หนึ่งปีผ่านไปเร็วอย่างน่าใจหายแต่ก็อาจเป็นสิ่งที่บอกเราได้ว่าปีนี้ช่างเป็นปีที่ดีของเราเพราะช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ และก็ถึงเวลาที่เราจะมาเผยรายชื่อผลิตภัณฑ์เพื่อความงามที่เราชื่นชอบที่สุดในรอบปี 2016 กันแล้ว
หัวใจหลักของผลิตภัณฑ์ที่เราชื่นชอบในปีนี้จะมีอยู่สองอย่างคือ Yummy & Simplicity ความ Yummy น่าลิ้มลองอาจจะเป็นความรู้สึกต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาที่เราจะชอบผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เรา “รู้สึกดี” และทำให้ “มีความสุข” ได้ตั้งแต่การใช้ครั้งแรกตลอดไปจนถึงระยะเวลาที่เราเห็นผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ ส่วน Simplicity ที่เรียบง่ายน้อยนิดแต่มหาศาลนั้นคือสัจธรรมที่ตอกย้ำเราว่าบางครั้งสิ่งที่เรียบง่ายแต่เพียงพอ ไม่มากไป ไม่น้อยไป ก็สามารถสร้างผิวในฝันของเราได้แล้ว
เมื่อมองให้ดีแล้วหัวใจหลักทั้งสองสะท้อนชีวิตของเราในช่วงปีที่ผ่านมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะมานั่งคิดดูแล้วถึงแม้ว่าปีที่ดีในหลายแง่ไม่ว่าจะด้านการงาน การเดินทางที่เปิดประสบการณ์หลากหลาย แต่ภาระหน้าที่ความรับผิดชอบและการวางแผนอนาคตทำให้เราก็ตึงไม่น้อยเช่นกัน นี่แหล่ะคือชีวิตของผู้ใหญ่เข้าวัยกลางคนที่ไม่ได้แค่ต้องรับผิดชอบตัวเองแต่ต้องรับผิดชอบครอบครัวด้วย ทำให้เราอยาก Indulge ปรนเปรอตามหัวใจเรียกร้อง ทำให้เราแสวงหาความเรียบง่ายให้ตัวเองที่ต้องเผชิญความวุ่นวายและซับซ้อนของบริบทสังคมที่เราต้องอยู่กับมันต่อไป
ขอบคุณที่โลกนี้มีเครื่องสำอาง เพื่อนรักที่จะโอบกอดเราในวันที่เราอ่อนแอหมองหม่น คอยเสริมผลักดันเราให้เราเชิดหน้าสู้กับสารพัดสิ่งที่ถาโถมเข้ามาในแต่ละวันด้วยผิวพรรณที่แข็งแรง กับความมั่นใจที่ว่าเราได้พยายามทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองแล้วและเราไม่ต้องเสียใจแม้จะไม่ได้ทุกอย่างตามที่ใจหวัง
เครื่องสำอางคือบทสะท้อนชีวิตของเรา ไม่ต่างอะไรกับอาหารที่ เขามักพูดกันว่า “You Are What you Eat” เพราะการเลือกใช้เครื่องสำอางก็สะท้อนตัวตนของคุณเช่นกัน
ขอมอบบทความที่ทุกคนรอคอยอันกลั่นมาจากใจของเรา และขอให้ทุกคนมีความสุขในปี 2017 ที่จะเข้ามาถึงนี้
ด้วยรัก
PuPe_so_Sweet
ปีนี้ก็ทำในรูปแบบวีดีโอเหมือนเคยนะฮะ เม้ามอยกันสนุกสนาน รายละเอียดว่าในแต่ละส่วนมีครอบคลุมหมวดไหนบ้างถูกระบุไว้ด้านล่างของวีดีโอฮะ
#PuPeFav2016 Part 1
– Introduction
– Makeup Remover
– Facial Cleanser
– Toner / Water Lotion
– Treatment Essence
– Exfoliants
#PuPeFav2016Part 2
– Serum / Booster
– Moisturiser
– Eye Care
– Anti-Aging / Healing
– Whitening
– Rinse-off Mask
– Leave-on Mask
#PuPeFav2016 Part3
– Sunscreen
– Acne Care
– Facial Mist
– Lip Care
– Body Care
– Fragrance
– Hair Care
– Beauty Gadgets
– Shu Uemura : Anti/Oxi+ Pollutant & Dulness Clarifying Cleansing Oil
ปีก่อนว่าใช้พวกเมคอัพน้อยแล้ว ปีนี้โอกาสที่เราจะใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเมคอัพยิ่งน้อยกว่าเดิมอีกเพราะเปลือยหน้าออกจากบ้านแทบจะทุกวัน ทาแค่สกินแคร์ บางวันไม่ทากันแดดด้วย (วันที่ออกไปฟิตเนส) แต่นี่เป็น Cleansing Oil ตัวแรกของ Shu Uemura ที่เราใช้จนหมดขวดได้ เพราะ กลิ่นที่หอมแนวซิตรัสสดชื่นกับเนื้ออยล์ที่เป็นมิตรกับผิวของเรามากกว่าเดิม แม้ว่าถึงจะไม่ได้แต่งหน้าหรือบางวันก็ไม่ทากันแดด แต่หากวันไหนต้องเดินริมถนนเยอะ ๆ เราก็จะใช้ออยล์ตัวนี้ล้างหน้าเพื่อที่ช่วยชะล้างอานุภาคมลภาวะออกไปจากผิว
– Nivea : Acne Care Makeup Clear Micellar Water
ปีนี้มีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแบบน้ำออกมาไม่น้อยในตลาดแมส แต่เราพบว่าตัวนี้ให้ฟีลหลังเช็ดออกที่ถูกใจเราที่สุดในบรรดาของที่ได้ลองใหม่ ๆ มันไม่เป็นฟองเล็ก ๆ เมื่อเช็ดผิว มันไม่ทิ้งความรู้สึกลื่นไปบนผิวและก็ไม่แสบผิวด้วย อ่อนโยนทีเดียวล่ะ ข้อเสียเล็กน้อยที่เราพบคือมันทำให้โฟมล้างหน้าแบบปั้มฟองสำเร็จที่เราใช้ต่อจากนั้นฟองยุบไปอย่างรวดเร็วทีเดียว แต่โดยรวมถือว่าโอเคนะ
– Curél : Intense Moisture Care Foaming Wash
ซื้อมาใช้ตอนที่ไปไต้หวันตอนนี้ปีเพราะฉลากเป็นภาษาอังกฤษทำให้เราอ่านส่วนผสมได้และก็ไม่ผิดหวังเลย นี่เป็นโฟมล้างหน้าที่เราใช้บ่อยที่สุดในปีนี้เพราะฟองมันกำลังดี ล้างออกง่าย และการที่มันเป็นปั้มโฟมฟองสำเร็จทำให้ใช้กับแปรงล้างหน้า Clarisonic ที่เราชอบได้ง่ายสุด ๆ ไปเลย ดีใจมากที่มีขายในไทยแล้ว
– Shu Uemura : Porefinish Gentle Foaming Cleansing Water
ไอเทมลูกเมียน้อยเพราะไม่มีใครสนใจ แบรนด์ก็ไม่เคยโปรโมท หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า Shu Uemura มีโฟมล้างหน้าขาย แต่มันเป็นโฟมล้างหน้าแบบปั้มฟองสำเร็จที่ดีมากและให้สัมผัสหลังล้างที่สะอาดไม่เหลือคราบลื่นแต่ก็ไม่แห้งจนเกินไป แม้จะผสมน้ำหอมมาด้วยแต่กลิ่นแนว Herbal อ่อน ๆ ก็ทำให้เราเราไม่รู้สึกขัดข้องแต่อย่างใด นี่เป็นโฟมที่เราจะแบ่งใส่ขวดขนาดเดินทางไปใช้ในฟิตเนสเพราะมันช่างรู้สึกสดชื่นและสะอาดถูกใจแม้จะใช้เพียงแค่ปั้มเดียว
– Lancome : Énergie De Vie The Foam Cleanser
เจลล้างหน้าอ่อนใสที่ให้ฟองกำลังดีนี้ใช้สารทำความสะอาดที่อ่อนโยนล้างแล้วผิวไม่แห้งจนเกินไป กลิ่นก็หอมแนวเบอร์การ์มอตและลูกแพร์ที่เราถูกใจมาก ต้องดมสูดเข้าไปลึก ๆ ทุกครั้งเวลาที่ใช้เจลล้างหน้าหลอดนี้
– Enavose : Glo Enzyme Powder Wash
ผงแป้งล้างหน้าที่ทำความสะอาดผิวแบบอ่อนโยนสุด ๆ จากแบรนด์ที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงนักและมีขายเฉพาะใน Sephora Online เท่านั้น แม้ค่าตัวจะไม่เบาแต่มันเป็นของดีนะ จะพกพาไปเที่ยวก็สะดวกเพราะมันเป็นผงแห้ง และขวดก็พกพาขึ้นเครื่องบินได้ไม่ผิดกฏการบินแต่อย่างใด ไม่ต้องกลัวแรงกดอากาศทำให้ทะลักเหมือนพวกผลิตภัณฑ์แบบน้ำ ๆ ด้วย
– IPSA : ME Preparing Lotion I – II
เราไม่เคยเชื่อในคำเคลมของผลิตภัณฑ์ประเภทที่ว่าต้องเช็ดผิวก่อนลงบำรุงเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ทำงานดีขึ้นเลย จนกระทั่งมาเจอกับเจ้าสิ่งนี้ เพราะสัมผัสและฟีลลิ่งที่ได้ระหว่างใช้เจ้า ME Preparing Lotion แล้วตามด้วย Metabolizer สูตรต่างๆ ของ IPSA มันแตกต่างกับตอนที่ไม่ใช้จริง ๆ เบอร์ 1 จะเหมาะกับผิวธรรมดาถึงมันเพราะจะช่วยขจัดน้ำมันและเซลล์ผิวเสื่อมสภาพและช่วยให้ผลิตภัณฑ์ที่เราทาลงไปเซทตัวแบบมันวาวน้อยลงนิดนึงด้วยเราเลยชอบที่จะใช้ตอนกลางวัน ส่วนตอนกลางคืนเราจะใช้เบอร์ 2 เพราะช่วยเน้นเติมความชุ่มชื่นแทนเพราะเรานอนห้องแอร์และมันก็แห้งทีเดียวล่ะ
– IPSA : The Time Reset Aqua W
เราเคยให้รางวัลไปแล้วในปีก่อนแต่ปีนี้ขอให้อีกรอบเพราะว่ามันช่างดีงามจริง ๆ กับการเป็นโลชั่นอัดความชุ่มชื่นและช่วยคลุมเก็บกักเอาไว้แบบบางเบาราวกับม่านน้ำคลุมผิว อ่อนโยนมาก ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีน้ำหอม ใช้คู่กับ IPSA : ME Preparing Lotion และตามด้วย IPSA : ME Ultimate มันเป็นขั้นตอนที่เรียบง่ายแต่เวิคร์!!!
– Klairé : Anti Pollution Essence
เอสเซนส์น้ำแบรนด์ไทยที่ทั้งรูปลักษณ์ คอนเซตป์ ส่วนผสม และคุณภาพระดับส่งออกไปตีตลาดโลกได้แบบไม่อายใคร เนื้อเอสเซนส์ให้ความชุ่มชื่นช่วยต้านผลกระทบที่มาจากมลภาวะได้และทำให้ผิวเราแข็งแรงขึ้น ระคายเคืองยากขึ้นด้วย แถมยังอ่อนโยนมากอีกด้วย
– Fresh : Black Tea Age-Delay Instant Infusion
ไอเทมลับที่ไม่มีใครพูดถึงเลย แต่มันดีมากเลยนะ!!! เนื้อเอสเซนส์น้ำสีข่นแบบน้ำนมนี้อาจจะดูข้นและพาลให้นึกไปก่อนว่าจะหนึบผิว แต่ไม่เลย!!! มันเซทตัวแบบไม่เหนอะ ไม่มันวาว และส่วนผสมก็ดีใช่ย่อย เน้นลดการระคายเคืองและช่วยต้านอนุมูลอิสระที่อัดมาเต็มที่จะทำให้เราค่อย ๆ ดีขึ้นแบบสัมผัสได้ จะใช้เช็ดกับสำลีหรือจะเทใส่ฝ่ามือแล้วตบก็ได้ทั้งนั้น
– Dr.Ci:Labo : VC100 Essence Lotion
เอสเซน์น้ำสูตรบ้าพลังเพราะว่าส่วนผสมเยอะมาก สูตรใหม่นี้เหนอะหนะน้อยกว่าเดิมและทำให้ผิวดูสดใสและชุ่มชื่น เอามาทำ Lotion Mask ได้ดีมาก กลิ่นหอมส้มก็ถูกใจเราเป็นที่สุด
– Kiehl’s : Dermatologist Solutions Nightly Refining Micro-Peel Concentrate
ผลิตภัณฑ์ผลัดเซล์ผิวที่ไม่หมือนใครทั้งในแง่ของส่วนผสมและผลที่ได้ มันเลิศมากจริง ๆ รู้สึกได้เลยว่าผิวมันเนียนขึ้น นุ่มขึ้น กระจ่างขึ้น ที่เราแปลกใจที่สุดคือผิวยังชุ่มชื่นขึ้นอีกต่างหาก ไม่จำเป็นต้องใช้ทุกวัน แค่สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งก็พอแล้ว แต่ใครผิวแข็งแรงดีจะใช้ทุกวันก็ไม่ผิดอะไร แม้กลิ่นจะเหมือนซอสถั่วเหลืองไปนิดแต่ความดีงามของมันก็ทำให้เรามองข้ามจุดนี้ไปได้นะ
– Fracora : Lift’est Proteoglycan Serum
ต่อจากรกหมูก็เป็นกระดูกอ่อนจมูกปลาแซลมอน เซรั่มตัวนี้ทำให้ผิวรู้สึกชุ่มชื่นและฟูขึ้นโดยไม่ทำให้ผิวรู้สึกหนักเหนอะแต่อย่างใด เอาเข้าไปใช้กับสภาพผิวแบบไหนก้ได้ เป็นเซรั่มที่เราใช้เยอะที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปี
– Paula’s Choice : RESIST 10% Niacinamide Booster
บูสเตอร์สารพัดประโยชน์ครอบจักรวาล เป็นทั้งไวท์เทนนิ่งช่วยลดจุดด่างดำได้ เอาไปผสมกับไวท์เทนนิ่งอื่นที่ใช้อยู่ก็จะยิ่งเลิศ ๆ ๆ ๆ ๆ มากขึ้น (โดยเฉพาะไวท์เทนนิ่งในเครือ Shiseido / L’Oreal / Kanebo หรืออะไรก็ได้ที่ไม่มี Niacinamide ผสมอยู่เป็นตัวหลัก) ช่วยทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ชุ่มชื่นมากขึ้น ลดการอักเสบของสิวได้ แถมช่วยต่อต้านริ้วรอยได้ด้วย เนื้อสัมผัสบางเหมือนน้ำเปล่า จะทาเดี่ยวๆ หรือผสมกับผลิตภัณฑ์อะไรก้ได้ทั้งนั้น แต่ส่วนตัวเราจะหยดลงเซรั่มที่เป็นเบสน้ำ หรือใส่ในน้ำตบบำรุงผิวมากกว่า
– The Ordinary : Niacinamide 10% + Zinc 1%
ไม่มีขายในไทย อยากได้ต้องไปตามหาในแคนาดาหรือสั่งมาจากยุโรปเอานะจ๊ะ เป็นอีกทางเลือกนึงถ้าคิดว่าบูสเตอร์ของป้าพอลล่าแพงเกินไป ตัวนี้ก็พอแก้ขัดได้แต่ส่วนผสมข้างเคียงเทียบไม่ได้เลย ตัวนี้สูตรเบสิคมาก เนิ้อสัมผัสจะข้นและแอบหนึบบ้าง แต่ตัวนี้เหมาะมากสำหรับคนที่เป็นสิวง่ายเพราะมี Zinc มาช่วยลดเรื่องความมันและสิวได้อีกทาง
– DrGL : Moisturizer All Skin Type
ใจจริงอยากเอาไปอยู่ในหมวดเซรั่มมากกว่าเพราะความเข้มข้นของอนุพันธ์วิตามินซีรวมกันมากถึง 20% มันเยอะสะใจมาก แต่เขาบอกว่าเป็นมอยซ์เจอไรเซอร์เอามาใส่ในนี้ก็ได้ (วะ) ราคาต่อขวดอาจจะดูแพงแต่มาคิดเฉลี่ยหารด้วยปริมาณเราว่าตัวนี้คุ้มที่จะลงทุน ใช้ได้ทุกสภาพผิวและเหมาะมากกับคนที่เป็นสิวง่ายเพราะมันไม่หนักผิว ไม่มีน้ำมัน และวิตามินซี SAP มีการศึกษาแล้วว่าลดสิวอักเสบได้ด้วยนะ
– Garnier SkinActive : Moisture Bomb Super-Recharging Antioxidant Gel-Cream
เทคโนโลยีครีมน้ำแตกของเครือ L’Oreal ที่เราชื่นชอบเพราะมันอัดความชุ่มชื่นได้ดีและให้เนื้อสัมผัสที่ใช้ได้กัทุกสภาพผิว ถูกนำมาอยู่ในแบรนด์ที่ราคาย่อมเยาว์ แม้จะมีน้ำหอมและสีผสมมาบ้างแต่ความดีก็กลบข้อเสียเหล่านี้ไปจนมิด ใครที่บินไปอังกฤษหรือยุโรปขอให้ลองไปปาดดู คุณจะได้เทคโนโลยี สัมผัส และผลลัพธ์ที่คล้ายกับเวอร์ชั่นเคาน์เตอร์แบรนด์ในราคาที่ประหยัดกว่าหลายเท่าตัว
– StriVectin : Intensive Eye Concentrate For Wrinkles
สูตรใหม่บ้าพลังกว่าเดิม และเราก็คิดว่ามันอ่อนโยนน้อยกว่าเดิมอีก ถือเป็นอายครีมที่คนผิวอ่อนแอใช้ไม่ได้ แต่ถ้าใช้ได้ก็ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะนี่เป็นอายครีมหนึ่งในจำนวนมากมายที่สัมผัสได้เลยว่า texture ของผิวรอบดวงตามันดีขึ้น ริ้วรอยตื้นขึ้น รอยคล้ำใต้ตาลดลง และขนตาจะยาวขึ้นเป็นของแถม
ที่สุดของเจ๊ในปีนี้ ม้ามืดผู้มาในไตรมาสสุดท้ายของปีและเขี่ยผลิตภัณฑ์อื่นอีกสารพัดที่เคยติดโผเอาไว้ตลอด 9 เดือนของปีนี้ทิ้งแบบไม่ปราณีใคร มันดีมากจริง ๆ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มาถูกจังหวะ ถูกเวลา มันช่วยให้การบำรุงผิวของเราเรียบง่ายขึ้นแต่ได้ผลที่เราต้องการ ผิวที่แข็งแรง ผิวที่สวย ผิวที่ชุ่มชื่น และสัมผัสผิวมันช่าง “พอดี” กับเรา นี่เป็นชุด Simple Skincare ที่เราขอบอกอย่างเต็มปากว่ามันดีที่สุดในชีวิตที่เราใช้สกินแคร์มาในชีวิตนี้ อนาคตอาจมีของที่ดีกว่านี้ แต่ในตอนนี้มันคือที่สุดจริง ๆ
– DrGL : Skin Repair
ราคาโหดร้ายในปริมาณจ้อยกระจิดริด แต่เป็นเหมือนตัวช่วยเยียวยาในยามหน้าแหกที่เราไว้วางใจ จะกดสิว หรือไปเยินจากอะไรมา ก็จะรีบโปะตัวนี้ตลอดเลย ถ้าเงินถึงจะใช้ทุกวันก็ได้แต่บอกตามตรงว่าเงินเราไม่ถึงล่ะ 555
– SKIN WILL : Brighten To Target Face Serum
แบรนด์ไทยที่ใช้สารไวท์เทนนิ่งใหม่สุด ๆ และมีกระวบนการทำงานที่แสนเก๋ไก๋ (อยากรู้ไปอ่านรีวิวเอานะ) เราชอบเพราะว่ามันช่วยลดรอยสิวได้จริงและมันก็อ่อนโยน ให้ความชุ่มชื่นผิวแบบบางเบา โทนสีผิวดูแดงน้อยลง และมันก็อ่อนโยนอีกด้วย
– Aēsop : Skincare+ Lucent Facial Concentrate
Aesop เป็นแบรนด์ที่เน้นความรู้สึกและบางคนก็ซื้อเพียงเพราะภาพลักษณ์หรือ Style ที่มันมอบให้ ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่มีส่วนผสมที่เรียบง่าย ไม่ได้หวือหวาอะไรนัก แต่ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เหมือนจะเป็นชิ้นแรกและชิ้นเดียวที่เรามองว่าดูเป็นสกินแคร์ที่จริงจังที่สุดในแบรนด์ก็ว่าได้ ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีสารไวท์เทนนิ่งที่มีการศึกษารับรองแล้วว่าทำงานได้จริงและเนื้อสัมผัสให้ใช้แทนมอยซ์เจอไรเซอรืได้เลยสำหรับผิวผสมถึงผิวมันในอากาศร้อนชื้นอย่างบ้านเรา ใช้แล้วผิวดูกระจ่างใสขึ้นเลยล่ะ
– IPSA : White Process Essence EX
ติดโผไปแล้วในปีก่อนหน้าแต่ยังติดอีกเพราะว่ามันเอาใช้คู่กับ IPSA : ME Ultimate และผองเพื่อนได้อย่างเหมาะสมลงตัวทีเดียว มันเป็นไวทืเทนนิ่งที่อ่นโยนกับผิวมาก และช่วยให้โทนแดงและโทนเหลืองของผิวน้อยลง สีผิวจึงดูสดใสสว่างขึ้น
– fresh : Vitamin Nectar Vibrancy-Boosting Face Mask
ขอยกตำแหน่งมาสก์ที่น่ากินที่สุดในจักรวาลให้ กับมาสก์ผลัดเซลล์ผิวที่ดูราวกับแยมส้มที่ชวนน้ำลายสอ (จะว่าไปมันก็เหมือนแยมจริงๆ เพราะมีผลไม้ตระกูลส้มและมะนาวถึง 50% และใช้น้ำตาลในปริมาณมากเพื่อทำให้มันเน่าคากระปุกซะก่อน) ให้ประสบการณ์ในการใช้เป็นเลิศและเพิ่มความสุขให้เราทุกครั้งที่ปาดลงบนหน้า หลังล้างออกผิวก็จะนุ่มลื่นขึ้นเตรียมพร้อมกับการมาส์กด้วยขั้นตอนต่อไป
– fresh : Umbrian Clay Purifying Mask
โคลนจากแคว้นอัมเบรียของอิตาลีที่มีเรื่องราวที่น่าสนใจ มาส์กโคลนตัวนี้จะช่วยทำให้ผิวรู้สึกสะอาด สิวเม็ดเล็ก ๆ จะแห้งไวขึ้น เนื้อโคลนเนียนเข้มข้นสะใจจริง ๆ
– fresh : Rose Face Mask
มาสก์กุหลาบชื่อดังกระฉ่อนที่ให้ความสดชื่น ชุ่มชื่นผิวแบบเต็มที่ ยิ่งแช่เย็นแล้วปาดนี่อยากจะกรี๊ดด้วยความขนลุก ปกติเราไม่อินกับกลิ่นกุหลาบ แต่อันนี้เราโอเค!!!
– The Body Shop : Ethiopian Honey Deep Nourishing Mask
เราใช้มาส์กตัวนี้แทนพวก Massage Cream เวลาใช้คู่กับเครื่องนวดหน้าเพราะว่ามันก็ลื่นแต่ล้างออกง่ายกว่าและหลังล้างออกผิวก็จะนุ่มมมมมมม ทั้งเนื้อสัมผัสและกลิ่นก็น่ากินมากต้องยั้งใจไม่ให้เผลอเลียอยู่เสมอ
– Dermalogica : Charcoal Rescue Masque
มาสก์สำหรับคนขี้เกียจเพราะพยายามยัดเยียดส่วนผสมละสรรพคุณหลายอย่างมาในตัวเดียว ตัวนี้เหมาะกับคนผิวผสมและผิวมันหรือผิวเป็นสิวง่ายทีเดียวเพราะว่ามีส่วนผสมของผงถ่านที่ช่วยดูดซับสิ่งสกปรก มี Sulfur ที่ช่วยผลัดเซลล์ ลดแบคทีเรียและมีฤิทธิ์ต้านเชื้อราอ่อน ๆ ในตัว สิวหรือผดเล็ก ๆ สามารถจัดการได้ ตอนพรมน้ำจะล้างออกก็จะกลายเป็นสครับเพราะมีเม็ดขัดผิวจากธรรมชาติที่ละเอียดเล็กอยู่ด้วย ข้อเสียก็คือกลิ่นไข่เน่าจาก Sulfur ที่ติดทนแม้จะล้างออก มันรุนแรงจนถึงขนาดติดปลอกหมอนเลยล่ะ แต่ถ้ามองข้ามเรื่องนี้ไปได้มันก็ถือว่าเป็นมาส์กหน้าที่ดีมากเลยนะ
– Biotherm : Life Plankton Mask
มาส์กบำรุงผิวที่สามารถใช้เป็นมาส์กทาแล้วล้างออก จะผสมกับครีมเพื่อเป็นครีมนวดหน้า หรือจะทาทิ้งไว้เป็น Sleeping Mask ก็ได้ (เราใช้แบบหลังดีกว่า) เนื้อสัมผัสทำออกมาได้อย่างดีและไม่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนหมอนหลังจากเซทตัวแล้ว คุณสมบัติของ Life Plankton ที่เราชอบคือมันปลอบประโลมผิวลดการอักเสบของผิวได้เป็นอย่างดีเลย่ล่ะ
– Vichy : Aqualia Thermal Night Spa
ไม่ใช่ของใหม่ มีมานานแล้ว แต่เราไม่เคยคิดจะแกะมาใช้เลยเพราะดูส่วนผสมแล้วช่างธรรมดาจัง แต่หลังจากที่ได้แกะมาลองก็พบว่า เฮ้ยเนื้อมันดีงาม และถึงมันจะช่างเรียบง่ายแต่มันให้ผลได้ตามที่เคลมหมดเลย คือผิวเราชุ่มชื่นขึ้น ดูอิ่มอิบและสดใสขึ้น ผิวที่ชุ่มชื่นคือผิวที่แข็งแรง และผิวที่แข็งแรงก็คือผิวสวยงาม เป็นอีกไอเทมหนึ่งที่เราแนะนำรัว ๆ ให้ไปลองกันดู
– L’Oréal Paris : UV Perfect City Resist 8 SPF50+ PA++++
กันแดดที่ดีที่สุดของ L’Oreal Paris กับสารกันแดดที่ยอดเยี่ยมทรงพลังและเนื้อสัมผัสที่สบายผิว ราคาไม่แพงด้วย ถ้าไม่มีน้ำหอมและส่วนผสมอนุพันธ์เมนทอลมันจะเป็นกันแดดที่สมบูรณ์แบบเลยล่ะ
– NIVEA Sun : Protect & White Oil Control Sun Protection Serum SPF50+ PA+++
เพื่อเป็นการเลี่ยงดราม่าเราคงจะไม่บอกว่ามันเหมือนกันหรือเป็นตัวเดียวกัน แต่มันคล้ายกันจนแทบแยกไม่ออกเลยกับ Eucerin : Sun Gel-Cream Oil Control Dry Touch SPF50+ (ขอท้าให้ไปทำ Blind Test นะ แยกไม่ออกหรอก เดากันทั้งนั้นแหล่ะ) เรามองว่านี่เป็นการทำสูตรกันแดดที่น่าสนใจกับสารกันแดดพื้นๆ ดั้งเดิมแต่สามารถทำเนื้อสัมผัสที่เซทตัวได้กึ่งแมท ไม่ทิ้งคราบขาว ที่ดีมากก็คือมันไม่มีน้ำหอมด้วย เป็นกันแดดที่เราแนะนำให้ไปลองใช้กันดู ส่วนจะเลือกเวอชั่นราคาหลักร้อย หรือราคาหลักพัน ไปตัดสินใจเอาเองเพราะแต่ละคนมีเหตุผลในการเลือกใช้เงินต่างกันอยู่แล้ว
– Biore UV Mild Milk For Kids SPF50+ PA++++
ถ้ากันแดดตัวมีขายในไทย กันแดดสองตัวบนจะถูกเขี่ยออกจากลิสต์ไปในทันที เพราะมันคือกันแดดที่สมบูรณ์แบบสำหรับเราในตอนนี้ สารกันแดดเสถียรและกัน UV ได้ครบ (ถึงจะไม่ Strong เท่า L’Oreal ก็เถอะ) แต่มันปราศจากแอลกอฮอล์ ไม่มีสีและน้ำหอม กันน้ำและเหงื่อระดับ Water Resistance ราคาไม่แพง (ราว 600 เยน ต่อปริมาณ 90ml) ที่เด็ดที่สุดคือเนื้อสัมผัสมันดีมาก ใช้แทนมอยซ์เจอไรเซอร์ได้เลยสำหรับผิวผสมถึงมัน เซ็ทตัวแบบไม่หนักไป ไม่แห้งไป และไม่ทำให้หน้าดูขาวลอย ทาได้ทั้งผิวน้าและผิวกาย พกขวดเดียวเวลาไปเที่ยวได้เลย ถ้าเจอที่ไหนให้หยิบมาอย่ารีรอ มันดีงามสุด ๆ
– IPSA : Protector Daytime Shield SPF50 PA ++++
กันแดดเคาน์เตอร์แบรนด์ที่น่าสนใจในปีนี้แต่ไม่มีคนพูดถึงก็น่าจะเป็นตัวนี้แหล่ะ สูตรอ่อนโยนไม่มีน้ำหอม คอนเซปต์ที่น่าสนใจมากคือการช่วงคงสมดุลความเป็นกรดด่างบนผิวได้ด้วย เป็นการปกป้องผิวไม่ให้เสียจากปัจจัยลบรอบตัวยอย่างมลภาวะทางอากาศที่เราต้องเจอทุกวันในเมือง เนื้อสัมผัสดีตามฉบับที่เราจะคาดหวังได้จากกันแดดญี่ปุ่นจากเครือ Shideido
– Kiehl’s : Dermatologist Solutions Breakout Control Acne Treatment
ยังไม่วางขายในไทยแต่ขายแล้วในต่างประเทศ เป็นครีมแต้มสิวที่เราใช้บ่อยมากในช่วงครึ่งปีหลังของเรา คือเห็นจุดไหนมีแนวโน้มเป็นสิวก็แต้ม อันไหนเป็นแล้วก็แต้ม กดสิวออกแล้วก็แต้ม เป็นรอยสิวก็ยังแต้มต่อได้ สูตรนี้มี Sulfur มากถึง 10% แต่ทำเนื้อสัมผัสออกมาได้ดีมากและกลิ่นน้อยแล้วเมื่อคิดถึงปริมาณของสาร Sulfur ที่ใส่มา คุณสมบัติในการช่วยั้งผลัดเซลล์ ลดแบคทีเรีย ทำให้ใช้ได้กับสิวทุกแบบ แถมมีส่วนผสมของ Niacinamide ช่วยลดโอกาสการเกิดรอยสิวให้น้อยลงด้วย เราเอาไปทาพวกผดผื่นเล็ก ๆ ได้ด้วยนะ มันสารพัดประโยชน์สุด ๆ เลยล่ะ แถมไม่ต้องกลัวเรื่องการดื้อยาของแบคทีเรียด้วย
– Fresh Drop : Pure Mineral Spray
ขวดใหญ่ตั้งไว้บนโต๊ะทำงาน ขวดเล็กพกใส่กระเป๋าได้เลย จะเรียกว่าเป็นสเปรย์น้ำแร่ก็เสียของ จริง ๆ ต้องบอกว่ามันคือสกินแคร์ในรูปแบบสเปรย์มากกว่าเพราะเต็มไปด้วยสารบำรุงและช่วยเติมความชุ่มชื่นให้กับผิวได้ในระหว่างวัน ราคาไม่สูงไปและยังอ่อนโยนกับผิวอีกด้วย ไม่มีน้ำหอมให้กวนใจ
– Vichy : Thermal Spa Water
จากข้อมูลที่เราหามาได้นี่เป้นหนึ่งในน้ำแร่ที่มีปริมาณแร่ธาตุสูงที่สุดเป็นอันดับต้น ๆที่มีวางขายในท้องตลาดเลย คุณสมบัติที่เราชอบมากในน้ำแร่ตัวนี้คือการเป็น Buffer Effect ที่ช่วยคืนสมดุลของค่า pH บนผิวได้จริง ใครที่ใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวที่เป็นกรดชนิดต้องล้างออกเราแนะนำให้ใช้สเปรย์น้ำแร่ตัวนี้ทันทีหลังล้างเพื่อช่วย Neutralize คืนค่า pH และปลอบประโลมผิวให้รู้สึกสบายขึ้น อาจจะมีกลิ่นตุ่ยๆ นิดหน่อยตอนที่น้ำแร่จะแห้งแต่นั่นสิ่งที่บอกว่านี่แหล่ะแร่ธาตุเข้มข้นจริง ๆ
– NIVEA : Cream Care Lip Balm
ซื้อมาแบบไม่ได้คาดหวังเพราะเห็นว่ามันไม่มีขายที่อื่นและ Made in Japan และมันก็เป็นการซื้อที่ไม่ผิดหวังเลย เนื้อบาล์มอยู่ได้ยาวนานตลอดคืนแม้หลังตื่นนอน และไม่ทำให้ปากเป็นคราบขาว ๆ อีกด้วย อ่อนโยน ไม่มีน้ำหอม แต่เรื่องการเยียวยาปากยังสู้ลิป La Mer 18+ ขอเราไม่ได้
– La Mer : The Lip Balm
ที่สุดของลิปบามในดวงใจที่ทำให้ปากเรานุ่ม หอม หวาน อร่อย ผู้ชายจะประทับใจและชมทุกคน คอนเฟริม!!!
เบื่อไหมกับบอดี้โลชั่นตลาดแมสแบบเดิม ๆ กับเนื้อโลชั่นที่ถ้าไม่ลื่นไปก็แห้งเป็นแป้ง ๆ บนผิว และน้ำหอมก็แรงจนเวียนหัว พวกไม่ผสมน้ำหอมก็ทำมาสำหรับผิวแห้งที่ข้นจนทาไม่ลง (กูเบื่อมาก ขอระบายตรงนี้เลย) นี่จึงเป็นสิ่งที่ทำให้เราชอบผลิตภัฑ์ตัวนี้มากเพราะนำเสนอเนื้อสัมผัสที่เป็นเจลกึ่งโลชั่นที่ให้ความฉ่ำสดชื่นผิว ไม่เหนอะไป แต่ก็ไม่แห้ง แถมกลิ่นก็ออกแนว Herbal ที่ไม่รุนแรงจนเกินไปจนเวียนหัว เจอ 1 แถม 1 เมื่อไหร่ขอให้ตุนไว้ได้เลย
– Biotherm : Aqua-Gelee Ultra Fresh Body Replenisher
เราได้มาตอนแลกของสะสมแต้มเมมเบอร์และชอบมากกกกกกกกกก จริง ๆ เราชอบผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกายของเขาเพราะเราว่าเป็นมันกลิ่นส้มที่สะอาดสดชื่นมากแต่แอบเบื่อกับเนื้อโลชั่นแบบเดิม ๆ ของเขา แต่ผลิตภัณฑ์ใหม่ในรูปแบบเจลครีมนี้ให้สัมผัสที่ดีมาก ฉ่ำสดชื่นผิว กลิ่นส้มสดชื่นพีคแบบสุด ๆ และใน 1 กระปุกมีคุณค่าบำรุงราวกับน้ำแร่ 5,000 ลิตร ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณของ Life Plankton ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้ากลุ่ม Aquasource 1 กระปุก ฟังดูดีใช่มั้ยล่าาาาาาาา
– Jo Malone : Blackberry & Bay Shower Oil
ไอเทมเผด็จศึก 18+ กับออยล์ที่ใช้ชโลมอาบน้ำให้กลายเป็นน้ำนม ผิวจะนุ่มหลังล้างออกและกลิ่นจะกรุ่นลอยราวกับออกมาจากผิวของเรายามดอมดมใกล้ ๆ ถ้าอยากให้ผู้ชายชมว่าทำไมหอมไปทั้งตัวแบบนี้เวลาไซร้ตามร่างและแม้จะจูบลูบละเลงลิ้นลิ้มรสก็ไม่ต้องกลัวความขมติดบนลิ้นเหมือนทาโลชั่นหรือฉีดน้ำหอม ขอให้ไปหวดมาโดยด่วน ขอให้ความยั่วเยจงสถิตย์อยู่กับท่าน
– Jo Loves : Mango Thai Lime Hand & Body Cleanser
มันหอมมาก แม้เมื่อกลิ่นจางลงแล้วจะมีความคล้ายต้มข่าเวอชั่นฝรั่งไปบ้าง แต่มันก็เป็นกลิ่นที่ทำให้เรามีความสุขเวลาอาบน้ำจริง ๆ แต่เนื่องจากมันไม่มีขายที่ไหนนอกจากที่ลอนดอนเท่านั้นทำให้เราพยายามใช้อย่างประหยัดในโอกาสพิเศษ ๆ เท่านั้นล่ะ
– The Body Shop : Frosted Berries Shower Gel
เป็นคนชอบกลิ่นเบอรี่ฟรุตตี้มาก และปีนี้ The Body Shop ก็ทำกลิ่นเบอรี่ที่ให้ความรู้สึกเป็นประกายระยิบระยับ เปรี้ยวสดใส ถูกจริตเป็นที่สุด อาบน้ำไปก็ฮัมเพลงไปอย่างมีความสุขเสียดายมากที่เขาไม่เอาสครับน้ำตาลขัดตัวกลิ่นเดียวกันมาขายด้วย แต่เราวางแผนจะไปสอยที่เมืองนอกล่ะ #อยากได้ต้องได้
เป็นกลิ่นที่ดมปุ๊ปซื้อปั๊ปเลย มันช่างเหมือนกับมีคนมาแกะเปลือกส้มโออยู่ข้าง ๆ เราชอบกลิ่นนี้มากตั้งแต่แรกได้ลองและใช้มาตลอดแต่ก็ไม่รู้ทำไมเราถึงติดกลิ่นนี้ จนมาถึงหน้าส้มโอและมะม๊ายื่นกล่องที่เต็มไปด้วยส้มโอที่แกะเรียงอย่างสวยงามก็ทำให้เรานึกขึ้นได้ว่าในชีวิตนี้เรากินแต่ส้มโอที่แม่แกะเท่านั้น ไม่มีกลิ่นอะไรที่ละเชื่อมโยงความทรงจำที่เรามีต่อแม่ของเราได้มากเท่ากลิ่นนี้อีกแล้ว
– Jo Loves : Green Orange & Coriander
เป็นกลิ่นที่เราใช้บ่อยรองลงมา มันหอมแบบ Unisex ที่ผู้ชายก็ใช้ได้ ผู้หญิงก็ใช้ดี เป็นกลิ่นที่เราใช้บ่อยเวลาไปออกกำลังกายหรือไปออกเดท เพราะเป็นกลิ่นที่เราว่าใคร ๆ ก็ชอบ เรารู้สึกว่ามันเป็นกลิ่นที่มีเสน่ห์แต่เข้าถึงง่าย แบบไม่ต้องดูพยายาม Sophisticate อะไรนัก แต่ก็ไม่ค่อยเหมือนใครดี
– DrGL : Cleanser Anti-Hairloss
แชมพูแบบ 2-in-One ที่ราคาโหดที่สุดที่เรายอมควักตังจ่าย แต่มันเป็นไอเทมที่เราขาดไม่ได้เวลาเดินทางหรือไปฟิตเนสเพราะว่าขวดเดียวให้ผมสะอาดและนุ่มแบบกำลังดี ช่วยลดอาการคันได้ ส่วนเรื่องจะลดผมร่วงไหมเราไม่รู้นะเพราะผมเราหนาดกดำมาก แต่ราคามันแพงขนาดนี้เพราะว่าส่วนผสมที่ใส่มามันก็แพงมากจริง ๆ แหล่ะ แต่ได้ผลแค่ไหนกับการที่ใช้แล้วล้างออกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เอาเป็นว่าเราชอบมาก ๆ เพราะมันทำให้ชีวิตเราสะดวกขึ้นเยอะเลย
– Curél : Intensive Moisture Care Shampoo & Conditioner
แชมพูมันดีงามมากเลยนะ กลิ่นของน้ำมันสกัดจากส้มทำให้กลิ่นที่อ่อนโยนและสะอาด แชมพูใสปราศจากซิลิโคน (update แชมพูมีส่วนผสมของซิลิโคนเล็กน้อยในรูป PEG/PPG-20/22 BUTYL ETHER DIMETHICONE ซึ่งละลายในน้ำ มีคุณสมบัติเป็นอิมัลซิไฟเออร์ ล้างออกได้ไม่ยาก ส่วนตัวใช้แล้วไม่ก่อปัญหา) ที่ให้ฟองมากและล้างออกโดยไม่ทำให้ผมฝืดหรือแห้งเป็นไม้กวาด คอนดิชันเนอร์ก็ล้างออกง่ายแม้จะมีซิลิโคนบ้าง แต่เราไม่ได้ใช้ทุกครั้งที่สระผม โดยรวมทำให้ผมเรานุ่มขึ้นและไม่ก่อปัญหากับหนังหัวของเรา เป็นตัวที่เรายอมแบกมากจากญี่ปุ่นเพราะในไทยไม่มีขายแบบเป็นขวดปั้มน่ะสิ
– PHYTO : Phytopolleine Botanical Scalp Treatment
น้ำมันบำรุงหนังศีรษะอันนี้ช่วยยืดระยะเวลาที่เราต้องใช้แชมพูยา Selsun ออกไปได้ยาวเป็นหลายอาทิตย์หรือบางครั้งได้เป็นเดือนเลย มันช่วยให้หนังศรีษะของเราคันน้อยลง รังแคน้อยลง โดยรวมแล้วแฮปปี้กับหนังหัวตัวเองมาก ถ้าไม่ได้ทำอะไรแย่ๆ กับบนหัวอย่างการไม่สระผมทุกครั้งหลังออกกำลังกายหรือหมักหัวไว้เกิน 2 วัน เราแทบจะไม่ต้องกลับไปใช้ Selsun อีกเลยล่ะ วิธีใช้ก็ง่ายเพียงพยดลงบนหนังหัวแล้วนวด ๆ ๆ ทิ้งไว้ 20 นาทีก่อนสระผมตามปกติ ใช้แค่สัปดาห์ละ 2 ครั้งก็พอแล้ว ที่เหลือก็คือปรับพฤติกรรมในการดูแลหนังศรีษะอย่างถูกต้องด้วย อย่าเกาอย่าจับถ้าไม่จำเป็น เป่าผมให้แห้งสนิท อย่าใช้ลมที่ร้อนเกินไป และอย่าหมกหัวไว้นาน
แม้ว่าเรื่องการล้างหน้าเราจะชอบ Clarisonic มากกว่า แต่ฟังก์ชั่นในการนวดหน้าทีมาพร้อมกับเครื่องรุ่นนี้มันเด็ดดวงจริง ๆ การนวดหน้าด้วยตัวเองไม่เคยง่ายและให้ผลดีขนาดนี้มาก่อน ผิวดีขึ้น อาการบวมหลังตื่นนอนสามารถจัดการได้อย่างง่ายดายในไม่กี่นาที และกรอบหน้าดูกระชับได้รูปขึ้น ทำทุกวันได้ง่าย ๆ ในห้องน้ำแค่ทามาสกเนื้อเจลแล้วก็นวดไปในระหว่างที่มาส์กก็ช่วยบำรุงและเติมความชุ่มชื่นให้ผิว
– Clarisonic : Mia FIT / Alpha Fit
การออกแบบใหม่ของ Clarisonic ที่ช่วยให้ชีวิตสะดวกขึ้นกว่า กับรูปทรงที่ตั้งวางบนพื้นผิวในห้องน้ำได้สะดวกไม่กลิ้งขลุกขลิกไปมา แถมยังมีอยู่ในร๔ปทรงที่กะทัดรัดสามารถพกพาไปใช้ข้างนอกบ้านได้สะดวกกว่าแบบเดิมมาก เราพกไปฟิตเนส กับพกเวลาไปทริปต่างประเทศตลอดเลยตั้งแต่ได้มา
– Philips : Norelco Shave, Groom & Style
เราพบว่าหนุ่มชาวตะวันตกผู้พกพาขนตามร่างกายมาเต็มพิกัดส่วนใหญ่มักจะมีการตัดแต่งขนบนร่างกายให้มีความยาวกำลังดี แลดูเซกซี่ สะอาด ไม่รุงรังเกินไป และไซร้แล้วสยิวกิ้วกำลังดี เอาเป็นอย่ารู้เลยว่าเราไปเห็นและรู้มาได้อย่างไร แต่หนึ่งในแหล่งข้อมูลที่เราไปเก็บมาแนะนำว่าเขาใช้สิ่งนี้ มันเป็นชุดดูแลขนบนร่างกายตั้งแต่ใบหน้าและร่างที่สามารถถอดเปลี่ยนหัวได้ ชาตแบตทีนึงใช้ได้ราวครึ่งชั่วโมงและก็กันน้ำด้วย หัวโกนหนวดใช้ง่ายและไม่ระคายเคืองผิว ส่วนหัวที่เล็มขนก็ทำให้เราไม่ต้องกลัวโดนบาดเหมือนมีดโกนเลยล่ะ