นอกเหนือจากภาพลักษณ์ที่ดูสดใสและทันสมัยขึ้น ขวดเซรั่มสกรีนไล่โทนสี  Gradients ซึ่งเป็นการออกแบบที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง L’Occitane : Immortelle Overnight Reset Oil-in-Serum ก็ยังนำเสนอรูปแบบการบำรุงผิวที่เข้าได้กับทุกช่วงวัย ทุกสภาพผิว ในราคาที่เข้าถึงง่ายที่สุดในบรรดาเซรั่มที่แบรนด์ทั้งหมดที่เขาเคยมีมา พร้อมกับเคลมว่าจะช่วยรีเซ็ตผิวในยามค่ำคืนเพื่อฟื้นบำรุงผิวที่เหนื่อยล้าจากการผจญกับปัจจัยลบในเวลากลางวัน เพื่อเผยผิวที่เรียบเนียนสดใสในยามเช้า

Immortelle Overnight  Reset Oil-in-Serum เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในขั้นตอนของ Pre-Serum โดยนำเสนอเนื้อสัมผัสที่มีลูกบอลของน้ำมันสีเหลืองทองสดใสกว่า 3,000 เม็ดลอยอยู่ในเนื้อเซรั่มใสบางเบา โดยนำเสนอคุณสมบัติในการช่วยต่อต้านริ้วรอยและทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ เปล่งปลั่งดุจได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอเมื่อใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ด้วยคุณค่าของสารสกัดที่ช่วยกระตุ้นผิวในระดับ  Epigenetics เลยล่ะ (ซึ่งเราจะอธิบายว่าคำนี้หมายถึงอะไร)

Product’s Formula

ในแง่ของส่วนประกอบนั้น L’Occitane : Immortelle Overnight Reset Oil-in-Serum (30ml / 2,450 Baht) สามารถแบ่งโครงสร้างได้เป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ ก็คือส่วนของเซรั่มที่เป็นเบสน้ำใส ๆ และส่วนของหยดแคปซูลน้ำมันสีเหลืองทองสวย ๆ ในขวด

ในส่วนของเซรั่มเบสน้ำนั้นจะมีสารสกัดหลัก 2 ชนิด เริ่มจาก Origanum Majorana Leaf Extract ซึ่งมั่นใจว่าเป็นส่วนผสมที่มีชื่อว่า Dermagenist™ (ซึ่งเป็นสารสกัดผงแห้งกระจายตัวมาใน Maltodextrin และละลายในน้ำ) โดยบริษัท BASF เพราะผู้ผิตส่วนนี้เคลมถึงกลไกการทำงานในระดับ Epigenetics เช่นเดียวกัน

Epigenetics คือหลักการที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสภาพแวดล้อมรอบตัวเรานั้นส่งผลกับการแสดงออกของยีนในเซลล์ของเรา ฝาแฝดจากไข่ใบเดียวกันที่มีพันธุกรรมเหมือนกันทุกอย่างแม้จะเกิดมามีรูปลักษณ์ที่คล้ายกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายสิบปีในสภาพแวดล้อมที่ต่างกันอาจมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันไป สภาพแวดล้อมในที่นี้รวมไปถึงถิ่นที่อยู่ สภาพภูมิอากาศ การใช้ชีวิต สิ่งที่กิน พฤติกรรมการนอน และอีกมากมาย ปูเป้จะขอยกตัวอย่างเช่น รังสี UV จากแสงแดดนั้นเมื่อกระทบกับเซลล์ผิว ก็จะเพิ่มการแสดงออกของยีนที่สร้างโปรตีนที่ทำลายเส้นใยคอลลาเจน และไปปิดการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างคอลลาเจน ส่งผลให้โครงสร้างผิวเสียหายและเกิดเป็นร้ิวรอย แสง UV ก็คือ Epigenetics คือสภาพแวดล้อมที่ส่งผลลบกับการทำงานของเซลล์ในระดับยีน และในทางกลับกัน การใช้สกินแคร์อย่างเช่นครีมกันแดด ที่มีสารดูดซับหรือปกป้องผิวจากรังสี UV หรืออาจจะรวมไปถึงสารสกัดหรือวิตามินที่ไปจับหรือสลายอนุมูลอิสระ หรือปกป้องผิวจากความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ก็เป็น Epigenetics คือเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับผิวนั่นเอง

ทีนี้ย้อนกลับมาที่ส่วนผสม Origanum Majorana Leaf Extract นี้ ทาง BASF เคลมว่าส่วนผสมนี้อุดมไปด้วยโพลีฟีนอลอย่าง Vicenin และ Luteolin-7-0-glucuronide ซึ่งจะไปเสริมโปรตีน Actin ที่ทำให้โครงสร้างของเซลล์ Fibroblast ที่อ่อนแอนั้นตื่นแข็งแรงขึ้น รวมไปถึงไปลด Methylation ซึ่งทำให้เซลล์ทำงานอย่างที่ควรเป็นตามปกติ และช่วยคืนความแข็งแรงของชั้นผิว ให้ผิวรู้สึกกรชับ และริ้วรอยดูลดลงนั่นเอง เป็นคอนเซปต์ที่น่าสนใจมาก และไฮเทคสุด ๆ แต่ข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นคำเคลมมาจากผู้ผลิตส่วนผสมล่ะ

ส่วนผสมตัวต่อมาคือ Acmella Oleracea Extract หรือ Gatuline® Expression AF โดยบริษัท Gattefossé (ละลายมาใน Water และ Propanediol) พืชชนิดนี้ถูกใช้เป็นอาหารและสมุนไพรมาอย่างยาวนานโดยดอกสีเหลองนั้นมีคุณสมบัติพิเศาอย่างหนึ่งที่เมื่อกินเข้าไปจะทำให้รู้สึกตึงหรือชาในช่องปาก ผู้ผลิตส่วนผสมตัวนี้ระบุว่าสารออกฤิทธิ์หลักในสารสกัดตัวนี้คือ Spilanthol โดยในการทดสอบกับเซลล์กล้ามเนื้อพบว่าลดการหดตัวของกล้ามเนื้อได้ โดยผลนี้จะหมดไปภายใน 24 ชั่วโมงโดยไม่ทิ้งผลข้างเคียง จึงนำมาส่วนผสมนี้มาใช้เพื่อให้ผลในการช่วยคลายและลดริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ได้ โดยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้นในทันที พวกผลิตภัณฑ์ที่เคลมว่าทำงานคล้าย BOTOX หรือ  Botox-Like ก็มักจะมีส่วนผสมตัวนี้ แต่ทั้งหมดก็เป็นคำเคลมของผู้ผลิตส่วนผสมอีกเช่นกัน

ในตัวเบสเซรั่มนี้ก็ยังมี Adenosine ซึ่งช่วยเสริมพลังให้กับผิวและอาจช่วยลกเลือนริ้วรอยได้ และส่วนผสมให้ความชุ่มชื้นอย่าง Glycerin ทำนองนี้

ในส่วนของเม็ดบอลสีเหลืองที่ลอยอยู่ในเนื้อเซรั่มนั้นเป็นส่วนของน้ำมันที่มีส่วนผสมหลักอย่าง Helichrysum Italicum Flower Oil หรือน้ำมันสกัดจากดอก Immortelle ออร์แกนิค ซึ่งเป็นส่วนผสมหลักที่ L’Occitane ใช้มาอย่างยาวนานและเล่าชานถึงตำนานดอกไม้สีเหลืองทองอร่ามดุจแสงตะวันยามเช้าที่ไม่ร่วงโรยไปตามกาลเวลาซึ่งเมื่อนำมาทาผิวแล้วผิวจะอ่อนเยาว์ได้อะไรทำนองนี้ ซึ่งมันก็ฟังดูน่ารักดีแต่เรารู้สึกว่าการที่ดอกไม้ที่แห้งแล้วยังคงสีเหลืองสวยสดไม่โรยราจะทำให้ผิวเราอ่อนเยาว์ไปอีกนานเท่านาน เราจะไม่อินเพราะเรามองว่ามันไม่เกี่ยวกัน เรามาดูกันดีกว่าว่ามีการทดลองทางวิทยาศาสตร์อะไรที่จับต้องได้บ้างเกี่ยวกับดอกไม้สีเหลืองสวยและมีกลิ่นหอมเหมือนน้ำผึ้งนี้บ้าง

จากการหาข้อมูลพบว่า Helichrysum Italicum หรือ Immortelle นั้นมีการศึกษาในแง่ของการนำต้นมาสกัดด้วยวิธีต่าง ๆ หรือแม้แต่ Essential Oil ว่ามีประโยชน์อย่างไรบ้าง ซึ่งก็มีทั้งคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ การปกป้องผิวจากความเสียหายของรังสี  UV ต้านจุลชีพ และเสริมการเยียวยาฟื้นฟูบาดแผล แต่ถ้าเจาะจงไปเลยว่าต้องเป็นการศึกษาที่ใช้เป็น Essential Oil จากดอก Immortelle ก็จะพบมีคุณสมบัติเด่นในการต้านการอักเสบ และต้านแบคทีเรียและเชื้อราที่มักทำให้ผิวระคายเคือง โปรไฟล์ในแง่ความปลอดภัยของน้ำมันหอมระเหยจากดอก Immortelle นี้ตรงข้ามกับที่เราเคยคิด ปรากฏว่ามันปลอดภัยมากและยังไม่พบรายงานเรื่องแพ้สัมผัสกับการใช้น้ำมันหอมระเหยนี้ที่เจือจางอย่างเหมาะสมเลย

ส่วนผสมของ Immortelle นั้นจึงมีความน่าสนใจอยู่มาก ข้อจำกัดในการศึกษาที่ตีพิมพ์จนถึงปัจจุบันคือยังมีการศึกษาในสิ่งมีชีวิตและในมนุษย์อยู่อย่างจำกัด ก็ต้องมาคอยติดตามดูว่าในอนาคตจะมีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจออกมา แต่การหาข้อมูลอีกครั้งในรอบนี้เพื่อทำรีวิวนั้นเปลี่ยนมุมมองที่เรามีต่อน้ำมันหอมระเหย Immortelle ไปพอสมควรทีเดียว

(Source : Helichrysum italicum: from traditional use to scientific data.Essential Oils and Their Single Compounds in Cosmetics—A Critical Review)

นอกจากนี้แล้วในส่วนของ Oil นี้ก็ยังมีน้ำมันสกัดจากเมล็ดดอกทานตะวัน Helianthus Annuus (Sunflower) Seed Oil ที่ช่วยเสริมปราการปกป้องผิวให้แข็งแรง และ Limnanthes Alba (Meadowfoam) Seed Oil ซึ่งปลอดภัยกับผิว ผสมเข้ากับ  Emollients อื่น ๆ ผสมสีเหลืองที่มาจากเบต้าแคโรทีน และใช้ Dextrin Palmitate/Ethylhexanoate ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ทำให้น้ำมันอยู่ตัวเป็นเนื้อเหมือนเจลแต่สามารถแตกตัวเป็นของเหลวเมื่อเจอแรงหรือปาดลงบนผิว ส่วนผสมทำให้น้ำมันกลายเป็นหยดเจลทรงกลมแขวนลอยอยู่ในเนื้อเซรั่มได้ด้วยตัวเอง ซึ่งแตกต่างกับผลิตภัณฑ์ที่มีเม็ดกลม ๆในเนื้อเซรั่มที่มักใช้เปลือกแคปซูลจากโพลิมเมอร์หุ้มน้ำมันเอาไว้ ถือเป็นเทคนิคในการนำเนื้อสัมผัสที่น่าสนใจทีเดียวล่ะ

(Source : Skin barrier benefits of sunflower seed oil)

Ingredients : Aqua/Water, Propanediol, Glycerin, Isononyl Isononanoate, Butylene Glycol, Pentylene Glycol, Dextrin Palmitate/Ethylhexanoate, Limnanthes Alba (Meadowfoam) Seed Oil, Helichrysum Italicum Flower Oil, Origanum Majorana Leaf Extract, Acmella Oleracea Extract, Helianthus Annuus (Sunflower) Seed Oil, Adenosine, Phenoxyethanol, Cabomer, Maltodextrin, Sodium Hydroxide, Palmitic Acid, Disodium EDTA, Cellulose Gum, Amodimethicone, Tocopherol, Parfum/Fragrance, CI 75130/Beta-Carotene. 

Usage & Result

ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เป็น  Pre-Serum ใช้หลังจากลงโทนเนอร์หรือเอสเซนส์น้ำ ก่อนลงตามด้วยเซรั่มตัวอื่น ๆ โดยใช้ได้ทั้ง เช้า-กลางคืน เมื่อกดหัวปั้มออกมาจะเห็นเม็ดเจลสีเหลืองกระจายตัวอยู่ในเนื้อเซรั่มและเมื่อลูบไล้ลงไปบนผิวก็จะกระจายตัวอย่างง่ายดาย ซึมสู่ผิวได้ง่าย ไม่ทิ้งความเหนะหนะหรือความมันเลื่อมบนผิว ส่วนตัวชอบเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ที่มอบความรู้สึกชุ่มฉ่ำแบบเซรั่มเบสน้ำในแว่บแรกและทิ้งความนุ่มเหมือนกับการใช้ออยล์บางเบาบำรุงผิว คือความรู้สึกนี้ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบของ Bi-Phase Serum ที่เริ่มเป็นที่นิยมก็พอจะให้ได้เหมือนกัน แต่เม็ดแคปซูลน้ำมันสีเหลืองทองนี้โดดเด่นและดึงดูดกว่ามากในแง่ของการนำเสนอ ซึ่งในแง่ของ Sensory เราถือว่าทำมาได้ดีมาก และดูจะใช้ได้กับทุกสภาพผิว และใช้คู่กับสกินแคร์ที่มีอยู่ได้อย่างสะดวก โทนกลิ่นเป็นแนวดอกไม้และน้ำผึ้งที่ดูหวานที่กลิ่นค่อนข้างแน่นตามสไตล์แบรนด์ฝรั่งเศส ส่วนตัวเราโอเคกับโทนกลิ่นแต่ถ้ามันบางเบาลงได้อีกน่าจะดีกว่า

จากการทดลองใช้ เรารู้สึกว่าสิ่งที่รู้สึกได้คือเนื้อผิวมันสมูทขึ้น รู้สึกว่าเวลาลูบแล้วผิวมันละเมียดขึ้น แล้วโทนผิวก็ดูไม่โทรมนักแม้จะนอนดึกเพราะเล่นเกม เอ๊ย เพราะนั่งทำงาน ในแง่ของริ้วรอย ส่วนตัวแทบจะไม่มีปัญหานี้ที่เห็นชัดจึงยังไม่สามารถที่จะบอกได้

Conclusion

โดยสรุปแล้ว L’Occitane : Immortelle Overnight Reset Oil-in-Serum มีความน่าสนใจตรงส่วนผสมไฮเทคที่เคลมถึง Epigenetics ทำให้เซรั่มนี้เหมือนกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับผิวได้ทำงานอย่างเต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งปัจจัยลบจากสภาพแวดล้อมและการใช้ชีวิตเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอในชีวิตประจำวัน จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ค่อนข้างเปิดกว้างในแง่ของคอนเซปต์ที่เจาะได้ในทุกช่วงวัย และการทำเนื้อสัมผัสที่ใช้ได้ง่าย เข้าได้กับทุกสภาพผิว และนำเสนอมาในรูปแบบที่สวยงามน่าประทับใจ

ข้อจำกัดที่สำคัญก็คือการพึ่งพาส่วนผสมไฮเทคที่ใช้นั้นยังคงมีเพียงข้อมูลการศึกษาจากผู้ผลิตสารเท่านั้น ในมุมมองของปูเป้ที่ส่วนตัวชื่นชอบส่วนผสมที่หลากหลาย และชอบให้มีส่วนผสมที่มีงานวิจัยจากหลายแหล่งรับรองผสมมาด้วยก็คิดว่าหากในเบสเซรั่มได้เพิ่มส่วนผสมมอบความชุ่มชื้นที่น่าสนใจลงไป หรือส่วนของแคปซูลน้ำมันที่อาจรวมวิตามินที่ละลายในน้ำมันเข้าไปได้ ก็จะเพิ่มจุดขายและความน่าสนใจได้อีกโดยไม่กระทบกับโครงสร้างของสูตรทั้งหมดล่ะ

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

***Sponsored Item***

L’Occitane : Immortelle Overnight Reset Oil-in-Serum
Price :  30ml / 2,450 Baht
Skin Type : All Skin Type
Outstanding : Smoothing, Anti-Aging, 

L’Occitane : Immortelle Overnight Reset Oil-in-Serum
FORMULA
GENTLENESS
SENSORY
RESULT
PUPE LOVE IT
PROS
  • คอนเซปต์ของสารแอคทีฟน่าสนใจมาก
  • การนำเสนอเนื้อสัมผัสที่น่าประทับใจ ใช้ได้กับทุกสภาพผิว
  • ผิวรู้สึกละเมียดขึ้น โทนผิวไม่หมอง
CONS
  • มีส่วนผสมของน้ำหอม
  • สารสกัดที่ใช้ยังไม่มีข้อมูลจากแหล่งอื่นมาสนับสนุนมากนัก
3.4Overall Score