย่างไรบ้าง และใครที่ไม่รู้ว่าีสาขาที่ไหนบ้างสามารถแวะไปดูหรือสอบถามได้ทาง Facebook : IPSA Thailand จ้า

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

***Sponsored Item***

IPSA : White Process Essence OP
Price :  20ml / 2,200 Baht , 50ml / 4,500 Baht
Skin Type : All Skin Type / Sensitive Skin
Outstanding : Whitening  / Glow / Hydration / Gentle