ใครว่าเวลาผ่านไปอะไรก็มีแต่แพงขึ้น แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะถ้าใครชอบแวะเข้าไปตามร้านขายยาอย่าง Watsons อาจจะสังเกตเห็นว่า Neutrogena ปรับลดราคากลุ่มเดย์และไนท์ครีมลงจากเดิมเกือบ 30% เลยนะ!!! นอกจากราคาใหม่จับสามารถเข้าถึงง่ายขึ้น (ราคาใหม่ 499 บาท จากเดิม 699 บาท) ก็ยังเปลี่ยนแพคเกจจิ้งภายนอกที่ดูมีสีสันมากขึ้นตามไปด้วย
ผลิตภัณฑ์ตัวที่จะนำมารีวิวในครั้งนี้เป็นครีมบำรุงผิวในตอนกลางวันที่ผสมสารกันแดดมาด้วยอย่าง Neutrogena : Fine Fairness Cream SPF22 PA++ (50ml / 499 Baht) ซึ่งหน้ากล่องแปะว่า New แต่ทางแบรนด์บอกว่ายังคงเป็นสูตรเดิมแค่ปรับภาพลักษณ์ใหม่เท่านั้นเอง ดังนั้นใครที่ใช้แพคเกจเก่าก็สบายใจได้เพราะข้างในเหมือนเดิมจ้า
Neutrogena : Fine Fairness Cream SPF22 PA++ เคลมถึงการปกป้องผิวและบำรุงด้วย Healthy White Complex เพื่อช่วยฟื้นบำรุงผิวที่หมองคล้ำ มีจุดด่างดำจากการทำร้ายของแสงแดดและรอยสิว ให้ดูขาวกระจ่างใสขึ้นและปกป้องการก่อตัวใหม่ของปัญหาเหล่านี้ในอนาคต พร้อมยังช่วยปกป้องรักษาสมดุลของความชุ่มชื่นของผิว เรามาดูกันว่าส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์มีอะไรอยู่บ้าง
Healthy White Complex ในที่นี้เคลมถึงส่วนผสมหลัก 3 อย่างคือ Niacinamide กับ Ascorbyl Glucoside และ Lilium Candidum Flower Extract
– Niacinamide นี่ใครที่ติดตามอ่านรีวิวเราคงแทบจะจำขึ้นใจกันได้แล้วว่ามันคือ Vitamin B3 ซึ่งมีคุณสมบัติครอบจักรวาลตั้งแต่การเพิ่มปริมาณเซราไมด์ในผิว ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น พร้อมมีคุณสมบัติเป็นไวท์เทนนิ่งลดเรื่องเมลานินที่ทำให้เกิดจุดด่างดำได้ ผลิตภัณฑ์ตัวนี้น่าจะอยู่ในระดับ 2-3% ขึ้นไปซึ่งก็คาดหวังผลจากส่วนผสมตัวนี้ได้
(Source : Niacinamide: A Topical Vitamin with Wide-Ranging Skin Appearance Benefits.)
– Ascorbyl Glucoside คืออนุพันธ์วิตามินซีที่มีความเสถียรขึ้น เป็นสารไวท์เทนนิ่งที่ถูกใช้ในผลิตภัณฑ์จำนวนมากในท้องตลาด ความเข้มข้นที่แนะนำจากผู้ผลิตอยู่ที่ 2% ขึ้นไป ซึ่งตัวนี้ดูยังไงก็ไม่ถึง ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเซรั่มของกลุ่ม Fine Fairness นี้มีวิตามินซีชนิดนี้เยอะกว่าล่ะ ถ้าคาดหวังเรื่องผลจากวิตามินนี่ก็ต้องไปเน้นที่เซรั่มเนอะ
– Lilium Candidum Flower Extract หรือสารสกัดจากดอกลิลลี่ซึ่งทาง Johnson & Johnson เจ้าของแบรนด์ Neutrogena มีการจดสิทธิบัตรในการนำมาใช้เป็นสารไวท์เทนนิ่ง โดยในรายละเอียดของสิทธิบัตรบอกเอาไว้ว่าสารที่ได้มาจากลิลลี่นั้นมีพวกแซคคาไรด์และฟลาโวนอยด์อยู่สารพัดเลยและกระบวนการสกัดให้ได้สารต่าง ๆที่ออกมาต่างกันมีผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัยของมันด้วย เขาเคลมในสิทธิบัตรว่าสารสกัดตัวที่เขาเลือกมานั้นีคุณสมบัติในการลดการผลิตเม็ดสีเมลานินที่ถูกกระตุ้นจากรังสี UVB ได้ในขณะที่มีความปลอดภัยสูงกว่าสารสกัดตัวอื่นที่จากพืชชนิดเดียวกัน เรายังไม่เจอข้อมูลจากแหล่งอื่นที่ตีพิมพ์ประสิทธิภาพในแง่นี้ของสารสกัดลิลลี่ แต่ลิ่ลลี่ถูใช้เป็นยาแผนโบราณมาอย่างยาวนานและมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระได้
(Source : Compositions comprising Lilium candidum extracts and uses thereof , Constituents of Lilium candidum L. and their anti oxidative activity)
สำหรับสารกันแดดที่ใช้นั้นคือ Ethylhexyl Methoxycinnamate เป็นตัวกรอง UVB และ Butyl Methoxydibenzoylmethane เป็นตัวกรอง UVA สารกันแดดสองตัวนี้มีปัญหาเรื่องความเสถียรและยิ่งถ้าผสมมาด้วยกันจะยิ่งเสื่อมประสิทธิภาพได้ไวกว่าเดิม มีหลายวิธีในการแก้ปัญหานี้อย่างเช่นการใช้สารกันแดดที่มาเสริมความเสถียรสองส่วนผสมทั้งสองตัวนี้แต่เราไม่พบส่วนผสมที่สามารถทำหน้าที่นี้ได้ในส่วนผสมที่ระบุมา วิธีสุดท้ายที่ก็แอดวานซ์ขึ้นไปอีกคือการ Encapsulation หรือห่อหุ้มสารกันแดดทั้งสองชนิดนี้แยกออกจากกันในเปลือกแคปซูลที่อาจจะเป็นโพลิเมอร์ หรือพวก SIlica หรือ Polymethyl Methacrylate
อันนี้ทางแบรนด์ไม่มีข้อมูลอะไรมาให้เราในส่วนนี้เลย แต่โดยความเห็นส่วนตัวแบรนด์ Neutrogena เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่สื่อสารเรื่องความสำคัญของความเสถียรของสารกันแดด ไม่น่าจะมาพลาดกับเรื่องความเสถียรในผลิตภัณฑ์ของตัวเอง และในส่วนประกอบมี Silica ซึ่งก็มีการนำมาใช้ในการ Encapsulation สารกันแดดอยู่ด้วยในปัจจุบัน ส่วนตัวเราคิดว่าเขาน่าจะมีการ Encapsulation ตัว Ethylhexyl Methoxycinnamate แยกออกมาจาก Butyl Methoxydibenzoylmethane เพื่อเพิ่มความเสถียรให้กับส่วนผสมทั้งสองตัวนี้ แต่อันนี้เราจะขอไม่ฟันธงจนกว่าเราจะมีข้อมูลมายืนยันในเรื่องเทคโนโลยีที่ใช้ละกัน
(Source : The Quest for Avobenzone Stabilizers and Sunscreen Photostability, Mesoporous silicate MCM-41 as a particulate carrier for octyl methoxycinnamate: Sunscreen release and photo stability., SPF Boosters & Photostability of Ultraviolet Filters)
Ingredients : Water, Ethylhexyl Methoxycinnamate, Glycerin, C12-15 Alkyl Benzoate, Niacinamide, Dimethicone, Butyl Methoxydibenzoylmethane, Cetyl Alcohol, Silica, Sodium Acrylate/Sodium Acryoyldimethyl Taurate Copolymer, Steareth-21, Stearoxytrimethylsilane, Isohexadecane, Stearyl Alcohol, Trimethylsiloxysilicate, Methylparaben, Steareth-2, Tocopheryl Acetate, Polysorbate 80, Ethylparaben, Fragrance, Propylparaben, Acrylates/C10-30 Alkyl Acrylate Crosspolymer, Palmitic Acid, Stearic Acid, Carbomer, Chlorhexidine Digluconate, Sodium Hydroxide, Disodium EDTA, Ascorbyl Glucoside, Butylene Glycol, Lilium Candidum Flower Extract.
เนื้อครีมสีขาวสะอาดและอยู่ตัว สัมผัสเวลาทาลงบนผิวความรู้สึกว่าเนื้อมันมีความฟู ๆ เบา ไม่หนักผิว การกระจายตัวดีและเมื่อเซ็ทตัวจะดูไม่มันวาวและให้ความชุ่มชื่นบางเบา โดยรวมถือเป็นเดย์ครีมราคาระดับไม่ถึง 500 บาท ที่ทำเนื้อมาได้โอเคเลยนะ ตัวนี้ไม่มี Titanium Dioxide เหมือนตัวก่อนนู้นนนนที่เราเคยใช้ดังนั้นจึงไม่ให้เอฟเฟคขาว ๆ บนผิว สีผิวไหนก็ใช้ได้ไม่มีปัญหาเรื่องจะดูเทาหรือดูหลอก
การใช้งานโดยรวมของเราไม่มีปัญหากับการใช้คู่กับสกินแคร์ที่เราใช้อยู่ตามปกติ เราใช้ครีมตัวนี้โดยไม่ทากันแดดเพิ่มในวันที่อยู่แต่ในบ้าน แต่ถ้าต้องออกไปข้างนอกเราคิดว่าลำพังตัวนี้ไม่เพียงพออย่างแน่นอน เนื่องจากค่า SPF22 PA++ กับปริมาณครีมที่เราทาก็ไม่ได้มากขนาด 2 ข้อนิ้วลงบนหน้าเพื่อที่จะให้ได้ค่าการปกป้องตามที่ระบุ ก็จำเป็นต้องใช้ครีมกันแดดที่มี SPF และ PA ที่สูงกว่านี้ทาทับเพิ่มในการที่จะได้การปกป้องผิวที่มากพอ
โดยภาพรวมแล้ว Neutrogena : Fine Fairness Cream SPF22 PA++ เป็นไวท์เทนนิ่งเดย์ครีมที่พอใช้ได้ ส่วนผสมของสารบำรุงก็มีอะไรที่พอคาดหวังผลได้แต่อาจจะดูไม่หวือหวามากนัก สิ่งที่ไม่ค่อยเจอในผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งแบรนด์อื่นในระดับเดียวกันก็คงจะเป็นสารสกัดเฉพาะที่มาจากลิลลี่ที่เขาจดสิทธิบัตรเอาไว้แล้ว เนื้อผลิตภัณฑ์ก็ออกมาค่อนข้างโอเค
ในแง่ของการเป็นไวท์เทนนิ่งเพื่อผิวขาวกระจ่างใสเราคิดว่าอันนี้เป็นตัวเสริมไปกับการใช้เซรั่มไวท์เทนนิ่งไปด้วยกันน่าจะทำให้เห็นผลได้มากกว่า แต่ใครที่อยากได้อะไรง่าย ๆ แบบทาครีมตัวเดียวจบในตินกลางวันและชีวิตไม่ได้เจอแดดอะไร ครีมตัวนี้ก็มีสารไวท์เทนนิ่งมาให้พร้อมสารกันแดด พร้อมความชุ่มชื่นกำลังพอดี ใช้ได้ตั้งแต่ผิวธรรมดา ผิวผสม ค่อนไปทางแห้งนิดหน่อยก็น่าจะได้ ผิวมันถ้าไม่ทาอะไรหลากชั้นก็ยังพอได้ถ้าตบแป้งฝุ่นบาง ๆ ทับ กลิ่นน้ำหอมไม่รุนแรงมากนักแต่จะถูกจริตหรือไม่อันนี้ก็ต้องไปลองกันเองดู ส่วนตัวเราคิดว่าอยากให้กลิ่นจางไปไวกว่านี้ล่ะ
ในเรื่องของสารกันแดดที่ยังไม่ชัดเจนว่าใช้เทคโนโลยีอะไร มันจะเสถียรหรือไม่นั้นอาจจะเป็นเด่นหรือจุดด้อยในนี้ก็ได้ คือถ้ามันเป็นการแยกสารกันแดดโดยการ Encapsulation มาจริงก็จะถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ระดับแมสอันแรก ๆ เลยมั้งที่เราเห็นว่าใช้เทคโนโลยีนี้มาเพราะต้นทุนมันสูงกว่าปกติ และการ Encapsulation ยังช่วยทำให้ตัวผลิตภัณฑ์มีความอ่อนโยนกับผิวมากขึ้นด้วย แต่ถ้าผลิตภัณฑ์ไม่มีเทคโนโลยีที่ว่าเลยก็จะกลายเป็นว่าสารกันแดดในนี้มีปัญหาเรื่องความเสถียรและเป็นอะไรที่น่าผิดหวังมากจากแบรนด์นี้เลยล่ะ (ซึ่งเราหวังว่ามันจะไม่ใช่แบบหลัง)
ความเห็นส่วนตัวคือเราคิดว่าน่าจะมีค่า SPF30 PA+++ เป็นอย่างต่ำ จะได้ค่าการปกป้องที่ดูดีขึ้น แบบเห็นแล้วเออุ่นใจ แบบ 22 ดูไม่พอยังไงไม่รู้สำหรับเรานะ แต่ก็เข้าใจว่าการทำสูตรที่มี SPF อาจจะทำให้เนื้อสัมผัสดีได้ยากขึ้นไปอีก แต่ก็คิดว่าในอนาคตตก็น่าจะมีเทคโนโลยีที่ทำให้สิ่งนี้เป็นไปได้ง่ายขึ้นสำหรับเขา
สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง
***Sponsored Item***
- Neutrogena : Fine Fairness Cream SPF22 PA++
- เนื้อผลิตภัณฑ์ทำมาออกมาใช้ได้ ไม่หนักผิว และเเซ็ทตัวกำลังดี
- มีส่วนผสมของสารไวท์เทนนิ่งและแอนติออกซิแดนท์
- บรรจุภัณฑ์แบบกระปุก
- มีส่วนผสมของน้ำหอม
- ยังมีข้อสงสัยในเรื่องความเสถียรของสารกันแดด