Revitalift เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อผิวกระชับและลดเลือนริ้วรอยที่มีมาอย่างยาวนานของ L’Oréal Paris (และยังแตกไลน์ย่อยของตัวเองอีกอย่าง Revitalift Laser X3 และปี 2016 นี้ก็จะมีไลน์ย่อยงอกเพิ่มมาอีกล่ะ)

ปูเป้เคยรีวิว Revitalift เอาไว้หนึ่งชิ้นเหมือน 4 ปีก่อน แต่เมื่อปลายี 2015 ที่ผ่านมานี้เขามีงานเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้อีกรอบพร้อมการสื่อสารสรรพคุณของผลิตภัณฑ์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้นเพื่อแยก Revitalift ออกจากไลน์ย่อยของเขาอย่าง Revitalift Laser X3 ขึ้น ทีนี้ปูเป้สังเกตพบว่ามันไม่ใช่แค่การสื่อสารผลิตภัณฑ์ใหม่แต่ตัวผลิตภัณฑ์มันมีการปรับสูตรไปเล็กน้อยด้วย จึงเอามาเล่าให้อ่านกัน

 photo Revitalift 01.png
แน่นอนว่า Revitalift นั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเรื่องริ้วรอยแห่งวัย แต่สิ่งที่ Revitalift เน้นและแตกต่างกับผลิตภัณฑ์ตัวอื่นของแบรนด์ก็คือเรื่องส่วนผสมที่มีต่อความกระชับของผิว สูตรที่วางขายในปัจจุบันนี้ยังคงใช้เทคโนโลยี DermaLift เดิมที่ประกอบไปด้วยส่วนผสมสามชนิด Acetyl Trifluoromethylphenyl Valylglycine ที่เป็นส่วนผสมสิทธิบัตรเฉพาะของเครือ L’Oréal กับ Hydrolysed Soy Protein และ Yeast Extract

 photo Dermalift.png
Acetyl Trifluoromethylphenyl Valylglycine เป็นซูโดเปปไทด์ที่เขาเคลมว่าช่วยลดเอนไซม์ Elatase ที่เป็นตัวทำลายเส้นใยอีลาสตินด้วย นอกจากนี้ยังมีสิทธิบัตรของเขาที่มีการรวมซูโดเปปไทด์ที่ว่านี้เข้ากับโปรตีนสกัดจากถั่วเหลือง หรือ Hydrolysed Soy Protein ซึ่งมีผู้ผลิตเคลมในคุณสมบัติของการปกป้องโครงสร้างและความยืดหยุ่นของผิว ส่วน Yeast Extract ไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นตัวไหนเพราะมันมีเยอะแยะเต็มไปหมดและทางแบรนด์ก็ไมไ่ด้เจาะจงมาด้วยว่าสารสกัดยีสต์ตัวนี้ไปกระต้นการสร้างอะไรหรือปกป้องอะไร

คอลลาเจนเป็นเหมือนโครงสร้างค้ำยันของผิว ส่วนอีลาสตินเป็นเหมือนสปริงที่ทำให้โครงสร้างให้เกิดความยืดหยุ่นและคืนตัวได้ดี 

ทำให้หลัก ๆ แล้วส่วนผสมที่ว่านี้เน้นไปที่ริ้วรอยและความกระชับคืนตัวของผิว

Retinyl Palmitate หรือ Pro-Retonol ป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอในรูป Retinol ซึ่งต้องเปลี่ยนรูปไปอีก 2 ครั้งกว่าที่ผิวจะเอาไปใช้เสริมการลดเลือนริ้วรอยได้ ถึงจะเป็นรูปแบบของวิตามินเอที่ปลอดภัยแต่ก็ยังคงมีความกังวลเรื่องความเสถียร หากไม่ได้อยู่ในรูปแบบของการ Encapsulation แล้วล่ะก็ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในรูปแบบของกระปุกอาจจะทำให้สารตัวนี้เสื่อมประสิทธิภาพไปเรื่อย ๆ หลังจากเปิดใช้งานครั้งแรก

(Source : Anti-ageing composition., Novel compounds of the n-acylamino-amide family, compositions comprising same, and uses., Compounds of the N-acylamino amide family compositions comprising them and uses thereof.)

 photo Adenosine.jpg


สิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมในผลิตภัณฑ์ทุกตัวคือสูตรที่วางขายตอนนี้ได้ทำการตัด Hydrolysed Elatin ออกไป (ซึ่งคิดว่าเดิมใส่มาเพื่อเคลมว่ามีอีลาสตินผสมอยู่เพราะแต่ก่อนคนมักจะเข้าใจว่าผสมอีลาสตินในครีมทาลงไปก็จะไปเติมอีลาสตินในผิวได้ ซึ่งความจริงมันไม่ง่ายแบบนั้นเพราะโครงสร้างมันใหญ่ไปจนซึมเข้าไปในผิวไม่ได้) ส่วนผสมที่เพิ่มเข้ามาก็คือ Adenosine กับ Centella Asiatica Extract

Adenosine เกิดจากการรวมตัวของ Nucleobase (Adenine) เข้ากับน้ำตาล (Ribose) และมีหน้าที่สำคัญมากมายในการทำงานและการสื่อสารของเซลล์ มันเป็นสารตั้งต้นที่สำคัญต่อการสร้างพลังงานของเซลล์ ส่งผลให้สารตัวนี้ช่วยเสริมการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวชั้นนอกตามธรรมชาติจากการให้พลังงานของเซลล์ในการสร้างเซลล์ผิวใหม่ มีคุณสมบัติในการลดการลดการอักเสบ (Anti-Inflamatory) ด้วย มีการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน International Journal of Cosmetic Science เมื่อปี 2006 ที่ทำการทดสอบครีมซึ่งผสม Adenosine 0.1% เทียบกับครีมที่ปราศจาก Adenosine พบว่าการใช้ครีมที่ผสม Adenosine มีผลในการลดเลือนริ้วรอยในจุดที่ทำการทดสอบที่บริเวณผิวใต้ตา (periorbital) และหว่างคิ้ว (glabellar) แต่การศึกษานี้จัดทำโดย L’Oréal Recherche เอง

(Source : Evaluation of anti-wrinkle efficacy of adenosine-containing products using the FOITS technique., Effects of adenosine 5′-monophosphate on epidermal turnover.)

 photo centella asiatica.jpg
Centella Asiatica Extract หรือ “บัวบก” เป็นพืชที่มีสรรพคุณทางยามานานแล้ว สารออกฤิทธิ์หลักมีมากมายที่ทำให้บัวบกมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบได้ดี เสริมการเยียวยาบาดแผล โดย Madecassoside จะไปกระตุ้นการแสดงออกของคอลลาเจนในผิวให้มากขึ้น สารตัวนี้ยังทำงานเสริมฤิทธิ์กันกับวิตามินซีอีกด้วย

ในงาน World Congress of Dermatology ครั้งที่ 23 ที่ผ่านมาในปีนี้นั้นทางสถาบันวิจัย L’Oréal ได้นำเสนอการศึกษาเรื่องสารสกัดจากใบบัวบกนี้มีคุณสมบัติในการกระตุ้น HSP90 (Heat Shock Protein 90) ซึ่งเป็นโปรตีนที่จะถูกกระตุ้นจากความเครียดจากสภาพแวดล้อมเพื่อทำการปกป้องโครงสร้างโปรตีนของผิวจากความเครียดที่มาจากจากความร้อนได้ (การทดสอบนี้ทำในเซลล์ไฟโบรบาลสต์ที่เพาะเลี้ยงในจานทดลอง)

(Source : Centella asiatica in cosmetology., Effects of a Centella Asiatica extract (titrated in asiaticoside, asiatic and madecassic acids) combined with c-xyloside and hydrolyzed rice protein on the expression of hsp90, by human dermal fibroblasts)

นี่คือส่วนผสมหลักที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ Revitalift ทุกตัว ส่วนตัวไหนจะมีอันไหนมากน้อยกว่าปูเป้ก็ไม่ทราบความเข้มข้นที่แน่นอนล่ะ

โดยรวมแล้วการปรับเปลี่ยนนี้ทำให้คุณสมบัติในการต่อต้านริ้วรอยได้ดีกว่า Revitalift สูตรเดิม แต่ยังคงจุดเด่นของผลิตภัณฑ์หลักในการปกป้องความยืดหยุ่นของผิว เอาไว้ ซึ่งต่างจาก Revitalift Laser X3 ที่เน้นเรื่องเพิ่มความ Bounce ดึ๋ง ๆให้กับผิว

ส่วนผสมหลายชนิดมีสรรพคุณที่เป็นประโยชน์กับผิวจริง แต่ส่วนผสมบางอย่างมีเพียงเอกสารการจดสิทธิบัตรซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่หนักแน่นพอในการรับรองประสิทธิภาพ งานวิจัยที่นำเสนอในงานประชุมทางวิชาการนั้นมีความน่าสนใจแต่ก็ยังอาจมีการตั้งข้อกังขาในแง่ของความน่าเชื่อถืออยู่บ้างเพราะแบรนด์เป็นผู้สนับสนุนและวิจัยเอง

ในส่วนด้านล่างจะเป็นรายละเอียดส่วนประกอบทั้งหมดของผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Revitalift ที่ปูเป้ได้มา ซึ่งทั้งสามตัวนี้ปูเป้ยังไม่ได้ลองใช้นะครับ แต่ว่านี่จะเป็นรายละเอียดคร่าว ๆ จากการวิเคราะห์ส่วนประกอบให้ลองไปพิจารณากันดู

 photo Revitalift 02.png


L’Oréal Paris : Revitalift Intensive Repairing Essence (30ml / 699 THB)

ส่วนตัวมองว่าตัวนี้น่าลงทุนที่สุดในไลน์เพราะเราจะได้ส่วนผสมหลักที่เขาเคลมไว้ทั้งหมด แล้วยังได้เพิ่มในส่วนของ Bifida Ferment Lysate ที่คุ้นหูกันดีในกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบเครื่องสำอาง ที่น่าสนใจคือทาง L’Oreal ได้ตีพิมพ์งานวิจัยเกี่ยวกับส่วนผสมตัวนี้เอาไว้ว่าถ้าใช้ในความเข้มข้น 10% จะช่วยลดปัญหาผิวที่ตอบสนองไวต่อสิ่งเร้า (Reactive Skin) 

นอกจากนี้ก็มี Salicyloyl Phytosphingosine ที่ผู้ผลิตเคลมในเรื่องของการลดริ้วรอย

(Source : Bifidobacterium longum lysate, a new ingredient for reactive skin.)

Ingredients : Aqua/Water, Butylene Glycol, Bifida Ferment Lysate, Alcohol Denat., Glycerin, Bis-PEG-18 Methyl Ether Dimethyl Silane, PEG/PPG/Polybutylene Glycol-8/5/3 Glycerin, Hydroxyethylpiperazine Ethane Sulfonic Acid, PPG-3 Myristyl Ether, Carbomer, Triethanolamine, Salicyloyl Phytosphingosine, Adenosine, Ammonium Polyacryldimethyltauramide/Ammonium Polyacryloyldimethyl Taurate, Hydrolysed Soy Protein, Acetyl Trifluoromethylphenyl Valylglycine, Centella Asiatica Extract, Faex Extract/Yeast Extract, Retinyl Palmitate, Methylparaben, Sodium Benzoate, Phenoxyethanol, Chlorphenesin, Linalool, Geraniol, Alpha-Isomethyl Ionone, Coumarin, Limonene, Citronellol, Benzyl Alcohol, Benzyl Salicylate, Parfum/Fragrance. (F.I.L. B159951/1)

 photo Revitalift 03.png



L’Oréal Paris : Revitalift Day Cream SPF23 PA++ (50ml / 599 THB)

ครีมทากลางวันที่มีส่วนผสมของสารกรองรังสี UV ที่กันได้ครบทั้ง UVA/UVB และมีความเสถียรดี มีส่วนผสมของวิตามินสารพัดประโยชน์อย่าง Niacinamide ที่ช่วยดูแลผิวในหลายๆด้านทั้งความแข็งแรงของผิว ร้วรอย และไวท์เทนนิ่งไปในตัว

Ingredients : Aqua/Water, Glycerin, Ethylhexyl Salicylate, Niacinamide, Dimethicone, Alcohol Denat., Octocrylene, Butyl Methoxydibenzoylmethane, Isopropyl Isostearate, Phenylbenzimidazole Sulfonic Acid, C13-14 Isoparaffin, PEG-100 Stearate, Stearic Acid, Titanium Dioxide, Carbomer, Arachidyl Alcohol, PTFE, Behenyl Alcohol, Triethanolimine, Dimethiconol, Cetearyl Alcohol, Cetearyl Glucoside, Sodium Acrylates Copolymer, Alumina, Adenosine, Ammonium Polyacryldimethyltauramide/Ammonium Polyacryloyldimethyl Taurate, Disodium EDTA, Disodium Stearoyl Glutamate, Hydrolysed Soy Protein, Caprylic/Capric Triglyceride, Capryloyl Salicylic Acid, Laureth-7, Acetyl Trifluoromethylphenyl Valylglycine, Centella Asiatica Extract, Panthenol, Faex Extract/Yeast Extract, Polyacrylamide, Cetyl Alcohol, Octyldodecanol, Retinyl Palmitate, Topopheryl Acetate, Methylisothiazolinone, Methylparaben, Phenoxyethanol, CI 15510/Orange 4, Linalool, Geraniol, Alpha-Isomethyl Ionone, Coumarin, Limonene, Hydroxyisohexyl 3-Cyclohexene Carboxaldehyde, Citronellol, Benzyl Alcohol, Benzyl Salicylate, Parfum/Fragrance. (F.I.L. B159893/1)

 photo Revitalift 04.png


L’Oréal Paris : Revitalift Night Cream (50ml / 599 THB)

ครีมทาบำรุงกลางคืนจะเน้นส่วนผสมอย่างเช่นน้ำมันและบัตเตอร์จากพืชเพื่อช่วยในการเคลือบคลุมผิวให้ชุ่มชื่นและนุ่มนวลในยามกลางคืน (แต่จะเอาไปใช้ทากลางวันก็ไม่ได้ผิดอะไรถ้ารู้สึกว่าเนื้อครีมเหมาะกับผิว)

Ingredients : Aqua/Water, Glycerin, Dimethicone, Hydrogenated Polyisobutene, Cetyl Alcohol, Glyceryl Stearate, Aluminum Strach Octenylsuccinate, PEG-40 Stearate, Prunus Armeniaca (Apricot) Kernel Oil, Shorea Robusta Seed Butter, Parafinum Liquidum/Mineral Oil, Paraffin, Acetyl Trifluoromethylphenyl Valylglycine, Acrylamide/Sodium Acryloyldimethyltaurate Copolymer, Adenosine, Alpha-Isomethyl Ionone, Benzyl Alcohol, Benzyl Salicylate, Butylphenyl Methylpropional, Caprylyl Glycol, Centella Asiatica Extract, Cera Microcrystallina/Microcrystalline Wax, Citral, Citronellol, Coumarin, Faex Extract/Yeast Extract, Geraniol, Glycine Soja (Soy) Protein, Hydrolysed Soy Protein, Hydroxyisohexyl 3-Cyclohexene Carboxaldehyde, Isohexadecane, Limonene, Linalool, Myristyl Alcohol, Palmitic Acid, Parfum/Fragrance, Phenoxyethanol, Phenyl Ethyl Alcohol, Polysorbate 80, Potassium Sorbet, Retinul palmitate, Sodium Benzoate, Sorbitan isostearat, Stearic Acid, Stearyl Alcohol, Triethanolamine, Zea Mays (Corn) Kernel Extract. (F.I.L. B159946/3)



*ผลิตภัณฑ์ทั้งสามตัวมีส่วนผสมของน้ำหอม และครีมทากลางวันมีส่วนผสมของสี