ในวันนี้จะขอมาพูดถึงผลิตภัณฑ์ที่ติดโผ Favorite 2013 อีกเช่นเคย โดยคราวนี้จะเป็นสกินแคร์ในกลุ่มต่อต้านริ้วรอย ซึ่งก็ได้แก่ La Roche-Posay Redermic [R] (30ml / 1,950 THB) นั่นเอง
ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ใช้ส่วนผสมหลักอย่าง Retinol ซึ่งเป็นที่รู้จักและคุ้นหูเรา ๆ ท่าน ๆ กันเป็นอย่างดี แต่ถึงแม้จะเป็นส่วนผสมที่ฟังดูธรรมดาทว่าการหาผลิตภัณฑ์ Retinol ที่ดีนั้นกลับไม่ได้หาง่ายนักจนกระทั่งเมื่อทาง La Roche-Posay นำตัวนี้เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อช่วงไตรมาสสุดท้ายของปลายปี 2013 นี่เอง ซึ่งก่อนที่จะเข้าไปสู่รายละเอียดของตัวผลิตภัณฑ์ มาปูพื้นกันเล็กน้อยเกี่ยวกับความรู้ทั่วไปของ Retinol กันซะหน่อยดีกว่า

ในแง่ของการนำสารกลุ่มวิตามินเอเพื่อมาใช้ในการบำรุงผิวพรรณนั้นก็ย้อนกลับไปได้ตั้งแต่ปี 1984 หรือกว่า 30 ปีมาแล้ว เมื่อ Dr.Kligman ได้แสดงให้เห็นในการการทดสอบกับสัตว์ว่า Tretinoin หรือกรดวิตามินเอนั้นสามารถสามารถย้อนความเสียหายของผิวที่เกิดขึ้นจากแสงแดดให้กลับมามีสภาพที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นการจุดประกายให้มีการทดสอบกับมนุษย์ตามมาอีกมายมาย
(Source : Topical retinoic acid enhances the repair of ultraviolet damaged dermal connective tissue.)
แต่ด้วยกฏหมายของเครื่องสำอางนั้น สารกลุ่มกรดวิตามินเออย่าง Tretinoin นั้นมีฤิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงการทำงานของผิวหนัง และถูกจัดให้อยู่ในระบบของยา ไม่สามารถผสมในเครื่องสำอางได้ การนำวิตามินเอมาใช้ในเครื่องสำอางจึงต้องอยู่ในรูปแบบของ Retinol / Retinaldehyde หรือวิตามินเอในรูปอื่น ๆ แทน

(Source : Application of retinol to human skin in vivo induces epidermal hyperplasia and cellular retinoid binding proteins characteristic of retinoic acid but without measurable retinoic acid levels or irritation.,
Tolerance profile of retinol, retinaldehyde and retinoic acid under maximized and long-term clinical conditions., Pathophysiology of premature skin aging induced by ultraviolet light.)
ถึงแม้ Retinol จะมีข้อจำกัดในเรื่องของการต้องเปลี่ยนรูปถึง 2 ครั้งกว่าที่ผิวจะนำไปใช้งานได้ ทำให้ Retinol มีประสิทธิภาพน้อยกว่ากรดวิตามินเอถึง 20 เท่า แต่ Retinol ก็เป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่สามารถทนการรักษาด้วยกรดวิตามินเอได้ และในต่างประเทศนั้นการจะได้ยากลุ่มกรดวิตามินเอมาใช้จะต้องผ่านการตรวจและมีใบสั่งจากแพทย์เท่านั้นจึงจะซื้อได้ นอกจากนี้ยากลุ่มกรดวิตามินเอยังแพงกว่าเครื่องสำอางที่ผสม Retinol มากมายนัก
เรา ๆ ท่าน ๆ ที่อาศัยในประเทศไทยอาจจะไม่มีปัญหาเรื่องราคา เพราะว่ายากลุ่มกรดวิตามินเอมีราคาที่ใกล้เคียงหรือถูกกว่าเครื่องสำอาง แถมซื้อได้เองโดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์อีกต่างหาก แต่กระนั้นก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถใช้ยาเหล่านี้ได้โดยไม่พบเจอกับผลข้างเคียเรื่องการระคายเคือง แห้ง ลอก ทำให้ Retinol ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง ไวต่อการระคายเคืองได้ง่าย ในการลดเลือนริ้วรอยและฟื้นฟูความเสื่อมชราของผิวอันเสียหายจากแสงแดด
การทดสอบเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ Retinol ในการฟื้นฟูสภาพผิวที่เสียหาย ลดเลือนริ้วรอยจากแสงแดดและริ้วรอยจากวัยที่เพิ่มขึ้นตามธรรมชาตินั้น นั้นมีค่อนข้างมาก และการทดสอบก็ใช้ Retinol ในความเข้มข้นที่หลากหลายตั้งแต่ 0.04% ไปจนถึง 1% โดยความเข้มข้นที่สูงขึ้นก็จะมีโอกาสเพิ่มการระคายเคืองมากขึ้น การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Retinol จำเป็นต้องเลือกความเข้มข้นที่เหมาะสมกับผิวของตนเอง นอกจากนี้ประสิทธิภาพยังขึ้นอยู่กับระบบนำพา รวมถึงบรรจุภัณฑ์อีกด้วย เพราะว่า Retinol นั้นเสื่อมสลายได้ง่ายเมื่อโดนแสงและอากาศ
(Source : Improvement of photoaged facial skin in middle-aged Japanese females by topical retinol (vitamin A alcohol): a vehicle-controlled, double-blind study., Improvement of naturally aged skin with vitamin A (retinol)., A stabilized 0.1% retinol facial moisturizer improves the appearance of photodamaged skin in an eight-week, double-blind, vehicle-controlled study.)


(Source : Investigation of functions of essential fatty acids in the skin, A stabilized 0.1% retinol facial moisturizer improves the appearance of photodamaged skin in an eight-week, double-blind, vehicle-controlled study.)
Ingredients : AQUA / WATER, ISOSTEARYL NEOPENTANOATE, GLYCERIN, OCTYLDODECANOL, PROPYLENE GLYCOL, PENTYLENE GLYCOL, ACRYLAMIDE/SODIUM ACRYLOYLDIMETHYLTAURATE COPOLYMER, CETEARYL ALCOHOL, GLYCINE SOJA OIL / SOYBEAN OIL, TRIETHANOLAMINE, ISOHEXADECANE, SODIUM HYALURONATE, RETINOL, RETINYL LINOLEATE, ADENOSINE, CAPRYLOYL SALICYLIC ACID, CAPRYLYL GLYCOL, POLYSORBATE 80, PHENOXYETHANOL, PARFUM / FRAGRANCE.

นอกจากนี้ La Roche-Posay : Redermic [R] ยังสามารถที่จะใช้คู่กับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีเข้มข้น เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพในการลดเลือนจุดด่างดำ ลดเลือนริ้วรอย และลดความเสียหายของผิวที่เกิดขึ้นจากแสงแดดได้ และมีการศึษารองรับแล้วด้วย
(Source : Histological evaluation of a topically applied retinol-vitamin C combination.)

ข้อเสียเล็กน้อยคือส่วนผสมของน้ำหอมที่ใส่มาด้วย แต่ทาง La Roche-Posay ก็ยืนยันหนักแน่นว่าเป็นส่วนผสมของน้ำหอมที่มดสอบแล้วกับผิวที่บอบบาง และทุกผลิตภัณฑ์มีการทดสอบทางคลีนิกแล้วกับผู้ที่มีผิว Sensitive
ผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะใช้กับรอบดวงตาได้หรือไม่ ถ้าไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมก็คงจะพูดได้เต็มปากว่าใช้ได้อย่างปลอดภัย แต่พอมีน้ำหอมเข้ามาก็อาจจะต้องทดสอบกันดูก่อน หรือจะรอ Redermic [R] สำหรับรอบดวงตาที่ปราศจากน้ำหอมอีกทีก็ได้
ข้อแนะนำที่จำเป็นต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Retinol เข้มข้นก็คือการทาผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสง UV ซึ่งในประเทศไทยปเป้ขอแนะนำที่มีค่า SPF30 ขึ้นไปเป็นประจำทุกวัน รวมถึงการหลบเลี่ยงแดด กางร่ม สวมแว่นกันแดดเท่าที่จะทำได้
สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง
ข้อดี
– Retinol มีการศึกษาและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางถึงประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิวที่เสียหาย และลดเลือนริ้วรอย
– Retinyl Linoleate ช่วยให้ผิวได้รับประโยชน์จาก Retinol เพิ่มขึ้นและยาวนานโดยไม่ระคายเคืองผิว
– บรรจุภัณฑ์ที่ดี สามารถเก็บรักษาคุณค่าของสารสำคัญได้ยาวนาน
– ราคาสมเหตุผล หาซื้อได้ง่าย
– เนื้อสัมผัสบางเบา เหมาะกับทุกสภาพผิว
ข้อเสีย
– มีส่วนผสมของน้ำหอม
***Sponsored Item***
– La Roche-Posay : Redermic [R]