เวลาแวะเวียนมาบรรจบครบ 1 ปีอีกจนได้ นับวันยิ่งแก่ตัวลงยิ่งรู้สึกว่าเวลามันช่างไหลผ่านไปเร็วนัก (กระซิก ๆ) และด้วยเหตุนั้นเอง ผองเราชาวมนุษย์ผู้ต้องการยื้อสังขารให้เหี่ยวช้าที่สุดจึงต้องเสาะแสวงหา Holy Grail ท่ามกลางเครื่องสำอางประทินผิวมากมายเพื่อฟรีซหยุดเวลาผิวไว้ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ในปี 2013 นี้ปูเป้ก็ได้ลองผลิตภัณฑ์ทั้งออกใหม่ล่าสุด ทั้งที่ออกมานานแล้วแต่พึ่งมีโอกาสได้ลองอยู่หลายตัว บางตัวก็ไม่คิดว่ามันจะดี แต่ผิดคาดที่มันเวิร์ค!!! จึงขอนำมาเผยแพร่บอกกล่าวต่อกันให้ได้ชมกันอีกเช่นเคย
แอบโน๊ตไว้หน่อยว่า PuPe’s Favorite นี้เลือกขึ้นมาจากความชอบส่วนตัว ผลที่ได้ จากสภาพผิวของปูเป้เอง (ผิวผสม เป็นสิวง่าย และมีอาการขาดน้ำเป็นช่วงที่โปะยารักษาสิว) ดังนั้นสิ่งที่ปูเป้เลิฟ ๆ อาจจะไม่ได้ดีเลิศกับทุกคนเนื่องจากเราก็มีผิวที่แตกต่างกันไป ความต้องการและความชอบก็ต่างกัน และอาจจะรวมถึงงบประมาณในการทำสวยด้วย ก็ขอให้อ่านเป็นข้อมูลเบื้องต้น พิจารณาถึงความเหมาะสมของตัวเอง และเป็นไปได้ควรทดลองผลิตภัณฑ์ก่อนที่จะลงทุนซื้อมาใช้ทุกครั้งจ้า ขอให้ตื่นตาตื่นใจกับ PuPe’s Favorite 2013 นี้นะฮ๊าฟฟฟฟฟ
Bioderma Sensinio H2O Micelle Solution (500ml / 1,250THB)
ไอเทมเก่าจากปี 2012 แต่เอามาลงปีนี้เพราะว่ายังคงใช้อย่างต่อเนื่อง แบบว่าหอบจากฮ่องกงมาเยอะ (ก็มันถูก แค่ 103HK$เอง) เช็ดทำความสำอาดกันแดด แป้งฝุ่น เบส หรือ BB Cream ได้ดี แม้ว่าครึ่งปีหลังจะไม่ได้ใช้ BB Cream หรือ Makeup Base เลย แต่ก็ยังใช้เช็ดกันแดดกับแป้งฝุ่นอยู่ เหมาะกับทุกภาพผิว โดยเฉพาะผิว Sensitive และผิวที่ขาดน้ำ
Bifesta Cleansing Express Tightening Cleansing Sheet (46 Sheet / 380 THB)
เห็นที่เมืองนอกมาปีนึงแล้วในที่สุดก็เข้าเมืองไทยซะที ที่ชอบตัวนี้ก็ตรงที่มันเหมาะมากกับการพกพาตอนไปเที่ยว หรือพกไปฟิตเนส เพราะว่ามันสะดวก ง่าย แล้วก็ไม่หกเลอะเทอะด้วย (แบ่งพวก Cleansing Water ใส่ขวดเล็ก ๆ ไปใช้ทีไร ต้องมีรั่วหรือซึมกันบ้าง) แผ่นสำลีมีขนาดใหญ่สะใจ และมีเนื้อที่ค่อนข้างนุ่ม สูตรปราศจากสี น้ำหอม มีแอลกอฮอล์มาด้วย แต่ก็ใช้แค่เป็นบางวันที่ไปออกกำลังกาย หรือกลับมาบ้านมาเหนื่อย ๆ อยากล้างหน้าเร็ว ๆ ก็ไม่มีปัญหาเรื่องผิวแห้งแต่อย่างใด
Cerave Foaming Facial Cleanser (335ml / 11.99 US$)
เจลล้างหน้าแบบมีฟองปานกลางที่แสนจะสารพัดประโยชน์ ล้างหน้าก็สะอาดดี ไม่แห้งตึง จะใช้อาบน้ำตัว ใช้ล้างมือ ล้างแปรงหรือพัฟแต่งหน้าก็ได้ ราคาไม่แพงด้ว ข้อเสียคือมันไม่มขายในไทย ต้องหอบมาจากอเมริกาเท่านั้น ส่วนใครที่อยากจะซื้อมาใช้ขอบอกว่าในรูปเป็นแพคเกจเก่าแล้ว ปัจจุบันเป็นแพคเกจใหม่ไฉไลกว่าเดิม แต่เรายังสั่งเพิ่มไม่ได้จนกว่าจะใช้กรรมเก่าที่ตุนไว้เยอะให้หมดก่อน
Neutrogena Deep Clean Hydrating Bamboo Gel Cleanser (100g / 185 THB)
เจลล้างหน้าที่ให้ฟองกำลังดี เหมาะมากที่จะใช้หลังจากเช็ดเครื่องสำอางแล้วเพื่อช่วยขจัดสิ่งสกปรกหรือความมันส่วนเกินที่ยังหลงเหลืออยู่ ล้างออกได้ง่าย ผิวไม่แห้ง และกลิ่นก็หอมด้วย อุปกรณืที่ควรมีไว้คู่กันคือตาข่ายตีฟองเพื่อให้ฟองนุ่ม ๆ มาช่วยลดการเสียดสีระหว่างทำความสะอาดผิว ข้อควรระวังเล็กน้อยคืออย่าให้เข้าตา และถ้าหากผิวเป็นแผลก็จะแสบหน่อยล่ะ จึงไม่เหมาะที่จะใช้หากมีแผลจากการโกนหนวดหรือหลังกดสิว
Sulwhasoo Gentle Cleaning Foam (200ml / 1,100 THB)
เจลล้างหน้ากลิ่นหอมสมุนไพร ที่ทำความสะอาดได้ดีทีเดียว แล้วผิวไม่แห้งตึงและก็ล้างออกได้ง่าย ในบรรดาเจล้างหน้าที่เป็นตัวโปรดของปี 2013 ตัวนี้มีประสิทธิ์ภาพในการทำความสะอาดสูงสุดก็ว่าได้ แต่ก็แพงที่สุดเช่นกัน
Philosophy the micro delivery exfoliating facial wash (120ml / 690 THB , 240ml / 1,200 THB)
ใครอยากได้เจลล้างหน้าผสมสครับดี ๆ ที่ใช้เป็นประจำได้ทุกวันต้อตัวนี้เลย ตัวเบสใช้สารทำความสะอาดที่สกัดจากกรดอะมิโนของแอปเปิ้ล อ่อนโยน ไม่ระคายเคือง ไม่แห้งตึง ไม่มีน้ำหอม เม็ดขัดผิวทีความละเอียดเล็ก ทำจากแร่ธาตุ ไม่เป็นภาระตกค้างให้กับสภาพแวดล้อม สวย ๆ แบบรักษ์โลก ข้อแนะนำในการใช้คือควรจะมีการเขย่าหรือพลิกขวดบ้า เพราะขวดแรกที่ตัวเองใช้เหมือนจะมีการลอยตัวของเม็ดขัดผิวเนื่องจากความหนาแน่นอขงตัวเบสเจลและเม้ดขัดผิวมีความต่างกัน ทำให้ช่วงที่เหลือ 1/4 ของขวดนั้นไม่เหลือเม็ดขัดผิวเลย แต่ก็ยังใช้เป็นเจลล้างหน้าได้ตามปกติ
Paula’s Choice : Skin Balancing Pore-Reducing Toner (190ml / 850 THB)
โทนเนอร์สามัญประจำบ้านยังคงติดโผอีกเช่นเคย ราคาปานกลาง มีส่วนผสมที่ดีเลิศ ช่วยให้ผิวแข็งแรงและชุ่ชื้นขึ้น เอามาทำมาส์กหน้าก็ได้ด้วย ถึงจะบอกว่าเหมาะกับผิวผสม ถึงผิวมัน แต่ในช่วงหน้าร้อน มันก็ใช้ได้กับทุกสภาพผิวเลยล่ะ
La Mer The Treatment Lotion (150ml / 4,200 THB)
ตัวนี้ยังไม่เห็นส่วนผสมเลยว่ามีอะไรบ้าง ตัดสินจากความรู้สึกหลังการใช้ล้วนๆ เพราะว่าโลชั่นน้ำที่มีความหนืดล็กน้อยนี้ทำให้ผิวรู้สึกฉ่ำมากและรู้สึกนุ่มขึ้นทันทีหลังใช้ ราคา 4,200 บาท แต่ใช้ได้นานหลายเดือนมากมาย ถือเป็นอีกหนึ่งตัวของ La Mer ที่ใช้ได้ง่ายกับทุกสภาพผิว และมีราคาที่ไม่เกินจะไขว่คว้า
Paula’s Choice RESIST C15 Super Booster (20ml / 2,200 THB)
ไม่ต้องสาธยายกันมากกับเซรั่มวิตามินซีเข้มข้น 15% ตัวนี้ มันช่วยให้ผิวเราดูกระจ่างขึ้น ลดรอยแดง รอยดำ ทำให้ผิวแน่นขึ้นด้วย แม้ราคาค่าตัวจะไม่ถูกแต่ก็ไม่แพงจนเกินไป
Mamond First Energy Serum (100ml / 900 THB)
เป็นเซรั่มบำรุงผิวที่ต้องใช้เป็นขั้นตอนแรกกลังจากล้างหน้า (หรือเช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์แล้ว) มีส่วนผสมของน้ำสกัดจาก Honeyshuckle อยู่สูงมาก และมี Niacinamide ด้วย เป็นเซรั่มบำรุงผิวพื้นฐาน ต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น ที่ใช้ได้กับทุกเพศ ทุกสภาพผิว ทุกวัย ในราคาไม่ถึงพันบาท แต่ปริมาณใหญ่บึ้ม
Oriental Princess Natural Power C Power Boosting Serum (60ml / 475 THB)
เวอร์ชั่นอัพเกรดใหม่นี้มีปริมาณของวิตามินซีที่เยอะขึ้น และสารสกัดจากพืชที่มีประโยชน์หลายชนิด เนื้อสัมผัสทำออกมาได้ดีขึ้นหน่อย บรรจุภัณฑ์ใหม่ก็ดูดี แถมราคาก็ยังคงคุ้มค่าเหมือนเดิม เรียกได้ว่าไม่ทำให้เราผิดหวังเลยล่ะ
RMK Eye Balm (12.5g / 1,700 THB)
อายบาล์มเนื้อเข้มข้นที่มาพร้อมกับ Applicator รูปร่างแปลก แต่ใช้งานได้จริงในการช่วยนวด กดจุด ประคบ เพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนและลดการบวมโดยเฉพาะหลังตื่นตอน เนื้อบาล์มเหมาะมากที่จะใช้หลังจาก Eye Serum เพื่อที่จะช่วยเคลือบผิวให้ความชุ่มชื้นที่ดีขึ้น แต่จะใช้เดี่ยวๆ ก็ได้อย่างไม่มีปัญหา รู้สึกได้ว่าผิวรอบดวงตาชุ่มชื้นและเส้นริ้วลดลง ราคาไม่แรงอย่างที่คิด และตัว Applicator ที่ได้มาก็สามารถนำไปใช้กั[อายครีมยี่ห้ออื่น ๆ ได้
StriVectin-SD Eye Concentrate For Wrinkle (30ml / 2,700 THB)
อายครีมในดวงใจ 3 ปีซ้อน เพราะใช้แล้วผิวรอบดวงตามันแน่นขึ้น พื้นผิวเรียงตัวเป็นระเบียบ แถมรู้สึกว่าขนตายาวและแข็งแรงขึ้นด้วยเป็นของแถม นอกจากจะทารอบดวงตาแล้ว ยังทารอบปาก มุมปาก หรือจุดที่กังวลเรื่องริ้วรอยก่อนวัยได้ดีทีเดียว ข้อเสียเล็กน้อยคือมันมีน้ำหอม และอาจให้ความชุ่มชื้นไม่มากทันใจสำหรับคนที่ผิวรอบดวงตาแห้งมาก แต่โดยส่วนตัวเราไม่แพ้และใช้ได้ผลดี จึงเลิฟเป็นพิเศษ
Sulwhasoo Timetreasure Perfecting Emulsion (125ml / 3,800 THB)
อีมัลชั่นบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้นได้เพียงพอกับคนที่มีผิวธรรมดา ผิวผสม (สำหรับผิวมัน ใช้ตอนกลางคืนหรือใช้เฉพาะจุดที่ต้องการความชุ่มชื้น หรือแห้งจากยารักษาสิวก็ได้) มีส่วนผสมของสารสกัดจากสมุนไพรที่หลากหลาย อัดแน่น กลิ่นหอมผ่อนคลาย และเมื่อเทียบราคา 3,800 บาท ต่อปริมาณ 125ml แล้ว มันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากเลยล่ะ
Kiehl’s Super Multi-Corrective Cream (50ml / 2,850 THB)
บอกตามตรงว่าตอนแรกเราไม่คิดว่ามันจะใช้ดี แต่บังเอิญเจอคนสนิทที่ไม่พบกันเดือนนึง หนังหน้าดูดีขึ้นจึงถามว่าไปลองอะไรมา พอทราบคำตอบก็รีบกลับมาเปิดกระปุกควักทาทันที ส่วนตัวเราไม่เห็นว่าผิวเราจะยกกระชับขึ้นมาหรอก แต่ที่เราชอบคือมันเหมาะกับการใช้ในตอนกลางคืนมาก เพราะว่าเรานอนห้องแอร์ และเราใช้ยารักษาสิวที่ทำให้ผิวเราขาดน้ำและกร้านได้ง่ายเพราะวัยเลข 3 ทำพิษ ตื่นมาแล้วผิวจะนุ่มมมมมม เด้งดึ๋ง และพื้นผิวดูเรียบเนียน เรียงตัวเป็นระเบียบขึ้นเมื่อใช้ไปได้สักเดือนกว่า ๆ แต่ทว่าก่อนที่จะใช้ครีมกระปุกนี้ต้องทำใจกับเนื้อครีมนิดนึง คือมันจะไม่ทาแล้วซึมหายวับ แต่ว่าจะมีอะไรเคลือบผิวอยู่ เคล็ดไม่ลับในการใช้ครีมตัวนี้ให้ได้ผลดีคือตักมาไว้บนฝ่ามือ วอร์มให้กระจายทั่วฝ่ามือทั้งสองข้าง แล้วประคบที่ผิวหน้าเบา ๆ จากกึ่งกลางออกด้านนอก ไม่ต้องถู ไม่ต้องทา ไม่ต้องวน เพราะไม่ได้ช่วยให้มันซึมได้ดีขึ้นแม้แต่น้อย ปล่อยมันให้ค่อย ๆ ซึมเข้าผิวเองจะดีที่สุด
ALLIE UV Long Keep Gel SPF50+ PA++++ (25g / 550 THB , 60g / 1050 THB)
กันแดดรุ่นใหม่ของ ALLIE ที่ออกมาในปีนี้ และตีโจทย์แตกทุกประการ ค่าป้องกันรังสี UVA/UVBสูง กันแดดได้เสถียร เนื้อสัมผัสดีเลิศ เกลี่ยง่าย หน้าไบร์ทขึ้นแต่ไม่วอก ไม่มันเหนอะหนะแต่ก็ไม่แห้ง ไม่มีน้ำหอม และเป็นมิตรกับการลงเบสหรือ BB Cream มากกว่าสูตรสีเขียว แถมราคาก็โอเคม๊ากกกกกก
Kiehl’s Ultra Light Daily UV Defense SPF50 PA+++ (30ml / 1,300 THB)
กันแดดสามัญประจำบ้าน เนื้อเบาแต่ไม่เซ็ทตัวแบบแมท ใช้เป็นกันแดด + มอย์เจอไรเซอร์ในตอนกลางวันไปได้เลย ถ้าอยากได้ถูกกว่านี้มี La Roche-Posay Uvidia XL ให้เลือกใช้ตามกำลังศรัทธา
Paula’s Choice Hydralight Shine-Free Daily Mineral Complex (60ml / 1,090 THB)
เรามาใช้กันแดดตัวนี้ในช่วงที่เริ่มทดลองทำ IPL+RF ที่ Meko Clinic เพราะว่าตัวนี้ใช้สารกันแดดแบบ Physical ล้วน แม้ช่วงที่ผิวเรากำลังระคายเคืองก็ไม่แสบผิว และด้วยสารกันแดดแบบ Physical นี้เองที่ทำให้ผิวเราดูผ่องขึ้นเล็กน้อยกว่าผิวเปลือยเปล่า มีสารต้านอนุมูลอิสระและให้ความชุ่มชื้นที่พอดี วันไหนขี้เกียจทาอะไรเยอะก็ทาแค่ตัวนี้ตัวเดียวก็พอ และถึงมันจะไม่ได้ Shine-Free ตามชื่อแต่แค่ปัดแป้งฝุ่นบาง ๆ เพื่อช่วยกลบความเงามันนิดหน่อยก็ออกไปเฉิดฉายนอกบ้านได้แล้ว
Dermalogica ChromaWhite TRx Pure Light SPF30
ตัวนี้มีส่วนคล้ายกับกันแดดของป้าพอลล่าตัวข้างบนนี้ คือใช้สารกันแดดแบบ Physical ล้วน มีส่วนผสมที่อ่อนโยน มีสารแอนติออกซิแดนท์และเปปไทด์มาให้ด้วย แต่จะเหมาะกับผิวที่ค่อนไปทางแห้มากกว่าหน่อย เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่มีผิวธรรมดาค่อนไปทางแห้ง ตัวนี้แอบมี Fragrance Component มาหน่อยนึง แต่ใช้มาก็ไม่รู้สึกว่ามีกลิ่นน้ำหอม จึงถือว่าโอเคเลยล่ะ
IPSA White Process Essence (20ml / 2,750 THB , 50ml / 5,500 THB)
เขี่ย Shiseido White Lucent ตกกระป๋องไปเลย เพราะว่าอะไรที่ Shiseiso มี IPSA ตัวนี้ก็มีให้หมด แถมเหนือกว่าด้วยสูตรที่อ่อนโยนกับผิวมากกว่า ปราศจากน้ำหอม และมีแอลกอฮอล์น้อยมว๊ากกก ไม่ทำให้ผิวแห้งแม้แต่น้อย แถมด้วยคุณสมบัติในการต่อต้านกระบวนการคาร์บอไนไลชั่นที่ก่อให้เกิดความคล้ำเหลืองของโทนผิวอีกต่างหาก รอยดำรอยแดงจากสิวจางลง และผิวดูกระจ่างใสขึ้น เลิฟมาก ๆ
SK-II Cellumination Essence EX (30ml / 4,900 THB , 50ml / 7,400 THB)
ในช่วงครึ่งปีแรกจะใช้ตัวนี้ค่อนข้างบ่อย เพราะว่านอกจากจะช่วยเป็นไวทืเทนนิ่งและลดโทนคล้ำเหลืองของผิวจากไกลเคชั่นแล้ว ยังให้เอฟเฟคของผิวที่สว่างและกระจ่างขึ้นหลังใช้ทันทีเป็นของแถมอีกด้วย แต่สำหรับใครที่สนใจตัวนี้ขอให้อดใจรออีกหน่อยแว่วมาว่าจะมีสูตรให่ออกมาในต้นปี 2014 นี้ ส่วนจะเด็ดกว่าเดิมหรือไม่ รอฟังอัพเดทกันอีกดีนะพี่น้องงงงงง
Miracle Worker Miraculous Anti-Aging Retinoid Pads (60Pads/ 3,500 THB)
แสนจะดีใจที่ Philosphy กลับมาเมืองไทยอีกครั้ง แถมยังมาในราคาที่เป็นมิตรกว่าเดิม แบรนด์นี้มีสกินแคร์แจ่มๆ หลายตัวทีเดียว และตัวหนึ่งที่พลาดไม่ได้ก็คือสิ่งนี้ทรีตเมนต์ตัวนี้ซึ่งใช้วิตามินเอในรูปแบบใหม่ที่ระคายเคืองน้อยกว่า ในสูตรผสมที่อ่อนโยน ปราศจากสี น้ำหอม และแอลกอออล์ พ่วงมาด้วยสารแอนติออกซิแดนท์และสารลดการระคายเคือง ใช้ง่ายแค่เทน้ำยาลงไปในกระปุกที่มีแผ่นผ้าฝ้าย และใช้เช็ดผิวในตอนกลางคืนทุกวัน นอกจากจะใช้กับผิวหน้าแล้ว ก็อย่าลืมเอามาเช็ดคอ เช็ดแนวไหปลาร้า และหลังมือด้วย เพราะจะช่วยลดร่องรอยจากความเสียหายบนผิวที่มาจากแสงแดดและอายุที่เพิ่มขึ้นได้
La Roche-Posay Redermic [R] (30ml , 1,950 THB)
สำหรับคนที่ยังคงศรัทธาใน Retinol ไม่อยากเปลี่ยนใจ แต่ก็กลัวว่าใช้แล้วจะระคายเคือง ก็มีตัวเลือกของ La Roche-Posay ที่ผสาน Retinol บริสุทธิ์เข้มข้น 0.1 % และเสริมประประสิทธิภาพด้วย Retinyl Linoleate และ Adenosine ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อิลาสติน แต่ก็ไม่ทำให้ผิวระคายเคือง
Cosme Decorte Moisture Liposome (40ml , 3,500 THB)
มีมานานแล้ว แต่พึ่งมีโอกาสได้ลองใช้ และประทับใจในความดีงามของเจ้าขวดม่วงนี้ เบื้องหลังเทคโนโลยีคือการนำส่วนผสมให้ความชุ่มชื้นมาห่อหุ้มด้วยแคปซูลไลโปโซมขนาดเล็กมากที่มีโครงสร้างซ้อนหลายชั้น เซรั่มตัวนี้แตกต่างเพราะแม้จะไม่ได้รู้สึกฉ่ำผิวเว่อ ๆ ทันทีที่ทา แต่ทว่ารู้สึกได้ถึงความชุ่มชื้นที่ยาวนานต่อเนื่อง ไม่เหมือนผลิตภัณฑ์บางตัวที่ทาแล้วฉ่ำผิวทันทีแต่แปปเดียวก็ระเหยแห้งไปหมด หาซื้อยากนิดหน่อยเพราะในไทยมีแค่สองสาขา ชิดลมและอิเซตันเท่านั้นจ้า (แนะนำว่ารอช่วงโปรโมชั่นจัดชุดจะคุ้มมากเบย)
Paula’s Choice Clinical Instant Calm Advance Redness Relief (118ml / 890 THB)
โลชั่นน้ำสูตรใหม่นี้ใช้ได้กับทุกสภาพผิวที่มีความกังวลเรื่องผิวที่กำลังระคายเคือง มีรอยแดงหรือแผลจากการกดสิว พึ่งผ่านการทำทรีตเมนต์ ทำเลเซอร์ หรือมีอาการแพ้ อักเสบ บวม คัน หรือแม้แต่ผิวแสบร้อนหลังการโกนขนโกนหนวด ก็จะช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้ ปุเป้ใช้ตัวนี้ในช่วงที่กำลังรักษารอยสิวหลังจากการกดสิวคู่กับทรีตเมนต์ตัวอื่น และก็ได้ผลโอเคมาก ๆ เลยล่ะ
Dermalogica Ultracalming Relief Masque (75 ml / 2,200 THB)
การใช้กันแดดหรือเมคอัพที่ดูดซับน้ำมัน ให้หน้าดูแมท มักจะทำให้ผิวขาดน้ำมันหล่อเลี้ยง รู้สึกไม่สบายผิว หรือโดนแดดเผจนแสบหรือร้อนรู้สึกว่าผิวขาดความชุ่มชื้น ใช้มาส์กตัวนี้แล้วรู้สึกสบายผิวขึ้นมาได้ในทันที เป็นมาส์กที่เอาไว้ใช้ปลอบประโลมผิวในยามฉุกเฉินที่เลิศมาก แช่เย็นในตู้เย็นแล้วค่อยเอามาโปะก็ดี ช่วยลดความร้อนของผิวได้
Kiehl’s Skin Rescuer (75ml / 1,750 THB)
เป็นตัวช่วยเยียวยาผิวที่กำลังประสบปัญหาและอ่อนแอสมชื่อ เพราะมันเน้นไปในการเสริมความแข็งแรงของปราการผิวชั้นนอก เติมความชุ่มชื้น และทดแทนพวก Lipid ที่หดหายไปด้วย Ceramide หลายชนิด กับ Squalane และสารที่มีอยู่ในผิวตามธรรมชาติอีกหลายตัว เนื้อสัมผัสอาจจะเข้มข้นหน่อย แต่มันทำไว้เพื่อประโยชน์ในการเป็นเหมือนปราการผิวชั้นที่สองที่ปกป้องผิวเราเอาไว้ ใครที่รู้สึกว่าผิวอ่อนแอ ใช้อะไรก็แพ้ ระคายเคืองง่าย ทาอะไรไปผิวก็ยังแห้ง แดง ลอก ลองตัวนี้ดูได้จ้า
Paula’s Choice RESIST Skin Transforming Multi-Correction Treatment (30ml / 1,800 THB)
เป็นสุดยอดทรีตเมนต์ในดวงใจปีนี้อีกหนึ่งตัว เพราะส่วนผสมหลักอย่าง Azelaic Acid 10% + Salicylic Acid 0.5% นั้นให้คุณสบบัติรอบด้านที่ผิวของเราต้องการที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการลดแบคทีเรียเพื่อลดการอักเสบของสิว ลดการอุดตัน ช่วยลดรอยแดงและรอยดำของสิว ทั้งหมดในหลอดเดียว ใครที่งบน้อยสามารถใช้ Skinoren ตามร้านขายยาแทนได้ แต่ว่าของป้าพอลล่ามีเนือสัมผัสที่ดีกว่า ไม่แห้งจนเกินไป และมีสารลดการระคายเคืองมาเพิ่ให้อีกหลายตัว ข้อควระวังคือต้องหาความถี่ที่เหมาะสมในการใช้ขอวตัวเองด้วย เพราะยังไงทรีตเมนต์เข้มข้แนบบนี้ก็มีโอกาสระคายเคืองผิวได้ถ้าทามากไป
Paula’s Choice RESIST BHA9 (8.4ml / 1,900 THB)
ติดโผเป็นปีที่สอง ใช้แต้มสิวอุดตันที่ฝังแน่นให้โผล่ออกมา แต้มสิวอักเสบให้ยุบลง แต้มรอยแดง รอยดำให้จางลงไวขึ้น ใช้คู่กับยารักษสิวตัวอื่น ๆ ได้ แพงหน่อยแต่คุ้มทุกสตางค์ที่จ่าย
Origins Clear Improvement (100ml / 1,100 THB)
มาส์กโคลนผสมผงถ่านตัวนี้ช่วยดูดซับน้ำมันและทำให้ผิวรู้สึกสะอาดหมดจดหลังใช้ เหมาะกับคนที่มีผิวมัน สำหรับที่มีผิวผสมสามารถใช้เฉพาะ T-Zone ได้ มาส์กตัวนี้ปราศจากน้ำหอม น้ำมันหอมระเหย และเหมือนจะมีการปรับสูตรเล็กน้อย ทำให้มาส์กตัวนี้มีส่วนผสมที่ค่อนข้างปลอดภัย มีเพียงจุดเดียวเกี่ยวกับ Myrtle Leaf Water ที่มีคุณสมบัติในการลดแบคทีเรียและแอนติออกซิแดนท์ แต่ก็มีข้อมูลว่าสารประกอบบางตัวอาจก่อการระคายเคืองได้ ทว่าส่วนตัวใช้แล้วไม่มีปัญหา และอยู่บนผิวเพียง 10 – 15 นาที และมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย ใช้แล้วไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น ก็ยังใช้มาเรื่อย ๆ
Anne Semonin Mineral Mask (50ml / 3,200 THB)
มาส์กสาหร่ายเหม็น ๆสุดที่รักจากปีก่อน ยังคงรักมาแม้จะผ่านมาอีก 1 ปี วันไหนที่หมกหน้าตั้งแต่เช้าจรดค่ำ จะใช้ตัวนี้หลังล้างหน้าเพื่อให้ผิวรู้สึกสะอาดล้ำลึก ดูใสปิ้งหลังล้างออก
Clear Nose (375 THB)
เท่าที่ลองผลิตภัณพ์ลอกสิวเสี้ยนมา Clear Nose ถือเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ลอกสิวเสี้ยนที่ทำานได้ดีมากและมีราคาที่เป็นมิตรกว่าตัวเลือกอื่น ๆ อีกหลายตัวที่เคยใช้มา สูตรสำหรับผู้หญิงหรือผู้ชายไม่ได้รู้สึกต่างกันเท่าไหร่ แต่ของผู้ชายตัวแผ่นฝ้ายที่ให้แปะจมูกจะใหญ่กว่าเท่านั้นเอง ก่อนจะทำการทาตัวลอกสิวเสี้ยน ให้ลองอบไอน้ำหรือเอาผ้าชุบน้ำอุ่นโปะจมูกเอาไว้ 5 นาที จะช่วยให้ลอกสิวเสี้ยนได้เยอะขึ้นก่าปกติ สะใจมากเวลาดูผลงานที่ลอกออกมาแล้ว
Sulwhasoo Clarifying Mask (150ml / 1,400 THB)
มาส์กแบบลอกออกอันนี้ค่อนข้างจะอ่อนโยนกับผิว เน้นลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้ว แต่ไม่ได้ลอกสิวเสียนหรือขนอ่อนแต่อย่างใด (ทามาส์กหลังจากลง Water และ Emulsuon แล้ว) กลิ่นหอมแบบสมุนไพรและใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมงกว่าจะแห้งจนลอกได้ เอาไว้ใช้ในวันที่มีเวลามากหน่อย และอยากทำสวยให้ตัวเองแบบเต็มรูปแบบ
Clinique Moisture Surge Overnight Mask (100ml/ 1,350 THB)
จะใช้เป็นมาส์กให้ความชุ่มชื้นล้ำลึกที่ทาข้ามคืนก็ได้ หรือจะทา 10 นาทีแล้วล้างออกก้ได้เช่นกัน หรือจะทาบางๆ เป็นมอยซ์เจอไรเซอร์เข้มข้นสำหรับกลางคืนก็ยังได้อีกนั่นแหล่ะ ไม่มีน้ำหอม ราคาไม่แรงมาก บรรจุภัณฑ์แบบหลอดใช้ง่าย แถมเก็บรักษาคุณค่าของสารบำรุงได้ดี ไม่รู้จะติอะไร
Sulwhasoo Overnight Vitalizing Mask (120ml / 1,600 THB)
ที่ชอบตัวนี้เพราะว่ามีกลิ่นสมุนไพรที่หอม รู้สึกผ่อนคลาย (บางคนก็ว่าเหม็นนะ แต่เราชอบอ่ะ) วิธีใช้ก็ทำแบบเดียวกับ Clinqiue ข้างบนได้เลย
Sulwhasoo Snowise EX Whitening Mask (10 Sheet / 4,000 THB)
มาส์กไบโอเซลลูโลสที่แนบสนิทราวกับเป็นผิวหนังอีกชั้นนึงของผิว ให้ความชุ่มชื้นดี และช่วยให้ผิวดูกระจ่าง ช่วยลดโทนแดงของผิว และลดอุณหภูมิผิวได้ และถือว่ามีราคาที่โอเคมาก สำหรับมาส์กระกับเคาน์เตอร์แบรนด์ ที่ 10 แผ่น 4,000 บาท (ลดได้อีก)
SK-II Skin Signature 3D Redefining Mask ( 6 Sheet / 4,750 THB)
มาส์กสุดที่รักของ SK-II เพราะว่าแผ่นมาส์กที่สามารถยืดกระชับรับทุกสัดส่วนของใบหน้า ส่วนผสมที่ให้คุณสมบัติทั้งช่วยลดเลือนจุดด่างดำและช่วยเรื่องร้ิวรอย น้ำเซรั่มชุ่มแผ่นมาส์กแบบสุด ๆ มาสก์หน้าเสร็จเอามาบีบแล้วเอาน้ำเซรั่มมาทาได้จากคอจรดปลายเท้ากันเลยทีเดียว
Lab Series Pro LS All-In-One Facial Treatment (50ml / 1,300 THB)
ผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายขี้เกียจ ที่ช่วยให้ความชุ่มชื้น ช่วยลดการระคายเคืองหลังการโกนหนวดต้านอนุมูลอิสระ เนื้อบางเบา ไม่มันเหนอะหนะ คุณผู้หญิงท่านใดที่อยากให้ท่านชายข้างกายใช้อะไรโปะหน้าบ้าง ลองตัวนี้ดู เพราะว่ามันง่าย มันครบ ใช้สะดวก รูปลักษณ์ทันสมัย และราคาไม่แพงด้วย
La Mer The Powder (25g / 3,100 THB)
แป้งฝุ่นตัวนี้ปัดเสร็จใหม่ๆ แล้วก็รู้สึกเฉย ๆ แต่พอมันหลอมรวมเข้ากับน้ำมันของผิวที่ขับออกมาแล้ว ผิวจะดูสวยผ่องเป็นธรรมชาติ ชอบมาก ๆ ถึงกระปุกนึงราคาสูงหน่อย แต่ใช้ได้ไม่ต่ำกว่า 2 ปี ทำให้ไม่รู้สึกเสียดายตังเลยแม้แต่น้อย
Panasonic Beauty Facial Ioninc Stamer (ประมาณ 4,900 THB)
ถ้าเป็นคนที่ชอบดูแลผิว เครื่องอบไอน้ำนี้จะทำให้การบำรุงผิวของเราพิเศษขึ้นมาก ๆ ใช้ประโยชน์ได้มากมายตั้งแต่ในขั้นตอนทำความสะอาดผิวหน้า อบไอน้ำเพื่อเปิดรูขุมขนก่อนลอกสิวเสี้ยน หรือทำให้ผิวอ่อนุ่มลงจนกดสิวที่มีหัวเปิดออกมาได้ง่ายขึ้น ใช้ก่อนเช็ดโลชั่น ใช้ระหว่างมาศืกหน้า ใช้ระหว่างนวดหน้า ใช้ก่อนลงมอยซืเจอไรเวอร์ หรือใช้หลังปัดแป้งฝุ่นเพื่อช่วยเซ็ทให้แป้งกลืนไปกับผิวก็ได้ด้วย โคตรคุ้ม Must Have สุด ๆ
Clarisonic Plus(225 US$)
แปรงล้างหน้าระบบโซนิคที่ไม่ใช่แปรงหมุน ๆ แบบที่หลายคนรู้จักกัน หัวแปรงมีให้เลือกกลายแบบตามแต่ละสภาพผิว ปรับระดับความแรงได้ถึง 3 ระดับ และสามารถใส่หัวขัดผิวกายได้ (เฉพาะรุ่น Plus) เป็นอุปกรณ์ที่ต้องหาความถี่ในการใช้ ปรับระดับความแรง และเลือกหัวแปรงให้เหมาะกับตัวเอง ถ้าใช้ไม่เหมาะหน้าจะแหก แต่ถ้าระดับที่เหมาะกับผิวตัวเองได้จะรักมันมาก ผิวจะสะอาด เรียบเนียนขึ้นแบบรู้สึกได้ ข้อดีแบบสุด ๆ คือเป็นชาจแบบไร้สายและกันน้ำ 100% ถือไปควงสว่านล้างหน้าขัดตัวใต้ฝักบัวหรือในอ่างอาบน้ำก็ได้ ไม่ต้องกลัวจะพังเพราะน้ำเข้า
Clarins Skin Spa : Extra Firming Smoother(1 Treatment / 3,300 THB)
จริง ๆ แล้วคอร์สนวดหน้าในดวงใจของปีนี้ตอนแรกเป็นของ Sulwhasoo แต่พอได้มาลอง Clarins ปุ๊ปแม่เทคะแนนให้สุดลิ่มทิ่มประตู แม้ราคาจะสาหัสกว่า แต่ประสบการณ์ที่ได้ประสบมามันแจ่มมาก ห้องนวดกว้างขวาง เตียงไฟฟ้าอุ่น ๆ เทคนิคในการยวดที่แพรวพราว กลิ่นหอม การกดจุด ใบหน้า นวดศรีศะ คอ บ่า ไหล่ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ และผิวที่ใสปิ้งหลังทำ ข้อแนะนำเล้กน้อย คือในแต่ละสาขาจะมี Therapist ตัวแม่อยู่ 1 คน ลองพยายามจองคนนั้นให้ได้ แล้วจะฟิน!!!