ในเดือนนี้มีผลิตภัณฑ์ตัวใหม่จาก L’Oréal Paris ออกใหม่ ซึ่งก็คือ RevitaLift Filler [HA] นั่นเอง เห็นชื่อก็คงจะพอเดากันได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่รับแรงบันดาลใจมาจากเทรนด์เสริมความงามด้วย Hyaluronic Acid Filler ซึ่งตัวนี้ปูเป้บอกตามตรงว่าไม่ได้ทดลองใช้ต่อเนื่อง แต่มันมีมุมและข้อมูลที่อยากเอามาเล่า จึงเอามาทำ Preview ให้อ่านกัน
ขอเกริ่นก่อนว่าริ้วรอยและความร่วงโรยแห่งวัยเป็นความกังวลหลักของผู้หญิง (และผู้ชายบางส่วน) ไม่ว่าจะเป็นชนชาติใดก็ตาม สัญญาณของความร่วงโรยแห่งวัยมันมีหลายอย่างตั้งแต่ในเรื่องของการเกิดร่องริ้วรอยทั้งตื้นลึก เสียความยืดหยุ่น ขาดความกระชับ มวลของผิวหดหาย ผิวแห้งหยาบกร้าน ผิวอ่อนแอลง จุดด่างดำสีผิวไม่สม่ำเสมอที่เพิ่มง่ายขึ้น
แต่เดิมเมื่อพูดถึงการต่อต้านหรือลดเลือนริ้วรอยเราจะไปพูดถึงกันแต่ คอลลาเจน อีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่เป็นโครงสร้างค้ำยันผิวกันและมันก็เสื่อมถอยลงตามวัยที่มากขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่มีมากในผิวของเราและเป็นโครงสร้างสำคัญของผิวไม่แพ้กันก็คือ Hyaluronic Acid ซึ่งสารกลุ่มน้ำตาลนี้ก็ลดลงตามวัยเช่นเดียวกัน
Hyaluronic Acid มีอยู่ทั่วไปในร่างกายของเรานั่นแหล่ะ แต่กว่า 50% ของร่างกายอยู่ในผิวหนังของเรา โดยมีมากที่สุดในผิวชั้นใน แต่ก็มีส่วนของผิวชั้นนอกด้วย คุณสมบัติในการอุ้มน้ำที่สูงกว่าน้ำหนักถึง 1,000 เท่า และโครงสร้างที่เป็นเจลนั้นทำให้มันเป็นแท้งค์เก็บกักความชุ่มชื่นของผิว โครงสร้างของ Hyaluronic Acid นั้นเป็นตัวช่วยค้ำยันและสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับการทำงานของเซลล์ในชั้นผิว และเมื่อ Hyaluronic Acid ถูกแตกตัวเป็นอานุภาคที่เล็กลงมันก็ยังทำหน้าที่ทางกระบวนการทางชีวภาพต่างๆ อีกด้วย
การที่ Hyaluronic Acid ในผิวเราลดลงส่งผลหลายอย่าง แน่นอนเลยคือผิวของเราจะแห้งกร้านมากขึ้นเพราะตัวสำรองความชุ่มชื่นลดลง และโครงสร้างที่หายไปนี้ส่งผลให้ผิวขาดความอิ่มเอิบ ยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆ ก็คงเหมือนกับผลไม้ที่สดใหม่มันก็เต่งตึงสวยงามดี แต่พนานไปมันเริ่มเสียโครงสร้างและความชุ่มชื่นภายในก็กลายเป็นผลไม้ที่ฝ่อลงเหี่ยวลงนั่นเอง
การฉีด Hyaluronic Acid เข้าไปในใต้ชั้นผิวจึงช่วยเข้าไปทดแทนมวลของผิวที่ลด หด หายไปตามวัย ช่วยเติมเต็มร่องริ้วรอยให้ดูเต็มตื้นอวบอิ่มขึ้น ผลพลอยได้ก็ยังทำให้ผิวชุ่มชื่นขึ้นด้วย เท่าที่รู้มาทางเกาหลีจะมีการฉีด Hyaluronic Acid บนผิวชั้นนอกเพื่อทำให้ผิวดูฉ่ำน้ำ ได้ผิวใสดิวอี้ลุคสไตลด์เกาหลีอีกด้วย สาเหตุหนึ่งที่การใช้ Hyaluronic Acid แพร่หลายคือ มันแทบจะไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้เลยเพราะโครงสร้างของมันไม่ว่าจะมาจากสัตว์ชนิดไหนก็ไม่ต่างกัน (ฉีดคอลลาเจนที่ได้มาจากสัตว์อื่นในผิวคนยังมีโอกาสแพ้ได้) ซึ่ง Hyaluronic Acid ที่เราใช้กันในเครื่องสำอางมาจากการเพาะเลี้ยงแบคทีเรียล่ะ
การใช้ Hyaluronic Acid มีมานานมากเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว ประโยชน์หลัก ๆ ของมันคือเป็นตัวช่วยให้ความชุ่มชื่นกับผิวชั้นขี้ไคลที่อยู่นอกสุด เนื่องจากขนาดอานุภาคของมันใหญ่จนแทรกเข้าไปในผิวไม่ได้ (และมันก็ยังก่อตัวเป็นฟิลม์หนึบ ๆ บนผิวด้วยนะ) แต่ในช่วงหลัง ๆ ที่เทคโนโลยีดีขึ้น เกิดการย่อยขนาดของ Hyaluronic Acid ลงมาและทำให้มันมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป
(Source : Hyaluronic acid: A key molecule in skin aging.)
ด้วยเหตุนี้ L’Oréal Paris : Revitalift ซึ่งมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เน้นในเรื่องของโปรตีนโครงสร้างผิวไปแล้ว (และมีถึงสองไลน์ย่อยด้วยกัน) ตัวที่ออกใหม่ล่าสุดอย่าง Revitalift Filler [HA] ซึ่งทางแบรนด์เขาก็เคลมเอาไว้ดังนี้
“อุดมไปด้วย HA อนุภาคขนาดเล็ก เข้มข้นถึง 10 เท่า ช่วยเติมร่องริ้วรอยลึกให้ตื่นขึ้น ยกผิวที่หย่อนคล้อยให้ดูกระชับขึ้น ดันผิวยุบให้กลับมาเอิบอิ่ม ผลลัพธ์คือริ้วรอยลึกลดเลือน ผิวหย่อนคล้อยกกลับมากระชับ ผิวดูฟูเต็มเอิบอิ่มจนใครก็ทักว่าหน้าดูอ่อนเยาว์”
ก็ถือว่าเคลมแรงใช้ได้เลยล่ะ
ปูเป้ดูแล้วส่วนผสมหลักของผลิตภัณฑ์กลุ่มที่มีในทุกผลิตภัณฑ์มีทั้งหมด 3 ตัว ได้แก่
– Sodium Hyaluronate เป็นรูปเกลือของ Hyaluronic Acid ที่ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เคลมเอาไว้ว่าใช้ Hyaluronic Acid อานุภาคขนาดเล็กเพื่อช่วยในเรื่องของการดูดซึมเข้าสู่ผิวได้ดีกว่า (ทางแบรนด์อ้างว่ามีขนาดอยู่ระหว่าง 20,000 – 50,000 ดาลตัน) ซึ่งจากการลองหาข้อมูลเพิ่มเติมก็พบว่าขนาดอานุภาคที่เล็กกว่าจะดูดซึมผ่านผิวชั้นหนังกำพร้าได้ดีกว่า การศึกษาเทียบจาก Hyaluronic Acid 5 ขนาด และวัดความชุ่มชื่นของผิว พบว่าขนาดที่เล็กผิวจะชุ่มชื่นมากกว่าจึงอนุมานว่าเป็นเพราะการดูดซึมที่ดีกว่า)
ประเด็นที่น่าสนใจคือ Hyaluronic Acid ไม่ได้เป็นแค่ตัวให้ความชุ่มชื่น แต่กลายเป็นว่าขนาดของอานุภาคที่ต่างกันไปของ Hyaluronic Acid นั้นมีคุณสมบัติกับผิวที่ต่างไปด้วย อย่างเช่นต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และอื่น ๆ ซึ่งสามารถอ่านเพิ่มใน Source ที่แนบไว้ให้ได้ ส่วน Hyaluronic Acid ของ Revitalift Filler [HA] ที่มีขนาดเล็กแล้วจะมีผลอย่างไรกับผิวนอกจากการแทรกเข้าเพิ่มความชุ่มชื้นได้นั้นเรายังหาข้อมูลมาเสริมไม่ได้
(Source : Efficacy of cream-based novel formulations of hyaluronic acid of different molecular weights in anti-wrinkle treatment., Low Molecular Weight Hyaluronic Acid: Its Effects on Epidermal Gene Expression & Skin Ageing, Efficacy and safety of a low molecular weight hyaluronic Acid topical gel in the treatment of facial seborrheic dermatitis final report.)
– Dipotassium Glycyrrhizate ที่ได้จากชะเอมเป็นส่วนผสมที่ใช้กันเยอะอีกเหมือนกัน มันช่วยต้านการอักเสบให้ดี และหนึ่งในสารสำคัญอย่าง Glycyrrhizin มีคุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือมันช่วยต้านเอนไซม์ Hyaluronidases ซึ่งทำหน้าที่สลายโครงสร้างโพลิเมอร์ของ Hyaluronic Acid ให้มีขนาดเล็กลง พูดง่าย ๆ ก็คือสารตัวนี้ช่วยปกป้อง Hyaluronic Acid ได้นั่นเอง จึงเป็นหนึ่งเหตุผลที่เขาใส่มาในผลิตภัณฑ์ตัวนี้ (และคุณสมบัติในการต้านการอักเสบก็เป็นเรื่องที่ดีกับทุกสภาพผิวอยู่แล้ว)
- Secale Cereale (Rye) Seed Extract หรือสารสกัดจากข้าวไรย์ ซึ่งในข้าวไรย์มีสาร Phenol มากมายซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี ปูเป้คิดว่าตัวนี้คือ FIBROXYL ที่ทางแบรนด์เคลมในเรื่องของการเพิ่มความกระชับและลดเลือนริ้วรอย ปูเป้เชื่อว่าสารตัวนี้คือ COHELISS® BIO จากบริษัท Silab ซึ่งเป็นการสกัดเอาสาร Arabinoxylans จากข้าวไรย์ออกมาเพื่อกระตุ้นการสร้าง α-Smooth Muscle Actin (α-SMA) ของ Fibroblast เพื่อช่วยการในกระชับผิว ซึ่งก็เป็นแค่คำเคลมของผู้ผลิตอีกเช่นกัน แต่จากการหาข้อมูลเพิ่มเติมก็พบว่า Arabinoxylans สามารถกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ Fibroblast และ keratinocytes ได้อยู่นะ (การทดสอบในหลอดทดอง)
(Source : Antioxidant effects of phenolic rye (Secale cereale L.) extracts, monomeric hydroxycinnamates, and ferulic acid dehydrodimers on human low-density lipoproteins. , Ispaghula (Plantago ovata) seed husk polysaccharides promote proliferation of human epithelial cells (skin keratinocytes and fibroblasts) via enhanced growth factor receptors and energy production.)
หลัก ๆ คือการใช้ Hyaluronic Acid ขนาดเล็กเพื่อให้มันแทรกเข้าไปในผิวได้ลึกขึ้น (ส่วนอขนาดที่เล็กจะไปมีคุณสมบัติอื่นกับการทำงานของผิวอย่างไรอันนี้เราไม่รู้ แต่มันคงต้องมีอะไรสักอย่างแหล่ะถ้าอิงตามทฤษฏีนะ) มีการใช้สารสกัดจากชะเอมเป็นตัวปกป้อง Hyaluronic Acid และต้านการอักเสบ ส่วน FIBROXYL ก็เสริมการลดริ้วรอยไป ประมาณนี้แหล่ะ ส่วนตัวมองว่ามันช่วยเรื่องการทำให้ผิวอิ่มเอิบขึ้นเพราะความชุ่มชื่นที่มีมากขึ้นได้แน่นอน แต่ยังไงซะก็ไม่มีทางเทียบได้กับการไปฉีด Filler ได้ล่ะ
L’Oréal Paris : Revitalift Filler [HA] Micro Volumizing Essence (15ml / 990 Baht)
เป็นเซรั่มราคาสูงที่สุดที่ L’Oréal Paris วางขายในไทยเลยก็ว่าได้ เพราะปริมาณมันแค่ครึ่งเดียวของเซรั่มอื่น ๆที่เขาวางขาย ส่วนผสมหลักก็มีตามที่บอกไว้ข้างต้นแต่ทางแบรนด์เจาะจงว่าเขามีการผสม Hyaluronic Acid มากถึง 100 มิลลิกรัมในหนึ่งหลอด ซึ่งสูงกว่า 10 เท่า เมื่อเทียบกับเซรั่มอื่น ๆ ที่ทางแบรนด์วางจำหน่าย บรรจุภัณฑ์เป็นหลอดสุญญากาศที่มีปั้มตรงก้นหลอด ปลายหลอดแหลมทำให้ดูเหมือนกับการใช้หลอดฉีดยายังไงอย่างงั้นเลยล่ะ
Ingredients : Aqua/Water, Glycerin, Dimethicone, Alcohol Denat., Butylene Glycol, Dipropylene Glycol, Silica, Sodium Hyaluronate, Secale Cereale (Rye) Seed Extract, Carbomer, Methylsilanol/Silicate Crosspolymer, Sodium Hydroxide, Ammonium Polyacryldimethyltauramide / Ammonium Polyacryloyldimethy Taurate, Dipotassium Glycyrrhizate, Disodium EDTA, Capryloyl Salicylic Acid, Pentylene Glycol, T-Butyl Alcohol, Linalool, Cironellol, Benzyl Alcohol, Benzyl Benzoate, Benzyl Salicylate, Parfum/Fragrance, (F.I.L. B179074/1).
L’Oréal Paris : Revitalift Filler [HA] Micro Cushion Cream (50ml / 949 Baht)
มอยซ์เจอไรเซอร์ตัวนี้มีส่วนผสมที่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งชนิดคือ Adenosine ซึ่งเป็นสารที่ช่วยลดริ้วรอยที่มีใน L’Oréal Paris หลายตัว สิ่งที่โดดเด่นน่าจะเป็นเรื่องของเนื้อสัมผัสที่เขาตั้งชื่อเก๋ ๆ ว่า Cushion Cream ซึ่งมีเนื้อฟูนุ่ม เคลือบผิวดีแต่ดูไม่เงามัน
Ingredients : Aqua/Water, Glycerin, Dimethicone, Isohexadecane, Hydroxyethylpiperazine Ethane Sulfonic Acid, Silica, Sipropylene Glycol, Synthetic Wax, PEG-10 Dimethicone, PEG-30 Dipolyhydroxystearate, Secale Cereale (Rye) Seed Extract, Stearyl Alcohol, Sorbitan Oleate, Dimethicone/PEG-10/5 Crosspolymer, Dimethicone/Polyglycerin-3 Crosspolymer, Ceteareth-6, Sodium Acrylates Copolymer, Sodium Citrate, Sodium Hyaluronate, Adenosine, Nylon-12, Dipotassium Glycyrrhizate, Disodium EDTA, Isopropyl Alcohol, Caprylic/Capric Triglyceride, Caprylyl Glycol, Pentylene Glycol, Disteardimonium Rectorate, Tocopherol, Methylparaben, Phenoxyethanol, inalool, Cironellol, Benzyl Alcohol, Benzyl Benzoate, Benzyl Salicylate, Parfum/Fragrance, (F.I.L. B179672/1).
ทั้งสองผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมของน้ำหอม ซึ่งตัวกลิ่นเราว่าหอมดี แต่มันแน่นและอยู่ติดผิวนานเกินไปสำหรับเรา
ยังไงถ้าสนใจก็สามารถไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Facebook : L’Oréal Paris Thaialnd ได้นะฮะ