“น้ำแร่อะไรก็เหมือนกัน” เป็นคำพูดที่พึ่งได้ยินอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้และทำให้นึกย้อนไปว่าย้อนกลับไปแค่ 6 ปีก่อนหน้า เราเองก็เคยพูดประโยคเดียวกันมาตลอด จนกระทั่งเราได้ตระหนักว่า น้ำแร่แต่ละแหล่งนั้นแตกต่างกันที่ปริมาณและความหลากหลายของแร่ธาตุ ต้องขอบคุณการได้หาข้อมูลของน้ำแร่ของ La Roche-Posay ที่เป็นจุดเปลี่ยนความคิดของเราตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

สรรพคุณของน้ำแร่แห่งเมือง La Roche-Posay ในการเยียวยาปัญหาผิวและลดการระคายเคืองของผิว และคำมั่นสัญญาของของแบรนด์ La Roche-Posay ใช้ประโยคสั้น ๆ ว่า “A Better Life For Sensitive Skin” ซึ่งก็แปลคร่าว ๆ ได้ว่า เพื่อให้ผู้มีผิวบอบบางระคายเคืองง่ายได้มีชีวิตที่ดีขึ้น การได้ไปเยือนถึงจุดกำเนิดของน้ำแร่ของแบรนด์นี้ ทำให้ปูเป้ได้เข้าใจที่มาเหล่าของประโยคนี้มากขึ้น

ความประทับใจแรกเมื่อได้มาเหยียบเมือง La Roche-Posay คือความเป็นชนบ้ท~ชนบท (จะเรียกว่าบ้านนอกก็เกรงใจ) เมืองขนาดเล็กจุ๋มจิ๋มที่มีประชากรเพียง 1,600 คน ตั้งอยู่ห่างจากกรุงปารีสมาทางตะวันตกเฉียงใต้กว่า 300 กิโลเมตร ผู้คนไม่พลุกพล่านเพราะนี่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวแต่เป็นสถานที่สำหรับผู้ป่วยหรือผู้ที่ต้องการมาพักรักษาตัวเพื่อฟื้นฟูร่างกายตัวเองเป็นหลัก ซึ่งจะเรียกว่าบังเอิญหรือประจวบเหมาะก็ได้ที่การเดินทางของปูเป้ในครั้งนั้นก็มาถึงในสภาพผู้ป่วยที่กำลังฟื้นจากไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ A ที่ไปติดมาจากนิวยอร์คเพียง 5 วันก่อนจะมาถึงที่เมืองนี้ ทริปนี้จึงเป็นหนึ่งใน  Healing Experience ที่ปูเป้ได้รับรู้จากตัวเองโดยตรงเลยก็ว่าได้และทำให้ได้เข้าใจถึงตัวตนของแบรนด์มากขึ้นจนอยากเอามาเล่าให้กับทุกคนได้รู้เช่นเดียวกัน

ความพิเศษและเรื่องราวของน้ำแร่จากเมือง La Roche-Posay เริ่มตั้งในศตวรรษที่ 17 เมื่อแพทย์ในพระราชสำนักของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 4 และพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 เริ่มทำการศึกษาเกี่ยวกับน้ำแร่ของเมืองนี้ มาจนกระทั่งปี 1905 ที่มีการสร้าง Thermal Center แห่งแรกขึ้นและได้รับการรับรอบจาก The French Acedemy of Medicine ในปี 1913 ให้เป็นศูนย์  Hydrothermal Center เพื่อการบำบัดรักษาอย่างเป็นทางการ และในปี 1928 ก็เป็นจุดกำเนิดของบริษัท Produits Dermiques La Roche-Posay ในการนำน้ำแร่จากเมืองนี้มาใช้เพื่อทำผลิตภัณฑ์สำหรับผิวพรรณ ก่อนจะมาถึงปี 1975 ที่มีการก่อตั้งบริษัท LRP Laboratoire Pharmaceutique จนมาถึงปัจจุบันก็เป็นแบรนด์ La Roche-Posay ที่เรารู้จักอย่างดี

ความโดดเด่นของน้ำแร่เมือง La Roche-Posay นี้อยู่ตรงที่แร่ธาตุที่มีความเฉพาะตัวอย่าง Selenium (ซีเลเนียม) ซึ่งมอบคุณสมบัติในการต้านการระคายเคือง ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ ปลอบประโลมผิว มีค่า  pH เป็นกลางที่ 7 และถึงจะบอกว่าเป็น Thermal Spring Water แต่น้ำแร่ La Roche-Posay จากแหล่งนั้นเป็นน้ำแร่เย็นที่อุณหภูมิ 13 องศาเซลเซียสล่ะ

ปัจจุบันเมือง La Roche-Posay มีศูนย์ Hydrothermal Center อยู่สองแห่งสำหรับบำบัดผู้ป่วย และ Spa อีกหนึ่งแห่งสำหรับบุคคลทั่วไป ซึ่งบริหารและจัดการโดย STRP หรือ Société des Thermes de La Roche-Posay (ซึ่งเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมามีข่าวว่าทางบริษัท L’Oreal กำลังยื่นข้อเสนอในการซื้อกิจการอยู่)

Thermes du Connétable

หนึ่งในศูนย์น้ำแร่บำบัดของเมืองที่ปูเป้ได้แวะเข้าไปเยี่ยมชมคือ Thermes du Connétable สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1932 และก็ยังคงสภาพเดิมแทบไม่เปลี่ยนแปลง ปัจจุบันที่นี่เป็นศูนย์บำบัดปัญหาผิวหนังด้วยน้ำแร่อันดับหนึ่งของยุโรป โดยรับผู้ป่วยกว่า 7,500 คนต่อปี ซึ่งภายในนี้จะมีแพทย์ผิวหนังประจำการทั้งหมด 8 ท่าน โดยจะมีการตรวจและให้การบำบัดผู้ป่วยที่มีอาการทางผิวหนัง และช่องปาก โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมาเพื่อบำบัดรักษาอาการที่มีผลข้างเคียงจากการทำเคมีบำบัดเพื่อรักษาโรคมะเร็ง โรคสะเก็ดเงิน โรคภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ รวมไปถึงผิวที่ถูกไหม้อีกด้วย

ศูนย์แห่งนี้มีผู้ป่วยในทุกช่วงวัยตั้งแต่เด็ก ผู้ใหญ่ และคนชรา วันที่ปูเป้แวะไปเยี่ยมชม ก็เห็นเด็กผู้หญิงคนเดินเดินเข้ามารับการรักษา เธอกำลังเข้ามาฟื้นฟูสภาพผิวที่ถูกไหม้อย่างรุนแรงด้วย ทำให้เห็นว่าที่นี่เป็นของจริง ใช้เพื่อการรักษา ใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตของผู้คนที่แวะเข้ามาจริง

จากการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมก็ได้รู้ว่า การเข้ามาใช้บริการในศูนย์นี้ไม่ใช่จู่ ๆ จะเดินดุ่มเข้ามาได้ แต่จะต้องมีการพบแพทย์และให้แพทย์ส่งตัวมารักษา และถ้าหากคุณมีสัญชาติหรืออยู่ในเงื่อนไนของประกันสังคมของประเทศฝรั่งเศษ ก็จะได้รับสิทธิ์เข้ามารักษาที่ได้เป็นเวลา 3 สัปดาห์ จำนวน 1 ครั้งต่อปี (หรือในกรณีที่เป็นเคสของผิวไหม้เบิร์น จะได้ 2 ครั้งต่อปี) โดยสามารถเบิกเงินค่าใช้จ่ายทั้งหมดกับทางประกันสังคมได้ด้วยล่ะ 

การทำทรีตเมนต์จะมีหลัก ๆ 3 แบบ คือการสเปรย์และนวด กับการล้างช่องปาก และการดื่มน้ำแร่ La Roche-Posay รวมไปถึงผลิตภัณฑ์สกินแคร์ของ La Roche-Posay ด้วย ซึ่งทั้งหมดแพทย์ที่ประจำศูนย์จะเป็นคนสั่ง ปูเป้ได้ลองไปนั่งสเปรย์น้ำแร่ที่ใบหน้า ซึ่งจะต้องนั่งอยู่ตรงนั้นเป็นเวลา 10 นาที ถ้าอยากได้อารมณ์ของการทำทรีตเมนต์นี้คือต้องไปซื้อน้ำแร่ La Roche-Posay กระป๋องมากดฉีดค้างไว้ 10 นาที ซึ่งบอกเลยว่ากระป๋องเดียวไม่พอ

Makeup Workshop

นอกเหนือจากศูนย์บำบัดด้วยน้ำแร่แล้ว เดินห่างมาไม่ไกลก็เป็นที่ตั้งของห้อง Workshop ซึ่งจะมีเมคอัพอาร์ติสประจำอยู่ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Corrective Cosmetics ของ La Roche-Posay เพราะอย่างที่บอกว่าคนที่มาที่เมืองนี้นั้นมาด้วยปัญหาผิวต่าง ๆ ที่หลายครั้งทำให้เขาต้องแปลกแยกจากสังคม ไม่ว่าจะเป็นรอยแผลเป็น ผิวที่ไหม้เบินร์ รอยแดง สีผิวไม่สม่ำเสมอขั้นรุนแรง ซึ่งเมคอัพอาร์ติสจะแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมพร้อมกับสอนวิธีใช้เป็นรายบุคคลเพื่อดูแลและปกปิดร่องรอยที่สร้างความกังวลเอาไว้

ทางเมคอัพอาร์ติสที่ประจำอยู่ได้หยิบแฟ้มเอกสารที่แสดงถึงรูป ก่อน-หลัง ของผู้ที่เคยมาเข้ารับบริการ เราเห็นแล้วน้ำตาจะไหล เพราะในภาพเราเห็นคนที่มีรอยแผลเป็น รอยแดงที่น่ากลัว กับแววตาที่หม่นหมอง กลับมีสีหน้าที่มั่นใจและดวงตาที่เปล่งประกายไปด้วยความหวังหลังจากที่เขาเรียนรู้วิธีในการที่จะปกปิดร่องรอยนั้นจะทำให้เขามีความมั่นใจอีกครั้ง ซึ่งเราไม่สามารถถ่ายรูปเหล่านั้นออกมาได้ ขอเก็บแต่รูปของส่วนที่ไม่เห็นหน้ามาให้ดูว่าผลที่ได้ก็ประมาณนี้แหล่ะ

ผลิตภัณฑ์กลุ่มเมคอัพของ  La Roche-Posay นั้นจะเน้นที่ความอ่อนโยน การปกปิด และการติดผิวที่ทนนาน เพราะผลิตภัณฑ์ถูกออกแบบมาเพื่อให้กลุ่มคนเหล่านี้ ต้องปิดรอยแดง หรือร่องรอยแผลเป็น แผลไหม้ รอยผ่าตัดได้ มันจึงจะมาความทึบกว่าเมคอัพหรือรองพื้นที่ขายกันตามแบรนด์ความงามทั่วไปที่อาจจะเน้นความบางเบาเป็นธรรมชาติสุด ๆ ซึ่งเขาอยากสาธิตให้ปูเป้ได้เห็นว่าเขาแนะนำผู้ป่วยที่เข้ามารับบริการอย่างไร ก็เลยต้องมาหารอยแผลเป็นในร่างกายให้เขาได้สาธิต เลยเปิดแผลเป็นจากจักรยานล้มสมัยเด็ก ๆ ให้เขาลองทำดู ก็ได้ออกมาประมาณนี้แหล่ะ

ค่าใช้จ่ายในการเรียน Workshop นี้มีราคาเพียง 20 ยูโรเท่านั้น ซึ่งถือว่าถูกมาก แถมค่าเรียนยังสามารถนำมาใช้แลกเป็นผลิตภัณฑ์นำกลับไปใช้ที่บ้านได้อีกด้วย ห้อง Workshop นี้จึงไม่ได้ทำมาเพื่อผลกำไร แต่เพื่อมอบชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นให้กับผู้คนที่แวะเวียนเข้ามาจริง ๆ (ถ้าจำไม่ผิด เมคอัพอาร์ทิสที่มาแนะนำก็เป็นอาสาสมัครด้วยล่ะ)

Spa Source La Roche-Posay

นอกเหนือจากผู้ป่วยที่ได้รับการส่งตัวมารักษาแล้ว คนทั่วไปที่ไม่ได้เจ็บป่วยอะไรรุนแรงแต่อยากจะมาผ่อนพลายหรือฟื้นฟูร่างกายก็สามารถมาที่เมืองนี้ได้ เพราะว่าที่นี่มี  Spa Source ซึ่งนำเสนอทรีตเมนต์การนวด Water Massage การอาบอ่าง Hydrotherapy ด้วยน้ำแร่และผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ La Roche-Posay แถมยังมีสระว่ายน้ำในร่มที่มีอุณหภูมิอุ่นกำลังสบายซึ่งน้ำในสระก็คือน้ำแร่ La Roche-Posay 100% จ้า

เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่เหมือนกับฝันที่เป็นจริง เป็นความฟินครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้สาดทั่วร่าง ได้อาบ ได้ดำผุดดำว่ายในน้ำแร่ La Roche-Posay กันอย่างหนำใจ (หลังจากที่ต้องใช้น้ำแร่กระป๋องอย่างกระมิดกระเมี้ยนมาตลอด) ตรงนี้น่าจะเป็นจุดสำหรับคนฝรั่งเศสที่มาพักผ่อน หรืออาจจะเป็นคนในครอบครัวของผู้ป่วยที่มารับการรักษาในศูนย์บำบัดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็เป็นไปได้ล่ะ

ต้องบอกว่าจากที่ป่วยจากไข้หวัดใหญ่และกำลังฟื้นตัว ได้ไปอยู่ในเมืองนี้ ได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์เต็มปอด อาหารคุณภาพดี การบำบัดด้วยน้ำแร่ทั้งอาบทั้งดื่ม กับค่ำคืนทีเงียบสงัดจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นให้หลับสนิท ทำให้เราฟื้นตัวเร็วมากเลยล่ะ

La Roche-Posay Laboratoire Dermatologique

ห่างจาก  Spa Source และ Thermes du Connétable มาทางตะวันออกประมาณ 2 กิโลเมตร ก็เป็นตั้งของโรงงานและห้องแลปของ La Roche-Posay ซึ่งที่นี่ก็มีเก็บรวบรวมผลิตภัณฑ์ตั้งแต่สมัยยุคก่อตั้งแบรนด์ขึ้นมาเลยทีเดียว เป็นที่ตื่นตาตื่นใจสำหรับเรามาก มีหลายตัวที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน

ในตู้กระจกนี้มีตั้งแต่สบู่ที่ผสมน้ำแร่จากปี 1928 และผลิตภัณฑ์สกินแคร์กลุ่มแรกจากช่วงปี 1975 และภายหลังปี 1989 ที่ L’Oréal เข้ามาซื้อกิจการแบรนด์ La Roche-Posay ไปก็มีการปรับปลี่ยนรูปลักษณ์ โลโก้ และเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้น

ภายใต้การดำเนินการของบริษัท L’Oréal นั้นได้มีการลงทุนกับการทำการวิจัยเกี่ยวกับคุณสมบัติของน้ำแร่ และพัฒนาการนำน้ำแร่มาใช้กับส่วนผสมต่าง ๆ ในการช่วยแก้ไขปัญหาทางผิวหนังออกมาเรื่อยๆ  โดยในปี 2003 ทางบริษัท L’Oréal ได้ทำการซื้อน้ำแร่ของเมือง La Roche-Posay มาเป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเอง (และอย่างที่บอกไปว่าในเดือนสิงหาคม 2018 ได้ยืนข้อเสนอในการซื้อ STRP ซึ่งเป็นเข้าของศูนย์บำบัดและ Spa Source ด้วย ก็เท่ากับว่าเป็นเจ้าของแบบครบวงจรกันเลยทีเดียว)

ในส่วนของโรงงานและส่วนของการพัฒนานั้นปูเป้ไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายรูปมาฝาก แต่ระบบทุกอย่างถูกเซ็ทด้วยมาตรฐานที่สูงมาก สะอาดมาก เป็ระบบระเบียบสุด ๆ เพราะทุกผลิตภัณฑ์ที่นำออกไปจากโรงงานแห่งนี้ส่วนหนึ่งนอกจากจะมาถึงร้านขายยาหรือในร้านออนไลน์ให้เราใช้กัน ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ต้องถูกใช้โดยแพทย์ผิวหนังเพื่อช่วยฟื้นฟูสภาพผิวของคนไข้จำนวนมากทั้งในศูนย์บำบัดของเมือง La Roche-Posay ในประเทศฝรั่งเศสและในโรงพยาบาลคลีนิคผิวหนังทั่วโลก

A Better Life For Sensitive Skin

การได้มาเยือนเมือง La Roche-Posay เมืองชนบทเล็ก ๆ ที่แสนสงบกับประวัติศาสตร์และความสำคัญในการคงอยู่ของสถานที่แห่งนี้ การได้มาสัมผัสประสบการณ์ในครั้งนี้ทำให้ปูเป้ได้ซึมซับ เข้าใจ และชื่นชมในคำมั่นสัญญาของของ La Roche-Posay ว่านี่ไม่ใช่สกินแคร์ที่ฉูดฉาดหวือหวา แต่ภายใต้รูปลักษณ์และเส้นสายที่เรียบง่ายนั้นมีผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ ผ่านการคิดค้นและความพยายามรังสรรค์เพื่อมอบความหวังสู่อนาคตของคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าแก่ผู้คนจำนวนมากที่การมีสุขภาพผิวที่ดีมีอะไรมากกว่าแค่ความสวยงาม…