วันนี้ปูเป้จะมาอัพเดทเกี่ยวกับแบรนด์ SK-II ซะหน่อยหลังจากที่ไม่ได้พูดถึงแบรนด์นี้มานาน (เป็นปีแล้วมั้ง) ซึ่งการอัพเดทในครั้งนี้ไม่ใช่ตัวผลิตภัณฑ์ แต่เป็นแนวคิดเรื่องผิวที่สวยสมบูรณ์แบบตามฉบับที่ SK-II ได้ใช้เวลายาวนานกว่า 10 ปี ในการวิจัย

จริง ๆ ปูเป้คาดเอาไว้แล้วว่า SK-II จะต้องเตรียมเปิดตัวอะไรสักอย่าง (เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะออกมาในรูปแบบใด) เพราะเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ง P&G ได้ตีพิมพ์งานวิจัยในหัวข้อ “Up-regulation of tight junction-related proteins and increase of human epidermal keratinocytes barrier function by Saccharomycosis ferment filtrate” ในวารสาร Journal of Cosmetics, Dermatological Sciences and Applications ซึ่งเนื้อหาภายในเป็นการอธิบายและยืนยันประสิทธิผลของ Saccharomycosis ferment filtrate หรือ Pitera ว่ามีผลต่อเซลล์ผิวของมนุษย์อย่างไร (รายละเอียดเยอะมากครับ แต่ทุกคนสามารถโหลดแบบ Full-Text มาอ่านได้เลย)

ปูเป้อ่านและจับจุดคร่าว ๆ ได้ว่าเจ้า Pitera นี้จะช่วยให้เซลล์ผิวเกิดการแบ่งตัว เจริญเติบโต พัฒนาการ ตายและหลุดลอกออก (keratinocyte differentiation ) อย่างเป็นปกติ และช่วยให้ชั้นผิวบาเรียผิวแข็งแรงขึ้น ซึ่งเป็นพื้นฐานของผิวที่มีสุขภาพดีจนผิวสามารถเก็บกักความชุ่มชื้นได้เต็มที่ เซลล์ผิวอิ่มจะดูเปล่่งปลั่งและดูกระจ่างใสนั่นเอง…

การวิจัยข้างต้นนี้ SK-II จึงได้คิดค้นและพัฒนาแนวคิด “โมเดลต้นแบบผิวกระจ่างใส” หรือ Crystal Clear Skin Model ซึ่งเป็นเครื่องมือล่าสุดที่ใช้เทคโนโลยีในการตรวจและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับสภาพผิวในด้านต่าง ๆ และนำมาวิเคราะห์ประมวลผลเปรียบเทียบกับข้อมูลที่เก็บจากกลุ่มตัวอย่างของผู้หญิง 100 คน ในช่วงเวลา 10 ปี

ผลการวิเคราะห์จะออกมาในรูปแบบของกราฟ 5 เหลี่ยม แทนความงามของผิวที่สมบูรณ์แบบทั้ง 5 มิติ (Texture/ความเรียบเนียน, Firmness/ความกระชับ , Wrinkle/ริ้วรอย, Spot/จุดด่างดำ, Radiance/ความเปล่งปลั่ง) หากค่าที่วัดได้ในแต่ละหัวข้อนั้นได้ตั้งแต่ 70 ขึ้นไปถือว่าผ่านเกณฑ์มาตรฐาน และจะนับเป็น 1 มิติ (1D)

จากผลการเปรียบเทียบสภาพผิวของปูเป้หลังจากใช้ยารักษาสิวมาได้สักระยะนั้น พบว่าผิวนั้นได้มาแค่ 2D เท่านั้นเอง (เสียใจ) ได้คะแนนของเนื้อผิวและริ้วรอยอยู่ในระดับที่ดี ส่วนความกระชับและจุดด่างดำก็เกือบจะผ่านเกณฑ์แล้ว (คิดว่ารักษาสิวและรอยสิวเสร็จก็น่าจะได้คะแนนตรงนี้เพิ่มขึ้น) ส่วนค่าความเปล่งปลั่งนั้นได้ไม่ถึงครึ่งของค่าเฉลี่ยซึ่งสอดคล้องกับความแห้งกร้านที่เกิดขึ้นจากการใช้ยารักษาสิวทำให้ผิวดูไม่เปล่งปลั่งอยู่แล้ว

จุดที่น่าสนใจเกี่ยวกับการตรวจวัด 5 มิตินี้ คือเครื่องมือที่ใช้วัดริ้วรอย และความกระชับของผิวดูมีความน่าเชื่อถือทีเดียวล่ะครับ และกล้องส่องผิวที่ขยายได้ถึง 40 เท่าและมีความเร็วของการประมวลภาพที่สูงและคมชัด (ปูเป้มองว่าเป็นจุดเด่นของระบบการวิเคราะห์ผิวอันนี้เลยล่ะ)

เขาบอกว่าจากการวิจัยและการเก็บข้อมูลกว่า 10 ปี ที่ผ่านมาทำให้พบว่าเจ้า Pitera เนี่ยจะช่วยไปเสริมการทำงานของ BIO-Index ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญอีกประการที่กำหนดคุณภาพผิวเพราะประกอบด้วยสารอาหารสำคัญสำหรับผิวกว่า 50 ชนิด โดยผลิตภัณฑืที่ขายดีที่สุดของแบรนด์อย่าง Facial Treatment Essence จะประกอบไปด้วย Pitera กว่า 90%

นอกจากนี้เขายังบอกว่า การที่ผิวจะได้รับ Pitera ในปริมาณที่เพียงพอต่อการเสริมการทำงานของ Bio-Index ที่ว่านี้ ขวดขนาด 150 ml จะสามารถใช้ได้นาน 40 วัน (วันละ 2 ครั้ง เช้า – เย็น) โดยเทลงบนสำลีให้ชุ่ม และตบลงบนผิวเบา ๆ ให้ทั่วเป็นเวลา 2 นาที (ยังอ่อนโยนพอที่จะใช้กับรอบดวงตาได้ด้วย)

หลังจากวิเคราะห์ผิวและได้รับคำแนะนำเกี่ยวผลิตภัณฑ์ของ SK-II ที่เหมาะสมในการพัฒนาคุณภาพผิวให้ได้ครบทั้ง 5 มิติแล้ว ต่อไปเป็นการนวดปรณนิบัติผิวหน้าในแบบฉบับของ SK-II ซึ่งมีท่านวดทั้งหมด 19 ท่า เป็นมาตรฐานเหมือนกันทั่วโลก

ปูเป้พึ่งได้มานวดหน้ากับ SK-II เป็นครั้งแรกครับและรู้สึกว่า SK-II จะเน้นความสำคัญในช่วงของลำคอและโครงหน้ามากกว่าแบรนด์อื่น ๆ ที่เคยไปลองนวดหน้ามา การประคบผ้าร้อนอันนี้มีหลายแบรนด์ใช้ แต่พึ่งเจอแบรนด์ที่ใช้เดทตอลฆ่าเชื้อนี่แหล่ะครับ (มันก็ Hygiene ดีหรอก แต่กลิ่นก็แบบว่านะ…) หลังจากนวดหน้าเสร็จแล้วรู้สึกว่าผิวนุ่มและชุ่ม รู้สึกดีครับ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะมานวดอีก 😀


นอกจากการปรณนิบัติผิวครบสูตรแล้ว ในกิจกรรมนี้ก็มีการแต่งหน้าและถ่ายภาพจากทีมช่างภาพมืออาชีพตัวจริง เพื่อถ่ายรูปสวยๆ เป็นที่ระลึกอีกด้วย (การแอคติ้งถ่ายรูปเป็นอะไรที่ผมไม่ถนัดเอาซะเลย… รู้สึกว่าอ่าน Textbook ง่ายกว่านี้เยอะ…)

หลังจากนั้นทางพนักงานก็จะมอบ Sample ของผลิตภัณฑ์หลัก ๆ ที่เขาได้แนะนำให้ในตอนที่เราตรวจสภาพผิว จะได้กลับไปทดลองใช้ดูก่อน จะได้ตัดสินใจซื้อขนาดเต็มได้ง่ายและมั่นใจขึ้นครับ

Related Posts