เคยได้ยินบางคนเคยพูดเอาไว้ ว่าในยุคนี้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลกำลังจะตาย และโน๊ตบุ๊คกำลังถูกแทนที่ด้วยแทปเลต เพราะว่าคนสมัยนี้หันมาเสพติดอยู่กับ Moblie Device มากขึ้น คำพูดนี้อาจจะเป็นจริงสำหรับบางคน แต่สำหรับปูเป้ในฐานะ Blogger และคนที่ต้องใช้งานโปรแกรมต่าง ๆในคอมพิวเตอร์เป็นประจำ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลนั้นยังคงจำเป็นมาก และจากประสบการณ์ส่วนตัวที่มีแทปเลตอย่าง iPad อยู่แล้ว บอกเลยว่ายังไงมันก็แทนโน๊ตบุ๊ตหรือ Labtop ไม่ได้ทั้งหมด…
การหาโน๊ตบุ๊คที่ตัวเองถูกใจเป็นอะไรที่ค่อนข้างหายากนะ เพราะว่าส่วนตัวปูเป้ดูทุกอย่าง ทั้งการใช้งาน ประสิทธิภาพ การออกแบบ วัสดุ ราคา ความทนทาน แล้วก็ความสะดวกในการพกพา จนได้ไปเจอกับ Lenovo IdeaPad YOGA ที่ออกมาเมื่อปีก่อน ก็รู้สึกสนใจที่สามารถปรับรูปแบบการทำงานได้ถึง 4 แบบ จะเป็นโน๊ตบุ๊คหรือแท็ปเลตก็ได้ในตัว พอดีรู้จักับทางคนที่ดูแลแบรนด์นี้เลยติดต่อขอลองยืมเครื่องมาใช้ ก่อนที่จะตัดสินใจมีเป็นของตัวเอง ซึ่งทาง Lenovo ก็ใจดีให้ยืมมาลองใช้ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ในช่วงที่ปูเป้มีงานไปต่างจังหวัดและต่างประเทศ ซึ่งมันช่วยเราในการทำงานได้เยอะมาก ก่อนจะคืนเครื่องที่ยืมมากลับไปก็รู้สึกว่าอันนี้แหล่ะที่เราอยากได้
หลังจากได้ Lenovo IdeaPad YOGA 13 เป็นของตัวเองและใช้มาร่วม3 – 4 เดือนแล้ว วันนี้เลยคิดว่าอยากจะมาแชร์มุมมองและประสบการณ์ในการใช้ให้ดูกัน แน่นอนว่าปูเป้คงจะไม่มาบอกว่าสเป็คนี้ เทคโนโลยีนี้มันดียังไง บลา ๆ เพราะไปหาอ่านทื่อื่นก็ได้ และเราก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องหรอก รู้อย่างเดียวว่าใช้แล้วมันตอบสนองการใช้งานของเรารึเปล่า
ตอนนี้โน๊ตบุ๊คตระกูล YOGA มีทั้งหมด 3 รุ่น แบ่งเป้น 2 ขนาดคือ 11 นิ้ว และ 13 นิ้ว ซึ่งส่วนตัวเลือก 13 นิ้วเพราะว่าขนาดจอที่ใหญ่กว่าก็ทำให้มีพื้นที่ในการทำงานที่มากกว่าสำหรับการตัดต่อวีดีโอ แต่งรูป ผ่าน Photoshop หรือ Lightroom แะลส่วนตัวโอเคกับขนาดและย้ำหนักที่สามารถใส่ลงไปในกระเป๋าเป้สะพาย หรือ Tote Bag ของตัวเองได้พอดี
รายละเอียดเรื่องสเป็คเครื่องไปอ่านดูได้ที่ http://shopap.lenovo.com/th/en/laptops/ideapad/yoga/
สิ่งแรกที่ชอบจากภายนอกเส้นสายที่เรียบง่าย เหลี่ยมมุมที่ผสานกับความโค้งมนที่ลงตัว และวัสดุสีเมทัลลิคผิวด้านที่ดูแกลม ดูมีราคา ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่ปูเป้ค่อนข้างให้ความสำคัญมากเทียบกับกับประสิทธิภาพในการใช้งาน เพราะไม่ได้มองว่ามันเป็นแค่อุปกรณ์ในการทำงาน แต่เป็นเหมือน Gadget ที่จะติดตัวและแสดงถึงบุคลิคของผู้ใช้ด้วยเหมือนกันนะ
สำหรับการเชื่อมต่อก็มี Port พื้นฐานที่จำเป็นในยุคนี้มาให้ ซึ่งมี SD Card Slot มาให้ 1 ช่อง USB Port 2.0 (สีดำ) 1 ช่อง และ USB 3.0 (สีฟ้า) 1 ช่อง ช่องต่อ HDMI อีก 1 ช่อง ช่องเสีบหูฟังอีก 1 ช่อง แล้วก็อีกช่องคือ Power เอาไว้ชาตแบต
โดยปกติแล้วก็เพียงพอต่อการใช้งานนะ USB 2.0 เอาไว้เสียบเม้าส์ (เพราะไม่ถนัด Touch Pad เวลาแต่งรูป) USB 3.0 เอาไว้เสียบ External HDD (จำเป็นมา เพราะว่า HDD มีมาแค่ 256 Gb แต่ไฟล์รูปจากกล้องปูเป้เวลาถ่ายมักจะมี RAW File ด้วย ซึ่งไฟล์นึงก็ 10 Mb แล้วนะ) สำหรับ HDMI มีประโยชน์มากเวลาที่ไปเป็นวิทยากรในอีเวนต์เล้ก ๆที่เขามี LED TV อยู่ใกล้ๆ เสีบปุ๊ปดึงภาพขึ้นจอใหญ่แล้วเปิดสไลด์ขึ้นได้เลย
โหมดในการใช้งานปกติก็คือ Labtop เปิดขึ้นเป็นโน๊ตบุ๊คทั่วไป แต่สิ่งที่ทำให้การทำงานบางอย่างง่ายขึ้นคือการที่หน้าจอของ Lenovo YOGA นี้เป็นระบบสัมผัส และ Windows 8 ก็รองรับการใช้งานแบบ Touch เต็มรูปแบบอีกต่างหาก ดังนั้นการใช้งานระหว่างเม้าส์ และการใช้นิ้วจิ้มจึงเชื่อมกันได้อย่างราบรื่น
แป้นพิมพ์ของ YOGA 13 นิ้วลองแล้วว่ามีขนาดพอดี พิมพ์สะดวกอีกโหมดหนึ่งที่ปูเป้ใช้บ่อยมากก็คือ Tent Mode ที่พับจอไปด้านหลัง โหมดนี้จะใช้คุณสมบัติในการรองรับการใช้หน้าจอระบบสัมผัสเต็มรูปแบบ เพราะหน้าจอของ YOGA รองรับการใช้นิ้วถึง 10 นิ้ว แบบ Multi-Touch ด้วย ส่วนตัวจะใช้โหมดนี้เวลาดูหนัง เปิดยูทูปดูเล่น หรือใช้เวลาพรีเซนต์โปรเจคกับลูกค้า ซึ่งหลายคนจะรู้อู้วด้วยความแปลกใจเวลาเห็นเราพับโน๊ตบุ๊คเป็นโหมด Tent อันนี้ ว่ามันแปลก และเจ๋งดี (แถมยังเล็กและเบามากด้วยเมื่อเทียบกับโน๊ตบุ๊คที่ทางบริษัทส่วนใหญ่เช่าซื้อมาใช้ อันหนัก ๆ อ้วน ๆ)
อีกโหมดหนึ่งคือ โหมด Stand ที่ปูเป้จะใช้เวลาดูหนังบนเตียง หรือใช้คู่กับการอ่านหนังสือบนเตียง (เป็นคนชอบทำอะไรบนเตียง) องศาของมุมมองในโหมดนี้จะพอดีกับสายตามากกว่าโหมด Tent (โดยส่วนตัวนะ)
โหมดสุดท้ายก็คือ Tablet ซึ่งเป็นดหมดที่ส่วนตัวใช้น้อยที่สุด แต่ก็ใช้ประโยชนืได้ดีตอนทำ Workshop กับกลุ่มเล็ก ๆ เราสามารถพับเจ้า YOGA เป็นแท็ปเล็ตแล้วถือหรือยืนให้กับผู้เข้าร่วม workshop ให้เห็ได้อย่างใกล้ชิดและไม่เทอะทะเหมือนกับตอน Labtop
ตอนนี้ใครที่เป็นปูเป้ใช้กระเป๋าเป้สะพายหลัง หรือถุง Tote Bag อันใหญ่หน่อย ก็รู้ได้เลยว่าวันนั้นมีเจ้า Lenovo YOGA ติดตัวไปใช้ทำงานนอกสถานที่ด้วย ต้องบอกว่ามันทำให้ชีวิตของปูเป้ง่ายขึ้นมากนะ เพราะสามารถทำงาน แก้งาน และเช็คไฟล์ต่าง ๆ ได้ทันที ไม่ต้องกลับบ้านมาเปิดคอมพิวเตอร์ เวลาไปทริปต่างจังหวัด หรือต่างประเทศ ก็สามารถที่จะใช้เวลาว่างทำงาน เคลียร์งานได้เรื่อย ๆ
หลายครั้งที่งานเขียนมันสะดุดเพราะอารมณ์มันไม่มา อยู่กับบ้านแล้วเบื่อ ออกไปนั่งชิลนอกบ้าน กินของอร่อย ๆ แล้วได้ฟีลกำลังดี ปิ้งไอเดีย ก็สามารถทำได้ทันที มีรูปไหนสวย ๆ ก็สามารถเอารูปจากกล้องโหลดลง YOGA ใช้ Lightroom ปรับสีให้งาม ต่อ Wifi จากมือถือแล้วเอามาแชร์ได้ทันที หรือถ้าไม่ทำงานก็เอาตรงนี้ไปนั่งตอบคำถามในแฟนเพจ บางคนอาจจะบอกว่าตอบในมือถือก็ได้ แต่จะบอกว่าปูเป้ไม่ได้ตอบคำถาม 2 ประโยค แต่ตอบคำถามละเอียดมาก พิมพ์มือถือคงนิ้วล็อคก่อนนะจ๊ะ
โดยภาพรวมแล้วปูเป้มองว่า ไฟล์สไตล์ของตัวเองที่ต้องเดินทาง ต้องทำงานในระดับที่ Tablet หรือ iPad ตอบสนองไม่ได้นั้น การมองหาโน๊ตบุ๊คดี ๆ สักตัวที่มีขนาดพอดีและน้ำหนักพอเหมาะ รองรับการทำงานที่หลากหลาย ดีไซน์สวย เป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ตัวเองมาก ๆ
จากการใช้งาน Lenovo YOGA 13 มานั้นยังไม่พบเจอปัญหาใด ๆ ที่กวนใจ การใช้งานของแบตเตอร์รี่เมื่อชาจเต็มและใช้ Wifi ตลอดนั้นอยู่ได้ประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง ถ้าไม่ใช้ Wifi ได้ที่ 7 – 8 ชั่วโมง และเมื่อต้องไปต่างจังหวังหวัดหรือพักค้างคืนที่อื่น อะแดปเตอร์ที่ให้มาก็มีขนาดกระทัดรัดดีทีเดียว
สิ่งที่ส่วนตัวรู้สึกว่าน่าจะทำให้ดีกว่านี้ได้คือเรื่องของ Webcam ที่เฟรมเรทไม่ค่อยดีเท่าไหร่ Noise เยอะ และสีก็ไม่ค่อยสวย ใครที่ซีเรียสเรื่องเวปแคมสวย ๆ หรือจะใช้ในการอัดวีดีโอล่ะก็ แนะนำให้หาซื้อ HD Web Cam ดี ๆ มาติดเพิ่มจะดีกว่าที่จะใช้ของที่ติดมากับเครื่องจ้า อีกสิ่งหนึ่งที่รู้สึกเสียใจคือทำไมเราไม่เอาสีส้มมานะ มันสวยม๊ากกก
สรุปแล้วปูเป้มองว่า โน๊ตบุ๊คและคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลยังไม่ตาย แม้การใช้งานอุปกรณ์พกพาจะสูงขึ้นแต่ไม่สามารถทดแทนการใช้งานเต็มรูปแบบได้ และปัจจุบันโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ก็พยายามปรับตัวและเพิ่มลุกเล่นในการใช้งานที่สามารถกลมกลืนเข้าไปกับไลฟ์สไตล์ของเราได้ในทุกช่วงของชีวิต และ Lenovo YOGA 13 เป็นอีกหนึ่งสิ่งดี ๆ ที่ปูเป้เลือกเข้ามาเติมเต็มให้ชีวิตของตัวเองสะดวกและคล่องตัวยิ่งขึ้น