ในปี 2024 นี้ ปูเป้ได้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเองครั้งใหญ่ที่ทำให้สุขภาพของระบบย่อยอาหารและการขับถ่ายของตัวเองในตอนนี้ อยู่ในระดับที่ดีที่สุดเท่าที่ปูเป้จำความได้เลยทีเดียวล่ะ ซึ่งทั้งหมดนี้มีจุดเริ่มมาจากการกินโพรไบโอติกเป็นประจำ และปรับพฤติกรรมการกินจากคำแนะนำที่ได้จากการไปตรวจเชื้อจุลินทรีย์ในลำไส้มาเมื่อปีก่อนหน้านี้ครับ

ใครที่ติดตามปูเป้มาตลอดน่าจะทราบกันดีว่าปูเป้เริ่มกินโพรไบโอติกของ MeridLife TOTAL:flora อย่างจริงจังตั้งแต่ปีต้นปี 2021 และยังซื้อกินมาอย่างต่อเนื่องทุกวันจนถึงปัจจุบัน เพราะมันช่วยตัวปรับสมดุลเพื่อบรรเทาปัญหาที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารที่ปูเป้เคยมีปัญหาเรื่องการขับถ่าย จากเป็นคนที่ท้องผูก ถ่ายยาก ก็ช่วยให้มาแบบมีความสม่ำเสมอและสบายท้องขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนหน้านั้นที่มีกินไฟเบอร์แต่เพียงอย่างเดียว และอาการที่เกี่ยวกับลำไส้แปรนปรวน กรดไหลย้อนที่เคยทำให้คอแดงและอักเสบจนต้องไปหาหมอกินยาหลายครั้งในแต่ละปี อาการท้องอืดที่เคยเป็นประจำทุกวัน ก็มีอาการดีขึ้นมาก ๆ 

และจริง ๆ ก็มีหลายคนมาถามว่ามาว่าการกินโพรไบโอติกนั้นช่วยเรื่องเสริมภูมิคุ้มกันด้วยหรือไม่  แม้ว่าปัจจุบันจะมีการศึกษาที่พยายามเชื่อมโยงสุขภาพของระบบทางเดินอาหารไปยังอวัยวะต่างๆ (Gut Axis) เช่นสมอง ผิวหนัง ปอด หัวใจ ประมาณว่าสารต่าง ๆ ที่จุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้ และความสมบูรณ์ของระบบย่อยอาหาร จะไปลดการอักเสบของอวัยวะอื่น ๆ และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้ แต่ประเด็นนี้ก็ยังเป็นเรื่องที่ใหม่อยู่มากและเกินความเข้าใจและความเชี่ยวชาญของตัวเอง ปูเป้ยังไม่มีประสบการณ์ตรงในเรื่องนี้กับตัวเองด้วยจึงไม่อยากหยิบมาพูด  และส่วนตัวก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากไปกว่าเพราะแค่ช่วยเรื่องระบบย่อยอาหารและการขับถ่ายดีขึ้นครับ

คือถึงแม้ว่าช่วงที่ผ่านมาปูเป้ไม่ค่อยเจ็บป่วย ถ้าป่วยแบบต้องนอนพัก/หาหมอ ก็มีแค่ตอนเป็นโควิดในช่วงที่มันกำลังพีค ส่วนโรคประจำตัวอย่างโรคภูมิแพ้อากาศที่เคยเป็น ก็ไม่กำเริบจนถึงขั้นต้องกินยาเหมือนแต่ก่อน  เรียกได้ว่าถ้าไม่ใช้ชีวิตเละเทะแบบดูเนทฟลิกแบบโต้รุ่งไม่ได้หลับไม่ได้นอนติดกันหลายวัน ก็ไม่เจอปัญหาเรื่องสุขภาพอะไรอะไรเลยนอกจากเรื่องปวดหลัง ออฟฟิศซินโดรม ตามหน้าที่การงานและวัยที่เพิ่มขึ้นครับ  คืออยากจะบอกว่าการที่ปูเป้สุขภาพดี ไม่ป่วยง่าย มาจากหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่การกินโพรไบโอติกอย่างเดียว แต่เพราะปูเป้ก็เริ่มเข้ายิมออกกำลังกายแบบจริงจัง รวมไปถึงปรับเรื่องการกินให้ดีขึ้นด้วย จึงมองว่าทุกองค์ประกอบนั้นมีส่วนสำคัญมากกว่าจะเพราะอย่างใดอย่างหนึ่งครับ

ตรวจเชื้อในลำไส้เพื่อนำไปปรับการใช้ชีวิตใหม่

ช่วงต้นเดือนมิถุนยา 2023 ปูเป้มีปัญหาติดเชื้อตรงที่แผลเจาะหูจนต้องกินยาฆ่าเชื้อ ทางแบรนด์ MeridLife ก็ติดต่อมาว่าถามคุณปูเป้อยากทดสอบ Gut Microbiota ดูไหม? เพราะว่าหลังกินยาฆ่าเชื้อไปพวกเชื้อในลำไส้จะอยู่ในสภาพเสียสมดุลอยู่แล้ว จะได้รู้ว่าหลังกินโพรไบโอติกไประยะหนึ่งแล้วมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง ปูเป้สนใจก็เลยตกลงลองทำดูครับ

หลังจากดไปตรวจที่โรงพยาบาลพญาไท 2 ผลออกมาก็เป็นไปตามที่คาดไว้คือหลังจากการกินยาฆ่าเชื้อทำให้สภาพสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้คือแย่มากครับ เพราะยาฆ่าเชื้อนั้นไม่ได้ทำร้ายแต่เชื้อที่ไม่ดี แต่รวมไปถึงเชื้อที่มีประโยชน์กับเราด้วย  ทำให้เชื้อพวกกลุ่ม Proteobacteria ที่ก่อโรคหรือกระตุ้นการอักเสบก็สูงกว่ามาตรฐาน พอตัดเกรดมาคือได้ F ที่ต่ำสุด

รายละเอียดของผลตรวจก็ออกมาดูตรงกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและการกินของตัวเอง เพราะเป็นชอบกินเนื้อแดง เป็นสายล้มวัว มีบุฟเฟต์เนื้อย่าง ชาบู สุกี้ยากี้ บาบีก้อน ขอให้บอก และรักการกินขนมมาก ส่วนผสม ชีส ไข่ นม เนย ต้องจัดเต็ม  ชานมนี่ก็เรียกว่าเสพติด อย่างน้อยต้องมีวันละแก้ว   ผลรายงานก็ออกมาว่าจุลินทรีย์ในลำไส้ออกมาเราเป็น Bacteroids ซึ่งมักพบในกลุ่มคนที่เป็น Meatarian หรือพวกกินเนื้อแดง นม เนย ไข่ ไขมันสูง แบบเป๊ะ ๆ เลยล่ะ

หลังจากกิน MeridLife TOTAL:flora ไป 6 สัปดาห์ และตรวจอีกครั้งนึง ผลโดยรวมถือว่ามีพัฒนาที่ดีขึ้น โดยเห็นว่าสมดุลของแบคทีเรียดีขึ้น แบคทีเรียชนิดไม่ดีคืออยู่ในระดับที่ควบคุมได้แล้ว เหลือแต่ต้องมาปรับสัดส่วนของแบคทีเรียที่ดีให้อยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสมอีกที โดยเน้นกลุ่ม Bifidobacterium และ Lactobacillus ให้มากขึ้น ซึ่งก็เป็นกลุ่มมีอยู่ในโพรไบโอติกของ MeridLife TOTAL:flora ที่กินอยู่ครับ

แม้คะแนนอาจจะดูเปลี่ยนไปไม่มากนัก แต่คุณหมอที่แปลผลบอกว่าอันนี้ก็ถือว่าดีแล้ว เพราะปกติเขาจะให้กินโพรไบโอติกไปอย่างน้อย 3 – 6 เดือนค่อยมาตรวจใหม่จะเห็นผลที่ชัดกว่า  แต่สิ่งที่น่าสนใจคือผ่านไป 6 สัปดาห์ โปรไฟล์ของจุลินทรีย์ในลำไส้ได้เปลี่ยนมาเป็นแบบ Vegetarian หรือคนที่กินอาหารแบบเมดิเตอเรเนียน ทั้งที่ในตอนนั้นปูเป้แค่ลดขนมและน้ำหวานลง แต่ไม่ได้ปรับหรือเปลี่ยนการกินอื่น ๆ เลย จึงมีความเป็นไปได้ว่าโพรไบโอติกที่กินจะช่วยปรับสมดุลโดยรวมให้ออกมาในทางที่ดีแบบนี้

จากผลตรวจที่ออกมาคุณหมอก็สรุปประมาณว่า โพรไบโอติก MeridLife TOTAL:flora ที่เรากินอยู่นี่โอเคเลย กินต่อไปได้ และสามารถลองกินโพรไบโอติกสองสูตรสลับกันทุก 2 – 3 เดือน เพื่อให้ได้ความหลากหลายของสายพันธุ์  และกำชับว่าปูเป้ควรปรับการกินเพื่อช่วยให้โพรไบโอติกทำงานได้ผลที่ดียิ่งขึ้น

จากผลการตรวจได้แนะนำให้กินอาหารที่มีไขมันต่ำ โปรตีนให้เน้นจากอกไก่และเนื้อปลา กินคาร์บแบบไม่ขัดสีและธัญพืชแบบเต็มเมล็ด เสริมแอนติออกซิแดนท์จากผักและผลไม้ที่น้ำตาลน้อย

ส่วนสิ่งที่ควรเลี่ยงก็คือพวกเนื้อแดง เนื้อย่างชาบูของโปรดก็ต้องลด อาหารที่มีแป้งและไขมันสูง พิซซ่าและจั้งค์ฟู้ดที่รักก็ต้องลด  ขนม นม เนย ไข่ น้ำตาล ผลไม้หรือน้ำหวานที่มีน้ำตาลสูงก็ต้องลด

บอกตามตรงว่าในตอนที่ฟังผลนั้นปูเป้ก็คิดกับตัวเองว่า ถ้าต้องปรับการกินของที่เราคุ้นเคยและชอบกินแบบนี้ จะทำได้หรอวะ และจะทำได้นานแค่ไหน ชีวิตจะยากขึ้นมากมั้ย?  แต่พอลองทำดูแล้วก็พบว่ามันไม่ยากเกินไป และพอได้เห็นผลที่ได้ ก็รู้สึกว่ามันไม่เหนือบ่ากว่าแรงตัวเองเลยครับ

ปรับไลฟ์สไตล์เพื่อเสริมการทำงานของโพรไบโอติก

การปรับการกินของปูเป้นั้นไม่ได้ทำแบบหักดิบเพราะรู้ว่าจะต้องตบะแตกอย่างรวดเร็ว และรู้สึกชีวิตหมองเศร้าหดหู่จนไม่มีกำลังใจทำต่อ เหมือนที่เคยลองทำมาก่อนหน้านี้  คราวนี้ปูเป้ใช้เวลาในการค่อย ๆ เริ่มปรับไปพร้อมกับหาสิ่งทดแทนไปด้วยครับ

เริ่มแรกปูเป้เป็นคนติดน้ำหวาน น้ำอัดลม ชานมอย่างมาก  ก็เริ่มค่อย ๆ ลดระดับความหวานที่ตัวเองกินมาเรื่อย ๆ เริ่มดื่มชาที่ชงเองได้ ไม่ขมและไม่ต้องเติมน้ำตาล  ชานมก็ลดความถี่ในการกินลงจากอย่างน้อยวันละแก้ว เหลือสัปดาห์ละ 1 – 2 แก้วให้พอกระชุ่มกระชวย  สำหรับความหวานนั้นปูเป้ลองใช้สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลมาหลายตัว สุดท้ายมาลงตัวที่สารสกัดจากหล่อฮังก้วยครับ ไม่มีแคลอรี่ ไม่ขม ไม่หวานแหลมไป

จุดเปลี่ยนสำคัญคือการเริ่มปรับมากิน อาหารคลีน/อาหารลีน เมื่อกลางเดือนมีนาคม 2024 เพราะเป็นเมนูที่เน้นโปรตีนจากเนื้ออกไก่ ไขมันต่ำ โปรตีนสูง และปรุงแต่งน้อย  ปูเป้เลือกแบบเป็นกับข้าวคลีนแช่แข็งที่เก็บได้นาน กินสะดวก ราคาไม่แพง

ส่วนคาร์บที่กินก็หุงข้าวเองเพื่อที่จะเลือกได้ว่าจะผสมอะไรลงไปบ้าง ปูเป้ทดลองหาข้าวที่ตัวเองชอบ ธัญพืชที่มีประโยชน์ รสชาติดี กินอร่อย  จนได้มาเป็นข้าวผสมธัญพืชรวม 10 ชนิด ที่ทำให้ได้คาร์โบไฮเดรตที่อิ่มนาน เพิ่มโปรตีน มีเส้นใยและสารอาหารหลากหลายกว่าการกินข้าวขาวธรรมดา (ถ้าสนใจ สามารถทำตามได้ในสูตรที่เคยโพสเอาไว้ในเพจ )

ปูเป้เป็นคนจุบจิบมากโดยเฉพาะเวลานั่งทำงาน แต่ก็ปรับเปลี่ยนจากพวกขนมถุง มันฝรั่งทอด เปลี่ยนมากินเป็นถั่วอบไม่ใส่เกลือ อย่างเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วอัลมอนด์ แมคคาดาเมีย เพื่อให่้ได้โปรตีนและไขมันชนิดดีด้วย

หลังจากที่ปรับตามคำแนะนำได้เกือบทั้งหมด ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าระบบย่อยอาหารจากที่เคยคิดว่ามันดีขึ้นแล้วเพราะกินโพรไบโอติกเป็นประจำ มันยังสามารถดีขึ้นได้อีก!!! โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับถ่าย จากที่โพรไบโอติกเคยช่วยให้มาทุกวันสลับวันเว้นวันบ้าง พอปรับการกินไปได้พักหนึ่ง ก็มาเป็นประจำทุกวัน และบางวันมาวันละสองครั้งแน่ะ!!! เท่านั้นยังไม่พอ มันมาแบบเป็นก้อนสวยงาม ลื่นปรื๊ดไม่ต้องเค้นไม่ต้องเบ่ง จนบอกได้เต็มปากว่านับตั้งแต่จำความได้จนมาถึงตอนนี้ที่อายุ 42 ขวบ ระบบขับถ่ายไม่เคยทำงานได้ดีขนาดนี้มาก่อนในชีวิตเลยครับ  แฮปปี้มากจริงๆ

ที่สำคัญ ผลจากการปรับการกินตามคำแนะนำนี้ ให้ผลดีกับการเข้ายิมออกกำลังกายของตัวเอง จากที่ก่อนหน้านี้ออกกำลังกายมาเป็นปีแต่การกินเละเทะจนร่างกลายเป็นหมีที่ตัวหนาขึ้นเพราะไม่กล้ามเนื้อแต่ไขมันไม่ยอมลง  แต่พอปรับการกิน มีคาร์บที่ดี มีพลังออกกำลังกาย โปรตีนถึงก็ซ่อมเสริมกล้ามเนื้อ แถมไขมันก็ต่ำ ทำให้โดยรวมแล้วปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับต่อวันมันลดลง จนสามารถที่จะลดไขมันที่สะสมออกไปได้ จึงเห็นผลว่ารูปร่างลีนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ปูเป้ไม่ได้หักดิบถึงขนาดชีวิตนี้จะไม่กินขนมนมเนยหรือบุฟเฟต์เนื้อย่าง ชาบู ไก่ทอด  ปูเป้ก็มีกินขนม กินจั้งค์ฟู้ด กินชานม ที่ตัวเองชอบอยู่บ้างนะครับ แต่กินแค่เหมือนให้รางวัลตัวเองเป็นครั้งคราว เน้นความพอดี ควบคุมตัวเองไม่ให้ตึงไปหรือหย่อนไป  เพราะถ้าเราไม่มีความสุข เราจะทำไม่ได้ไปตลอดรอดฝั่ง มันก็จะไม่ยั่งยืนนั่นเอง

กินโพรไบโอติกแล้ว ก็ลองปรับการใช้ชีวิตอีกสักหน่อย จะได้ผลที่ปังสุด ๆ

จากประสบการณ์ที่ตัวเองได้ประสบมาทั้งหมด ก็อยากจะมาสรุปเพื่อบอกว่า การกินโพรไบโอติกนั้นถ้าเราเลือกผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือ มีสายพันธุ์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์กับสาเหตุของปัญหาที่เรามี รวมไปถึงอยู่ในรูปแบบ ช่วงราคาที่เราสามารถกินเป็นประจำอย่างต่อเนื่องได้ จะช่วยยกระดับและควบคุมปัญหาที่เกี่ยวกับระบบย่อยอาหารและขับถ่ายของเราให้ดีขึ้นได้จริง แต่ถ้าเราปรับพฤติกรรมที่สำคัญอย่างการลดการกินอาหารที่ไม่ดีและเสริมอาหารที่ดีกับจุลินทรีย์ในลำไส้ได้ จะทำให้เห็นผลดียิ่งขึ้นไปอีก ไม่ใช่แค่กับสุขภาพของระบบทางเดินอาหารและการขับถ่าย  แต่ยังรวมไปถึงสุขภาพในด้านอื่น ๆ ด้วย

ถ้าใครไม่เคยลองกินโพรไบโอติก ปูเป้ก็อยากจะแนะนำ MeridLife TOTAL:flora เป็นตัวเลือกให้ลองพิจารณาครับ ซึ่งทุกคนสามารถอ่านข้อมูลแบบละเอียดยิบเกี่ยวกับโพรไบโอติกตัวนี้ในบทความ [Review] MeridLife TOTAL:flora Probiotics  เชื่อว่าจะตอบคำถามพื้นฐานได้เกือบทุกอย่าง ส่วนใครที่สนใจก็สามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ได้ที่ร้าน Watsons รวมไปถึงร้านสุขภาพและร้านขายยาชั้นนำ หรือจะสั่งซื้อผ่านร้านอย่างเป็นทางการของแบรนด์ทาง Lazada กับ Shopee และทาง Line @meridlife ครับ

และไหน ๆ เราก็กินโพรไบโอติกแล้ว ก็น่าจะพยายามช่วยโพรไบโอติกทำงานได้ดีขึ้น โดยใครที่มีทุนหนาหน่อย จะไปลองตรวจ Gut Microbiota เพื่อขอคำแนะนำเรื่องการปรับพฤติกรรมและการกินอาหารดูก็สามารถทำได้  แต่สำหรับใครที่มีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ ปูเป้คิดว่าจะลองเอาแนวทางของปูเป้เขียนเอาไว้ในบทความไปปรับใช้ดูก่อนก็ได้ครับ เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์อย่างแน่นอน