ผลิตภัณฑ์ที่จะพูดถึงในวันนี้เราบอกได้เต็มปากว่านี่คือผลิตภัณฑ์ที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดของ Clinique และเป็นตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดว่าการที่ผลิตภัณฑ์จะประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แค่มีส่วนผสมที่ดี มีประสิทธิภาพที่ดี แต่ต้องนำเสนออย่างน่าสนใจอีกด้วย กับ Clinique : Fresh Pressed™ Daily Booster with Pure Vitamin C 10%
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แบรนด์นี้ออกเซรั่มที่มีวิตามินซีเข้มข้นถึง 10% เราเคยเล่าในวีดีโอ #PuPeFav2017 ไว้แล้วว่าเขาเคยมีผลิตภัณฑ์วิตามินซี 10% แบบต้องผสมก่อนใช้มาก่อน ในรูปลักษณ์อื่น และในกลุ่มผลิตภัณฑ์อื่น ซึ่งมันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีนะ แต่มันไม่ประสบความสำเร็จเอาเสียเลยในแง่ของยอดขาย และต้องม้วนเสื่อออกจากเคาน์เตอร์ถึงสองรอบ แต่การกลับมารอบนี้ กับสูตรใหม่ แพคเกจจิ้งใหม่ การสื่อสารและโพซิชั่นนิ่งใหม่ รวมไปถึงเวลาที่เปลี่ยนไปกับผู้บริโภคที่มีความเข้าใจในการดูแลผิวที่มากขึ้น ทำให้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ประสบความสำเร็จอย่างสูงเลยล่ะ
ผลิตภัณฑ์ตัวนี้จับกระแสของเทรนด์ฮิตในช่วงปีที่ผ่านมาได้อย่างอยู่หมัด ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ของ Booster ที่ใช้ได้หลากหลาย ใช้ได้ง่าย และเข้ากับเทรนด์ของการ Customization พอดิบพอดี การผสมสดก่อนใช้ และบรรจุภัณฑ์ออกแบบใหม่ที่ใช้ได้อย่างสะดวก สีสันโดดเด่น ภาพ visual ในการสื่อสารผลิตภัณฑ์ที่ดึงดูดใจ ที่สำคัญคือประสิทธิภาพที่คาดหวังได้และเห็นผลดี มันคือสมการที่แทบจะการันตีความสำเร็จได้อยู่แล้ว
พูดไปก็จะหาว่าเราอวยมาก แต่ว่าสิ่งที่เราพูดมันไมไ่ด้เกินจริงเลยแม้แต่น้อย
Clinique : Fresh Pressed™ Daily Booster with Pure Vitamin C 10% (8.5ml x 4 = 3,600 Baht) โดดเด่นด้วยการผสมวิตามินซีในรูป Ascorbic Acid ถึง 10% ซึ่งเป็นรูปแบบที่มีประสิทธิภาพสูงและอยู่ในความเข้มข้นที่คาดหวังผลได้ ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอยได้จริง ช่วยให้โทนผิวกระจ่างใส จุดด่างดำ รอยสิวจางลงได้ ปัญหาเรื่องความเสถียรของวิตามินซีนั้นทางแบรนด์เลือกที่จะแยกวิตามินซีเอาไว้ในรูปแบบผงแห้งซึ่งเป็นรูปแบบที่เสถียรที่สุด เมื่อผสมแล้วก็กำชับให้ใช้ใน 7 วันซึ่งวิตามินซีก็ยังคงมีประสิทธิภาพเต็มที่อยู่นั่นเอง
(Source : Topical Vitamin C and the Skin: Mechanisms of Action and Clinical Applications., Stability of vitamin C derivatives in solution and topical formulations., Topical L-ascorbic acid: percutaneous absorption studies., Use of topical ascorbic acid and its effects on photodamaged skin topography. , Double-blind, half-face study comparing topical vitamin C and vehicle for rejuvenation of photodamage., Topical ascorbic acid on photoaged skin. Clinical, topographical and ultrastructural evaluation: double-blind study vs. placebo., Evaluation of a prescription strength 4% hydroquinone/10% L-ascorbic acid treatment system for normal to oily skin., Ascorbic acid preferentially enhances type I and III collagen gene transcription in human skin fibroblasts., Topically applied vitamin C enhances the mRNA level of collagens I and III, their processing enzymes and tissue inhibitor of matrix metalloproteinase 1 in the human dermis.,)
สิ่งที่โดดเด่นของผลิตภัณฑ์ตัวนี้คือนอกจากจะมีวิตามินซีเข้มข้นแล้ว มันยังอัดแน่นไปด้วยเปปไทด์ถึง 4 ตัว และสารบำรุงที่หลากหลาย มาเป็นคอกเทลกันเลยทีเดียว
เปปไทด์ตัวแรกคือ Acetyl Hexapeptide-8 หรือที่รู้จักกันในชื่อ Argireline ซึ่งหลายคนที่ใช้สกินแคร์น่าจะคุ้นชื่อกันดี มันเป็นเปปไทด์ในสกินแคร์ยุคแรก ๆ เมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว และเคลมว่าช่วยลดการส่งสัญญาณไปยังกล้ามเนื้อจึงถูกเคลมว่าทำงานคล้าย BOTOX โดยไม่ต้องจิ้มเข็ม ตลอกระยะเวลาที่ผ่านมาก็มีการศึกษาเกี่ยวกับเปปไทด์ตัวนี้มาเป็นระยะ การทดสอบในมนุษย์พบว่าเปปไทด์ตัวนี้ช่วยลดริ้วรอยและลดความหยาบกร้านของผิวได้ การทดสอบกับกลุ่มผู้ที่ฉีด BOTOX ก็พบว่าคนที่ฉีดและทาผลิตภัณฑ์ที่มีเปปไทด์ตัวนี้จะช่วยยืดระยะเวลาของผลที่ได้จากการฉีด BOTOX ได้นานขึ้น แต่ดูเหมือนว่าเปปไทด์ตัวนี้จะมีปัจจัยในเรื่องของการทำสูตรผลิตภัณฑ์ซึ่งมีผลต่อการดูดซึมของเปปไทด์ โดยในระบบอีมัลชั่นที่มีสัดส่วนของ water phase มากกว่าจะเสริมการดูดซึมของเปปไทด์ได้ดีกว่า
(Source : A synthetic hexapeptide (Argireline) with antiwrinkle activity., The anti-wrinkle efficacy of argireline, a synthetic hexapeptide, in Chinese subjects: a randomized, placebo-controlled study., Pilot Study of Topical Acetyl Hexapeptide-8 in Treatment of Blepharospasm in Patients Receiving Botulinum Neurotoxin Therapy, In vitro skin penetration of acetyl hexapeptide-8 from a cosmetic formulation., Topical delivery of acetyl hexapeptide-8 from different emulsions: influence of emulsion composition and internal structure.)
Palmitoyl Hexapeptide-12 (pal-VGVAPG) หรือ Biopeptide EL™ โดยบริษัท Sederma เคลมว่าเป็นเปปไทด์ทีกระตุ้นการสร้างอีลาสติน เพื่อความยืดหยุ่นกระชับของผิว ส่วน Palmitoyl Tripeptide-1 (pal-GHK) (ชื่อเดิม Palmitoyl Oligopeptide) กับ Palmitoyl Tetrapeptide-7 (pal-GQPR) คือ Matrixyl 3000 โดยบริษัทเดียวกัน เปปไทด์คู่นี้มีการเปลี่ยนชื่อ INCI ในช่วงที่ผ่านมาดังนั้นอย่าพึ่งงงว่า ‘เอ๊ะ ที่ฉันเคยรู้จักมันไม่ใช่ INCI นี้นี่นา’ การศึกษาที่ตีพิมพ์เอาไว้พบว่า Matrixyl 3000 ช่วยกระตุ้นโปรตีนสำคัญที่เป็นโครงสร้างของชั้นผิวได้ แต่การศึกษานี้ทำโดยบริษัท Sederma เองก็อาจจะมี bias ได้ การทดสอบผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสม Matrixyl 3000 รวมกับสารต่อต้านริ้วรอยอื่นๆ อย่างวิตามินซี วิตามินเอ และสารสกัดจากพืขอื่น ๆ เป็นระยะเวลา 6 เดือนต่อเนื่องพบว่าช่วยลดเลือนริ้วรอยได้
(Source : Topical Peptide Treatments with Effective Anti-Aging Results, Evaluation of dermal extracellular matrix and epidermal-dermal junction modifications using matrix-assisted laser desorption/ionization mass spectrometric imaging, in vivo reflectance confocal microscopy, echography, and histology: effect of age and peptide applications., Effects of a cosmetic ‘anti-ageing’ product improves photoaged skin)
ส่วนผสมของสารบำรุงอื่น ๆ มีอยู่เยอะมากแต่เราขอไล่จากส่วนผสมที่เรารู้จักกัน เริ่มต้นที่คอมเพล็กที่มีอยู่ในสกินแคร์ทุกตัวของแบรนด์นี้อย่าง Phytofix ซึ่งประกอบไปด้วย Cucumis Sativus (Cucumber) Fruit Extract กับ Hordeum Vulgare (Barley) Extract และ Helianthus Annuus (Sunflower) Seedcake ที่ทางแบรนด์เรียกชื่อเก๋ ๆ ว่า Barrier Strengthening Complex ซึ่งเรารู้มาจากตอนไปงานเปิดตัวสูตรใหม่ของ DDML+ ที่ฮ่องกงเมื่อ 5 ปีก่อน ผู้ผลิตสารตัวนี้เคลมว่าเป็นการสกัดเอาสารที่คล้ายกับชั้นลิพิดของผิวตามธรรมชาติ
Whey Protein คือส่วนผสมที่มีชื่อว่า MPC™ – Milk Peptide Complex ผู้ผลิตสารเคลมว่าช่วยกระตุ้นการสร้างไฮยาลูโรนิคแอซิดในผิวได้ดีมาก ช่วยลดริ้วรอยและเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว ส่วนผสมตัวนี้ถูกใช้อยู่ในผลิตภัณฑ์ต่อต้านริ้วรอยในแบรนด์ Clinqiue และแบรนด์อื่น ๆ ในเครือ ELCA
Siegesbeckia Orientalis (St Paul’s Wort) Extract มีผู้ผลิตอยู่หลายเจ้า แต่เราเดาว่าน่าจะเป็น Siegesbeckia PH ของ Sederma เพราะเครือนี้ใช้ส่วนผสมจากซัพพลายเออร์เจ้านี้เยอะมาก ผู้ผลิตเคลมว่าช่วยต้านการอักเสบและปกป้องคอลลาเจนจากการถูกทำลายจากเอนไซม์
Acetyl Glucosamine ถูกใช้เป็นส่วนผสมเพิ่มความชุ่มชื้นและทางเครือ ELCA ได้ตีพิมพ์การศึกษาของตัวเองพบว่าส่วนผสมนี้ยังช่วยให้ผลเกิดการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนด้วย ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ยังมีส่วนผสมของ Salicylic Acid ด้วยและการที่มีวิตามินซี Ascorbic Acid ในสูตรก็ทำให้ค่า pH นั้นเหมาะที่จะทำหน้าที่ผลัดเซลล์ได้แต่เราคิดว่าน่าจะมีอยูในความเข้มข้นที่ไม่มากนัก
(Source : The effect of N-acetyl-glucosamine on stratum corneum desquamation and water content in human skin.)
ส่วนผสมอื่น ๆ ก็เป็นสารสกัดจากพืชที่เราไม่แน่ใจว่าเป็นส่วนผสมที่มาจากซัพพลายเออร์ไหน แต่ส่วผนสมเหล่านั้นอย่างน้อยก็เป็นสารต้านอนุมูลอิสระได้ ถ้ารู้แน่ชัดว่ามันถูกเคลมอะไรไว้บ้างอาจจะพอเกาะและสืบค้นหาซัพพลายเออร์ได้ง่ายขึ้น แต่โดยรวมแล้วในแง่ของส่วนผสม นี่คือเซรั่มที่รวมสาร Ani-Aging ที่น่าสนใจมาก ถ้าวิตามินซี 10% ฟังดูไม่ว้าวพอ พี่เขาจัดเปปไทด์และสารสุดไฮเทคมาให้อีกเพียบ
โดยส่วนตัวเราก็แอบคิดถึงเรื่องความเสถียรของส่วนผสมเปปไทด์ต่าง ๆ ในค่า pH ที่ค่อนไปทางเป็นกรดหลังจากผสมวิตามินซีไปแล้วว่ามันจะยังคงเสถียรอยู่ได้นานแค่ไหน? เรายังไม่มีข้อมูลตรงนี้จากซัพพลายเออร์ แต่มองว่าส่วนผสมของวิตามินซีในสูตรนี้เอาจริงๆเกิน 7 วันมันก็ยังไม่ค่อยเหลืองขึ้นเท่าไหร่ และผลิตภัณฑืที่ผสมวิตามินซีก่อนใช้แบบนี้ในท้องตลาดเท่าที่เราเคยใช้ก็สามารถทำสูตรให้คงอยู่ด้นานถึง 1 เดือนโดยที่ไม่ค่อยเหลือง ดังนั้นโดสการใช้ต่อขวดใน 7 วัน อาจจะเป็นแค่เรื่องของการตลาด หรืออาจจะเป็นช่วงเวลาที่ทดสอบมาแล้วว่าเพื่อให้ประสิทธิภาพของทั้งวิตามินซีและเปปไทด์ยังคงสูงที่สุดควรจะใช้ใน 7 วัน จึงทำเป็นหลอดเล็ก ๆ แบบนี้มา อันนี้เป็นแค่สมมุติฐานของเรา ไว้เดี๋ยวเราไปถามซัพพลายเออร์ของพวกเปปไทด์อีกทีตอนมีงานแล้วเราจะมาอัพเดทให้อีกรอบจ้า
Ingredients : Water\Aqua\Eau, Ascorbic Acid, Glycerin, Dimethicone, Squalane, Butylene Glycol, Dipropylene Glycol, Acetyl Glucosamine, Cucumis Sativus (Cucumber) Fruit Extract, Hordeum Vulgare (Barley) Extract, Morus Nigra (Mulberry) Root Extract, Molasses Extract\Saccharum Officinarum\Extrait De Melasse, Laminaria Digitata Extract, Scutellaria Baicalensis Root Extract, Acetyl Hexapeptide-8, Vitis Vinifera (Grape) Fruit Extract, Algae Extract, Palmitoyl Hexapeptide-12, Palmitoyl Tripeptide-1, Palmitoyl Tetrapeptide-7, Alcaligenes Polysaccharides, Caffeine, Sucrose, Whey Protein\Lactis Protein\Protein Du Petit-Lait, Betaine, Salicylic Acid, Glycine Soja (Soybean) Protein, Sodium Hyaluronate, Caprylyl Glycol, Sigesbeckia Orientalis (St. Paul’s Wort) Extract, Bis-PEG-18 Methyl Ether Dimethyl Silane, Propylene Glycol Dicaprate, Helianthus Annuus (Sunflower) Seedcake, Allyl Methacrylates Crosspolymer, Carbomer, Glyceryl Polymethacrylate, Triomethamine, Xanthan Gum, Potassium Sorbate, PEG-8, Polysorbate 20, Sodium Citrate, Disodium EDTA, Phenoxyethanol.
บรรจุภัณฑ์เป็นรูปแบบที่ใช้งานได้อย่างสะดวกมาก ไม่ต้องมาเปิดฝา เทผงวิตามิน ปิดฝาให้ยุ่งยาก เพราะ แคปซูลวิตามินซีบรรจุอยู่ในขวดเลย วิธีใช้งานก็ง่ายมาก เพียงลอกแผ่นฟลอยด์ที่ก้นหลอดออก กดจุกสีส้มที่ก้นแรง ๆ สักสองครั้ง เพื่อให้แคปซูลวิตามินซีแตกออกและหล่นลงไปผสมในเบสเซรั่ม เขย่าให้เข้ากัน 15 วินาทีก็พร้อมใช้งานแล้ว
การใช้งานแต่ละครั้งควรเขย่าขวดก่อนใช้ (ปิดฝาให้สนิทก่อนเขย่าด้วยล่ะ) หลังจากนั้นก็หยดบูสเตอร์ด้วยการกดที่จุดยางสีส้ม ปริมาณในการใช้ที่เขาแนะนำคือ 2 หยด ผสมลงในมอยซ์เจอไรเซอร์ ในตอนเช้าและก่อนนอน
นั่นคือวิธีการใช้ที่แบรนด์แนะนำ แต่ถ้าคุณมีประสบการณ์ในการใช้วิตามินซีเข้มข้นมาแล้ว ก็สามารถใช้เป็นเซรั่มเดี่ยว ๆ ทาลงไปบนผิวโดยไม่ต้องผสมกับอะไรได้เลย และมันเป็นเซรั่มที่ยอดเยี่ยมเลยล่ะ
ผลที่ได้น่าประทับใจมาก เนื้อสัมผัสละมุน ไม่หนักผิว เกลี่ยได้ง่าย กลืนเข้ากับผิวได้ดี เราเห็นผลในเรื่องโทรผิวที่ดีขึ้น ดูกระจ่างขึ้นตั้งแต่ 2 สัปดาห์แรก และรู้สึกว่าผิวมีความยืดหยุ่นกระชับขึ้น รอยจากการกดสิวก็หายไวขึ้นด้วย
โดยสรุปแล้ว Clinique : Fresh Pressed™ Daily Booster with Pure Vitamin C 10% เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วรู้สึกว่าเห็นผลชัดเจนที่สุดแล้วในแบรนด์นี้ แม้ราคาค่าตัวสำหรับการใช้ 4 สัปดาห์จะไม่ใช่เล่น ๆ แต่เงินจำนวนนั้นก็ไม่ได้จ่ายไปอย่างเปล่าประโยชน์ เพราะนอกจากวิตามินซีแล้วก็ยังมีส่วนผสมของเปปไทด์ต่อต้านริ้วรอยที่ต้นทุนสูง ๆ อัดมาให้อีกหลายตัว กับผลลัพธ์ที่คาดหวังได้ทั้งเรื่องการต่อต้านและฟื้นฟูผิวที่มีริ้วรอย โทนผิวที่กระจ่างสดใสขึ้น รอยสิวและจุดด่างดำก็ช่วยได้ เป็นอีกตัวเลือกที่เราบอกเลยว่างบถึงก็ควรลงทุนกับสิ่งนี้
เราชื่นชมในความพยายามของ Clinique ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ใช้ส่วนผสมที่เข้มข้น ทรงประสิทธิภาพ แม้จะไม่ประสบความสำเร็จมาในครั้งก่อน ๆ แต่ในครั้งนี้เขาเรียนรู้ พัฒนา และนำเสนอมาได้ตอบโจทย์ และได้ใจพวกเราไปจริง ๆ
สำหรับคำถามว่า “จะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง
***Sponsored Item***
Clinique : Fresh Pressed™ Daily Booster with Pure Vitamin C 10%
Price : (8.5ml x 4 = 3,600 Baht)
Skin Type : All Skin Type
Outstanding : Antioxidant / Glow / Anti-Aging / Whitening
- วิตามินซีเข้มข้น ในรูปแบบที่การันตีความสดและประสิทธิภาพได้
- ส่วนผสมของเปปไทด์หลายชนิดที่ช่วยเสริมการลดริ้วรอย และส่วนผสมที่ช่วยชดเชยความชุ่มชื้น และความแข็งแรงของผิว
- บรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบมาอย่างดี ใช้สะดวก เนื้อสัมผัสที่เข้าได้กับทุกสภาพผิว
- ไม่เชิงว่าเป็นข้อเสีย แต่รูปแบบวิตามินซีแบบ Ascorbic Acid อาจจะระคายเคืองผิวได้ในบางคนที่มีผิวไวมาก ๆ การผสมกับมอยซืเจอไรเซอร์จะช่วยเจือจางและลดผลกระทบตรงนี้ได้ แต่ถ้ามั่นใจว่าผิวรับได้สบายมาก เราแนะนำให้ทาเป็นเซรั่มเดี่ยว ๆ ไปเลยจะเห็นผลดีมาก