ทาง Neutrogena ส่งผลิตภัณฑ์ Neutrogena : Deep Clean Foaming Cleanser สูตรใหม่ เนื้อฟองโฟมแบบ Cushion Foam หนานุ่ม ทั้ง 5 สูตรมาให้ถึงบ้าน พร้อมกับคำเคลมถึงคุณสมบัติในการช่วยทำความสะอาดล้ำลึก รวมไปถึงช่วยล้าง PM2.5 ออกจากผิวได้มากถึง 99% ทางแบรนด์อยากให้ปูเป้ทดลองใช้ และอยากให้ปูเป้อธิบายว่าเจ้าฝุ่นมลพิษนี้มีผลโดยตรงกับสุขภาพผิวของเราอย่างไร บ้าง จึงได้ทำเป็นบทความนี้ขึ้นมาให้อ่านและเก็บข้อมูลกัน
คือปัจจุบันนี้คงไม่มีใครสามารถปฏิเสธว่าเรามีปัญหาเรื่องมลภาวะรอบตัวทุกรูปแบบโดยเฉพาะมลภาวะทางอากาศที่รุนแรงหนักขึ้นและกินระยะเวลานานขึ้นทุกปี ซึ่ง PM2.5 ก็คือฝุ่นพิษอันเกิดจากการเผาไหม้จากครัวเรือน จากเครื่องยนต์ เกษตรกรรม อุตสาหกรรม ที่มีขนาดเล็กเพียง 2.5 ไมครอนซึ่งเล็กกว่าเส้นผมของคนเรากว่า 20-30 เท่า ฝุ่นพิษเหล่านี้เล็ดลอดผ่านระบบป้องกันของร่างกายเข้าไปสู่ระบบทางเดินหายใจได้ และยังสามารถเข้าไปในรูขุมขนได้อีกด้วย
ปัญหาที่ทำให้สาร PM 2.5 นี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพและผิวพรรณเป็นอย่างมาก เพราะว่ามันไม่ใช่แค่ฝุ่นธรรมดา แต่ในขณะที่มันถูกสร้างขึ้นจากการเผาไหม้ต่าง ๆ บรรดาสารพิษและโลหะหนักสารพัดชนิด ก็จะติดเข้ากับอานุภาคของฝุ่นนี้ เมื่อเข้าไปสัมผัสกับเนื้อเยื่อก็จะก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ การระคายเคือง การอักเสบ ความเสียหายในระดับเซลล์
การศึกษาวิจัยในระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมาสรุปไปในทางเดียวกันว่า ฝุ่นพิษ PM 2.5 ทำให้เกิดปัญหาทั้งริ้วรอย จุดด่างดำ ผิวอ่อนแอ ผิวคัน ผื่นผิวหนังอักเสบอย่าง Eczema และ Atopic Dermatitis และอาจเชื่อมโยงไปถึงปัญหาสิวอีกด้วย การศึกษาที่เปรียบเทียบคุณภาพผิวของกลุ่มคนที่อยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยมลภาวะ กับคนที่อยู่นอกเมืองที่มีมลภาวะน้อยกว่า แสดงให้เห็นความแตกต่างของคุณภาพผิวอย่างชัดเจนว่าคนในเมืองมีสุขภาพผิวที่แย่กว่าในทุกด้าน
(Source : Atmospheric aerosols: composition, transformation, climate and health effects., Penetration of microparticles into human skin, Interaction of matrix metalloproteinases with pulmonary pollutants., Airborne particle exposure and extrinsic skin aging., The impact of airborne pollution on skin, Systematic Review and Meta-Analysis of Human Skin Diseases Due to Particulate Matter, A Time-Series Study of the Effect of Air Pollution on Outpatient Visits for Acne Vulgaris in Beijing., Consequences of urban pollution upon skin status. A controlled study in Shanghai area., Evaluation of the impact of urban pollution on the quality of skin: a multicentre study in Mexico., Clinical implications of lipid peroxidation in acne vulgaris: old wine in new bottles, Environmental pollutants and skin cancer.)
แน่นอนว่าการลดปัญหาของมลภาวะทางอากาศ อย่าง PM2.5 อย่างยั่งยืนนั้นต้องอาศัยทรัพยากรมหาศาลและการวางแผนอย่างเป็นระบบของภาครัฐและความร่วมมือของภาคเอกชนและประชาชนอย่างต่อเนื่องและมันใช้เวลากว่าจะเห็นผล แต่ในเบื้องต้นนี้เราก็ต้องลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสุขภาพทั้งร่างกายและผิวหนังของเราด้วยหลายวิธีด้วยกัน อย่างเช่นการดูค่าคุณภาพอากาศทุกวันและหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งเท่าที่เป็นไปได้ สวมหน้ากากป้องกัน PM2.5 และมีเครื่องฟอกอากาศในห้องที่ทำงานและที่อยู่อาศัย รวมไปถึงใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยผลกระทบ หรือป้องกันผิวจากฝุ่นพิษ PM2.5 ได้
“การทำความสะอาดฝุ่นพิษ PM2.5” เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะผลกระทบจาก PM2.5 นั้นเกิดขึ้นเมื่อฝุ่นพิษเหล่านี้ติดอยู่บนผิวและก่อความเสียหายในระดับเซลล์จนเกิดปัญหาผิวสารพัดอย่างดังที่กล่าวไปแล้วก่อนหน้า ยิ่งปล่อยให้ PM2.5 ติดผิวนานก็ยิ่งได้รับความเสียหายมากขึ้น ดังนั้นเราจึง ควรทำความสะอาดฝุ่นพิษออกจากผิวให้ได้มากที่สุด และ ทำความสะอาดทันทีที่เรากลับถึงบ้านหรือที่พัก
ทาง Neutrogena ก็ได้พึ่งปรับสูตรกลุ่มผลิตภัณฑ์ Neutrogena : Deep Clean Foaming Cleaser ทั้ง 5 สูตรใหม่ พร้อมกับสื่อสารถึงคุณสมบัติในการทำความสะอาดสิ่งสกปรกอย่างล้ำลึก รวมถึง PM2.5 ได้มากถึง 99% และย้ำกว่าเคลมทั้งหมดนี้ “ผ่านการทดสอบทางคลีนิค” แล้ว
เอาจริง ๆ คือคุณสมบัติในการชำระล้าง PM2.5 เป็นสิ่งที่ผู้บริโภคไม่สามารถเห็นได้ด้วยตัวเองอยู่แล้วเนื่องจากฝุ่น PM2.5 เล็กมากจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น และการที่ผลิตภัณฑ์ที่เคลมว่าสามารถชำระล้าง PM2.5 ได้ หรือเคลมว่าช่วยชำระล้างมลภาวะได้นั้น หากเป็นแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและทำทุกอย่างถูกต้องตามกฏหมายก็จะต้องส่งผลการทดสอบประสิทธิภาพนั้นให้กับ อย โดยต้องเป็นการทดสอบทางคลีนิคที่ได้มาตรฐานตามที่กำหนดไว้ ถึงจะปล่อยให้เคลมได้ ซึ่ง Neutrogena เป็นแบรนด์ระดับโลกและมีความน่าเชื่อถือมากอยู่แล้ว เราจึงมั่นใจว่าเคลมนี้จะมีเอกสารการทดสอบมาพร้อมถึงสามารถสื่อสารออกมาแบบนี้ได้
สิ่งที่ปูเป้สามารถวิเคราะห์ได้ก็คงเป็นในแง่ของการสูตรผลิตภัณฑ์ ซึ่งผลิตภัณฑ์ Neutrogena : Deep Clean Foaming Cleaser ทั้ง 5 สูตร นั้นยืนพื้นบนโครงสร้างสูตรเดียวกัน มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยในแง่ของส่วนผสมข้างเคียงเพื่อสร้างจุดขายที่แตกต่าง แต่โดยหลักแล้วทุกสูตรเป็นโฟมล้างหน้าแบบ Soap Base ที่ใช้การเบลนของกรดไขมันหลายชนิดอย่าง Myristic Acid, Lauric Acid, Palmitic Acid, Stearic Acid เข้ากับเบสอย่าง Potassium Hydroxide จะได้เป็นโฟมที่ให้ฟองละเอียดและหนานุ่มแบบที่คนไทยและคนเอเชียชอบใช้
แต่โดยปกติแล้วโฟมล้างหน้าที่ฟองเยอะแบบ Soap Base มักจะทำให้ผิวแห้งตึงแห้งกร้าน ซึ่งไม่ใช่ผลดีกับผิวที่เจอปัญหามลภาวะจนอ่อนแอและมักมีแนวโน้มขาดน้ำและแห้งกร้านได้อยู่แล้ว ทาง Neutrogena จึงเลือกให้ผลิตภัณฑ์นี้เป็นเป็น Glycerin Base ซึ่งมีส่วนผสมของ Glycerin ที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวถึง 33% หรือกว่า 1/3 ของสูตรทั้งหมดเลยทีเดียว และมีการผสมสารทำความสะอาดเสริม Cocamidopropyl Hydroxysultaine ที่อ่อนโยนและสร้างเนื้อโฟมได้ดีเข้าไปอีกด้วย เพื่อช่วยปรับให้สูตรทั้งหมดมีความสมดุลระหว่างการสร้างฟองโฟมที่เยอะและละเอียดนุ่ม แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ทำให้ผิวแห้งกร้านแบบโฟมล้างหน้าแบบ Soap Base ทั่วไป
สิ่งสำคัญที่สุดในการใช้ผลิตภัณฑ์ Neutrogena : Deep Clean Foaming Cleaser ทั้ง 5 สูตร ที่ปูเป้จะแนะนำก็คือ การตีฟองให้หนานุ่ม เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ในการใช้และประสิทธิภาพที่ดีที่สุด
วิธีใช้ก็ง่ายมาก เพียงบีบโฟมบนฝ่ามือให้ได้ความยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร ใส่น้ำทีละนิดและตีฟองบนฝ่ามือ ถ้าเนื้อข้นไปละฟองขึ้นน้อยก็ค่อยเติมน้ำเล็กน้อยและตีฟองต่อ แต่ระวังอย่าใส่น้ำทีละมาก ๆ เพราะจะทำให้ฟองไม่ค่อยละเอียด หรือถ้าใครมีตัวช่วยในการตีฟองอยู่ที่บ้านก็สามารถใช้ได้จ้า
จุดเด่นของโฟมล้างหน้าแบบนี้ที่ให้ฟองแน่นและละเอียดนุ่มนั้น นอกจากจะล้างออกได้ง่าย ให้ความรู้สึกสะอาดหมดจดแล้ว เนื้อฟองที่ละเอียดนุ่มยังทำหน้าที่เหมือนกับ “เบาะ” หรือ “Cushion” ที่คั่นระหว่างผิวหน้ากับปลายนิ้วของเราเวลาลูบไล้บนผิว ช่วยลดแรงเสียดทานและการรบกวนผิวได้ นอกจากนี้ยังมีแนวคิดที่ว่าอานุภาคโฟมที่ละเอียดมาก ๆ นี้จะแทรกไปทำความสะอาดตามร่องผิวได้มากขึ้นอีกด้วย หากใครไม่เคยตีฟองแบบนี้ เราขอแนะนำให้คุณทำดู แล้วคุณจะรู้สึกแตกต่างเลยล่ะ!!!
สิ่งสำคัญที่อยากเน้นย้ำอีกครั้ง คือให้ทำความสะอาดผิวทันทีที่กลับถึงบ้านหรือที่พัก เข้าใจว่าบางทีกว่าจะฝ่ารถติดหรือคนแน่นเอี๊ยดเป็นปลากระป๋องบนระบบขนส่งมวลชนก็ทำให้เราหมดพลัง อยากนั่งพัก ไม่อยากทำอะไรอีก แต่อย่างที่บอกไปแล้วว่ายิ่งปล่อยให้มันค้างไว้นานขึ้นผิวยิ่งเสียมากขึ้น หากรักผิวก็กลับมาทำคามสะอาดผิวให้สะอาดก่อน หากยังไม่รีบนอนหรือยังไม่อยากโบกสกินแคร์เต็มขั้นตอน ก็ให้ใช้พวกโลชั่นน้ำให้ความชุ่มชื้นตบ ๆ ให้สบายผิว ไม่ให้ผิวแห้ง แล้วก่อนจะเข้านอนค่อยเช็ดโทนเนอร์แล้วลงสกินแคร์บำรุงผิวตามปกติ เท่านี้ผิวก็จะได้รับการปกป้องอย่างดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้แล้วจ้า
ปูเป้ก็หวังว่าข้อมูลที่ให้ไปทั้งหมดจะทำให้ทุกตระหนักถึงภัยของมลภาวะทางอากาศ โดยเฉพาะ PM2.5 ที่มีผลกระทบกับผิวโดยตรง ไม่ใช่แค่กับสุขภาพภายในเท่านั้น และสกินแคร์ที่เราใช้ อย่างการทำความสะอาดด้วยโฟมเนื้อหนานุ่มนั้นจะใช้อย่างไรเพื่อให้ได้ผลสูงที่สุด
แต่สิ่งสำคัญที่ปูเป้อยากให้ทุกคนตระหนักอีกอย่างคือมลภาวะทางอากาศเหล่านี้มีผลกระทบกับทุกคนไม่เว้นจนรวย ทว่าสิ่งที่ต่างกันคือโอกาสในการเข้าถึงการปกป้องตัวเองซึ่งล้วนมีต้นทุนที่ต้องจ่าย การลงทุนกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อปกป้องตัวเอง ลดผลกระทบที่เกิดขึ้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราทำได้ให้กับตัวเอง แต่เราทุกคนต้องผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นสำหรับอนาคตของตัวเราเอง ของลูกหลาน และของเพื่อมนุษย์ร่วมสังคมอีกด้วย
ด้วยรัก / ปูเป้