ใครที่มีปัญหาแบบนี้บ้าง ถ้าไม่สระผมทุกวันหัวจะมัน ทิ้งไว้นานจะคันเป็นตุ่มอักเสบจนคันและเกาตกสะเก็ดและรังแคตามมา แต่สระผมบ่อย ก็กลายเป็นแห้ง ระคายเคืองเป็นขุยรังแค ใช้แชมพูยาก็หายคันแต่หัวแห้งผมเป็นไม้กวาด แต่พอไปใช้แชมพูครีมนวดให้ผมนุ่มก็หนังหัวมันและเป็นตุ่มคันที่หนังหัว เราพบว่าสิ่งสำคัญคือเราต้องดูแลหนังศีรษะ กับเส้นผมแยกกัน และล่าสุดปูเป้ก็เจอผลิตภัณฑ์ดูแลหนังศีรษะของ Kamedis ที่มาเติมใส่ในส่วนที่ขาดไปได้พอดิบพอดีสำหรับตัวเองเลยล่ะ

Hair Care VS Scalp Care

แม้ว่าเส้นผมกับหนังศีรษะจะเป็นส่วนที่อยู่ติดกันมาก แต่เส้นผมเป็นส่วนที่ตายแล้ว และอาศัยน้ำมันที่หลังจากหนังศีรษะในการช่วยเคลือบเส้นผมเอาไว้  แต่ในโลกปัจจุบัน การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล การจัดแต่งทรงผม หรือการทำเคมี ย้อม กัก ดัด ยืด อะไรก็ดี ก็จะไปทำให้ผมของเราแห้งและมีโครงสร้างที่อ่อนแอลงได้ เส้นผมจึงต้องการสารเคลือบหรือพวกคอนดิชันเนอร์ ครีมหมักอะไรให้ผมนุ่ม เพื่อไปเคลือบชดเชยสิ่งที่เราล้างหรือไปเอามันออกไป แต่ผลิตภัณฑ์และสารเคลือบพวกนี้ถ้าตกค้างหรือโดนหนังศีรษะเรื่อย ๆ จะทำให้เกิดการสะสม ความมัน เมื่อรวมกับความอับชื้นไม่ว่าจะมาจากสาเหตุใดก็ตาม อาจทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นอย่างไม่สมดุลของเชื้อรากลุ่ม Malassezia spp.  ที่มักเป็นสาเหตุของอาการอักเสบ เซปเดิร์ม และรังแค

ดังนั้นส่วนหนังศีรษะมีปัญหาเราต้องดูแลส่วนนั้นในอีกแบบ ซึ่งโดยส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ได้มีปัญหากับเส้นผมเพราะไม่ค่อยจัดแต่งทรงหรือแม้แต่ทำเคมีเพราะขี้เกียจดูแลอะไรมาก แต่ปัญหาส่วนใหญ่จะอยูกับหนังศีรษะที่ค่อนเข้าเอาใจยาก  คือเป็นคนที่ถ้าไม่ได้สระผมเกิน 48 ชั่วโมง จะมีน้ำมันสะสมจนคันและเป็นตุ่มที่หนังศีรษะ  แต่ในขณะเดียวกันเมื่อสระผมทุกวันก็มีโอกาสที่หนังหัวจะแห้ง  ปูเป้เลยเป็นคนที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็น Scalp Care เพื่อดูแลหนังศีรษะมากกว่าจะเน้นบำรุงหรือเคลือบเส้นผม ซึ่งต้องบอกว่า Scalp Care เป็นกลุ่มที่เล็กมากและหาตัวเลือกได้ยากในบ้านเรา

หลังจากที่ตระหนักเรื่องการดูแลหนังศีรษะ ปูเป้ก็ทดลองการดูแลในหลายแนวคิด และได้พบว่าสิ่งที่เหมาะกับตัวเองจะมีทั้งหมด 3 ส่วนหลักคือ

Pre-Wash ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ในท้องตลาดมีหลายคุณสมบัติ บ้างก็ทำมาเพื่อล้างผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่ตกค้าง บ้างก็เพื่อปรับสมดุล บ้างก็เพื่อขจัดเซลล์เสื่อมสภาพและความมันหรือเหม็นอับบนหนังศีรษะ ส่วนตัวปูเป้จะมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้ประจำแยกตามสิ่งที่เป็นยู่ในตอนนั้นคือ กรณีที่มีอาการคันและเป็นรังแคจากการมีน้ำมันตกค้างอยู่มาก กับกรณีที่มีอาการคันและมีรังแคจากการแห้งระคายเคือง

Wash เป็นการทำความสะอาดน้ำมัน สิ่งสกปรก ที่อยู่บนหนังศีรษะและเส้นผมออกไป ซึ่งก็จะมีแชมพูเปลี่ยนตามระดับน้ำมัน ความคัน หรือการอักเสบของหนังศีรษะ โดยส่วนตัวจะพยายามเลี่ยงแชมพูที่มีสารเคลือบหรือสระแล้วผมนิ่มทันที เพราะสารเคลือบจะสะสมเพิ่มไปเรื่อย ๆ จนก่อปัญหากับหนังศีรษะ ถ้าผมยาว หรือเส้นผมเสีย แห้ง สามารถลงคอนดิชันเนอร์เฉพาะเส้นผมเน้นตรงปลายได้ แต่อย่าให้โดนหนังศีรษะโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีปัญหาหนังศีรษะอักเสบ อุดตัน หรือเป็นตุ่มคันได้ง่าย

Leave-On Scalp Treatment เป็นการลงผลิตภัณฑ์บำรุงหนังศีรษะแบบไม่ต้องล้างออก เพื่อช่วยให้ความชุ่มชื้น ลดอาการแห้ง และเติมสารที่ต้องการ เช่นส่วนผสมต้านการอักเสบ ต้านการระคายเคือง ต้านเชื้อรา หรือสารผลัดเซลล์เพื่อช่วยลดรังแค

ปูเป้ค่อนข้างลองผิดลองถูกกับผลิตภัณฑ์ในข้อ 3 มาเยอะ และหาตัวที่เวิคร์ได้ยากมาก  ตัวที่เบาไปก็ไม่ได้ช่วยลดอาการแห้ง หรือไม่ได้ช่วยต้านการอักเสบได้ดีพอ ตัวที่ข้นไปก็มักทำหนังหัวมันและอับชื้นได้ง่ายในอากาศบ้านเราทำให้คันหนักกว่าเดิม กว่าจะหาอันที่ลงตัวกับหนังหัวตัวเองคือพังมาเยอะมาก  ตัวที่รอดและใช้มาหลายปีคือ Aveda : Dandruff Solution แต่ไม่มีขายในช็อปไทยแล้ว ที่ใช้อยู่คือไปตุนมาจากตอนที่ไปอเมริกา ซึ่งเหมาะกับหนังหัวคันมีรังแคจากหนังศีรษะมัน ๆ

ตัวที่ลองล่าสุดอย่าง Kamedis : SEBO & PSO Scalp Lotion คือผิดคาดมาก  เป็นสิ่งที่ตอนแรกดูจากส่วนผสมก็คิดว่าไม่น่าจะรอด  ตอนบีบออกมาจากหลอดก็ถึงกับผงะ  ทั้งข้นคลั่ก ทั้งสีน่าเกลียดน่ากลัว ตอนใช้ครั้งแรกมีแสบยิบก็คิดว่าไม่น่าจะรอด แต่หลังจากที่ลองมาเกือบ 2 เดือนแล้ว เราจะบอกว่าสิ่งนี้มันเวิคร์กับหนังหัวเรา และวันนี้จะอยากมาพูดถึงตัวนี้เป็นหลัก

Product’s Formula

ในแง่ของส่วนผสมผลิตภัณฑ์ Kamedis : SEBO & PSO Scalp Lotion (100ml / 850 BAHT) นั้นจะประกอบไปด้วย 3 ส่วน ได้แก่  Traditional Chinese Medicine (TCM) Extract + Antifungal Agents + Lotion Base ซึ่งมาตอบโจทย์ในแต่ละส่วน

Traditional Chinese Medicine (TCM) Extract เป็นส่วนประกอบของสารสกัดจากพืชสมุนไพรที่พบในตำรายาจีนแผนโบราณ อย่าง Rheum Palmatum Extract, Angelica Polymorpha Sinensis Root Extract, Phellodendron Amurense Bark Extract, Portulaca Oleracea Extract, Sapindus Mukurossi Fruit Extract, Indigofera Tinctoria Extract ซึ่งพบได้ในสกินแคร์บำรุงผิวหน้าอยู่บ่อยๆ ด้วยคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ต้านการระคายเคือง และการต้านจุลชีพ

จากการลองหาข้อมูลดูพบว่า มีการศึกษาเรื่องการนำสมุนไพรจีน (TCM) เพื่อการแก้ปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะ โดยส่วนใหญ่เป็นการศึกษาจากฝั่งเอเชีย ซึ่งเน้นไปที่ปัญหาผมร่วงจากพันธุกรรม (Androgenetic Alopecia) หรือผมร่วงจากการอักเสบของหนังศีรษะ (Sebrrheic alopecia) ซึ่งแบบหลังนี่แหล่ะคือสิ่งที่ปูเป้เจอปัญหาอยู่ก่อนหน้านี้ การอักเสบการคันของหนังศีรษะที่ทำรากผมอ่อนแอจนเกิดปัญหาผมร่วง

การอักเสบนั้นมาได้จากทั้งพฤติกรรมเช่นการสระผมที่ผิดวิธี เกาหนังศีรษะจนระคายเคือง  การมัดผมหรือการทำทรงผมที่ทำให้เกิดการอับชื้นหรือสะสมของน้ำมัน ก็ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของเชื้อรากลุ่ม Malassezia spp. ซึ่งชอบอาศัยและหากินกับไขมันของมนุษย์ โดยมีข้อมูลว่าการเมตาบิลิซึ่มของเชื้อรากลุ่มนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโปรไฟล์ไขมันผิว ทำให้เกิดการอักเสบและเกิดโรคผิวหนังต่าง ๆ

นอกเหนือจากการใช้ส่วนผสมต้านเชื้อราแล้ว อีกแนวทางหนึ่งที่กำลังศึกษากันคือการใช้คุณสมบัติในการเป็น Lipase Inhinitor เพื่อขัดขวางการเมตาบิลิซึมของเชื้อ Malassezia ซึ่งสารกลุ่ม TCM ที่ใช้กันอยู่ก็น่าจะมีตัวที่ทำตรงนี้ได้

(Source : Topical anti-inflammatory activity of some Asian medicinal plants used in dermatological disorders, Identification and Evaluation of Inhibitors of Lipase from Malassezia restricta using Virtual High-Throughput Screening and Molecular Dynamics Studies, Meta-Analysis on the Efficacy and Safety of Traditional Chinese Medicine as Adjuvant Therapy for Refractory Androgenetic Alopecia)


Anti-fungal Agents
คือสารที่ช่วยต้านเชื้อรา ซึ่งในนี้เขาใช้ Climbazole เป็นสารต้านจุลชีพซึ่งมีฤิทธิ์ในการยับยั้งเชื้อ Malassezia ปัจจุบันความเข้มข้นสูงสุดที่ EU อนุญาตให้ใช้ในผลิตภัณฑ์ไม่ต้องล้างออกคือ 0.2%   กับอีกตัวคือ Capryloyl Glycine มีผู้ผลิตสารตัวนี้อยู่หลายเจ้า แต่โดยรวมเคลมถึงคุณสมบัติในการปรับสมดุลของการผลิตน้ำมัน รวมไปถึงมีคุณสมบัติในการต้านจุลชีพ ซึ่งรวมไปถึงเชื้อ Malassezia ที่เป็นอีกสาเหตุของการเกิดการอักเสบบนหนังศีรษะและรังแคอีกด้วย

Lotion Base จะประกอบไปด้วยส่วนของน้ำและน้ำมันโดยสารกลุ่ม Humectant จะช่วยให้ความชุ่มชื้น ส่วนของน้ำมัน และ บัตเตอร์จะเป็น Emollients ช่วยลดการแห้งของหนังศีรษะ ตัวผลิตภัณฑ์ยังมีซิลิโคนอยู่ไม่มาก  นอกจากจะช่วยบำรุงหนังศีรษะแล้วยังช่วยทำให้ผมมีความนุ่มลื่นขึ้นด้วย

Ingredients : Aqua (Water), Propylene Glycol, Caprylic/ Capric Triglyceride ,Paraffinum Liquidum, C12-15 Alkyl Benzoate, Butyrospermum Parkii, Cyclopentasiloxane, Rheum Palmatum Extract, Triethanolamine, Ethoxydiglycol, Dimethiconol, Angelica Polymorpha Sinensis Root Extract, Phellodendron Amurense Bark Extract, Portulaca Oleracea Extract, Acrylates/C10-30 Alkyl Acrylate Crosspolymer,  Capryloyl Glycine, Glycerin, Sapindus Mukurossi Fruit Extract, Indigofera Tinctoria Extract,Tocopheryl Acetate, Panthenol, Phenoxyethanol, Climbazole, PEG-40 Stearate, Ethylhexylglycerin, Fragrance.

Usage & Result

เนื้อผลิตภัณฑ์เป็นโลชั่นเนื้อข้น สีน่ากลัวมาก แต่จากที่ลองผลิตภัณฑ์บางตัวของแบรนด์นี้ก็พบว่า สีของเขาก็เป็นแบบนี้แหล่ะ มันคือสีจากสารสกัด Traditional Chinese Medicine แบบที่ยังไม่ผ่านการ refining เอาพวกสีและกลิ่นออกไป ผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมของน้ำหอม และหลังใช้แล้วจะเหลือติดศีรษะอยู่จาง ๆ ส่วนตัวโอเคกับสิ่งนี้ ใช้ได้ไม่มีปัญหาอะไร

วิธีในการใช้ข้างกล่องบอกเอาไว้ว่าให้นวดลงบนหนังศีรษะที่เปียกหมาด ๆ หรือแห้งก็ได้ วันละครั้งในตอนก่อนนอนและทิ้งไว้ข้ามคืน  ซึ่งไม่ได้อธิบายเอาไว้ว่าแล้วยังไงต่อ?  ตื่นมาแล้วต้องล้างออกไหม? ก็เลยต้องทดลองกับตัวเองและได้ข้อสรุปมาว่า

การใช้ที่ให้สัมผัสและผลในการใช้ที่ดี ควรใช้หลังสระผม ซับน้ำจนหมาด และใช้โลชั่นปริมาณเท่าในรูป บีบปริมาณเล็กน้อยไว้ที่หลังมือข้างที่ไม่ถนัด แยกผมออกเป็นส่วน ใช้ปลายนิ้วข้างที่เราถนัดแตะโลชั่นลงบนหนังศีรษะ ใช้ได้ทั่วศีรษะแต่เราอยากให้เน้นที่จุดที่มักเป็นปัญหาหรือกำลังมีการอักเสบหรือแห้งก่อนเป็นหลัก

หลังจากนั้นใช้ปลายนิ้วนวดโลชั่นให้กระจายทั่วทั้งหนังศีรษะ จะโดนเส้นผมก็ไม่เป็นไร มันทำให้ผมเรานิ่มและไม่แห้งแทนการใช้คอนดิชันเนอร์ได้ด้วย ในช่วง 2 เดือนมานี้ปูเป้จึงไม่ใช้คอนดิชันเนอร์เลย กลายเป็นว่าทำแบบนี้ผมนิ่มกว่าอีก

หลังจากนวดผลิตภัณฑ์แล้วให้ใช้ไดร์เป่าผมให้แห้งทันที อย่าปล่อยให้หนังศีรษะชื้นและแห้งไปเอง หลังจากที่แห้งแล้วก็เข้านอนได้ตามปกติ  ตื่นมาก็ไม่ต้องล้างหรือสระผม สามารถออกไปทำกิจกรรม ไปออกกำลังกาย ทำอะไรได้ตามปกติเลย  กลับมาถึงบ้านก็ค่อยอาบน้ำสระผม และทำขั้นตอนเดิมซ้ำ

สำหรับใครที่สงสัยว่า สีโลชั่นน่ากลัวขนาดนี้จะเปื้อนหมอนเวลานอนไหม ส่วนตัวปูเป้ใช้ปลอกหมอนสีเทา สีน้ำเงิน อาจจะสังเกตไม่เห็นชัดว่ามันเปื้อนรึเปล่า แต่จากที่ดูก็ไม่ได้มีรอยด่างดวงอะไรเป็นพิเศษ  ปกติก็เปลี่ยนปลอกหมอนทุก 1-2 วันอยู่แล้วด้วย จะได้ไม่มีน้ำมันจากผิวและจากสกินแคร์ที่ทาไปสะสม ลดโอกาสการเป็นสิวจากเชื้อโรคที่สะสมบนปลอกหมอนเวลานอนตะแคงได้ส่วนนึง

ความรู้สึกและผลที่ได้จากการใช้ ตอนแรกหนังศีรษะตรงกระหม่อมหลังของปูเป้มีปัญหาอักเสบจนผมร่วงจากการมัดผมจนทำให้เราต้องตัดผมสั้นเพื่อไม่ให้ปัญหารุนแรงขึ้น  เราลง Kamedis : SEBO & PSO Scalp Lotion ในคืนแรกคือมีแสบ ร้อนวูบตรงส่วนนั้นเยอะมาก จนแอบกังวลว่าจะรอดไหม แต่หลังจากตื่นมาก็ไม่พบอาการผิดปกติ  หลังใช้ต่อเนื่องไปได้สัก 2 สัปดาห์รู้สึกค่อนข้างชัดเจนว่าอาการคันหัวน้อยลงมาก  หลัง 1 เดือนผ่านไปเวลานวด Pre Wash สังเกตได้ว่ารังแคที่ตกบนบ่าของเสื้อน้อยลงมาก ๆ

ตอนไปตัดผมล่าสุดเมื่อกลางเดือน พย ที่ผ่านมา ขนาดพี่เอ๋ช่างตัดผมประจำมาหลายปีของเรา ที่บอกให้เราเลิกมัดผมเพราะหนังศีรษะมีปัญหาจนผมบางแล้ว ยังทักว่าหนังหัวไม่แดงไม่อักเสบแล้ว ตรงหลังกระหม่อมที่ผมบางจากตอนช่วงไว้ผมยาวและมัดจุกก็มีลูกผมขึ้น แถมผมก็นุ่มขึ้นมาก  คือไม่ใช่แค่เราที่รู้สึกว่าหนังหัวเราสภาพดีขึ้น แต่ช่างผมประจำของเรายังเห็นว่ามันดีขึ้นจริง ๆ

Conclusion

สำหรับปูเป้ Kamedis : SEBO & PSO Scalp Lotion เป็นตัวที่มาเติมให้การดูแลหนังศีรษะของเราให้จบ ครบ ตรงจุดที่ตัวเองต้องการพอดี  ซึ่งน่าจะตอบโจทย์สำหรับคนที่มีปัญหาคันหนังศีรษะ เป็นรังแค ที่ลองสารพัดสูตรแชมพู ทรีตเมนต์ แล้วปัญหารังแคจากคามมันหรือเชื้อราหาย แต่กลายเป็นรังแคจากหนังศีรษะแห้งเกินไปแทน

การดูแลหนังศีรษะ ก็ไม่ต่างกับผิวหน้าหรือผิวส่วนอื่น มันมีสมดุลของเรื่องความชุ่มชื้น น้ำมันเคลือบผิว เราต้องดูแลโดยคำนึงในส่วนนี้  รังแค อาการคัน ก็มาได้จากหลายสาเหตุ มาได้ทั้งจากความมันไปและแห้งเกิน เราต้องสังเกตุและทำความเข้าใจว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมาจากสาเหตุอะไร  และแก้ให้ตรงจุดเป็นหลักจ้า

ตอนนี้เราแฮปปี้กับหนังหัวและผมตัวเองมาก เราเจอสิ่งที่ลงตัวแล้ว และเราก็หวังว่าข้อมูลและแนวทางที่เราใช้ จะช่วยให้คุณลองสังเกต หาสาเหตุ และปรับการดูแลให้เหมาะสมกับตัวเองได้

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

***Sponsored Item***

Kamedis : SEBO & PSO Scalp Lotion
Price : 100ml / 850 BAHT
Skin Type : Normal to Dry Scalp / Dandruff
Outstanding : Dandruff-reducing / Anti-inflammation / Hydration / Balancing

Kamedis : SEBO & PSO Scalp Lotion
FORMULA
GENTLENESS
SENSORY
RESULT
PUPE LOVE IT
PROS
  • จัดการปัญหาหนังศีรศะเป็นรังแค คัน ระคายเคือง และแห้งของเราได้แบบชะงัดนัก
  • สำหรับคนผมสั้น จะช่วยให้ผมนุ่มขึ้นด้วยแม้จะไม่ได้ใช้คอนดิชั้นเนอร์ก็ตาม
CONS
  • มีส่วนผสมของน้ำหอม
4.3Overall Score

Related Posts