หลังจากได้ทดลองใช้ BIODERMA : Sébium Serum มาประมาณ 2 เดือนกว่าและเคยได้แนะนำไปบ้างแล้วในเพจของตัวเอง วันนี้ก็ถึงคราวมารีวิวแบบละเอียดเกี่ยวกับเซรั่มตัวนี้ ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อปัญหาสิววัยผู้ใหญ่โดยเฉพาะ ซึ่งสิววัยผู้ใหญ่นั้นแตกต่างกับสิววัยรุ่นอย่างไรปูเป้จะอธิบายแบบคร่าว ๆ ด้านล่างนี้ครับ  โดยจะเป็นทั้งส่วนของข้อมูลที่สรุปมา และมีในส่วนของความเห็นจากประสบการณ์และมุมมองของปูเป้เสริมไปด้วย  หวังว่าจะเป็นประโยชน์ครับ

ทำความรู้จัก ‘สิววัยผู้ใหญ่’ ให้มากขึ้นอีกนิด

สิวเป็นสิ่งที่คนส่วนมากบนโลกนี้ต้องเจอ และจากสมัยก่อนตอนวัยรุ่นเราเคยมีความเชื่อกันว่าพอโตขึ้นแล้วสิวจะหายไปเอง แต่เมื่อเราโตขึ้นเราก็ได้รู้กับตัวเองว่ามันไม่จริง เราเองและคนอีกจำนวนมากในวัยผู้ใหญ่ไม่ว่าจะวัย 30+ 40+ หรือมากกว่านั้นส่วนนึงยังเจอปัญหาสิวกันอยู่ ซึ่งจากประสบการณ์เป็นสิวมาตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงปัจจุบันในวัย 40+ ก็ยังมีโผล่มาบ้าง ปูเป้มองว่าการรักษาสิวนั้นไม่ได้ยากเท่ากับการหาสาเหตุของปัญหาเจอเพื่อจะได้ใช้การรักษาที่ตรงจุดมากกว่า เนื่องจากอาการที่ดูหน้าตาเหมือนสิวของแต่ละคนนั้นอาจมีสาเหตุที่แตกต่างกันไป และจากข้อมูลที่รวบรวมการศึกษาในปัจจุบันทำให้ดูเหมือนจะมีสาเหตุทั้งจากภายในระดับปัจเจกบุคคลและปัจจัยแวดล้อมรอบตัวมาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฮอร์โมน สภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย ระดับมลพิษ สิ่งที่กิน ของที่ใช้ สุขภาวะทางจิต และมากมายสารพัด 

สิววัยผู้ใหญ่ (Adult Acne) นั้นแตกต่างจาก สิววัยรุ่น (Adolescent Acne) อย่างไร?  ก่อนอื่นต้องบอกว่าในปัจจุบันวงวิชาการยังไม่มีข้อสรุปที่เป็นฉันทามติเรื่องการจำแนกและแบ่งประเภทย่อยในเรื่องนี้และยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมอีกมาก แต่โดยภาพรวมแล้วข้อมูลชี้ว่าในภาพรวมปัญหาสิวในวัยผู้ใหญ่ในกลุ่มคนที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไปมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจเป็นเพราะจากสภาพแวดล้อมที่แย่ลง และความเครียดที่มากขึ้น  โดยสิววัยผู้ใหญ่มีข้อมูลที่แบ่งออกเป็นสามกลุ่มย่อย คือกลุ่มคนที่เป็นสิวมาตั้งแต่วัยรุ่นเรื่อยมาจนขึ้นวัยผู้ใหญ่  และกลุ่มคนที่ไม่มีสิวในตอนวัยรุ่นแต่มามีสิวในวัยผู้ใหญ่ และกลุ่มคนที่เป็นสิวตอนวัยรุ่น แต่หายไปช่วงนึงแล้วก็กลับมาเป็นอีก โดยเพศหญิงจะมีปัญหาเรื่องสิววัยผู้ใหญ่มากกว่าเพศชาย เพราะมีปัจจัยเรื่องของฮอร์โมน โดยเฉพาะการมีรอบเดือน แต่ก็อาจรวมไปถึงมิติทางสังคมและเศรษฐกิจร่วมด้วย

แต่เดิมนั้นมีการแบ่งลักษณะของสิววัยผู้ใหญ่ว่าแตกต่างจากสิววัยรุ่น โดยจากข้อมูลที่สรุปมาในแนวทางว่าสิววัยผู้ใหญ่มักเกิดขึ้นบริเวณ U-Zone อย่างบริเวณแนวกรามและแก้ม ในภาพรวมแม้จะมีอาการไม่รุนแรง แต่ตอบสนองกับการรักษาได้ช้า เกิดการอักเสบได้ง่าย   และมักมาพร้อมกับภาวะผิวบอบบางอ่อนแอระคายเคืองง่าย  ด้วยสาเหตุและเงื่อนไขที่แตกต่างนี้จึงทำให้การต้องดูแลรักษาต่างจากสิววัยรุ่นโดยเลือกใช้ตัวเลือกที่มีผลข้างเคียงเรื่องการระคายเคืองต่ำ ในขณะที่สิววัยรุ่นมักเกิดสิวบริเวณ T-Zone ที่มีการผลิตน้ำมันมาก อย่างหน้าผาก จมูก คาง และมีการตอบสนองกับการรักษาได้ไว และมีตัวเลือกให้ใช้ได้มากกว่า

แต่อีกกระแสหนึ่งก็ชี้ว่าสิวที่เกิดในวัยผู้ใหญ่สามารถเกิดได้ในทุกบริเวณของใบหน้าเหมือนสิววัยรุ่นนั่นแหล่ะ โดยการศึกษานึงเขาได้แยกว่าผู้ที่มีสิววัยผู้ใหญ่ไว้เป็นสองแบบ โดยแบบแรกที่พบสิวได้ทุกส่วนของใบหน้ มักมีแนวโน้มที่จะมีอาการในระดับที่ ปานกลาง หรือ รุนแรง (50.1% VS 7.1%) และมักมีสิวบริเวณลำตัวร่วมด้วย (48.4% VS 19.0% ) และมีรอยแผลเป็นสิวมากกว่า ( 61.3% VS 26.2%)  ในขณะที่ผู้ที่เกิดสิวบริเวณแนวกราม หรือ U-Zone ที่มีอาการไม่รุนแรง จะเป็นกลุ่มคนทำงานในอาชีพที่ต้องเจอกับความเครียดสูง ซึ่งก็มีการศึกษาที่พยายามชี้ความเกี่ยวข้องของความรุนแรงของอาการเข้ากับปัจจัยเรื่องสุขภาวะทางจิต ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความวิตกกังวลจากสภาพแลดล้อมและสังคมร่วมด้วย

การศึกษาเล็ก ๆ จากไทยพบว่าในกลุ่มชายที่มีปัญหาสิววัยผู้ใหญ่ส่วนมากมีอาการไม่รุนแรงและมักเกิดขึ้นที่แนวกรามและแก้ม โดยพฤติกรรมที่กระตุ้นให้เกิดสิวหรือการอักเสบ มาจากการล้างหน้าบ่อย การแกสิว และการโกนหนวด ซึ่งล้วนทำให้เกิดการระคายเคือง แห้ง ทำให้เกิดบาดแผลเล็ก ๆ และติดเชื้อได้ง่ายขึ้นจนอักเสบ

ความเห็นของปูเป้เกี่ยวกับเรื่องสิววัยผู้ใหญ่

จากข้อมูลที่ได้กล่าวมาเมื่อรวมกับประสบการณ์ตรงของตัวปูเป้เองที่ต่อสู้กับสิววัยผู้ใหญ่และจากการให้คำปรึกษาเรื่องการใช้สกินแคร์กับคนจำนวนมาก  ส่วนตัวปูเป้มีความเห็นว่าสิวเป็นอาการที่มีสาเหตุได้มากมาย และแม้คำว่า ‘สิววัยผู้ใหญ่’ หรือ Adult Acne ยังเป็นสิ่งที่ยังไม่มีฉันทามติที่ชัดเจนและยังต้องมีการศึกษากันอีกมากในอนาคต  แต่สิ่งสำคัญที่ควรตระหนักและปูเป้บอกมาตลอดสิบกว่าปีมานี้คือ สิวที่เราเห็นบนหน้านั้นอาจไม่ได้มาจากการที่ผิวมันหรือผลิตน้ำมันมากอย่างเดียว แต่ในอีกด้านหนึ่ง ความแห้งกร้าน ผิวอ่อนแอ ไม่ชุ่มชื้น ก็ทำให้เกิดสิวโดยเฉพาะในวัยผู้ใหญ่ได้เหมือนกัน

สิ่งนี้สำคัญมาก เพราะถ้าคุณยังมีความเข้าใจเพียงว่าเราเป็นสิวเพราะมีน้ำมันมาก เพราะมีเซลล์ผิวเสื่อมสภาพสะสมมาก จึงต้องขจัดน้ำมัน คุมความมัน ผลัดเซลล์ผิวจนมากเกินไป คุณจะทำให้ปัญหาสิววัยผู้ใหญ่ที่มีสาเหตุจากผิวอ่อนแอแห้งกร้านอาการแย่ลงได้

อยากเล่าให้ฟังว่าปูเป้เคยได้ยินคอนเซปต์เรื่องสิววัยผู้ใหญ่อาจมาจากความแห้งและหยาบกร้านของผิวมาจากทางฝั่งสกินแคร์ญี่ปุ่นตอนช่วงเข้ามหาวิทยาลัย (ประมาณ 24 ปี ที่แล้ว) และจากประสบการณ์ตรงของตนเองตอนขึ้นช่วง 30+ พบว่าการเน้นความชุ่มชื้น (ทำ Lotion Mask และเน้นผลิตภัณฑ์กลุ่ม Hydration)  ร่วมไปกับการดูแลผิวอย่างอ่อนโยน เสริมความแข็งแรงของผิว นั้นช่วยให้คุณภาพผิวดีขึ้น เป็นสิวได้ยากขึ้น ในขณะที่ถ้าช่วงไหนผิวมีความแห้ง ไม่ว่าจะมาจากการใช้ผลิตภัณฑ์ควบคุมความมัน (กันแดด เบเมคอัพ แป้ง) อย่างต่อเนื่อง หรือผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวที่แรงหน่อย จนผิวขาดความชุ่มชื้น  หรือมีปัจจัยอื่น ๆ อย่างเช่นการพักผ่อนไม่พอ ความเครียด จนผิวอ่อนแอและแห้งลง สิวจะขึ้นได้ง่ายกว่า

เมื่อหาข้อมูลก็พบว่าแนวคิดเรื่องความแห้งกร้านมีความพันธ์กับการเกิดสิวได้นี้ ทางญี่ปุ่นเคยมีการศึกษาที่ชี้ว่าคนที่มีผิวเป็นสิวมีอัตราการสูญเสียความชุ่มชื้นที่มากกว่า และสัดส่วนของลิพิด เซราไมด์ที่ต่ำกว่า ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชี้ว่าปราการผิวของคนเป็นสิวนั้นอ่อนแอและไม่สมบูรณ์ อันมาได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะมาจากผิวเปลี่ยนไปจากวัยที่เพิ่มขึ้นจนมีความต้านทานที่ต่ำลงจนผิวมีแนวโน้มสูญเสียความชุ่มชื้นง่ายขึ้นด้วยตัวเองอยู่แล้ว ก็สามารถถูกซ้ำเติมด้วยความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ ที่ทำให้ปราการผิวอ่อนแอลง รวมไปถึงการใช้สกินแคร์และการดูแลผิวที่ไม่สมดุล เช่นใช้ผลิตภัณฑที่ขจัดน้ำมันหรือทำให้ผิวแห้ง matte มากไปจนเสียสมดุล เมื่อผิวแห้งก็ทำการทำงานทางเอนไซม์ของผิวที่จำเป็นต่อการการทำงานของชั้นผิวก็ด้อยลง อาจทำให้การแบ่งตัวและการพัฒนาตัวที่ผิดปกติของเซลล์ผิวชั้นนอกทำให้ผิวเกิดการอักเสบ เกิดการอุดตัน เกิดปัญหาได้ง่ายขึ้น  สิ่งเหล่านี้มีความเป็นไปได้ทั้งหมด และในปัจจุบันดูเหมือนว่าฟากตะวันตกก็เริ่มมีความเห็นที่สอดคล้องแล้วว่า ความแข็งแรงของผิวเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลปัญหาเรื่องผิวเป็นสิว

ซึ่งถ้าคุณลองพิจารณาแล้วว่าคุณเป็นสิวในวัยผู้ใหญ่ โดยรวมมีอาการไม่รุนแรงมาก แต่มักเกิดขึ้นซ้ำ ๆ และใช้การรักษาสิวแบบวัยรุ่นแล้วอาการไม่ดีขึ้น แต่อาจแย่ลงหรือมีการอักเสบมากขึ้น มีอาการผิวแห้ง หรือผิวมันแต่ขาดน้ำ ขาดความชุ่มชื้น หยาบกร้าน มีสัญญาณของการระคายเคือง  คุณก็อาจเป็นสิววัยผู้ใหญ่ที่มีสาเหตุผลักจากความแห้งกร้านซึ่งมาจากการที่ปราการปกป้องผิวอ่อนแอลงแบบที่กล่าวมาได้ครับ  ซึ่งการใช้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่ค่อนข้างแรง การผลัดเซลล์ผิวที่มากจนเกินไป จะยิ่งทำให้ผิวอ่อนแอ แห้ง และมีอาการที่แย่ลงกว่าเดิม   ส่วนตัวปูเป้เองจึงใช้การดูแลสิววัยผู้ใหญ่ในลักษณะนี้โดยเน้นไปที่การเสริมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างเต็มที่ ปราการปกป้องผิวต้องแข็งแรง หลีกเลี่ยงการทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง และถ้าต้องการผลัดเซลล์ผิวก็จะให้ใช้ตัวที่ค่อนข้างอ่อนโยนเอาไว้เป็นหลัก   ซึ่ง BIODERMA : Sébium Serum ก็ตอบโจทย์ในหลายมิติครับ

ส่วนในรายที่มีอาการมาก จนมีรุนแรงได้ไม่ต่างจากสิวฮอร์โมนช่วงวัยรุ่น ก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่อาจรวมไปถึงยาทาและยารับประทาน แต่ก็ควรทราบว่าอาการที่แสดงออกมาในรูปแบบของสิวอาจสาเหตุอาจมีมากกว่าแค่เรื่องผิว ๆ เพราะปูเป้เคยคุยกับบางรายลองรักษาสิวที่มีแนวโน้มอักเสบและเกิดซ้ำ ๆ ด้วยสกินแคร์และยา หาหมอผิวหนังมาแล้วแต่ไม่หายดี แต่ไปจบที่ตรวจพบว่าเป็นซีสต์ในรังไข่และอาการสิวที่รักษาไม่หายทั้งหลายก็ทุเลาลงหลังผ่าตัดเสร็จสิ้น  และมีเคสของน้องคนนึงที่สิวเห่อทั้งหน้า ลองทำทุกอย่างอาการก็ดีขึ้น แต่ไม่หายสนิท สุดท้ายมาจบที่สงสัยว่าคุณภาพของน้ำที่ใช้อุปโภคอาจเป็นสาเหตุ พอทำระบบกรองน้ำเพื่อปรับปรุงคุณภาพน้ำสำหรับใช้อาบน้ำล้างหน้าแล้วอาการก็หายดี  จึงอยากให้เปิดกว้างถึงความเป็นไปได้ของปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจก่อผลกระทบเป็นลูกโซ่และแสดงเกิดอาการอักเสบบนผิวหนังในรูปแบบของการอักเสบและตุ่มหนองเหมือนสิวอักเสบดูด้วยครับ

Product’s Formula

BIODERMA : Sébium Serum (30ml / 1,480 BAHT) เป็นเซรั่มที่มีส่วนผสมออกฤิทธิ์หลักจะแบ่งเป็น 4 ตัว ได้แก่

Salicylic Acid เป็นหนึ่งใน Beta Hydroxy Acid (BHA) ซึ่งมีคุณสมบัติละลายในน้ำมันจึงช่วยลดการอุดตันในรูขุมขน พร้อมมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ต้านแบคทีเรีย และยังสามารถช่วยเป็นสารกันเสียให้ผลิตภัณฑ์ได้  เป็นส่วนผสมที่ใช้ในผลิตภัณฑ์รักษาสิวโดยทั่วไป  โดยใช้ในความเข้มข้นสูงสุดไม่เกิน 2% สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ต้องล้างออก โดยในผลิตภัณฑ์นี้ มี Salicylic Acid ในความเข้มข้น 0.5% และค่า pH ประมาณ 4.2 ซึ่งถือว่าค่อนข้างอ่อน จึงมีโอกาสระคายเคืองผิวต่ำ แต่ก็มีข้อมูลที่ชี้ว่าในเปอร์เซ็นต์ที่น้อยแบบนี้ก็ยังมีประสิทธิภาพได้หากถูกทำสูตรเพื่อส่งสารลงไปในรูขุมขนได้ดีขึ้น

Acetyl Glucosamine เป็นส่วนผสมที่มีอยู่ในผิวตามธรรมชาติ มีอ่อนโยนมากและมีประโยชน์กับผิวในหลายด้าน มีข้อมูลที่ชี้ว่าเป็นสารตั้งต้นและกระตุ้นการสร้างไฮยาลูโรนิคแอซิด และในความเข้มข้น 2% ก็มีการทดสอบว่าช่วยลดเลือนจุดด่างดำได้ผ่านกลไกขัดขวางกระบวนการ Glycosylation ของเอนไซม์ไทโรซิเนส  และยังมีข้อมูลที่ชี้ว่าสารชนิดนี้ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดความแห้งลอกของผิว และช่วยให้การผลัดเซลล์ผิวผิวชั้นหนังกำพร้าเป็นไปตามปกติ  ซึ่ง Acetyl Glucosamine สามารถนำไปใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ที่มีสารไวท์เทนนิ่งที่มีกลไกอื่น ๆ อย่างเช่น Niacinamide เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการลดเลือนจุดด่างดำให้เพิ่มขึ้นได้

Hydrolyzed Hyaluronic Acid  ทางแบรนด์เคลมว่าเป็นไฮยาลูโรนิคแอซิดที่มีขนาดเล็ก จึงช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นในระดับชั้นผิวที่ลึกขึ้น  ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของรูปแบบที่มีขนาดเล็กคือมีความเหนียบหรือหนึบน้อยกว่าขนาดใหญ่

นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมที่ทางแบรนด์เรียกว่า Fluidactiv® นั้นเป็นส่วนผสมหลักในไลน์ Sebium ซึ่งเป็นส่วนผสมที่จดสิทธิบัตรเอาไว้นานมากแล้วตั้งแต่ปี 2003 ซึ่งรายละเอียดชี้ว่าประกอบไปด้วยสารแอนติออกซิแดนท์ที่ละลายในน้ำมันอย่างสารกลุ่ม Gallate (ในผลิตภัณฑ์นี้คือ Propyl Gallate) หรือสารกลุ่ม Flavonoids (ในผลิตภัณฑ์ Sebium อื่นก็คือฟลาโวนอยด์ในรูป Ginkgo Biloba Leaf Extract ร่วมกับสารแอนติออกซิแดนท์ที่ละลายในน้ำ อย่าง Mannitol โดยเคลมว่ามีคุณสมบัติในการต้านการออกซิเดชั่นของซีบัม โดยเฉพาะ Squelene เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดการอักเสบและช่วยคงความเหลวของซีบัมเพื่อลดโอกาสในการเกิดการอุดตัน  ซึ่งข้อมูลในปัจจุบันชี้ว่าการออกซิเดชั่นของซีบัมนั้นเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งแสงแดง มลภาวะ และจากแบคทีเรีย C.Acne และก่อปัญหาผิวทั้งการอักเสบ สิว และนำไปสู่การเกิดริ้วรอยได้ด้วย

โดยภาพรวมนั้นสูตรส่วนผสมยังคงถูกเลือกมาด้วยแนวคิด ECOBIOLOGY ของทางแบรนด์ที่เน้นส่วนผสมที่คล้ายกับที่ผิวมีอยู่แล้ว  ( Acetyl Glucosamine และ Hydrolyzed Hyaluronic Acid ) และส่วนผสมืที่เสริมกลไกการทำงาน หรือช่วยปรับสมดุลตามธรรมชาติของผิว ( Fluidactiv® และ Acetyl Glucosamine) และพยายามเลือกส่วนผสมที่มีหลายคุณสมบัติในหนึ่งเดียวเพื่อให้สูตรสูตรที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อน จะช่วยลดโอกาสที่จะเกิดอาการแพ้ในคนที่มีผิวบอบบางได้นั่นเองล่ะ

Ingredients : Aqua/Water/Eau, Butylene Glycol, Glycerin, Propanediol, Acetyl Glucosamine, Pentylene Glycol, Salicylic Acid, Xanthan Gum, Polysorbate 20, Sodium Citrate, Mannitol, Sodium Hydroxide, Propyl Gallate, Hydrolyzed Hyaluronic Acid, Sodium Metabisulfite, Aminoethanesulfinic Acid, Fragrance (Parfum).

Usage & Result

เนื้อผลิตภัณฑ์ของ BIODERMA : Sébium Serum นั้นมีความข้นเพียงเล็กน้อย เมื่อทาลงไปบนผิวก็สามารถกระจายตัวได้ดี และไม่ทิ้งความหนึบเหนีบเหนอะหนะบนผิว  ผลิตภัณฑ์มีกลิ่นบาง ๆที่สดชื่น โดยกลิ่นติดอยู่บนผิวไม่นานก็จางแล้วครับ โดยน้ำหอมที่ใช้นั้นจะไม่มีส่วนผสมของ Common fragrance allergen ตามกฏหมายของ EU ก็จะอ่อนโยนขึ้นอีกระดับนึง

ในการทดลองใช้เป็นประจำ วันละอย่างน้อยหนึ่งครั้งในตอนกลางคืน  บางวันก็ทั้งเช้าและกลางคืน พบว่าผลิตภัณฑ์ตัวนี้อ่อนโยนกับผิวทีเดียว  ไม่ระคายเคือง ไม่เจอผิวลอก ส่วนในเรื่องของการผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันนั้น จะเห็นผลแบบค่อยเป็นค่อยไปครับ ถ้ามีสิวที่ปูดออกมามันจะไม่ค่อยอักเสบนะครับ มาแนวค่อย ๆ โผล่เป็นหัวแห้ง ๆ ที่สามารถกดออกได้ไม่ยาก แต่แค่ใช้เวลานานหน่อย

หลังใช้  BIODERMA : Sébium Serum แล้ว ควรตามด้วยมอยซ์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวเพื่อช่วยเคลือบเก็บล้อคความชุ่มชื้นเอาไว้ โดยในช่วงสภาพอากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ เนื้อผลิตภัณฑ์ของ BIODERMA : Sébium Sensitive ที่ช่วยเซ็ทตัวแบบดูไม่มันวาว แต่เคลือบบำรุงและปกป้องให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นได้ เป็นอะไรที่เหมาะมาก  และในนั้นยังมีแอคทีฟอย่าง Bakuchiol ที่ทำงานในกลไกที่ต่างกันกับ Salicylic Acid แต่ก็ช่วยเรื่องลดสิวและลดการอักเสบได้ด้วย เรียกว่าทำงานคู่กันได้เป็นอย่างดี   หรือจะลองจับคู่กับ BIODERMA : Sensibio Defensive ที่ช่วย Soothing และเสริมความแข็งแรงของผิว ในตอนกลางคืนก็ได้ครับ ฟีลดีเหมือนกัน

Conclusion

โดยสรุปแล้ว BIODERMA : Sébium Serum  ปูเป้จัดว่า Hydrating + Gentle Exfoliating Serum ที่ใช้ได้กับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะกับคนที่มีผิวบอบบาง ระคายเคืองง่าย และประสบปัญหาผิวอักเสบ เป็นสิวในวัยผู้ใหญ่ ต้องการประคองผิวให้ชุ่มชื้นและเกิดการอุดตันหรือเป็นสิวได้ยากขึ้น  หรือใครที่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวอื่น ๆ แล้วรู้สึกว่าแรงไป ระคายเคือง ผิวดูเงาแห้งตึงเป็นฟิล์มเพราะการ over-exfoliate ก็น่าจะลองเปลี่ยบนมาใช้ตัวที่ผลัดผิวอย่างอ่อน ๆ แบบนี้ดูครับ

ส่วนตัวปูเป้คิดว่า คุณสมบัติในเรื่องการลดจุดด่างดำหรือรอยสิว ลำพัง Acetyl Glucosamine อย่างเดียวยังไม่โดดเด่นในเรื่องนี้นัก ถ้าอิงจากการศึกษาก็น่าจะพ่วงมากับ Niacinamide ให้มีประสิทธิภาพที่เด่นขึ้น แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีประเด็นข้อจำกัดเรื่องสิทธิบัตรเรื่องคอมโบ Acetyl Glucosamine + Niacinamide รึเปล่า?  แต่ส่วนตัวรู้สึกว่ามันไปไม่สุดถ้าจะเคลมในด้านนี้ครับ

ในเรื่องของการลดรอยสิวหรือจุดด่างดำ ส่วนตัวรู้สึกว่าลำพังเซรั่มตัวนี้อย่างเดียวยังไม่เด่นเท่าไหร่ แนะนำว่าควรใช้คู่กับผลิตภัณฑ์ที่ช่วยต้านเมลานินอื่น ๆ ร่วมด้วยครับ

สำหรับใครที่สนใจ ผลิตภัณฑ์ ก็สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาและโรงพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศ  Watsons / Boots / EVEANDBOY / Beautrium และ KIS Beauty ส่วนช่องทางออนไลน์ ก็มี KONVY และ Central Online  หรือในช่องทางออนไลน์อย่างเป็นทางการได้ใน Lazada  และ Shopee ครับ  และหากต้องการปรึกษาขอคำแนะนำการเลือกผลิตภัณฑ์ BIODERMA ก็ติดต่อทีม BA ได้ที่ https://linktr.ee/biodermath

สำหรับคำถามว่าจะแพ้มั้ย” “ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?” เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้ง

***Sponsored Item***

BIODERMA : Sébium Serum
Price :
30ml / 1,480 BAHT
Skin Type : All Skin Type / Sensitive Skin / Acne-Prone Skin
Outstanding : Hydration / Gentle Exfoliation / Anti-Inflammation

Related Posts