เวลาเจอพนักงานขายที่บริการแย่ ๆ กระผมก็จะคิดว่า “การเป็นพนักงานขายเครื่องสำอางที่ดีน่ะ… มันทำยากนักหรือยังไงกัน?” จะว่าไปกระผมก็เคยไป drop ใบสมัครเอาไว้กับบริษัทเครื่องสำอางบ้างเหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่า Profile การเป็นเจ้าของ Blog ที่สับแหลกเครื่องสำอางจะเป็นที่หวาดกลัวของแบรนด์เหล่านั้น… (ก็คือไม่มีใครเรียกนั่นแหล่ะ)
หลังจากได้เข้าร่วมงาน Kiehl’s Blogger Party เมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ปูเป้ก็ประทับใจในนโยบายของแบรนด์ที่แฟร์กับลูกค้ามาก และพนักงาน KCR หรือ Kiehl’s Customer Representative ก็มีคุณภาพทั้งในด้านการบริการและการให้ข้อมูลเป็นอย่างดี แถมยังกระตือรือร้นในการกระตุ้นให้ลูกค้าได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ก่อนตัดสินใจซื้อด้วย กระผมเล็งเห็นแล้วว่าแบรนด์นี้เน้นและเอาใจใส่ในเรื่องการบริการเป็นอย่างมาก จึงเป็นโอกาสดีที่เดียวที่ปูเป้จะพิสูจน์ตัวเองสักครั้งว่ากระผมสามารถเป็นพนักงานขายเครื่องสำอางที่ดีได้หรือไม่…
หลังจากตัดสินใจลองเกริ่นถามกับทาง Kiehl’s ว่าถ้ากระผมจะขอมาลองฝึกงานเป็น Internship เป็นพนักงาน ดูสักระยะหนึ่งได้หรือเปล่า ทางคุณเต้ ผู้จัดการร้าน และพี่ปู ฝ่าย Training ก็ยินดีให้ปูเป้ได้มาทำตามความฝันและพิสูจน์ตัวเองว่า “หนูทำด๊าย~~~ย”
DAY 1
หลังจากที่ได้เกริ่นเรื่องการขอฝึกงานและแจ้งช่วงเวลาที่ปูเป้ว่างไปให้ทาง Kiehl’s ทราบแล้ว ก็ได้เริ่มฝึกงานในวันที่ 16 กันยายน 2552 เป็นวันแรก
วันแรกของการทำงานนั้นเริ่มด้วยการศึกษาคู่มือการอบรม Kiehl’s Customer Representative Basic Training ที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายและหลักการบริการที่ดีเลิศตามแบบฉบับของ Kiehl’s โดยมีพี่ปู ให้เกียรติมาเทรนตัวต่อตัวกันเลยทีเดียว (ตอนแรกนึกว่าจะมีการอบรมรวมกันหลายคนที่สำนักงานใหญ่ แบบนี้ก็แอบหลับไม่ได้เลย 😛 )
การจำลองสถาณการณ์ สวมบทบาทสมมุติ หรือ Role Playing จะช่วยฝึกไหวพริบและเตรียมความพร้อมในการต้อนรับลูกค้าจริงได้ พี่ปูเลยขอสาธิตเป็นกรณีพิเศษกับพี่เต้ผู้จัดการร้าน โดยพี่ปูแสดงเป็นลูกค้า (ระดับความยาก Level 99 ที่จุกจิกมาก!!!!) เล่นเอาพี่เต้ ผู้จัดการร้านถึงกับสาธิตไปมือสั่นไป (ฮา) แต่ก็มีประโยชน์กับปูเป้มากเลยขอรับ (จะได้เตรียมตัวรับมือเอาไว้ล่วงหน้า)
หลังจากอบรมพื้นฐานเกี่ยวกับคุณค่าอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์จากพี่ปูและพี่เต้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว กระผมก็ต้องเริ่มจดจำรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็นชื่อผลิตภัณฑ์ จุดเด่นหรือคุณสมบัติหลักของสินค้าตัวนั้น ๆ ราคา ส่วนผสม ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะสินค้าของ Kiehl’s มีผลิตภัณฑ์บำรุงตั้งศีรษะจรดปลายเท้าทั้งหมดในร้านรวม ๆ กันเกือบร้อยชนิด… ถึงพี่ ๆ KCR จะบอกว่า 7 วันแรกยังจำได้ไม่หมดก็ไม่เป็นไร… แต่ปูเป้จะท้าทายตัวเองด้วยการจำรายละเอียดผลิตภัณฑ์ทั้งร้านให้ได้ในเวลา 7 วัน (กล้ามากเลยเนอะ)
วันนี้ปูเป้ยังไม่ได้ขายของ เพราะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฏระเบียบพื้นฐาน นโยบายการบริการให้ดีก่อน แล้วค่อยมาศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด โดยเริ่มจาก Lip Balm สารพัดสูตรในร้านเพราะเป็นสินค้า Basic ที่ทุกคนชื่นชอบ (แอบติดใจ Kiehl’s Lip Balm #1 กลิ่น Mango อย่างแรง หอมน่าหม่ำม๊าก~~~ก ปูเป้ฉก Tester ในร้านมาทาทั้งวันเลย)
จบวันแรกขอบอกว่าสนุกดี แต่….เมื่อยโคตร!!!! ปวดหลังด้วย กลับถึงบ้านรีบเอาขาแช่ในถังน้ำอุ่นโดยด่วน วันนี้ใส่เจลเพื่อเซ็ทผมให้ดูเรียบร้อยหน่อย แต่เจลใส่ผมของพี่ชายทำเราสิวขึ้น!!! เครียดเลย… ทำอะไรไม่ได้มากนอกจากสาปแช่งเจลเฮงซวยหลอดนั้น + โปะ BHA + Eryacne + Benzac AC + ภาวนาให้สิวยุบเร็ว ๆ แล้วก็เข้านอน
DAY 2
พึ่งได้นอนตอนตีหนึ่งแต่ก็ต้องตื่นตั้งแต่ 7 โมงเช้า เพราะว่าวันนี้ต้องเข้าฝึกตั้งแต่ 11 โมง (เล่นเอาเบลอเลยเพราะนอนไม่ครบ 8 ชั่วโมง) แอบดีใจนิดหน่อยที่หัวสิวปูด ๆ เมื่อวานเริ่มแห้งแล้ว แต่สังเกตว่าเริ่มมีจ้ำแดง ๆ เกิดขึ้นบ้าง คาดว่าเย็นนี้มันคงเป็นสิวปูดแดงอย่างแน่นอน (เพราะไอ้เจลบ้านั่นแท้ ๆ เชียว) วันนี้เลยไม่ใส่ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมใด ๆ ทั้งสิ้นเพราะไม่อยากสร้างปัญหาให้กับใบหน้าเพิ่มเติม
การมาฝึกงานคราวนี้ปูเป้ต้องทำเหมือนพนักงานทุกอย่างโดยไม่มีข้อยกเว้น มีการตอกบัตรลงเวลาเข้า – ออก ต้องมาเข้างานก่อนเวลา 30 นาที มีเวลาพัก 1 ชั่วโมงต่อวันเพื่อไปทานข้าว ไม่มีสิทธิพิเศษอื่นใด (เพราะบอกเอาไว้แล้วว่าไม่ต้องเกรงใจ ปูเป้ขอประสบการณ์แบบเนื้อ ๆ เน้น ๆ) ก็รู้สึกว่าชีวิตมีระบบดีหลักจากทางงาน Freelance ที่อิสระมาเป็นเวลานาน
ในวันที่สองนี้กระผมก็เริ่มทดลองผลิตภัณฑ์แต่ละตัวของร้านไปเรื่อยๆ โดยจะเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าก่อน ซึ่งในวันนี้ก็เก็บข้อมูลเรื่องราคา ส่วนประกอบ แล้วก็คุณสมบัติหลักของกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว แต่พอถึงเวลาโดนถามแบบไม่ทันตั้งตัวก็ต้องใช้เวลานึกนานหน่อย (มันเยอะอ่ะ สับสน) จะพยายามทำให้ดีขึ้นกว่านี้
โจทย์ในวันนี้ของพี่เต้และพี่ปูคือ อย่างน้อยปูเป้จะต้องแนะนำผลิตภัณฑ์ยอดนิยมอย่าง Lip Balm และผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ล่าสุดอย่างชุด Rare Earth ที่เน้นในเรื่องการดูดซับความมันส่วนเกินและคุมความมันบนผิวให้กับลูกค้าได้
วันนี้เจอนักท่องเที่ยวฝรั่งคู่หนึ่งมาถามทางไป Siam Center ซึ่งเราก็บอกทางไปตามปกติ แต่ดูเหมือนเขาจะยังสับสน ปูเป้เห็นว่าทางเชื่อมระหว่าง Paragon กับ Siam Center ก็ไม่ไกลจาก Shop มากนัก ช่วงนั้นไม่มีลูกค้าและพนักงาน KCR ก็อยู่กันครบ เลยขออาสาพาไปส่งถึงที่ ระหว่างทางก็คุยเรื่อยเปื่อยว่ามาเมืองไทยครั้งแรกหรอ ชอบอะไรเกี่ยวกับเมืองไทยบ้าง อาหารอร่อยถูกปากไหม บลา ๆ ๆ ฝรั่งคู่นั้นดู Happy มาก ซึ่งทำให้กระผมรู้สึกดีที่ได้ทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี อยากให้เขาประทับใจความมีน้ำใจของคนไทยและกลับมาเที่ยวเมืองไทยอีก ซึ่งปูเป้ก็ต้องยกความดีส่วนหนึ่งให้กับนโยบายของ Kiehl’s ที่บอกว่า “แบรนด์ของเราไม่เน้นขายของหรือยอดขายอย่างเดียว แต่เราต้องเป็นผู้ให้ที่ดีเพื่อตอบแทนสังคมด้วย” ที่เปิดโอกาสให้พนักงาน KCR สามารถช่วยเหลือคนที่กำลังเดือดร้อนได้แม้จะไม่ใช่ลูกค้าที่มาซื้อของก็ตาม
ในวันนี้ปูเป้ก็ตีโจทย์ที่พี่เต้ให้ไว้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก และเริ่มชินกับการรับลูกค้ามากขึ้น ตั้งเป้าไว้ว่าพรุ่งนี้จะต้องจะรายละเอียดของ Facial Care ให้ได้ทั้งหมด สู้เว๊ย!!!
PS. ยังคงเมื่อยขาและปวดหลังอยู่เหมือนเดิม แต่คาดว่าคงชินในอีก 1 สัปดาห์ และรอยจ้ำแดงตอนเช้าก็กลายเป็นสิวปูดแดงแป๊ดเมื่อย่ำค่ำตามที่คาดเอาไว้เป๊ะ
DAY 3
วันนี้ต้องตื่นเช้าหน่อยเพราะว่าป๊ะป๋าจะไปเที่ยวดูไบ (รีบตื่นมาพิมพ์รายการของฝาก… อย่างน้อยก็ขอให้ได้แว่นกันแดด Oakley มาสักอันก็ยังดี) ได้เวลา 11 โมงเข้าร้านก็เริ่มทวนข้อมูลของสินค้าศึกษาไปของวันก่อน แล้วก็เริ่มเก็บข้อมูลสินค้าตัวอื่น ๆ โดยพี่ ๆ KCR จะให้ข้อมูลเรื่องราคา จุดเด่นและจุดขายของผลิตภัณฑ์แต่ละตัว แนวทางในการจูงใจลูกค้า แล้วก็ข้อมูลปลีกย่อยอื่น ๆ ส่วนปูเป้ก็จะให้ข้อมูลเรื่องสูตรผสมต่าง ๆ ไปเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน เรียกได้ว่าการมาฝึกงานครั้งนี้ทั้งปูเป้และพนักงาน KCR ต่างได้รับประโยชน์กันถ้วนหน้า
โดยรวมวันนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรมากเพราะว่าพี่เต้ค่อนข้างจะยุ่งเนื่องจากสัปดาห์หน้าจะมีการจัดกิจกรรมกันนิดหน่อย เลยไม่ได้เทรนอะไรกันมากนัก กระผมก็เลยตักครีม กดเซรั่ม โลชั่นมาปาดลอง Texture และ กลิ่นดูไปเรื่อย ๆ เพื่อเป็นข้อมูลในการแนะนำผลิตภัณฑ์แก่ลูกค้า
ช่วงประมาณ 6 โมงรู้สึกว่าง่วงมากจนเกือบจะ Shutdown หรือเข้า Sleep Mode ในร้านกันเลย เพราะว่าไม่ค่อยมีลูกค้าเท่าไหร่ (แปลกนะ วันศุกร์แท้ ๆ) พอถึงเวลา 2 ทุ่มครึ่งเลิกงานก็รีบบึ่งกลับบ้านมาฟุบหลับก่อนแปปนึงค่อยตื่นมาอาบน้ำล้างหน้า อัพเดทไดอารี่แล้วก็นอนต่อ
อ้อ… วันนี้มีแฟนบล้อกที่เป็นลูกค้าประจำของ Kiehl’s โทรมา Say Hello ด้วย ประหลาดใจ+ดีใจจริง ๆ เลย ยังไงถ้าใครแวะผ่านไปที่ Kiehl’s สาขา Siam Paragon ก็แวะมาพูดคุย ทักทายปูเป้บ้างนะขอรับ 😀
DAY 4
DAY 4
วันนี้เจอลูกค้าจาก USA ที่มีอายุหน่อย มากับแฟนที่เป็นคนไทยมาแวะดูของที่ร้าน เขาบอกว่าเขาใช้ Kiehl’s มานานแล้วชอบซื้อกลับมาฝากแฟนประจำและดีใจที่เมืองไทยก็มี Shop แล้วเลยแวะมาดูสักหน่อย แต่พอถามราคาเขาก็ตกใจว่าทำไมถึงแพงกว่า USA ประมาณ 40% ได้ เราก็อธิบายไปว่าประเทศไทยภาษีนำเข้าเครื่องสำอางสูงถึง 40% เลยทีเดียว แล้วไหนจะค่าขนส่งอีกซึ่งเขาก็เข้าใจ แต่เราก็แนะนำว่าในเอเชียของเราจะมีผลิตภัณฑ์ที่ Exclusive เฉพาะในแถบนี้ไม่มีใน USA ด้วยนะ ก็เลยพาคุณลูกค้าเดินไปยลโฉม
ถึงจะบอกว่ามี Mexoryl® SX และ XL แต่สารกันแดดหลักเป็น OMC + TiO2
ไลน์ Ultimate White มีขายเฉพาะใน Asia อย่างแน่นอน (เพราะฝรั่งไม่ค่อยสนใจไวท์เทนนิ่งกัน) แต่ก็มีผลิตภัณฑือีกตัวที่ไม่มีจำหน่ายใน USA ก็คือครีมกันแดด Nymphaea Alba UV Shield SPF 35
โชคดีที่ปูเป้เคยทำข้อมูลเรื่องกันแดดลง Blog มาเป็นอย่างดีเลยอธิบายได้ว่าเพราะกันแดดตัวนี้มีส่วนผสมของ Drometrizole TriSiloxane หรือ Mexoryl® XL ซึ่งยังไม่ผ่านการ Approve จาก US FDA นั่นเอง
พอได้คำตอบอย่างละเอียดเขาก็ดูมีสีหน้าที่พอใจ ก็ให้ทดลองว่าเนื้อเป็นแบบ Fluid ที่เบาหน่อย (แต่ราคาไม่เบาเท่าไหร่นะ) เขาก็ซื้อตัวนี้พร้อมกับ Lip Balm #1 ไป …ทำให้คิดว่าถ้าพนักงานขายมีความรู้เรื่องสินค้าเป็นอย่างดี สามารถตอบข้อสงสัยต่าง ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ทั้งหมดก็จะทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นและตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น
วันเสาร์ลูกค้าเยอะมากเลยทีเดียว คาดว่าเป็นเพราะข้างนอกฝนตกหนักเหมือนก๊อกรั่ว (น้ำท่วมสยามสแควร์เลย น่ากลัวมาก) เป็นอานิสงส์ให้ลูกค้ามาเดินช็อปปิ้งในห้างกันเยอะเพราะว่าไปไหนไม่ได้ วันนี้เจอลูกค้ามาเป็นครอบครัวอยู่กลุ่มหนึ่ง คุณพ่ออยากหาแชมพูช่วยลดอาการคัน ก็เลยแนะนำเป็นสูตรที่ผสม Zinc เพื่อลดรังแคและอาการคันหนังศีรษะได้ แต่เขาบอกว่าไม่แน่ใจว่าจะแพ้รึเปล่า จะได้ผลไหม เราก็อยากให้ Sample แต่ว่ามันไม่มีสำหรับตัวนี้ เลยพยายามสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมว่าอาการคันเป็นเพราะหนังศีรษะแห้งหรือเปล่า ใช้คอนดิชันเนอร์หรือครีมนวดผมบ้างไหม? ก็ตามสไตล์คุณผู้ชายที่ไม่ชอบอะไรยุ่งยาก ใช้แต่แชมพูไม่ลงครีมนวดผมเลย กระผมจึงคิดว่าน่าจะเป็นเพราะหนังศีรษะแห้งเลยทำให้คัน เลยลองให้แชมพูสูตรที่อ่อนโยนหน่อยเป็น Sample ไปลองใช้ เพราะเราไม่อยากบังคับให้ซื้อไปโดยที่ลูกค้ายังไม่แน่ใจ พร้อมบอกไปว่าถ้าไม่ชอบก็สามารถแวะกลับมารับ Sample ของแชมพูตัวอื่น ๆ ที่มีไปทดลองใช้เพิ่มได้… จากนั้นไม่นานคุณแม่ก็พูดแทรกขึ้นมาเลยว่าอย่างนั้นรบกวนดูผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเรื่องสิวให้ลูกชายหน่อย
เราก็สังเกตอาการแล้วก็สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เห็นว่าจะมีสิวอักเสบเฉพาะบริเวณแก้มและมีรอยหลุมบ้างแต่ตรงหน้าผากกลับไม่ค่อยมีปัญหาทั้ง ๆ ที่ไว้ผมปิดหน้า จึงถามเพิ่มเติมว่าเปลี่ยนปลอกหมอนบ่อยหรือเปล่า? ปกติจะบีบหรือแกะสิวบ้างไหม? ก้ได้คำตอบว่าไม่ค่อยได้เปลี่ยนปลอกหมอนและแกะสิวด้วย (คุณแม่หัวเราะเลย)
เราก็แนะนำขั้นตอนพื้นฐานไปให้ว่าต้องเริ่มต้นที่การทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยนหน่อย คิดว่าเป็นน้องผู้ชายไม่น่าจะชอบอะไรที่หนักผิวหรือทิ้งฟิลม์ลื่นๆ เลยเลือกเป็ร Ultra Facial Cleanser ให้ เพราะเป็นเจลล้างหน้าที่ใช้สารทำความสะอาดอ่อนโยน ไม่มีสารก่อการระคายเคือง ไม่มีสีและน้ำหอม แล้วก็ทำความสะอาดได้ดี ไปพร้อมกับใช้ Dermatologist Solutions Blemish Control Daily Skin-Clearing Treatment ที่มี BHA เพื่อลดการอุดตันและลดการอักเสบของผิว ถึงค่า pH จะทำให้มันผลัดเซลล์ผิวได้ไม่ดีมากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นตัวที่โอเคสุดแล้วในเรื่องสิวอุดตันของ Kiehl’s (กฎของพนักงานคือ KCR ไม่สามารถแนะนำผลิตภัณฑ์ยาได้ และไม่สามารถแนะนำหรือโจมตีแบรนด์อื่นได้เช่นกัน) ตัวแต้มสิวอักเสบก็แนะนำเป็น Blue Herbal Spot Treatment ไปเพราะตัวนี้มี BHA 1.5% วัดค่า pH แล้วว่าเป็นกรดประมาณ 3.5 จึงมีประสิทธิภาพจริง แต่ก็มีแอลกอฮอล์ด้วย จึงย้ำว่าให้แต้มเฉพาะหัวสิวที่อักเสบอย่างเดียวเพราะไม่อยากให้ผิวส่วนอื่นระคายเคือง
ทั้งคุณน้องและคณแม่ก็เห็นดีเห็นงามแต่ก็ถามว่ามีเจลล้างหน้าของหมออยู่แล้วจำเป็นต้องซื้อเจลล้างหน้าตัวนี้รึเปล่า ปูเป้ก็บอกว่าถ้าเป็นของหมอก็น่าจะอ่อนโยนนะ ดังนั้นยังไม่ต้องซื้อตอนนี้ก็ได้ วันนี้จะให้ Sample ของตัวล้างหน้าไปลองก่อน ถ้าเจลล้างหน้าของหมอหมดแล้วรู้สึกชอบเจลล้างหน้าของ Kiehl’s มากกว่าค่อยมาซื้อก็ได้ เอาแต่ของที่จำเป็นไปก่อน ก็ดูว่าเขาจะพอใจมากทีเดียว จบการขายด้วยการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ซื้อของ Sample ที่ให้ไป ย้ำกับคุณน้องด้วยว่าต้องดูแลผิวอย่างอ่อนโยนนะ อย่าล้างหน้าแรงหรือทำรุนแรงกับผิวนะ เดี๋ยวสิวจะอักเสบมากขึ้น ให้แคตาลอคแล้วก็เบอร์ติดต่อกับทางร้านไว้ด้วย ถ้ามีปัญหาอะไรหรือมีข้อสงสัยในการในการใช้ผลิตภัณฑ์หรือการรักษาสิว โทรหาปูเป้ได้เลย (จริง ๆ ก็อยากให้ URL ของ Blog ไปอ่านนะ แต่กลัวจะขัดกับนโยบายของพนักงาน)
เป็นอีกบทเรียนหนึ่งว่าการไม่ยัดเยียดการขายให้ลูกค้ามากเกินไป มีความเข้าใจในปัญหาของเขาและจริงใจในการช่วยเหลือ ลูกค้าจะประทับใจและซื้อสินค้าด้วยความยินดี
วันนี้เป็นวันที่สนุกสนานอีกหนึ่งวัน ลูกค้าเยอะได้แนะนำได้พูดคุยหรือให้คำปรึกษาเกือบทั้งวันจนไม่มีเวลาให้นั่งเบื่อ ไม่แน่ใจยังไม่อยากตัดสินใจซื้อก็หา Sample ที่เหมาะสมให้ ทุกคนดูพึงพอใจกับการบริการของและมีรอยยิ้มบนใบหน้า มันก็ทำให้เรารู้สึกชื่นใจเนอะ เลิกงานไปกินข้าวกับเพื่อนแล้วก็กลับบ้านหลับเป็นตายอีกหนึ่งวัน…
DAY 5
วันนี้ได้รับลูกค้าคนญี่ปุ่น เขาก็พยายามพูดภาษาอังกฤษถามว่ามีผลิตภัณฑ์ประเภทหนึ่งหรือไม่… ซึ่งปูเป้ฟังไม่ออก (ภาษาอังกฤษสำเนียงญี่ปุ่นเป็นอะไรที่นรกสุด ๆ แล้ว) ทั้งเดาคำ ใช้ภาษมือไปประมาณ 5 นาทีได้กว่าจะรู้ว่าเขามาหา Bath Salt (แต่เขาออกเสียงประมาณ 6 พยางค์ได้) สรุปคือทาง Kiehl’s ไม่มีเกลือใส่อ่างแช่น้ำลุกค้าเลยเดินออกไป…
ทุก ๆ วันเสาร์และอาทิตย์ (หรือวันที่มีโปรโมชั่นพิเศษ) ที่ Shop จะมีหนุ่ม Kiehl’s Boys มายืนแจกแผ่นพับ ใบปลิว พร้อมกับเครื่องดื่มหรือขนมตามคอนเซปต์ของผลิตภัณฑ์ที่เป็น Highlight ในเดือนนั้น ๆ
คนนี้หน้าหวานมาเชียว แต่ก็พยายามไว้เคราแพะให้ดูคมเข้มมากขึ้น (ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนะ พยายามต่อไปละกัน เอิ้ก ๆ)
หลังจากขึ้นวันที่ 5 ปูเป้ก็เริ่มเข้าใจพฤติกรรมของผู้ซื้อมากขึ้นว่ามีหลากหลาย บางคนไม่ชอบให้อธิบายหรือพูดอะไรมาก หยิบ ๆ ๆ แล้วจ่ายเงินเปิดตูดไปเลยก็มี บางคนถามมันทุกอย่างแต่ไม่ซื้อเลยก็มี บางคนชอบความเป็นส่วนตัวไม่ชอบให้คุยไม่ชอบให้เดินตามก็มี ส่วนใหญ่ลุกค้าคนเอเชียจะชอบดูของเองเงียบ ๆ ลูกค้าต่างชาติอย่างฝรั่งก็มักจะมี Target ของเขาอยู่แล้วชอบอ่านฉลากเองมากกว่าถามเรา แต่ถ้าเราพิสูจน์ตัวเองได้ว่าชั้นเนี่ยพูดกับยูรู้เรื่องนะ เขาจะเริ่มคุยจนตอบแทบไม่ทัน…
วันนี้ได้รับลูกค้าเป็นคุณผู้ชายอายุน่าจะห่างกันไม่มาก เป็นลุกค้าของ Kiehl’s มานานแล้ว (สังเกตจากแสตมป์สะสมแต้ม แทบจะเต็มแล้ว) วันนี้ก็มาซื้อผลิตภัณฑ์ตัวที่เขาชอบก็คือ Dermatologist Solutions Blemish Control Daily Skin-Clearing Treatment อย่างเดียว แต่สังเกตว่าผิวจะดูค่อนข้างมัน เลยแนะนำว่าสนใจจะดูแลในเรื่องของความมันบนใบหน้ารึเปล่า ตอนนี้มีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ช่วยในเรื่องของการดูดวับความมันส่วนเกินได้ด้วย เลยแนะนำเป็นชุด Rare Earth ไปเพราะมีส่วนผสมของโคลนและผงแป้งดูดซับความมันและไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมด้วย ตอนนี้มีชุดพิเศษราคา 7,700 ก็คือได้ Rare Earth ครบชุด พร้อม Dermatologist Solutions Blemish Control Daily Skin-Clearing Treatment พร้อมได้อายครีมขนาดเต็มกับของอีกหลายชิ้นไปด้วย
เขาบอกว่ามันดูเยอะจัง เราก็เข้าใจไปว่าผู้ชายคงไม่ชอบอะไรยุ่งยาก เลยแนะนำว่าอย่างนั้นรับแค่ Mask ไปพร้อมตัว Blemish Control ไปละกัน เพราะเรามั่นใจว่าใช้คู่กันแล้วจะได้ผลที่พึงพอใจ (ปูเป้ได้ Mask ของ Rare Earth มาใช้กระปุกนึง ลองควบคู่กับ BHA ก็รู้สึกว่ามันช่วยทำให้หัวสิวอุดตันหลุดง่ายขึ้นแล้วก็ให้ Feel ที่ดี ส่วนผสมก็ปลอดภัยด้วย) ถ้ามี Sample ของตระกูล Rare Earth มาเมื่อไหร่ก็กะว่าจะโทรไปบอกให้มาลองเอาไปใช้ดู จู่ ๆ คุณลูกค้าก็บอกว่างั้นเอายกชุดเลยละกัน ก็ทำเอาปูเป้อึ้งไปเล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ ถึงเปลี่ยนใจก็ไม่รู้เนอะ ก็จัดผลิตภัณฑ์ให้ตามความต้องการ แอบสังเกตสภาพผิวและผมด้วยก็ให้ Sample ของผลิตภัณฑ์โกนหนวดสำหรับผิว Sensitive ไป (เพราะเห็นว่าเป็นสิว ไม่อยากให้ใช้อะไรที่ระคายเคือง) กับผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมไปด้วย (คิดว่าผู้ชายผมสั้นคงใช้กันทุกคน) แต่ตอนอธิบายขั้นตอนการใช้เห็นเขาหาวนิดนึงด้วย ไม่รู้ว่าเราทำอะไรไม่ดีรึเปล่า ยังไงถ้าคุณลูกค้าคนนั้นแวะเข้ามาอ่านก็ Comment ติชมได้นะขอรับว่าปูเป้บริการดีหรือไม่ดีอย่างไร จะได้นำไปปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น
วันนี้เริ่มชินกับการยืนทั้งวัน ไม่ปวดหลังหรือปวดขาแล้ว การขายโดยรวมก็คล่องมากขึ้น เริ่มใช้ระบบเก็บข้อมูลของร้านเป็นแล้ว แต่อยากจะปรับปรุงในเรื่องของการพูดให้ช้าลงและชัดเจนมากขึ้นกว่านี้ เพราะรู้สึกว่าตัวเป็นคนพูดเร็ว กลัวลูกค้าจะไม่เข้าใจ พรุ่งนี้เป็นวันหยุด 1 วันก่อนทำงานลากยาว 8 วันซ้อน กะว่าจะมาเช็คส่วนผสมของ Kiehl’s ทั้งหมดเพื่อจะได้แนะนำผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้แม่นยำขึ้น
PS. สิวอักเสบที่ปูดเพราะเจลใส่ผมในวันแรกตอนนี้แห้งและหลุดเองไปเกือบหมดแล้ว ขอยืนยันว่าสูตรทา Eryacne + Benzac AC นี่จ๊าบจริง ๆ
ตื่นมาเอื่อยเฉื่อยแฉะแบะเพราะจำได้ว่าวันนี้เข้างานบ่ายโมง แต่มานึกขึ้นได้ว่าต้องเข้ามาตอกบัตรเตรียมตัวที่ Shop ก่อนเวลา 30 นาทีเมื่อเวลาประมาณ 11.30 แล้วเลยรีบไปอาบน้ำ ล้างหน้า โกนหนวด แต่รีบมากไปหน่อยโดนบาดจนได้เลือดมา 2 แผล โอ้วเครียด…. (สรุปไปทันเวลาแต่สภาพเยินไปนิด)
วันนี้เริ่มชินกับการฝึกงานและเริ่มมั่นใจในการพูดคุยกับลูกค้ามากขึ้น ไม่มีการสั่นหรือตื่นเต้นแล้ว แต่ก็ต้องคอยเตือนตัวเองให้พูดช้าๆ และชัด ๆ อยู่เป็นระยะ (เพราะเผลอทีไรจะรัวคำพูดจนลิ้นพัน แบบว่าปากมันไปไม่ไวเท่าสมองคิด) ถ้าให้คะแนนตัวเองในการบริการจากเต็มสิบ ในตอนนี้ขอให้ตัวเองแค่ 6.5 เพราะเราตั้งมาตรฐานและเป้าหมายของตัวเองเอาไว้สูงมาก แบบว่าอยากให้พี่เต้และพี่ปูภูมิใจที่สุดส่าห์เสียเวลามาเทรนให้ตัวต่อตัว (ถึงจะเป็นแค่วันแรก ๆ ก็เถอะ) ก็จะพยายามเก็บประสบการณ์ที่ได้จากการฝึกครั้งนี้ให้มากที่สุด
กลับถึงบ้านเจอปะป๊ากลับมาจากดูไบแล้วพร้อมกับกระเป๋าที่เบาหวิว (แปลว่าไม่ได้ซื้ออะไรกลับมาเลย….) แถมบ่นว่าของแพงมาก แพงกว่าเมืองไทยอีก ตึกราบ้านช่องโรงแรม 7 ดาวที่เห็นสวย ๆ ในสารคดี พอไปดูของจริงมันก็เท่านั้น… สรุปท่านพ่อไม่ปลื้มอย่างแรง
ว่าจะนอนเร็วเสียหน่อยแต่มะม๊าเปิดรายการ ตี10 ดูอยู่ เห็นตลกและน่าสนใจดีก็นั่งแช่ไปจนเที่ยงคืน สรุปกว่าจะได้นอนก็เกือบตีหนึ่ง (อีกแล้ว)
โดยรวมวันนี้ก็เป็นวันที่แสนสงบสุขอีกหนึ่งวันนะ 😀
ทั้งที่เข้างานบ่ายแต่วันนี้ตื่นตั้งแต่ 6 โมงครึ่งเพราะมีงาน SALE!!!! ของเครือ Loreal นั่นเอง คราวนี้ปูเป้ใช้สิทธิในการเป็น Staff เข้าไปช้อปปิ้งก่อนในรอบ 10.00-11.00 น. ไปถึงประมาณ 9 โมงครึ่งก็พบว่ามีคนมารอล่วงหน้าไปแล้วประมาณ 3 – 4 คน (มารอเข้ารอบพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรกรุงศรี GE เวลา 11.00 – 12.00)
การมาช็อปงาน SALE ควรมาไวไปไว จ่ายเงินให้เร็วเข้าไว้เพราะไม่งั้นคนจะเยอะมาก งาน SALE ปีนี้ปูเป้ประเดิมเป็นลูกค้าคนแรกของงานเลยน่อ (น่าดีใจไหมเนี่ย) จ่ายเงินเสร็จแล้วก็ไปฝากของเอาไว้ก่อนแล้วก็มาช่วยพี่ฝนขาย Kiehl’s เสียหน่อย
วันนี้ทุกอย่างดูวุ่นวายเพราะมีทั้งลูกค้าและนักข่าวมากันเต็มไปหมด เหนื่อยกันไปตาม ๆ กัน… อ้อใช่ ๆ วันนี้คุณน้องผู้ชายที่มีปัญหาสิวคราวก่อนเขากลับมาซื้อ Ultra Facial Cleanser ที่เคยให้ Sample ไปคราวก่อนเพราะว่าชอบแต่น่าเสียดายที่ปูเป้ติดให้บริการลูกค้าท่านอื่นอยู่นานทีเดียวจึงไม่ได้ไปเทคแคร์เลย แต่ก็รู้สึกดีใจที่ลูกค้าชอบในสิ่งที่เราแนะนำนะ 😀