THREE ที่แปลว่า “สาม” นั้นมาจากแนวคิดหลัก 3 อย่างก็คือ
– Natural ที่เน้นการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติในการบำรุงผิว
– Honest ความซื่อสัตย์ ที่แสดงผ่านรูปลักษณ์ของบรรจุภัณฑ์ที่เรียบง่ายและการให้ข้อมูลผลิตภัณฑ์อย่างตรงไปตรงมา
– Creative ความคิดสร้างสรรค์ในการนำส่วนผสมจากธรรมชาติและเทคโนโลยีมารังสรรค์ผลิตภัณฑ์
หัวใจหลักของสกินแคร์ในกลุ่มนี้คือการปรับคืนสมดุลให้ผิวที่ถูกทำร้ายจากการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ ความเครียด สิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ จนทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติ หรือ Autonomic Nervous System เกิดความปั่นป่วน การทำงานของอวัยวะภายในร่างกายและผิวเสียความสมดุลและทำงานบกพร่องไป
ขออธิบายเพิ่มเติมถึงความสำคัญของระบบประสาทอัตโนมัติ หรือ Autonomic Nervous System ว่าเป็นระบบประสาทที่สำคัญในการควบคุมการทำงานของอวัยวะภายในของร่างกายที่ไม่ขึ้นตรงต่อการสั่งการของสมอง เช่นการเต้นของหัวใจ การทำงานของเซล์และต่อมต่าง ๆ ในร่างกาย ซึ่งสามารถแบ่งเป็นอีกสองส่วนคือ ระบบประสาทซิมพาเทติก (Sympathetic) ที่จะตอบสนองกับสิ่งเร้ารอบตัว สิ่งอันตราย ความตึงเครียด หรือน่าตื่นเต้น อีกส่วนคือ ระบบประสาทพาราซิมพาเทติก ( Parasympathetic) ที่ทำงานตรงกันข้ามกัน เพื่อผ่อนคลายและกระตุ้นให้ร่างกายกลับมาทำงานเป็นปกติ
การทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ นี้ส่งผลต่อร่างกาย จิตใจ และส่งผลต่อผิวพรรณอย่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่ง THREE เชื่อว่าวิถีแห่งธรรมชาติและพลังของการบำบัดสามารถนำสมดุลกลับมาสู่ร่างกาย จิตใจ และผิวพรรณได้ เริ่มต้นจากการปรับสมดุลของจิตใจและร่างกายผ่านการใช้กลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหย (Essential Oil) และการใช้น้ำมันสกัดจากพืช (Botanical Oil) ที่ปราศจากกลิ่น และน้ำสกัดจากพืช (Botanical Water) ในการที่จะปรับสมดุลระหว่างน้ำมันและน้ำบนผิว นอกจากนี้ส่วนผสมจากพืชบางชนิดที่ใช้ก็เป็นพืชที่ปลูกแบบ Organic ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การ Eco Cert และ Soil Association
อีกการศึกษาหนึ่งจากประเทศใต้หวันในกลุ่มผู้ที่มีความเครียดจากการทำงาน พบว่าน้ำมันหอมระเหยจากเบอการ์มอตนั้นมีผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติในการปรับการเต้นของหัวใจและช่วยผ่อนคลายความเครียด
(Source : The Effect of Lavender Aromatherapy on Autonomic Nervous System in Midlife Women with Insomnia .,Aromatherapy Benefits Autonomic Nervous System Regulation for Elementary School Faculty in Taiwan.)
จากข้อมูลที่อ่านมา ผลของน้ำมันหอมระเหยที่มีต่อระบบประสาทอัตโนมัตินี้เป็นผลมาจากการสูดดมเป็นหลัก การนำส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยมาใช้ในเครื่องสำอางบำรุงผิวนั้นยังมีข้อควรพิจารณอยู่อีกหลายด้าน ถึงแม้จะเป็นข้อเท็จจริงที่ว่าน้ำมันหอมระเหยหลายชนิดมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ แต่น้ำมันหอมระเหยก็ยังมีโอกาสที่จะก่อให้เกิดการระคายเคือง หรือก่อให้เกิดอาหารแพ้ได้ในบางกรณีไป
ในแง่ของการดูดซึมสู่ผิวนั้น ตามทฤษฏีแล้วโมเลกุลของน้ำมันหอมระเหยมีขนาดเล็กมากกว่า 500 ดาลตัน ซึ่งอาจจะสามารถซึมผ่านเซล์ผิวหนังไปได้ และน่าจะทำได้ง่ายขึ้นถ้าเป็นการซึมผ่านช่องรูขุมขน ซึ่งในสังคมของเธอราปิสต์และผู้ที่ใช้น้ำมันหอมระเหยในการบำบัดเชื่อว่าน้ำมันหอมระเหยสามารถซึมผ่านเข้าผิวหนังไปยังกระแสเลือดได้ แต่โดยส่วนตัวปูเป้ยังหาข้อมูลที่เป็นงานวิจัยที่ระบุชี้ชัดไม่ได้ว่าสามารถทำได้จริงหรือไม่ หรือสามารถดูดซึมได้ดีแค่ไหน (หากใครที่มีข้อมูลตรงนี้ สามารถแจ้งให้ปูเป้ทราบได้ครับ)
(Source : Chemical composition and antibacterial and antioxidant properties of commercial essential oils., ANTIOXIDANT AND FREE RADICAL SCAVENGING ACTIVITIES OF ESSENTIAL OILS., Aromatherapy and Essential Oils (PDQ®), Transdermal drug delivery: principles and opioid therapy)
จากที่ได้ลองมาทั้งหมด ตัวที่ปูเป้ใช้แล้วแฮปปี้ที่สุดดูจะเป็น THREE : Balancing Lotion (140ml / 2,550 THB) ตัวนี้ซึ่งจะมาทำรีวิวละเอียดให้อ่านกัน สำหรับผลิตภัณฑ์ตัวอื่นที่ได้ลอง ปูเป้ขอทำเป็นวีดีโอคลิป ซึ่งแนบไว้ด้านล่างนี้
แต่ส่วนผสมหลัก ๆ ตามที่ข้อมูลจากแบรนด์ระบุไว้คือมีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยอย่าง เบอร์กามอต โรสแมรี่ มาจอแรม แซนดัลวู้ด และ แฟรงคินเซนส์ น้ำสกัดจากแอปเปิ้ล น้ำสกัดจากต้นไผ่ สารสกัดจากแตงกวาคากาบุโตะ สารสกัดจากเมล่อน และสารสกัดจากบวบ
โลชั่นน้ำขวดนี้มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ แต่คิดว่ามีอยู่ในปริมาณไม่มากเพราะหลังจากใช้มา 4 สัปดาห์ไม่พบว่าผิวแห้งหรือระคายเคือง (ใครที่อ่านภาษาญี่ปุ่นออกสามารถช่วยกันแปลส่วนผสมให้ได้นะฮะ) ส่วนผสมของแอลกอฮอล์มักถูกใส่มาในผลิตภัณฑ์เพื่อประโยชน์ในแง่ของการทำสูตร เช่นทำละลายส่วนผสมบางอย่าง ช่วยเป็นตัวยืดอายุให้กับผลิตภัณพ์ ช่วยรวมส่วนผสมบางอย่างเข้าด้วยกัน รวมถึงช่วยให้สัมผัสไม่เหนอะหนะ และช่วยให้ผลิตภัณฑ์ระเหยไว ซึ่งถ้าใส่มาเยอะมากไปจะทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้
สำหรับการใช้โลชั่นตัวนี้นั้นทางแบรนด์ THREE แนะนำให้ใช้คู่กับสำลีของเขาที่เป็นชนิดไม่ฟอกขาว ไม่รีดขอบ และเป็นใยฝ้ายแบบออร์แกนิค ปลอดสารพิษ เพราะเขาเชื่อว่าน้ำมันหอมระเหยจะนำพาสารต่างๆ เข้าสู่ผิวได้ลึกถึงกระแสเลือด การใช้สำลีปกติที่มีสารฟอกขาวหรือสารเคมีฆ่าแมลงอาจทำให้สารเหล่านั้นถูกน้ำมันหอมระเหยพาเข้าผิวไปด้วย ซึ่งเขามองว่าไม่ใช่ผลดี
สำลีออร์แกนิคของ THREE มีแผ่นใหญ่กว่าสำลีทั่วไป แต่มันค่อนข้างจะเป็นขุยง่ายกว่าสำลีที่เราใช้อยู่ตามปกติ โดยเฉพาะกับผู้ชายที่มีหนวดจะทำให้สำลีเป็นขุยง่ายกว่าผู้หญิงอยู่แล้ว
ผลิตภัณฑ์ของ THREE น่าจะถูกใจสำหรับผู้ที่ชอบกลิ่นหอมแนว Aroma Therapy ได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับประเด็นของน้ำมันหอมระเหย (Essential Oil) นี่เป็นส่วนผสมที่ต้องทำความเข้าใจในประเด็นต่อไปนี้
– มีการศึกษาแล้วว่าน้ำมันหอมระเหยมีผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติจริง (ซึ่งเป็นผลจากการสูดดม)
– ปูเป้ยังไม่พบข้อมูลงานวิจัยที่สามารถนำมายืนยันเรื่องการดูดซึมของน้ำมันหอมระเหยว่าลงไปถึงกระแสเลือดได้จริง หรือดูดซึมได้ดีแค่ไหน
– มีการศึกษาพบว่าน้ำมันหอมระเหยหลายชนิดมีผลในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ต้านอนุมูลอิสระเมื่อนำมาทาบนผิว
– น้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติ ยังคงมีโอกาสก่อให้เกิดการระคายเคืองหรืออาการแพ้ได้ ซึ่งแตกต่างไปในแต่ละบุคคล
ดังนั้นใครที่สนใจ ก็สามารถสอบถามและขอผลิตภัณฑ์ขนาดทดลองได้ที่เคาน์เตอร์ THREE ทุกสาขาก่อนจะตัดสินใจซื้อ
สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง
ข้อดี
– เนื้อโลชั่นชุ่มผิวมาก ผิวนุ่ม แต่ไม่เหนอะหนะ
– กลิ่นหอมผ่อนคลาย
– น้ำมันหอมระเหยมีการพิสูจน์แล้วว่าส่งผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติ และมีคุณสมบัติในการต้านแบคทีเรีย ต้านอนุมูลอิสระ
ข้อเสีย
– น้ำมันหอมระเหยมีโอกาสก่อให้เกิดการระคายเคืองหรืออาการแพ้ได้ในรายบุคคลที่ไวต่อส่วนผสมดังกล่าว
– ปูเป้ยังไม่มีข้อมูลที่จะมาสนับสนุนเรื่องการดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังไปยังกระแสเลือดของน้ำมันหอมระเหย
***Sponsored Item***
– THREE : Balancing Lotion