ในปีนี้ Kiehl’s ออกผลิตภัณฑ์มาหลายตัวมากมากเลยทีเดียว แต่ตัวที่หยิบมาพูดถึงในวันนี้มีความน่าสนใจตรงที่นี่เป็นครั้งแรกที่เครือ L’Oreal ทำเนื้อสัมผัสลักษณะนี้ และ Kiehl’s เป็นแบรนด์แรกที่นำออกมาใช้
คอนเซปต์ของผลิตภัณฑ์ตัวนี้เน้นไปที่การฟื้นฟูความร่วงโรยของผิวอันมาจากการขาดความชุ่มชื้น เพราะว่าปัญหาความไม่เรียบเนียน ริ้วรอยและความไม่กระชับของผิวนั้นไม่ได้มาจากการลดลงของคอลลาเจน อีลาสติน และโครงสร้างของผิวชั้นใน (Dermis) แต่เพียงอย่างเดียว แต่ผิวชั้นนอก (Epidermis) ก็มีผลอย่างมากกับความร่วงโรยที่เรามองเห็น เนื่องจากเมื่อเรามีอายุที่เพิ่มมากขึ้น ผิวจะมีแนวโน้มที่จะแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้นได้ง่ายขึ้น ซึ่งส่งผลให้ผิวชั้นนอกขาดความยืดหยุ่น ไม่อิ่มเอิบ ดูไม่สดใส และหยาบกร้าน เกิดเป็นริ้วรอยขนาดเล็ก ความไม่สม่ำเสมอของผิว ความหยาบกร้าน ขาดความชุ่มชื้นยังส่งผลต่อการสะท้อนแสงที่ตกกระทบมายังผิว ทำให้ผิวดูหมอง ไม่กระจ่างใสอีกด้วย
Glycerin เป็นหนึ่งในส่วนผสมให้ความชุ่มชื้นที่ดี มีอยู่ในผิวอยู่แล้วตามธรรมชาติ ราคาถูก จึงมีการนำมาใช้กันทั่วไปในสูตรเครื่องสำอางเกือบทุกตัวก็ว่าได้ เรายังสามารถหา Glycerin เกรดบริสุทธิ์เข้มข้นถึง 99% ได้ตามร้านขายเคมีภัณฑ์หรือแม้แต่ร้านขายอุปกรณ์สำหรับทำขนม (มันถูกนำไปใส่ในอาหารเพื่อช่วยคงความชื้นได้นานขึ้น) ดังนั้นการใช้ Glycerin เข้มข้น 15% ในสูตรดูเป็นอะไรที่ไม่หวือหวาเท่าไหร่ในมุมมองของผู้บริโภคอย่างเรา ๆ
เซรั่มตัวนี้มีส่วนประกอบของเบสน้ำ (Aqueous Phase) มากถึง 85% (Water + Glycerin + Propanediol + Butylene Glycol) และมีเบสน้ำมัน (Oil Phase) ที่ใช้ Dimethicone เป็นตัวเคลือบผิว มี Polymethylsilsesquioxane ซึ่งเป็นซิลิโคนเรซิ่นอนูขนาดเล็กเป็นตัวปรับเนื้อสัมผัสให้เนียนนุ่มเวลาทา และใช้ Dimethicone/PEG-10/15 Crosspolymer เป็น Emulsifier เพื่อรวมเบสกับน้ำมันเข้ากันให้เป็นเนื้อเดียวกัน
โดยปกติด้วยเบสที่มีปริมาณเยอะกว่าจะเป็น External Phase และเบสที่มีปริมาณน้อยกว่าจะเป็น Dispersed Phase ซึ่งถูกกระจายเข้าไปใน External Phase ในรูปแบบของอนูขนาดเล็กจนกลายเป็น Emulsion ดังนั้นหากใช้ Emulsifier ทั่วไป เซรั่มตัวนี้จะเป็น Emulsion แบบ Oil-in-Water เป็นเนื้อโลชั่นหรือครีมที่มีสีขาวขุ่นทั่วไป
แต่ด้วยการใช้ Emulsifier (Dimethicone/PEG-10/15 Crosspolymer) ที่มีความพิเศษนี้ เซรั่มตัวนี้จึงกลายเป็น Emulsion แบบ Water-In-Oil ซึ่งเป็นการกระจายอนูของเบสน้ำและถูกหุ้มไปด้วยเบสน้ำมันบาง ๆ ที่เมื่อทาลงไปบนผิว ฟิลม์ของซิลิโคนจะแตกตัวออกเพื่อคลุมผิวและปล่อยส่วนผสมของเบสน้ำออกมา (พูดง่าย ๆ มันคือครีมน้ำแตกนั่นเอง )
(Source : Water-releasing cosmetic composition)
Ingredients : Aqua/Water, Glycerin, Dimethicone, Propanediol, Dimethicone/PEG-10/15 Crosspolymer, Polymethylsilsesquioxane, Sodium Chloride, Phenoxyethanol, Butylene Glycol, Chlorphenesin, Sodium Citrate, p-Anisic Acid, Disodium EDTA, PEG-10 Dimethicone, Sodium Hydroxide, Adenosine, Perilla Ocymoides Leaf Extract, Citric Acid.
เนื้อเซรั่มตัวนี้มีความข้นค่อนข้างมากเมื่อปั้มออกมาจากขวด อยู่ตัว แต่เมื่อเกลี่ยลงบนผิว เนื้อผลิตภัณพืจะมีความเหลวและกระจายคลุมผิวได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย สิ่งให้เนื้อสัมผัสที่เนียน นุ่ม และฉ่ำผิว น่าประทับใจทีเดียว
จากการทดลองใช้ สิ่งหนึ่งที่น่าประทับใจมากเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ตัวนี้คือเนื้อสัมผัสที่เลิศสุด ๆ เรียกได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อสัมผัสดีที่สุดของ Kiehl’s เลยก็ว่าได้ และก็ต้องยอมรับว่ามันทำได้อย่างที่โฆษณาเอาไว้ คือช่วยให้ผิวอิ่มเอิบขึ้น เนื้อผิวมีความเรียบเนียนและสม่ำเสมอขึ้น ผิวดูฟูและดูใสขึ้น ทั้งหมดนี้เพราะมีความชุ่มชื้นเต็มที่ ถึงจะมีส่วนผสมที่ไม่ได้ซับซ้อนหรือมีสารสกัดบำรุงผิวอะไรมามากมาย
เรื่องผิวดูไม่เปล่งปลั่งสดใสก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่าความชุ่มชื้นของผิวมีผลอย่างมากกับการเล่นกับแสงที่ตกกระทบลงมา (ในประเทศเกาหลีมีการฉีด Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นตัวที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวเข้าไปบนผิวชั้นนอก เพื่อให้ผิวดูสวยใสเด้งดึ๋งแบบผิวเด็ก)
ส่วนตัวมองว่านี่เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีกลุ่มลูกค้าที่กว้างมากเพราะใช้ได้กับทุกเพศ ทุกวัย ทุกสภาพผิว และความชุ่มชื้นก็เป็นพื้นฐานที่สำคัญของผิวสุขภาพดี และหากมีปัญหาของริ้วรอยที่มาจากวัยและโครงสร้างของผิวชั้นในก็สามารถที่จะใช้คู่กับเซรั่มวิตามินซีเพื่อดูแลปัญหาทั้งจากชั้นในและชั้นนอกไปคู่กัน นี่เป็นจุดแข็งของผลิตภัณฑ์ตัวนี้
เทคโนโลยีในการใช้ Glycerin ในความเข้มข้นสูงขนาดนี้โดยไม่สูญเสียเนื้อสัมผัสที่ดีไปเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นในแง่ของผู้ที่สนใจในเทคโนโลยีของเครื่องสำอาง แต่ในมุมของผู้บริโภคนั้น ส่วนผสมที่มีใช้กันทั่วไปอย่าง Glycerin นี้อาจดูไม่จูงใจสักเท่าไหร่ แม้ว่าตัวผลิตภัณฑ์จะให้ผลลัพธ์ที่ดีได้ตามที่เคลมเอาไว้ (เรายังแปลกใจเลยที่มันใช้ได้ผลดีเกินคาด…) แต่ถ้ามันดูไม่น่าดึงดูดใจพอให้คนเข้าไปทดลอง ก็นับเป็นจุดอ่อนที่สำคัญของผลิตภัณฑ์ในแง่ของการสื่อสาร หากมีการใส่ส่วนผสมเพื่อชูเป็นจุดขายที่ดูว้าวกว่านี้ ถึงแม้มันอาจจะไม่ได้มีส่วนช่วยอะไรเท่าไหร่ในแง่ของประสิทธิภาพ แต่มีผลต่อความรู้สึกของผู้บริโภคมันก็จะทำให้คอนเซปต์ของผลิตภัณฑ์แข็งแกร่งขึ้นในแง่ของการสื่อสาร
เอาเป็นว่าใครที่สงสัยในใจว่าความชุ่มชื้นแบบเต็มที่จะพลิกสภาพผิวได้แค่ไหน มันจะเห็นผลเรื่องความเรียบเนียน ความอิ่มเอิบ ความฟูแน่นของผิวได้ด้วยรึ? ก็ลองแวะไปขอ Sample ที่ร้าน Kiehl’s มาลองปาดพิสูจน์กันดูได้เลย
สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง
ข้อดี
– ใช้ได้กับทุกสภาพผิว ทุกเพศ ทุกวัย
– อ่อนโยน และใช้กับผิวรอบดวงตาได้
– ให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ดีและยาวนาน ให้ผิวอิ่มฟูและยืดหยุ่นขึ้น
– เนื้อสัมผัสดีมาก ไม่เหนอะหนะ เกลี่ยง่าย
– บรรจุภัณฑ์ขวดปั้มสุญญากาศใช้ง่าย
ข้อเสีย
– ถือว่าราคาค่อนข้างสูง
***Sponsored Item***
– Kiehl’s : Hydro-Plumping Re-Texturizing Serum Concentrate