เมื่อ 4 ปีที่แล้วในช่วงเดือนเดียวกันนี้ ปูเป้ได้ไปร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์เจลครีมบำรุงผิวรอบดวงตากับ Estée Lauder ที่เซี่ยงไฮ้และได้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับผลกระทบของแสงสีฟ้า (Blue Light) ที่มีต่อผิว ว่าไม่ใช่แค่ก่อผลกระทบในแง่ของการอักเสบ ระคายเคือง และอนุมูลอิสระ แต่เขาได้ค้นพบเป็นครั้งแรกว่าเซลล์ผิวสามารถรับรู้การมีอยู่ของแสงสีฟ้าได้ด้วยตัวเอง ซึ่งกระทบไปถึงวงจรนาฬิกาทางชีวภาพที่ทำให้วัฏจักรการซ่อมแซมตัวเองในช่วงกลางคืนนั้นด้อยลงไป  และในปี 2022 นี้ก็ได้มีการปรับสูตรใหม่เป็น Estée Lauder : Advanced Night Repair Eye Supercharged Gel-Creme Synchronized Multi-Recovery ที่เพิ่มเทคโนโลยี FR-Defense™ จากการค้นพบกลไกใหม่ล่าสุดเกี่ยวกับอนุมูลอิสระและแสงสีฟ้า

แสงสีฟ้าและความเสียหายจากอนุมูลอิสระ

อนุมูลอิสระ (Free Radicals) คือโลเลกุลที่ไม่เสถียรจากการมีอิเลคตรอนที่ไม่ครบคู่ จึงไปแย่งโจมตีและก่อความเสียหายกับโมเลกุลของโปรตีน ไขมัน และรหัสพันธุกรรม จนเกิดความเสียหายของเซลล์ที่ก่อให้เกิดความชรา ความเจ็บป่วย โรคต่าง ๆ รวมไปถึงการกลายพันธุ์จนเป็นเซลล์มะเร็งได้  สารที่มาช่วยลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระคือ สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) ซึ่งช่วย Neutralize หยุดยั้งอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นมาด้วยการบริจาคอิเลคตรอนของตัวเองให้กับอนุมูลอิสระ และเมื่อได้บริจาคอิเลคตรอนไปแล้วก็จะเปลี่ยนไปเป็น สารโปรออกซิแดนท์ (Pro-Oxidant)ร่างกายมนุษย์มีการสร้างเครือข่ายกลไกในการสร้าง Antioxidants และการรีไซเคิลสาร Pro-Oxidant เพื่อนำกลับไปใช้ใหม่เพื่อปกป้องตัวเองตามธรรมชาติ แต่ในสภาวะที่เราต้องเผชิญกับมลภาวะที่มากและเข้มข้นขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งไลฟ์สไตล์และการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หน้าจอสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และแสงจากหลอดไฟในบ้าน  ซึ่งมันคงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะหยุดใช้อุปกรณ์ รวมไปถึงไม่ใช้แสงสว่างในตอนกลางคืนเพื่อไม่ให้รบกวนวงจรตามธรรมชาติของผิว จึงเป็นที่มาที่ทำให้ Estée Lauder ทำการการศึกษาและหาตัวช่วยลดผลกระทบของแสงสีฟ้ามาตั้งแต่ปี 2013

FR-Defense™ กับแนวคิดใหม่ในการปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระ

เมื่อกลางเดือนมิถุนายน 2022 ที่ผ่านมา ปูเป้ได้เข้าฟังการประชมุออนไลน์และสอบถามโดยตรงกับ Dr. Nadine Pernodet ปัจจุบันเป็น รองประธานอาวุโส ของฝ่ายวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ชีวภาพของกลุ่มบริษัท Estée Lauder ที่มาพูดถึงผลิตภัณฑ์ Estée Lauder : Advanced Night Repair Eye Supercharged Gel-Creme Synchronized Multi-Recovery สูตรใหม่นี้ โดยได้ข้อมูลว่าผลกระทบจากการสัมผัสแสงสีฟ้านั้น ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องหลังจากหยุดสัมผัสแสงสีฟ้าไปหลายชั่วโมง ไม่ว่าจะในแง่ของผลกระทบที่มีต่อโมเลกุลที่สำคัญต่อการรับรู้วัฏจักรกลางวัน (BMAL-1) และกลางคืน (PER-1) รวมไปถึงการเพิ่มขึ้นของการผลิตอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นกับทุกช่วงวัย แต่ในเซลล์ผิวที่มีอายุจะยิ่งเกิดความเสียหายมากขึ้นเพราะว่าเซลล์ที่มีอายุนั้นด้อยประสิทธิภาพลงในการซ่อมแซมตัวเองและขจัดความเสียหายจากอนุมูลอิสระ

เขาได้นำเสนอสิ่งที่เรียกว่าเทคโนโลยี FR-Defense™  ซึ่งเป็นส่วนผสมของ Lavandula Angustifolia (Lavender) Flower Extract  สารสกัดจากดอกลาเวนเดอร์ที่ทาง Estee Lauder พัฒนาขึ้นเอง  ปูเป้ก็สงสัยและสอบถาม Dr. Nadine ไปว่าสิ่งนี้ต่างจากสารต้านอนุมูลอิสระทั่วไปอย่างไร  และได้คำตอบว่านี่เป็นกลไกที่พบใหม่ กลไกในการ RESIST นี้ช่วยลดการสร้างอนุมูลอิสระตั้งแต่แรก  ซึ่งทำงานต่างจากสารสต้านอนูมูลอิสระ (Antioxidants) ที่ทำหน้าที่ Neutralize หยุดยั้งอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นมาแล้วให้เป็นกลาง หยุดปฏิกิริยาลูกโซ่ของอนุมูลอิสระ แต่ยังให้รายละเอียดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้จนกว่ากระบวนการยืนสิทธิบัตรจะถูกยื่นและเปิดเผยอย่างเป็นทางการ  แต่จากข้อมูลที่เขาเคลมเอาไว้คือเซลล์ที่ทำการ Pre-Treatment ด้วยสารสกัดดอกลาเวนเดอร์ที่พัฒนาขึ้นเองนี้มีการสร้างอนุมูลอิสระหลังสัมผัสแสงสีฟ้าน้อยลงกว่า 91%เมื่อเทียบกับเซลล์ที่ไม่มีการ Pre-Treatment

ปูเป้ได้ทำภาพอธิบายแนวคิดว่า FR-Defense™ ต่างจาก Antioxidants อย่างไรเอาไว้ข้างล่าง คิดว่าจะช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้นครับ แต่หลัก ๆ คือเขาชูว่าผลิตภัณฑืที่มีทั้งสองส่วนนี้จะปกป้องผิวจากความเสียหายของอนุมูลอิสระได้มากยิ่งขึ้นไปอีก

จากการหาข้อมูลเพิ่มพบว่า Dr. Nadine ได้ทำการเผยแพร่เรื่อง FR-Defense™ นี้ไปในการประชุมวิชาการของ Society for Investigative Dermatology เมื่อเดือน พฤษภาคม 2022 ที่ผ่านมา แต่ปูเป้ไม่ได้เป็นสมาชิกของ SID จึงไม่สามรถเข้าถึงเนื้อหาในงานได้ และบทคัดย่อที่พึ่งเผยแพร่ใน Journal of Investigative Dermatology หัวข้อ Free radicals and fast action to counteract oxidative damage in skin cells ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดในเรื่องกลไกของการ RESIST ที่ว่านี้ มีเพียงระบุว่าสารสกัดลาเวนเดอร์ที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะนี้ช่วยให้เซลล์มีสุขภาพที่ดีขึ้น ซึ่งปูเป้คิดว่าถ้าตัวสิทธิบัตรมีการเผยแพร่แล้วจะมีรายละเอียดของกลไกให้ทำความเข้าใจและหาข้อมูลมากขึ้นกว่านี้ และจะนำมาอัพเดทเพิ่มเติมในภายหลังครับ

Product’s Formula

นอกจากเทคโนโลยี FR-Defense™ แล้ว  Estée Lauder : Advanced Night Repair Eye Supercharged Gel-Creme Synchronized Multi-Recovery  (15ml / 3,050 BAHT) ก็ได้รับการอัพเกรดเทคโนโลยีจากเดิม Chronolux CB™ เป็น Chronolux™ Power Signal สารประกอบเชิงช้อนสิทธิบัตรเฉพาะที่ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในปี 2020  ซึ่งเพิ่ม Adansonia Digitata Seed Extract ทำหน้าที่เป็น MicroRNA 146a Activator ซึ่งมีผลโดยตรงกับ Period Homolog gene และระบบภูมิคุ้มกันของเซลล์

ซึ่งไปเสริมกับกลไกกับส่วนผสมเดิมที่เคยมีอยู่ก่อนหน้าอย่าง  Tripeptide-32 ซึ่งเคลมเรื่องโปรตีน Period Gene ในการช่วยให้นาฬิกาชีวภาพของผิวมีการทำงานอย่างสอดประสานกันอย่างที่ควรจะเป็น และเป็นหัวใจสำคัญของ ANR มาหลายยุค กับ Yeast Extract หรือ Autophagy Activator และ Hydrolyzed Algin หรือ Proteosome Activator ซึ่งมีการเคลมเอาไว้ว่าช่วยเสริมการขจัดสิ่งที่เซลล์ไม่ต้องการออกไปเพื่อให้เซลล์ทำงานได้ตามปกติ สามารถไปอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับเทคโนโลยีตัวนี้แบบละเอียดได้ในรีวิวผลิตภัณฑ์ Estee Lauder : Advanced Night Repair Synchronized Multi-Recovery Complex 

ส่วนผสมสำคัญที่ช่วยเสริมความแข็งแรงของผิวชั้นนอกและยกระดับความชุ่มชื้นมากขึ้น ซึ่งจากการค้นสิทธิบัตรพบว่าเขาใช้ส่วนผสมที่มีชื่อว่า AcquaCell  จากบริษัท BARNET ประกอบไปด้วย Citrullus vulgaris (Watermelon) Fruit Extract & Pyrus malus (Apple) Fruit Extract & Lens Esculenta (Lentil) Fruit Extract & Sodium PCA & Sodium Lactate โดยเคลมว่าในสารสกัดจากเปลือกแตงโมมีสาร Citrulline ที่ช่วยในการทำงานของ Filaggrin ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรตีนสำคัญของ NMF ที่ควบคุมความชุ่มชื้นในผิวตามธรรมชาติ และสารสกัดอื่น ๆ ก็อุดมไปด้วยแซคคาไรด์ที่ให้ความชุ่มชื้น

นอกจากนั้นก็ยังมีส่วนผสมเดิมที่เคยใช้ในสูตรก่อนหน้าคือมีสารต้านการระคายเคือง ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด ทั้งวิตามินและสารสกัดต่าง ๆ  รวมไปถึง Bifida Ferment Lysate ที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับผิว ส่วน Lactobacillus Ferment อันนี้ปูเป้ไม่มีข้อมูลมากพอว่าเป็นสารตัวไหน เพราะจากที่เคยทำรีวิวเอาไว้มันอาจมาจากผู้ผลิตได้ถึง 5 เจ้าด้วยกันครับ

นอกจากส่วนผสมผสมที่ถูกเพิ่มเข้มมาแล้ว ก็มีบางตัวที่ถูกตัดออกไป ได้แก่ Artemia Extract หรือ GP4G ของบริษัท Ashland ซึ่งเคลเรื่องการปกป้องผิวจากความเสียหายของแสงและรังสีจากดวงอาทิตย์นั่นเอง แต่เราได้ FR-Defense™ ที่ล้ำกว่ามาแทน จึงไม่รู้สึกว่าเสียดายเท่าไหร่

สูตรโดยรวมมีการเปลี่ยนแปลงไม่มากครับ เป็น Minor-Change อัพเดทเทคโนโลยีหลักให้ทันสมัยไม่น้อยหน้าตัวอื่น ๆ และใส่กลไกที่พบใหม่เป็นจุดขายให้แตกต่างอีกนิดนึง

Ingredients : Water\Aqua\Eau, Dimethicone, Methyl Trimethicone, Bifida Ferment Lysate, Dimethicone/Vinyl Dimethicone Crosspolymer, Propanediol, Petrolatum, Sucrose, Glycerin, Butylene Glycol, Acrylamide/Sodium Acryloyldimethyltaurate Copolymer, Trehalose, Tripeptide-32, Adansonia Digitata Seed Extract, Lavandula Angustifolia (Lavender) Flower Extract, Sodium Hyaluronate, Lactobacillus Ferment, Tocopheryl Acetate, Yeast Extract\Faex\Extrait De Levure, Hypnea Musciformis Extract, Sodium RNA, Caffeine, Squalane, Anthemis Nobilis Flower Oil, Poria Cocos Sclerotium Extract, Citrullus Lanatus (Watermelon) Fruit Extract, Lens Esculenta (Lentil) Fruit Extract, Pyrus Malus (Apple) Fruit Extract, Ethylhexylglycerin, Sodium PCA, Phytosphingosine, Hydrolyzed Algin, Hordeum Distichon (Barley) Extract\Extrait D’Orge A Deux Rangs, Jojoba Esters, Triticum Vulgare (Wheat) Germ Oil, Hydrogenated Lecithin, Lecithin, Isohexadecane, Jojoba Alcohol, Isopropyl Jojobate, PEG/PPG-18/18 Dimethicone, Polysorbate 80, Acrylates/C10-30 Alkyl Acrylate Crosspolymer, Tromethamine, Sorbitan Oleate, Sodium Lactate, Polysorbate 40, Potassium Gluconate, Tocopherol, BHT, Phenoxyethanol, Potassium Sorbate, Sodium Benzoate, Iron Oxides (CI 77491), Iron Oxides (CI 77492) <ILN50654>

ANR Eye สูตรไหนที่เหมาะกับฉัน?

ปูเป้คิดว่าอ่านมาถึงตรงนี้ คนที่ติดตามปูเป้มาก็น่าจะสงสัยว่า แล้วเจ้า  Advanced Night Repair Eye Supercharged Gel-Creme Synchronized Multi-Recovery (15ml / 3,050 BAHT) แบบกระปุกสูตรใหม่นี้ กับ Advanced Night Repair Eye Concentrate Matrix Synchronized Multi-Recovery Complex (15ml / 3,200 BAHT) แบบขวดที่ออกใหม่เมื่อปีที่แล้ว นั้นแตกต่างกันอย่างไร?

ทั้งสองตัวนี้มีสารบำรุงหลักมีความคล้ายคลึงกันมาก ๆ เพราะมีทั้งสารประกอบของ Chronolux™ Power Signal ที่ช่วยให้ผิวกลับเข้าสู่วงจรการปกป้องและฟื้นบำรุงตัวเองในตอนกลางวันกลางคืนแบบที่ควรจะเป็น กับสารต้านอนุมูลอิสระ สารต้านการอักเสบ ระคายเคือง และส่วนผสมช่วยเสริมความแข็งแรงของผิวหลัก ๆ ที่เหมือนกัน  สารต้านอนูมูลอิสระที่ใส่อาจจะมีต่างมากน้อยไปบ้าง แต่ก็ถือว่าไม่ได้ต่างอะไรนักในแง่ของส่วนผสมหลักครับ

สิ่งที่แตกต่างกันคือ Advanced Night Repair Eye Supercharged Gel-Creme Synchronized Multi-Recovery มีส่วนผสมเพิ่มคือ FR-Defense™ ที่เน้นเรื่องการปกป้องผิวจากแสงสีฟ้าและลดการผลิตอนุมูลอิสระที่ต้นกำเนิด ซึ่งเขาเคลมว่าช่วยเรื่องการลดความหมองคล้ำรอบดวงตาได้เด่นกว่า เนื้อเจลครีมเคลือบผิว เกลี่ยไปแล้วจะรู้สึกว่าเนื้อมันฟู ๆ ลื่น ๆ และเซ็ทตัวให้เอฟเฟคแบบ soft-focus นัว ๆ นวล ๆ

ในขณะที่ Advanced Night Repair Eye Concentrate Matrix Synchronized Multi-Recovery Complex จะเป็นเนื้อครีมเนียนละเอียดและชุ่มฉ่ำมากกว่าอย่างรู้สึกได้ ให้เอฟเฟคของการทำให้เส้นร่องริ้วดูอิ่มฟูขึ้นในทันทีหลังใช้ จากเทคโนโลยีเพราะเทคโนโลยีโครงข่ายโพลีเมอร์ 360° Mesh Matrix และมี Applicator Cryo-Steel Wand ทำจากสแตนเลสที่มี Heat-Sink เป็นแกนกลางช่วยลดอุณหภูมิผิว และช่วยลดการบวมได้  การเซ็ทตัวของเนื้อจะมีความรู้สึกเหมือนมีน้ำมันเคลือบผิวบาง ๆ และรู้สึกเย็นสบายผิว

สามารถย้อนกลับไปอ่านรีวิวของตัวนี้ได้ >>คลิกที่นี่<<

Conclusion

จากที่ลองใช้มา โดยส่วนตัวปูเป้คิดว่าถ้าสนใจผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรอบดวงตาในกลุ่ม Advanced Night Repair ก็อยากให้เลือกที่เนื้อสัมผัสแบบที่ชอบ การใช้แบบที่ชอบมากกว่า โดยปูเป้แนะนำว่าให้เลือก Advanced Night Repair Eye Supercharged Gel-Creme Synchronized Multi-Recovery จะเหมาะกับคนที่ผิวรอบดวงตาไม่แห้งมากหรืออยากได้อะไรที่เซ็ทตัวแบบนวลเนียน ดูไม่ทำให้เปลือกตาหรือรอบดวงตาดูมันวาว

ในขณะที่ Advanced Night Repair Eye Concentrate Matrix Synchronized Multi-Recovery Complex จะเหมาะกับคนที่รู้สึกว่าผิวรอบดวงตามีเส้นริ้ว ไม่อิ่มเอิบ ผิวรอบดวงตาค่อนข้างแห้ง หรือชื่นชอบ Applicator ที่ให้ความรู้สึกเย็นสบายลดการบวมได้ทันที

ทั้งสองตัวเป็นสกินแคร์ที่ดีสำหรับผิวที่แห้งและบอบบางครับ ไม่ใช่เฉพาะกับผิวรอบดวงตาเท่านั้นด้วย ส่วนผสมและเทคโนโลยีแน่น เนื้อสัมผัสดีไปคนละแบบ  โดยส่วนตัวปูเป้ใช้ทั้งคู่แล้ว ขอบอกตามตรงว่ารู้สึกชอบผลที่ได้จากตัว Concentrate Matrix มากกว่าครับ เพราะด้วยอายุแล้วเรามีปัญหาเรื่องริ้วร่องและการบวมง่ายกว่า และรู้สึกว่าเราทาไปเติมผิวที่เป็นร่องไม่อิ่มฟูอย่างเช่นหน้าผาก หว่างคิ้ว หรือร่องแก้มก้ได้ แต่ราคาก็สูงกว่าแบบกระปุกและเวลาที่มันเหลือก้นขวดก็จะควักมาใช้ยากนิดนึง (ปูเป้ใช้ไม้พันสำลีจ้วงไปควักออกมา) แต่ถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่าตัวเจลครีมกระปุกตรงกับความต้องการมากกว่า ก็ให้เลือกที่เหมาะกับตัวเองจะดีที่สุดครับ

หวังว่าจะเป็นข้อมูลที่ช่วยให้ตัดสินใจเลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเองได้ หรือถ้ายังไงม่แน่ใจก็แนะนำว่าหากมีโอกาสแวะไปที่เคาน์เตอร์ Estée Lauder ใกล้บ้านหรือที่ทำงานก็ลองไปปาด ๆ เทียบกัน หรือลองขอแซมเปิ้ลมาลองใช้ จะช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ

สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

***Sponsored Item***

Advanced Night Repair Eye Supercharged Gel-Creme Synchronized Multi-Recovery
Price : 30ml / 3,050 BAHT
Skin Type : All Skin Type / Sensitive Skin
Outstanding :  Anti-Aging / Antioxidant / Barrier Repair / Hydration / Soothing

Estée Lauder : Advanced Night Repair Eye Supercharged Gel-Creme Synchronized Multi-Recovery
FORMULA
GENTLENESS
SENSORY
RESULT
PUPE LOVE IT
PROS
  • ส่วนผสมบำรุงผิวที่หลากหลายเป็นคอกเทล ช่วยเสริมความแข็งแรงของผิว ต้านการอักเสบ เพิ่มความชุ่มชื้น ต้านอนุมูลอิสระ
  • ส่วนตัวคิดว่าแนวคิดเรื่องการ RESIST เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก
  • เป็นครีมบำรุงผิวรอบดวงตาที่เคลือบผิวจริงจัง ชุ่มชื้นยาวนาน แต่ไม่เยิ้มไม่มันวาว
CONS
  • บรรจุภัณฑ์แบบกระปุกนั้นดูสวย แต่ปนเปื้อนง่ายกว่า เนื้อเจลครีมนี้น่าจะอยู่ในขวดปั้มได้ไม่ยาก
  • เทคโนโลยีสำคัญในนี้ยังไม่มีข้อมูลอะไรให้สืบค้นเท่าไหร่ในปัจจุบัน
4.0Overall Score

Related Posts