ทาง BOSCH เห็นปูเป้ใช้และแนะนำเครื่องดูดฝุ่นไร้สายมาหลายปี ก็อยากให้ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ล่าสุดอย่างรุ่น Unlimited 7 มาให้ลองใช้ดูว่าจะชอบไหม ซึ่งพบว่ามีหลายจุดที่ตอบโจทย์การใช้งานอย่างมาก และเป็นฟังก์ชั่นที่คิดมาตลอดว่าอยากให้มีในเครื่องที่เคยใช้อยู่ แต่ก็มีข้อจำกัดบางอย่างที่รู้สึกว่าทางแบรนด์สามารถออกตัวเลือกเสริมมาให้ในอนาคตได้ ก็เลยจะมาให้ข้อมูลในการใช้งาน และบอกสิ่งที่ชอบมาก และสิ่งที่คิดว่ายังน่าจะปรับปรุงได้ให้กับทางแบรนด์ และเผื่อให้ใครที่กำลังสนใจ มองหาเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย ก็สามารถเอาข้อมูลไปช่วยในการพิจารณาเพื่อการตัดสินใจเลือกซื้อได้ครับ

ทำไมปูเป้ถึงเลือกใช้เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย?

ปูเป้มีเครื่องดูดฝุ่นไร้สายเครื่องแรกตั้งแต่ปี 2015 ครับ และหลังจากนั้นก็ไม่เคยซื้อเครื่องแบบมีสายอีกเลย จากความสะดวกสบายในการใช้ที่ทำให้เราพามันไปได้ทุกที่โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเต้าเสียบไฟ โดยในช่วงที่ผ่านมาเทคโนโลยีที่พัฒนาดีขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถทำให้แรงดูดเทียบเท่าเครื่องดูดฝุ่นตัวใหญ่แบบมีสาย จนปัจจุบันเครื่องดูดฝุ่นไร้สายเรียกได้ว่าน่าจะเป็นของใช้ในบ้านกระแสหลักไปแล้ว

แม้เครื่องที่เคยใช้มาจะรู้สึกว่ามีบางเรื่องที่เป็นข้อจำกัดในการใช้งาน เช่นเรื่องเวลาในการใช้งานจากความจุของแบตเตอรี่ และความไม่ค่อยสะดวกในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ แต่ปัจจุบันเครื่องรุ่นใหม่ ๆ ก็สามารถถอดแบตเตอรี่เปลี่ยนได้ง่าย และปูเป้ให้น้ำหนักกับความสะดวกในการใช้มากที่สุด เนื่องจากยิ่งเราสามารถหยิบใช้ได้สะดวกมากเท่าไหร่ จะทำให้เราไม่ค่อยขี้เกียจหยิบมาใช้  ตั้งมีเครื่องดูดฝุ่นไร้สายก็บอกเลยว่าพื้นที่อยู่อาศัยสะอาดขึ้น เพราะไม่ขี้เกียจหยิบมาทำความสะอาดนั่นเองครับ

ส่วนตัวปูเป้เคยใช้แต่เครื่องดูดฝุ่นไร้สายจากแบรนด์ที่เป็นผู้นำตลาดในด้านนี้ ดังนั้น BOSCH Unlimited 7 ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกเปรียบเทียบในมิติต่างจากจากประสบการณ์ในการใช้งาน ซึ่งจะอยู่ในรายละเอียดต่อไปนี้ครับ

แกะกล่อง BOSCH Unlimited 7

เครื่องดูดฝุ่นไร้สายของ BOSCH มีอยู่หลายรุ่น แต่ตัวใหม่ล่าสุดที่พึ่งเข้าไทยคือ Unlimited 7 รุ่นมาตรฐาน รหัส BBS711W เป็นตัวที่ปูเป้ได้มาลองใช้ครับ (ส่วนอีกรุ่นจะเป็น Unlimited 7 ProAnimal รหัส BBS711ANM จะมีอุปกรณ์เสริมมาให้มากกว่า และหัวแปรงมอเตอร์จะเป็นรุ่นที่ดึงขนสัตว์ออกจากพื้นผิว เฟอร์นิเจอร์ได้มากกว่ารุ่นปกติ ทั้งสองรุ่นผลิตในโรงงานของ BOSCH เองที่เยอรมัน

ผลิตภัณฑ์มีจำหน่ายตามร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำทั่วไป และสามารถสั่งซื้อได้จากร้านออนไลน์อย่างเป็นทางการของ BOSCH Home Appliances ได้ทั้งใน Lazada และ Shopee

– Unlimited 7 BBS711WLazada  / Shopee 

– Unlimited 7 ProAnimal BBS711ANMLazada  / Shopee 

ภายในกล่องของ Unlimited 7 – BBS711W จะมีตัวเครื่อง แบตเตอรี่ 18V ความจุ 3.0 Ah พร้อมอะแดพเตอร์สำหรับชาจไฟ  Dock สำหรับแขวนผนัง Bendable Flex Tube ท่อต่อแบบงอได้ 90 องศา Dynamic Power Brush หัวแปรงแบบมีมอเตอร์อันใหญ่ที่ใช้ได้ทั้งพื้นแข็งและพื้นพรม กับหัวแปรงเสริมสำหรับดูดเบาะ ดูดพื้นผิวทั่วไป และหัวดูดปลายเรียวที่ยืดหยุ่นได้สำหรับเข้าซอกมุมต่าง ๆ 

อุปกรณ์เสริมสำหรับเครื่องดูดฝุ่นไร้สายของ BOSCH ยังมีอีกหลายอย่างที่น่าสนใจ สามารถสั่งซื้อเพิ่มผ่าน LINE @boschhomethailand ครับ ซึ่งจะมีบางชิ้นที่ปูเป้แนะนำว่าควรมีเอาไว้ จะช่วยทำให้ใช้งานหลายอย่างได้ง่ายขึ้นมาก ๆ เป็นการดึงศักยภาพของเครื่องออกมาอย่างเต็มที่  ซึ่งจะมีข้อมูลต่อในด้านล่างของบทความนี้

คุณภาพของอุปกรณ์ และการรับประกันสินค้า

การออกแบบกับวัสดุของเครื่องดูดฝุ่น BOSCH Unlimited 7 – BBS711W ทำออกมาได้ดีทีเดียวครับ งานประกอบแน่นหนา ใช้วัสดุคุณภาพดี  ปูเป้ใช้งานมาเกือบ 3 เดือน มีแอบทำตกพื้นไปหลายรอบเหมือนกัน คือเครื่องดูดฝุ่นไร้สายอาจมีการทำหล่นจากมือ มีการวางพาดไว้แล้วเอียงหล่นกระแทกพื้นเป็นเรื่องปกติ อย่างน้อยเครื่องต้องทนการตกหลุ่นในลักษณะนี้ได้โดยที่ไม่พังง่าย ๆ ซึ่งเจ้า Unlimited 7 ในมือของปุเป้ก็ยังรอดและใช้งานได้เป็นปกติ แค่มีรอยขีดข่วนบ้างนิดหน่อย

ส่วนตัวถ้าจะจ่ายเงินหลักหมื่นสำหรับเครื่องดูดฝุ่นแบบไร้สายสักเครื่อง โดยรวมปูเป้คาดหวังว่าถ้าใช้งานอย่างถูกต้องและดูแลรักษาอย่างเหมาะสม ควรใช้งานได้ 5 ปีขึ้นไปโดยไม่มีปัญหา สิ่งที่จะต้องเปลี่ยนอย่างเดียวควรจะเป็นแบตเตอรี่ซึ่งสามารถเสื่อมประสิทธิภาพไปตามการใช้งาน เป็นเรื่องปกติ แต่ก็คาดหวังว่าก้อนนึงควรใช้ได้อย่างน้อย 3 ปี  ถ้าใช้งานและทำความสะอาดตามที่ผู้ผลิตแนะนำไว้ ฟิลเตอร์ก็ควรมีอายุการใช้งานได้ตลอดอายุการใช้งานของเครื่อง

เนื่องจากในขณะที่ทำบทความนี้ ปูเป้ได้ลองใช้มาเพียง 3 เดือน คงยังไม่สามารถบอกได้ว่าความทนทานของเครื่องในระยะยาวอีก 2 ปี 5 ปี จะเป็นอย่างไร แต่ส่วนตัวค่อนข้างไว้วางใจมาตรฐานการผลิตของ BOSCH ซึ่งตัวนี้เป็นรุ่นที่ผลิตในเยอรมัน และถ้าลงทะเบียนสินค้ากับทาง BOSCH จะได้การรับประกันมอเตอร์ในตัวเครื่องยาวถึง 10 ปี เลยทีเดียว ซึ่งมอเตอร์เป็นส่วนประกอบหลักในการทำงานของเครื่องดูดฝุ่น และเวลา 10 ปี เป็นระยะการรับประกันที่ยาวนานมาก ๆ แสดงให้เห็นว่าเขาค่อนข้างมั่นใจในความทนทานของอุปกรณ์ที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้นานครับ

ประสิทธิภาพในการทำความสะอาด และระยะเวลาในการใช้งานของแบตเตอรี่

เครื่องดูดฝุ่นปัจจุบันนอกจากจะมีแรงดูดจากมอเตอร์แล้ว ยังอาศัยหัวดูดที่มีมอเตอร์เพื่อใช้ขนแปรงในการดึงฝุ่นขึ้นมาจากพื้นผิวให้ลอยขึ้นก่อนถูกดูดเข้าไปเก็บในถัง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาดได้ดีกว่าการใช้แรงดูดเพียงอย่างเดียว หัวดูดพื้น Dynamic Power Brush เป็นหัวดูดแบบมีมอเตอร์ที่มีขนแปรงแบบนิ่มที่ยาวหน่อยเอาไว้ช่วยจับฝุ่นจากพื้นแข็ง เช่นกระเบื้อง หิน ลามิเนต และไม้  ส่วนขนที่แข็งหน่อยจะสั้นกว่าเล็กน้อย เอาไว้ช่วยตะกุยฝุ่นออกจากเส้นใยของพรม

หัวแปรงทำหน้าที่ในการความสะอาดฝุ่นผง สิ่งสกปรก และวัตถุที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก เช่นกรวดขนาดประมาณหินภูเขาไฟอันเบอร์เล็ก ๆ ที่เอาไว้ใช้ปลูกต้นไม้ได้สบาย ๆ  ปูเป้เอาไปใช้ทำความสะอาดห้องใจ้ดาดฟ้าที่ปูเป้ใช้เป็นจุดเปลี่ยนกระถางต้นไม้เป็นประจำเลยครับ สะดวกมาก

ถ้าดูดพวกเส้นดาย เชือก หรือริบบิ้นที่ยาวมาก ๆ ก็อาจจะมีพันกับแกนของแปรงได้ อันนี้เป็นเรื่องปกติครับ ปูเป้ใช้แบรนด์อื่นก็เป็นแบบนี้ แต่ก็สามารถใช้กรรไกรตัดเชือกที่พันแกนและเอาออกได้ไม่ยาก นอกจากนี้ไฟ LED ด้านหน้าหัวแปรงยังช่วยส่องสว่าง อำนวยความสะดวกการทำความสะอาดซอกมืด ๆ ใต้เตียง ใต้โซฟา หรือใต้ชั้นวางของ

ตัวเครื่องมีโหมดในการทำงาน 3 ระดับ ได้แก่ Auto / Trubo / Eco โดยเมื่อทำงานร่วมกับโหมด Auto แล้วหัวแปรง Dynamic Power Brush จะตรวจว่าเรากำลังใช้งานกับพื้นผิวแบบไหน และปรับแรงดูดของเครื่องให้เหมาะสม พื้นพรมจะใช้แรงดูดเยอะกว่าพื้นแข็ง อันนี้สะดวกมาก ๆ และเป็นโหมดหลักในการใช้งาน ซึ่งในโหมดนี้เราสามารถใช้งานได้ราว 15-20 นาที ขึ้นอยู่กับชนิดของพื้นผิวที่เราทำความสะอาด

แต่ถ้ามีสิ่งสกปรกมาก เยินสุด ๆ การใช้โหมด Turbo เพิ่มพลังดูดเต็มพิกัด ก็สามารถใช้งานได้นานมากถึง 11 นาที ซึ่งนานกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับเครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่ปูเป้มีอยู่เมื่อทำงานด้วยโหมด Max ที่ใช้งานได้ราว 5 นาทีเท่านั้น (อันนี้น่าจะเป็นเพราะแบตเตอรี่ที่ BOSCH ให้มามีความจุที่มากกว่าถึง 3.0 Ah ด้วยแหล่ะ)

ส่วนโหมด Eco จะเป็นโหมดที่เหมาะสำหรับคนที่ดูดพื้นบ่อย ไม่ค่อยสกปรกมาก สามารถใช้งานได้สูงสุดถึงประมาณ 30-40 นาที ครับ

ในเรื่องประสิทธิภาพในการทำความสะอาด ปูเป้ถือว่าดีทีเดียว โหมด Auto สามารถจัดการดูดสิ่งสกปรกทั่วไป ฝุ่น ผง ผม ขน ได้ในการไถเพียง 1 – 2 ครั้งก็เก็บหมด โหมดเทอร์โบแรงดูดเยอะสะใจ และใช้งานได้นานเกิน 10 นาทีคือน่าประทับใจมาก

ระยะเวลาในการชาจแบตจากหมดเกลี้ยงไปจนเต็ม ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง 10 นาที เมื่อใช้คู่กับอะแดพเตอร์ที่ให้มาในกล่อง  แต่เขาก็มีแบตเตอรี่สำรอง กับแท่นชาจแบบชาจเร็ว ที่สามารถชาจได้เร็วขึ้น 4-5 เท่า ซึ่งใครที่กะใช้เครื่องเดียวทั้งบ้าน ก็แนะนำว่าควรซื้อแบตสำรองและแท่นชาจมาเพิ่ม จะช่วยให้การทำความสะอาดของเราทำได้อย่างต่อเนื่อง

ความสะดวกและความยืดหยุ่นในการใช้งาน

เครื่องดูดฝุ่นไร้สายนั้นผู้ใช้ต้องแบกน้ำหนักของเครื่องในขณะใช้งาน ซึ่งตัวเครื่อง BOSCH Unlimited 7 – BBS711W + แบตเตอรี่ 3.0Ah + หัวแปรงแบบไม่มีมอเตอร์ จะมีน้ำหนักราว 1.5 กิโลกรัม ซึ่งสำหรับปูเป้ถือว่าไม่ได้หนักมากครับ ใช้งานมือเดียวได้สบาย ๆ

เมื่อต่อครบชุด คือตัวเครื่องหลัก + แบตเตอรี่ + Bendable Flex Tube ท่อต่อแบบงอได้ 90 องศา + หัวดูดพื้น Dynamic Power Brush จะมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 2.9 กิโลกรัม ซึ่งแม้จะดูจากตัวเลขว่ามีน้ำหนักมาก แต่ในการใช้งานจริง ๆ จะพบว่าน้ำหนักส่วนใหญ่เวลาใช้งานจะถูกถ่ายไปยังล้อที่หัวแปรงครับ เวลาที่เราไถไปตามพื้นจะไม่รู้สึกว่าหนักเกินไป พื้นแข็งเรียบๆ นี่ไถสบายเลย แต่ใช้กับพื้นพรมก็จะหนืดขึ้น ต้องออกแรงไถมากหน่อย

 

หลังจากใช้งานไปแล้ว ปูเป้ชอบเจ้า Bendable Flex Tube ตัวท่อที่งอได้ 90 องศานี่มาก ๆ เพราะด้วยการกดเพียงคลิกเดียว มันช่วยให้เราดูดช่องแคบ ๆ ใต้ชั้นวางของ ใต้เตียง ใต้โซฟา โดยที่ไม่ต้องก้มตัวมากหรือคลานแนบพื้น ซึ่งฟังก์ชั่นนี้ถูกใจมนุษย์อายุ 30+ ที่เริ่มปวดหลังได้ง่ายอย่างเรามาก

ซึ่งหัวดูด Dynamic Power Brush เมื่อทำงานร่วมกับ Bendable Flex Tube สามารถมุดเข้าช่องแคบ ๆ ใต้ชั้นวางของของเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูปของฝั่งยุโรปอย่าง IKEA ที่ปูเป้มีที่บ้านได้หมดเลยครับ เหมือนมันเป็นความสูงที่ออกแบบโดยอิงมาตรฐานการออกแบบเฟอร์นิเจอร์จากฝั่งยุโรปเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นชั้นวางของจาก MUJI ที่ปูเป้มีที่บ้านอย่าง Stainless Steel Shelf Unit มันมุดเข้าไปชั้นที่เซ้ทไว้ต่ำสุดไม่ได้ครับ (เครื่องดูดฝุ่นไร้สายอีกแบรนด์ที่ปูเป้มี ขนาดเป็นรุ่นเล็กแต่หัวดูดก็เข้าไม่ได้เหมือนกัน)

สิ่งที่คิดว่า Unlimited 7 ออกแบบมาดีมาก คือการที่หัวแปรง Dynamic Power Brush นั้นถูกถอดออกได้ด้วยการใช้เท้าเหยียบที่สลักเพื่อปลดหีวแปรงออกอย่างง่ายดาย และเราสามารถใส่หัวแปรงกลับเข้าไปได้ โดยที่เราไม่ต้องก้มเอามือไปยัดหัวแปรงเข้าปลายท่อเลยครับ สะดวกมาก ๆ

ในการทำความสะอาด แน่นอนว่าบางทีเราก็ต้องเอาเครื่องไปดูดสิ่งสกปรกอื่น ๆที่ไม่ได้อยู่บนพื้นห้อง ซึ่งตัว Bendable Flex Tube และ Dynamic Power Brush เมื่อใช้ร่วมกันแล้วสามารถตั้งบนพื้นได้ด้วยตัวเองได้ครับ ไม่ต้องไปหาที่วางพาด ไม่ต้องเอาไปวางบนพื้น ไม่ต้องก้มไปหยิบมาใส่ใหม่

นอกจากนี้ปลายท่อดูดที่เอาไว้ต่อหัวแปรงต่าง ๆ ก็ออกแบบเป็นปลายตัดเฉียง ที่นอกจากจะทำให้เราเสียบหัวแปรงต่อได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังทำให้สามารถให้สามารถใช้ดูดวัตถุที่ชิ้นใหญ่กว่าที่หัวแปรง Dynamic Power Brush จะสามารถเก็บเข้าไปได้ โดยที่เราไม่ต้องเสียเวลามาหาหัวดูดอันเล็กมาติดเพิ่ม

ตัวเครื่องที่ประกอบครบชุดนั้นสามารถวางใช้ Easy Parking Clip ซึ่งเป็นเงี่ยงที่อยู่ตรงท่อ Bendable Flex Tube เพื่อเกาะหรือแขวนกับโต๊ะ เก้าอี้ เฟอร์นิเจอร์ที่เรามีอยู่ได้  ซึ่งสะดวกมากเวลาที่เราต้องละมือออกไปทำอย่างอื่นชั่วคราว ไม่ต้องก้มไปวางกับพื้น ไม่ต้องยกไปวางเก็บบน Dock จึงเป็นการออกแบบที่ทำให้การใช้งานเพื่อทำความสะอาดในโลกของความเป็นจริงสะดวกขึ้นอย่างมาก

แบตเตอรี่ก็สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย โดยเขาใช้แบตเตอรี่ Power For All แบบ 18V ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ที่มีพันธมิตรเป็นแบรนด์ที่ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน เช่นอุปกรณ์ทำสวน ทำความสะอาด ไปยันรถเข็นเด็ก  ซึ่งถ้าในอนาคตทาง BOSCH มีอุปกรณ์ช่างและทำสวนสำหรับใช้ในบ้าน​(ไลน์สีเขียว) เข้ามาจำหน่าย หรือแบรนด์ชั้นนำที่เป็นพันธมิตร Power For All ก็คือใช้แบตเตอรี่แบบเดียวกันได้เลย

แนวคิดของแบตเตอรี่ Power For All นี่ดีมาก เพราะเท่ากับว่าเราไม่จำเป็นต้องมีแบตเตอรี่สำหรับทุกอุปกรณ์แยกกันแบบที่เป็นมา  แต่เราอาจจะมีแยบตเตอรี่เพียง 2 – 3 ก้อนในบ้าน และใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สนับสนุน แบตเตอรี่ Power For All อีกสิบกว่าชิ้นที่มีในบ้านได้เลย เป็นการประหยัดเงิน ประหยัดที่จัดเก็บ และไม่ต้องใช้ทรัพยากรมากจนเกินไป  ปูเป้อยากให้มีอุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกับแบตเตอรี่แบบนี้ออกมาให้เลือกใช้เยอะแบบที่ยุโรปมากเลยครับ มันจะสะดวกชีวิตเรามากจริง ๆ

อุปกรณ์เสริมที่ปูเป้แนะนำว่าควรมี

หนึ่งในอุปกรณ์ที่ปูเป้คิดว่าจำเป็นที่สุดสำหรับเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย คือท่อต่อแบบอ่อน ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมที่ปูเป้ใช้บ่อยที่สุดเวลาดูดชั้นวางของ โต๊ะ และอะไรต่าง ๆที่ไม่ใช่พื้นห้อง หรือซอกเพดานสูง  เนื่องจากมันทำให้การใช้งานทั้งสะดวกและเหนื่อยน้อยลง จากการการที่มือข้างนึงที่ไม่ถนัดทำหน้าที่รับแค่น้ำหนักเครื่องห้อยไว้เฉย ๆ ส่วนมืออีกข้างนึงที่ถนัดก็จับสายและหัวแปรงที่มีน้ำหนักไม่มาก ลากไปตามจุดต่างๆ ที่ต้องการได้อย่างง่ายและไม่เปลืองแรง แถมยังเข้าไปยังจุดที่แคบ ๆ ได้ง่ายขึ้นด้วย

ความพิเศษมากของ Flexible Extension Hose ท่อต่อแบบอ่อนของ BOSCH คือมันมีขั้วนำกระแสไฟฟ้ามาด้วย นั่นหมายความว่ามันสามารถใช้กับ Mini Power Nozzle หัวดูดแบบมีมอเตอร์ได้ ซึ่งทำให้การดูดฟูกที่นอน ดูดเบาะโซฟา  ดูดฝุ่นตรงขั้นบันได ดูดพรม พื้น และเบาะในห้องโดยสารรถยนต์ ได้สะดวกขึ้นอย่างมากมายมหาศาล  ใช้งานง่ายกว่า และเมื่อยมือน้อยกว่า  พอสั่งอุปกรณ์เสริมสองตัวนี้มา คือทลายข้อจำกัดเรื่องน้ำหนักของตัวเครื่องไปได้เยอะมาก  ซึ่งเครื่องดูดฝุ่นไร้สายแบรนด์ที่ปูเป้เคยใช้อยู่ไม่มีสายต่อแบบอ่อนที่ใช้กับหัวมอเตอร์ได้  อันนี้ถูกใจเรามาก ตอบโจทย์สิ่งที่เราอยากได้มานานจริง ๆ

Flexible Extension Hose รหัส BHZUFEH ราคา 1,658.50 บาท
Mini Power Nozzle รหัส BHZUMP ราคา 1,615.70 บาท

สามารถสั่งซื้อเพิ่มผ่าน LINE @boschhomethailand โดยมีค่าจัดส่ง 100 บาทครับ

การทิ้งฝุ่นและการทำความสะอาดเครื่อง

BOSCH Unlimited 7 เป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายแบบไม่มีถุงเก็บฝุ่น (ซึ่งปัจจุบันก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น) ขั้นตอนในการทิ้งฝุ่นนั้นจะต้องถอดตัว ถังเก็บฝุ่นซึ่งมีส่วนของตะแกรงกรองฝุ่น และฟิลเตอร์ด้วย  ในแง่ของการทิ้งฝุ่นนั้นมีขั้นตอนที่ยุ่งยากกว่าเครื่องดูดฝุ่นไร้สายยแบรนด์ที่ปูเป้ใช้อยู่ ที่โดยทั่วไปแล้วเพียงคลิกเดียวและดันออกก็สามารถทิ้งฝุ่นได้ (แต่ถ้ามีเส้นขนเยอะก็ต้องถอดถังเก็บฝุ่นออกมาปัดเศษก้อนขนอยู่ดี)

แต่เมื่อมองในแง่ของการทำความสะอาด ระบบของ BOSCH Unlimited 7 นั้นถือว่าดูแลง่ายทีเดียว  เมื่อเปิดออกมาจะมีปุ่มที่ให้เราหมุ่นเพื่อช่วยกระเทาะฟิลเตอร์กรองฝุ่นเพื่อช่วยให้ฝุ่นที่เกาะอยู่หล่นออกมา  โดยฟิลเตอร์นี้ไม่ต้องล้างน้ำ ถ้าสกปรกมาก็หมุนเยอะ ๆ แล้วก็เคาะ ๆ กับถังขยะเอาฝุ่นออกมากหน่อย ซึ่งเราชอบนะ เนื่องจากฟิลเตอร์กรองฝุ่นละเอียดที่แนะนำให้ล้างทำความสะอาดด้วยน้ำ ถ้าแห้งช้าไป แห้งไม่ทัน จะมีกลิ่นอับง่ายมาก

ตัวตะแกรงโลหะที่อยู่กับฟิลเตอร์ ถ้าเขรอะมากเพราะฝุ่นละเอียดจะถูกเก็บเอาในนี้ ส่วนนี้จะล้างด้วยน้ำก็ได้ หรือแค่เคาะและเอาแปรงปัดฝุ่นออกก็ได้

ถังเก็บฝุ่นด้านนอกที่เป็นตัวเก็บเศษสกปรกที่ค่อนข้างหยาบก็เอามาเคาะเศษสกปรกออก  ถังเก็บฝุ่นด้านนอกมีส่วนของสายไฟเพื่อนำไฟฟ้าไปยังหัวดูดแบบมีมอเตอร์ ดังนั้นระวังเรื่องความเสียหายจากน้ำและความชื้นครับ  แต่ถ้าอยากทำความสะอาดจริง ๆ ก็เอาผ้าชุบน้ำบิดหมาด ๆ เช็ดเอาฝุ่นออก ตัวถังออกแบบมาไม่ค่อยมีซอกหลืบจึงเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย

ดังนั้นในเรื่องของการทิ้งฝุ่น  ปูเป้คิดว่า BOSCH Unlimited 7 อาจจะไม่ได้มีระบบทิ้งฝุ่นที่ง่ายที่สุด แต่เรื่องการทำความสะอาดชิ้นส่วนของถังเก็บฝุ่นและฟิลเตอร์ นั้นทำได้ง่ายมากครับ และที่สำคัญคือส่วนประกอบเหล่านี้หากสุดวิสัย จำเป็นต้องเปลี่ยนจริง ๆ ก็สามารถสั่งชิ้นส่วนอะไหล่ผ่าน LINE @boschhomethailand ให้มาส่งถึงที่บ้านและเปลี่ยนเองได้ครับ

การเก็บและการชาจแบตเตอรี่

เครื่องดูดฝุ่นไร้สายมักมาพร้อมกับ Docking & Charging Station ที่สามารถหยิบออกมาและใช้งานได้ทัน และนำกลับไปวางเก็บพร้อมชาจแบตเตอรี่ในตัวได้ง่าย ซึ่ง BOSCH Unlimited 7 ก็มีมาให้ในกล่องครับ  แต่ส่วนตัวปูเป้คิดว่านี่เป็นสิ่งที่ควรปรับปรุงในแง่ของความสวยงาม คือมันก็เป็นพลาสติกที่แข็งแรงดี แต่มองจากด้านข้างดูไม่ค่อยสวยเท่าไหร่  คือตัวเครื่อง วัสดุ งานประกอบ ทุกอย่างดูดีมาก แต่ Dock ดูไม่ค่อยสมกันเท่าไหร่เลย อยากให้มันดูพรีเมี่ยมกว่านี้แหล่ะ

นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังไม่มีตัวเลือกของ Dock แบบที่ตั้งพื้นได้ ซึ่งส่วนตัวค่อนข้างให้ความสำคัญกับตรงนี้ เนื่องจากส่วนตัวไม่ค่อยอยากเจาะผนัง หรือบางคนอาจจะยังเช่าคอนโด หรือหอพักอยู่ อาจจะไม่สะดวกที่จะเจาะผนัง

สรุป

โดยสรุปแล้ว ปูเป้คิดว่า BOSCH Unlimited 7 เป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่ออกแบบมาได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะสำหรับการดูดพื้นซึ่งเป็นการใช้งานหลักของเครื่องดูดฝุ่น ที่ทั้งสะดวกในการที่ใช้ทำความสะอาดได้ทั้งพื้นแข็งและพื้นพรม แถมยังปรับระดับแรงดูดให้เหมาะกับพื้นผิวได้อัตโนมัติ  การเปลี่ยนหัวแปรงและการวางเครื่องพักชั่วคราวก็ทำได้ง่าย ท่อที่สามารถงอได้ 90 องศา ทำให้เราแทบไม่ต้องก้มตัวลงไปที่พื้นเพื่อทำความสะอาดหรือเพื่อเปลี่ยนหัวแปรงเลย

แบตเตอรี่ความจุสูง สามารถใช้งานโหมด Trubo แรงดูดสูงสุดได้นานถึง 11  นาทีคือน่าประทับใจมาก  โหมด Auto ที่ใช้บ่อยที่สุดก็มอบแรงดูดที่น่าพอใจสำหรับการใช้งานทั่วไปได้ยาวนานได้มากถึง 20 นาที และสามารถใช้งานได้ยาวถึง 30-40 นาทีในโหมด Eco โดยแบตเตอรี่สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย และถ้าอยากมีแบตสำรองไว้ก็สามารถเลือกที่จะซื้อแท่นชาจแบตเตอรี่ที่อัดประจุได้เร็วขึ้นอีกเพื่อการทำความสะอาดที่ต่อเนื่อง

สำหรับการทำความสะอาดสิ่งอื่นที่ไม่ใช่พื้นห้อง อุปกรณ์มาตรฐานที่มีให้ในกล่องก็ใช้งานได้ดีครับ แต่ถ้ายอมจ่ายเพิ่มอีกนิดในการซื้ออุปกรณ์เสริมอย่าง Flaxible Extension Hose กับ Mini Power Nozzle มันจะช่วยให้การทำความสะอาดห้อง พวกชั้นวางของ โต๊ะ เตียง โซฟา และอีกสารพัดได้สะดวกและคล่องตัวขึ้นและเบาแรงกว่าเดิม ปูเป้แนะนำเลยว่าอุปกรณ์เสริมสองตัวนี้ควรมีอย่ายิ่งและเป็นการลงทุนเพิ่มที่คุ้มค่ามาก  (หรือถ้าอยากได้มาแบบครบชุดไม่ต้องสั่งเพิ่มเอง ก็จัด Unlimited 7 ProAnimal รหัส BBS711ANM ซึ่งหัวแปรงจะสามารถดึงขนสัตว์ได้มากขึ้นเป็นพิเศษได้เลย)

ปูเป้อาจจะรู้สึกว่าการทิ้งฝุ่นนั้นมีขั้นตอนที่มากกว่าแบรนด์คู่แข่งที่ปูเป้ใช้อยู่ แต่การทำความสะอาดตัวเครื่องก็ทำได้ง่าย และส่วนตัวชอบมากที่ฟิลเตอร์ไม่ต้องล้างน้ำ เพราะมันเสียเวลามากที่จะรอให้มันแห้งสนิท และถ้าแห้งไม่ทันคือจะเหม็นอับและต้องซื้อฟิลเตอร์ใหม่เลย  ดังนั้นในส่วนนี้ถือว่าก็เสมอกัน

ส่วนที่คิดว่าอยากให้ปรับปรุงหรือมีทางเลือกให้จริงๆ ก็คือตัว Dock แขวนผนังที่อยากมให้มันดูดีกว่านี้หน่อย หรือมีทางเลือกของ Dock แบบตั้งพื้น สำหรับคนที่ไม่อยากเจาะผนังครับ

ทั้งหมดนี้เป็นความเห็นของปูเป้จากการใช้งาน โดยรวมมีส่วนที่ชอบมากกว่าซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญกับการใช้งานทั้งสิ้น ส่วนที่อาจจะไม่ถูกจริตบ้าง เป็นแค่เรื่องความสวยงามและเรื่องของการมีตัวเลือกของการไม่เจาะผนังสำหรับติดตั้ง Dock เท่านั้น ซึ่งอาจจะลองดัดแปลงหรือหาขาตั้งพื้นจากผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ที่ทำมาเพื่อแก้ปัญหานี้ดูก้ได้ครับ

หากสนใจ ผลิตภัณฑ์มีจำหน่ายตามร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำทั่วไป และสามารถสั่งซื้อได้จากร้านออนไลน์อย่างเป็นทางการของ BOSCH Home Appliances ได้ทั้งใน Lazada และ Shopee

– Unlimited 7 BBS711WLazada  / Shopee 

– Unlimited 7 ProAnimal BBS711ANMLazada  / Shopee