ผลิตภัณฑ์ที่จะนำมารีวิวให้ชมกันในวันนี้น่าจะถูกใจคนที่กำลังประสบกับปัญหาสิวและรอยสิวเป็นแน่แท้ เพราะว่าทาง La Roche-Posay ได้ปรับสูตรหนึ่งในผลิตภัณฑ์ขายดีของเขาใหม่ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการอุดตัน ลดการอักเสบของสิว ให้ความชุ่มชื้นบางเบา ลดความมันของผิว แถมยังช่วยลดการเกิดรอยด่างดำจากสิวอีกด้วย ทั้งหมดนี้ในหนึ่งเดียว
Ceramide เป็นไขมันที่มีอยู่แล้วในผิวแลเส้นผมของเรา ในผิวของเรานั้นเซราไมด์จะช่วยให้ปราการปกป้องผิวแข็งแรง เก็บกักความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น และทำให้เซลล์ผิวมีความยืดหยุ่น แต่เดิมเราจะเข้าใจกันว่าเมื่อทาเซราไมด์ลงไปแล้วจะช่วยเคลือบผิวไม่ให้ผิวแห้งเฉย ๆ แต่ปัจจุบันเราพบว่า Ceramide สามารถทำให้เกิดการสื่อสารระหว่างเซลล์และมีคุณสมบัติที่น่าประหลาดใจทีเดียว หนึ่งในนั้นคือไปลดการสร้างเม็ดสีเมลานินซึ่งช่วยเป็นไวท์เทนนิ่งได้ด้วย
(Source : Delayed ERK activation by ceramide reduces melanin synthesis in human melanocytes. , Ceramide PC102 inhibits melanin synthesis via proteasomal degradation of microphthalmia-associated transcription factor and tyrosinase. )
หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดีว่าคนผิวมันหรือเป็นสิวไม่ควรใช้เครื่องสำอางบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของน้ำมัน หรือแม้แต่ไม่ทานของมัน ๆ แต่นี่เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะไขมันก็มีทั้งที่ดีและไม่ดีกับร่างกายและผิวพรรณ
Linoleic Acid เป็นกรดไขมันที่มีอยู่ใน Sebum หรือน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวของเราอยู่แล้ว ซึ่งเจ้ากรดไขมัน Linoleic Acid นี้จะทำให้ Sebum ของเรานั้นมีความเหลวและช่วยต้านการอักเสบได้ แต่ทว่าในกรณีที่ร่างกายขาด Linoleic Acid หรือมีไม่เพียงพอนั้น ต่อมไขมันของเราจะผลิต Sebum โดยใช้ Oleic Acid ซึ่งทำให้น้ำมันหล่อเลี้ยงผิวมีความข้นกว่าจึงเพิ่มโอกาสในการเกิดการอุดตันและในขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวด้วย
มีการศึกษาที่น่าสนใจเมื่อปี 1998 ที่มีการทากรดไขมัน Linoleic Acid ลงบนผิวของผู้ป่วยที่เป็นสิวชนิดไม่รุนแรง (Mild Acne) เทียบกับข้างที่ไม่ได้ทา พบว่าการทา Linoleic Acid ช่วยลดขนาดของ Microcomedones ที่อุดตันในรูขุมลงได้ถึง 25%
ดังนั้นผู้ที่เป็นสิวไม่ได้แปลว่าต้องหลีกเลี่ยงไขมันหรือน้ำมันทุกอย่าง แต่ให้เลือกน้ำมันชนิดที่ดีกับผิว นอกจากจะทาผิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Linoleic Acid แล้ว ยังอาจจะรวมถึงการรับประทานอาหารเสริม หรือปรุงอาหารด้วยน้ำมันที่อุดมไปด้วย Linoleic Acid อย่างเช่นน้ำมันเมล็ดองุ่น น้ำมันโบราจ น้ำมันดอกอีฟนิ่งพริมโรส หรือแม้แต่น้ำมันตับปลาเป็นต้น
(Source : Digital image analysis of the effect of topically applied linoleic acid on acne microcomedones. , Assessment of the potential irritancy of oleic acid on human skin: Evaluation in vitro and in vivo. , Role of Oils in the Topical Treatment of Acne)
ยังมี LHA หรือ CAPRYLOYL SALICYLIC ACID ซึ่งเป็นสารผลัดเซลล์ผิวสิทธิบัตรเฉพาะของเขาอีกเช่นกัน ตัวนี้เคลมว่าช่วยตัดเซลลืผิวเสื่อมสภาพแบบเซลล์ต่อเซลล์จึงอ่อนโยนและไม่ทำให้ผิวลอก ในส่วนผสมยังมี SALICYLIC ACID หรือ BHA มาด้วย แต่ในปริมาณที่น้อย และค่า pH ที่ 5.5 ซึ่งไม่เหมาะกับการทำงานของ BHA (เว้นแต่จะใช้ระบบนำพา หรือ Encapsulation เอาไว้ ซึ่งปูเป้ไม่ทราบว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้ใช้เทคโนโลยีนี้หรือไม่) ส่วนผสมออกฤิทธิ์หลักที่เหลือคือ ZINC PCA ซึ่งช่วยลดการผลิตน้ำมัน และ PIROCTONE OLAMINE ซึ่งช่วยต้านชุลชีพและเชื้อรา
(Source : Topical nicotinamide compared with clindamycin gel in the treatment of inflammatory acne vulgaris., The effect of 2% niacinamide on facial sebum production., The effect of niacinamide on reducing cutaneous pigmentation and suppression of melanosome transfer., DEMONSTRATING EFFECTS OF ZINC PCA ., Piroctone Olamine)
Ingredients : AQUA / WATER, GLYCERIN, DIMETHICONE, ISOCETYL STEARATE, NIACINAMIDE, ISOPROPYL LAUROYL SARCOSINATE, SILICA, AMMONIUM, POLYACRYLDIMETHYLTAURAMIDE / AMMONIUM POLYACRYLOYLDIMETHYL TAURATE, METHYL METHACRYLATE CROSSPOLYMER, POTASSIUM CETYL PHOSPHATE, ZINC PCA, GLYCERYL STEARATE SE, ISOHEXADECANE, SODIUM HYDROXIDE, MYRISTYL MYRISTATE, 2-OLEAMIDO-1,3-OCTADECANEDIOL, NYLON-12, POLOXAMER 338, LINOLEIC ACID, DISODIUM EDTA, CAPRYLOYL SALICYLIC ACID, CAPRYLYL GLYCOL, XANTHAN GUM, POLYSORBATE 80, ACRYLAMIDE/SODIUM ACRYLOYLDIMETHYLTAURATE COPOLYMER, PENTAERYTHRITYL TETRA-DI-T-BUTYL HYDROXYHYDROCINNAMATE, SALICYLIC ACID, PIROCTONE OLAMINE, PARFUM / FRAGRANCE.
สำหรับคนที่ชอบอ่านส่วนผสมของเครื่องสำอาง อาจจะสังเกตว่าการปรับสูตรใหม่ของเครือ L’Oreal ในช่วงไม่กี่ปีมานี้นั้นจะไม่มีการใส่ซิลิโคนชนิด Cyclopentasiloxane อยู่เลย ซึ่งส่วนตัวคิดว่าน่าสนใจดี แต่ยังไม่แน่ใจว่าด้วยเหตุผลอะไร (แต่มันต้องมีอะไรสักอย่างถึงได้เอาส่วนผสมนี้ออกไปหมดเลย)
มีส่วนผสมของน้ำหอมที่ให้กลิ่นไม่ฉุนมากนัก ทางแบรนด์เคลมว่าเป็นน้ำหอมที่ผ่านทดสอบแล้วว่ามีโอกาสให้เกิดการแพ้ได้น้อย แต่อย่างไรก็ดี อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน จึงแนะนำให้ขอผลิตภัณฑ์ขนาดทดลองมาทดสอบก่อนเสมอ
ปูเป้คิดว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะเน้นไปทางด้านการลดรอยแดงและป้องกันการเกิดรอยดำจากการอักเสบมากกว่า ถ้าเป็นจุดด่างดำอยู่แล้วอาจจะต้องใช้ควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งเพิ่มเติมครับ
สำหรับสภาพผิวโดยรวม ปูเป้พบว่าสิวไม่ได้เพิ่มขึ้น และสิวเก่าที่การอุดตันหรืออักเสบเล็กน้อยก็แห้งและสามารถกดหรือสะกิดออกได้ง่าย ผิวไม่แห้ง ไม่ลอก และสามารถใช้เป็นมอยซ์เจอไรเซอร์คู่กับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ใช้ตามปกติได้อย่างไม่มีปัญหาใด ๆ
สำหรับคนที่สงสัยว่ามันต่างจาก La Roche-Posay : Effaclar K อย่างไร เอาเป็นว่าใครที่มีปัญหาสิวอุดตันเป็นหลัก ให้เลือกใช้ K เพราะมีส่วนผสมของวิตามินเอ + LHA จึงเน้นลดการอุดตันมากกว่า ส่วนใครที่มีปัญหาอุดตันบ้าง อักเสบบ้าง และต้องการป้องกันการเกิดรอยสิวก็เลือกเป็น Duo [+] ละกันครับ
สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง
ข้อดี
– มีส่วนผสมที่เน้นจัดการปัญหาหลัก ๆ สำหรับผิวเป็นสิวได้ครบในหนึ่งเดียว
– ใช้สารออกฤิทธิ์หลักที่ค่อนข้างอ่อนโยน ลดโอกาสที่จะเกิดการระคายเคืองในระหว่างการรักษาสิว
– เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นสิวในระดับไม่รุนแรง และสามารถใช้เพื่อคงสภาพผิวให้เกิดสิวได้ยากหลังจากรักษาสิวเป็นผลสำเร็จแล้ว
– ให้ความชุ่มชื้นพอดีสำหรับผิวผสมและผิวมัน ไม่มันวาวแต่ก็ไม่แห้งจนเกินไป
– ช่วยให้รอยแดงสิวจางไวขึ้นและลดโอกาสที่จะเกิดรอยดำหลังจากการอักเสบ
ข้อเสีย
– มีส่วนผสมของน้ำหอม
***Sponsored Item***
– La Roche-Posay : Effaclar Duo [+]