ในวันนี้ความอ่อนล้าจากการนอนไม่ครบ 8 ชั่วโมงมา 7 วันเต็มเริ่มแผลงฤทธิ์ (บางวันได้นอนมาแค่ 3 – 4 ชั่วโมงเอง) นั่นก็คือสิวเริ่มปูดและเกิดอาการของรูขุมขนอักเสบเมื่อโกนหนวด แถมยังรู้สึกง่วงแทบจะทั้งวัน (แต่ลุกค้ามาปุ๊ปก็สดใสเต็ม 100 เหมือนเดิม) แอบคิดว่าถ้าจะมาเป็น KCR ประจำเราคงต้องตัดงานอื่น ๆ ที่เราทำอยู่ออกไปเกือบหมดเลยหากคิดจะได้พักผ่อนครบ 8 ชั่วโมงตามเดิม

 

(พี่เต้กำลังแนะนำและให้ข้อมูลกับบรรดาผู้สื่อข่าว ซึ่งปุเป้ก็คอยสังเกตุและเก็บเทคนิคในการนำเสนอไปใช้ในรอบของตัวเอง)
ในวันนี้ก็ยังคงมีขบวนนักข่าวเดินทางมาเยี่ยมเยียนร้านเหมือนกับวันแรก ต่างกันตรงที่วันนี้คุณจอย PR ไว้วางใจให้ปูเป้เป็นคนแนะนำตัวสินค้า Must Have 10 อย่างสำหรับหน้าหนาวนี้แทนพี่เต้ในตอนที่พี่เต้ไม่ว่าง (จะว่าไปมันก็เป็นสินค้าที่วันก่อนปูเป้กับพี่เต้ช่วยกันเขียน List เลือกขึ้นมานั่นเอง) ก็ได้พูดคุยกับนิตยสารหลายเล่มไม่ว่าจะเป็น Real Parenting หรือ Hello เป็นต้น



(Cup Cake เล้ก ๆ ที่นำมาเป็นของว่างให้ผู้สื่อข่าวดูน่ารักมาก)

กระผมก็ตื่นเต้นมากทีเดียวขอรับแต่ก็พยายามสงบใจและวางตัวแบบมืออาชีพมากที่สุด แต่พอเฉลยไปว่าเราพึ่งมาเริ่มฝึกงานได้แค่ 7 วันเอง ก็ฮือฮากันใหญ่ เลยถือโอกาสนี้โฆษณาแนะนำ Blog ตัวเองไปด้วยเลย
วันนี้ปูเป้ใช้เวลาส่วนใหญ่นั่งคุยกับนักข่าว ให้ข้อมูลสินค้าและแบรนด์เป็นส่วนมาก ไม่ค่อยได้รับลูกค้าเท่าไหร่เลยล่ะ วันนี้จึงไม่มีอะไรจะมาเล่าให้ฟังกันเท่าไหร่ 😛

ช่วงวันที่ 23 – 29 ทาง Kiehl’s เปิดลานโปรโมชั่นที่ชั้น M ของ Paragon ก็จะเป็นการแนะนำผลิตภัณฑ์ตัวใหม่แล้วก็สินค้าตัวเด่น ๆ พร้อมกับมีบริการ Hand Massage จากช่างนวดที่เคยผ่านประสบการณ์ทำงานที่รัสเซียมาเชียวนะ

 

(ตัวจริงดูดีกว่านี้นะ…)
แน่นอนขอรับว่ามีโปรโมชั่นก็ต้อง Kiehl’s Boy อย่างแน่นอน หนุ่ม Kiehl’s Boy วันนี้มากันสองคนได้แก่หนุ่มแว่นขาวตี๋หน้าตาดีพิมพ์นิยมตามเทรนด์ปัจจุบัน

 

(ซื้อเท่าไหร่ถึงแถม Kiehl’s Boy จ๊ะ?)
กับอีกคนเป็นหนุ่มผิวแทนล่ำบึ้กขี้เล่นกล้ามแขนเป็นมัด คนนี้ชื่อ โอ มีฝาแฝดชื่อ เอ็มด้วย จะสลับกันมาคนละวัน เดี๋ยวไว้พรุ่งนี้จะถ่ายรูปมาให้ดูอีกที


(ขอสาบานว่านี่เป็นวันศุกร์ตอนบ่ายๆ เย็น ๆ)
ช่วงนี้เศรษฐกิจคงไม่ดีจริง ๆ (ตรงกันข้ามกับพวกที่แหกปากเย้ว ๆ ในสภามันบอกเลย) เพราะขอบอกว่างานโปรโมชั่นนี้ ผีหลอกมาก ๆ ไม่รู้คนหายหัวไปไหนกันหมด ทั้งที่เป็นวันศุกร์นะ มีโปรโมชั่นด้วยนะ แจกแถมกันแบบสุด ๆ … แต่ขายไม่ดีเอาเสียเลย BA บูทอื่น ๆ นั่งแห้งกันทั้งนั้นเลย…

วันนี้เริ่มมีคนจาก Blog ของปุเป้และจาก Pantip มาเยี่ยมกันมากขึ้นซึ่งปุเป้ก็ดีใจมากเลย ได้คุยกันแต่ตัวอักษรมานานก็ได้มาเห็นหน้าค่าตากันหน่อยก็ยังดีนะ วันนี้ได้คุยกับแฟนบล็อกคนหนึ่งที่ตัวสูงมาก แบบว่าปกติจะคุยกับคนที่สูงเท่ากันหรือเตี้ยกว่าไง แต่คราวนี้ต้องแหงนหน้าคุยเลยรู้สึกไม่ชินเล็กน้อย 🙂

เห็นหลายคนแวะมาแต่ไม่กล้าเข้ามาคุย กลัวจะรบกวนหรืออะไรแบบนี้ ปูเป้บอกเลยว่าไมได้เป็นการรบกวนเลยแม้แต่น้อย แวะเข้ามา Say Hi กันหรือจะคุยยาวปูเป้ก็ไม่ว่าอะไรหรอกขอรับ ซื้อไม่ซื้ออันนี้ปูเป้ไม่ได้คิดอะไร แค่ได้คุยก็ดีแล้ว ดีกว่านั่งเฉย ๆ เพราะไม่มีลุกค้า =_=

ตอนกลับบ้านเผลอเกาจุดที่คันยุบยิบแถวมุมปาก ลืมไปว่ามันเป็นสิวที่กำลังปูดขึ้นมา ผลคือสิวระเบิดเลือดไหลโจ๊กน่ากลัวเป็นที่สุด โอ้วครียด!!!!!!!!!!!!!

เข้าวันที่ 10 เริ่มเห็นว่าตัวเองโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งสิว ทั้งรอยคล้ำใต้ตาเริ่มกลับมาเยือนทีละน้อย ๆ ตอนนั่งรถไฟฟ้ามาตอนเช้านี่แทบจะหลับจนนั่งเลยป้าย แต่พอเข้างานก็ต้องสดใสเต็มที่ ลูกค้าต้องได้รับการบริการที่ดีที่สุดจากเราไปเท่านั้น!!!!

 

(ฝาแฝดอีกคนนึง คิดถูกแล้วที่ตัดผมคนละทรงกัน เพราะถ้าผมทรงเดียวกันปูเป้คงแยกไม่ออก)
เริ่มเปิดร้านมาก็ได้ลูกค้าชาวจีนกระเป๋าหนักมาเปิดยอดไปหมื่นนิด ๆ แต่หัววัน (แหม่ ท่าทางวันนี้จะขายดี) เริ่มรู้สึกว่าตัวเองคุยภาษาอังกฤษได้คล่องขึ้นแล้วหลังจากสนิมเกาะมาเป็นปี (หลังจากออกจากโรงแรมนี่แทบไม่ได้พูด Eng เลย) และสามารถ Link Sale กับแนะนำผลิตภัณฑ์ให้ลุกค้าได้อย่างแม่นยำขึ้นเพราะจำข้อมูลของสินค้าได้หมดแล้ว (ถึงบางตัวจะจำได้ไม่ละเอียดนัก แต่ก็รู้คร่าว ๆ ว่าเหมาะหรือไม่เหมาะกับผิวแบบใด) เราก็บริการทุกระดับประทับใจ ไม่รู้จักเคาเตอร์คืน Vat ก็พาไปส่งถึงที่ พาไปแลก Vocher ตามยอดซื้อให้ด้วย ระหว่างทางก็คุยเรื่อยเปื่อยจนได้รู้ว่าเขานี่เป็นเพื่อนกับเจ้าของ Central นะเนี่ย!!!

ขอบอกว่าวันนี้เป็นวันที่หนักหน่วงจริงๆ เพราะเจอลูกค้า Level 99 หลายคนทีเดียว มีคุณผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูท่าทางใจดีแล้วก็สุภาพน่ารักมาก แวะมาดูผลิตภัณฑ์ล้างเมคอัพรอบดวงตา ปูเป้ก็แนะนำไปตามปกติ สังเกตว่าคุณผู้หญิงคนนี้อ่านส่วนผสมในการเลือกซื้อด้วยปูเป้ก็สนใจเป็นพิเศษ และมีความรู้เกี่ยวกับเครื่องสำอางดีมาก ก็มีเรื่องคุยกันนานมากทีเดียว

 

(ชุดบำรุงผมทำสีตัวใหม่ ไม่มีซิลิโคน / Paraben / หรือสารทำความสะอาดกลุ่ม Sulfate มีส่วนผสมที่ใช้ได้นะ อ่อนโยนทีเดียวและทำให้ผมนุ่มลื่นดี แถมกลิ่นยังหอมมาก ๆ อีกด้วย แอบตักกลับบ้านมาใช้ได้สองวันละ :P)
จริง ๆ ตอนแรกคุณผู้หญิงไม่ได้กะจะมาซื้ออะไร หรือถ้าซื้อก็คงเอาแค่ตัวล้างเครื่องสำอางอย่างเดียว ไม่สนใจซื้อให้ถึง 3000 บาท เพื่อเป็น VIP Members เสียด้วยซ้ำไป แต่คุยไปคุยมาก็ตัดสินใจซื้อ Hair Mask รุ่น Sunflower ตัวใหม่สำหรับผมทำสี พร้อมกับ Lip balm 30G ตัวที่ปูเป้ชอบอีกเหมือนกัน (สรุปคือของที่แนะนำไปมีแต่ของที่เราชอบทั้งนั้นเลย) ก็คือได้เป็น VIP Menber พร้อมรับของขวัญมากมายกลับไป (แน่นอนว่าแนบ Sample ไปให้อีกหลายตัวเลยล่ะ)

ปูเป้มารู้ตอนเขียนบัตรสมาชิกให้ว่าคุณผู้หญิงเป็นถึงดอกเตอร์เชียวนะเนี่ยแถมยังชมว่าปูเป้ขายเก่งมากด้วย ดีใจจัง 😀 (ขายของให้ลูกค้าเลเวล 99 ได้แถมได้รับคำชมด้วยนี่น่าภูมิใจนะเนี่ย) ปูเป้ก็แอบให้ URL ของ Blog ไปด้วย ถ้าแวะมาอ่านเจอตรงนี้พอดีปูเป้ก็ขอบอกว่ากระผมสนุกมาก ๆ ที่ได้คุยด้วยนะขอรับ

แล้วก็มีชายหนุ่มสองคนที่คนหนึ่งเรียนเภสัชมา อีกคนหนึ่งมีปัญหาเรื่องผิวที่ระคายเคืองจากการหาหมอตามคลินิกด้วย… อื้อหือ… กรณีนี้เป็นลุกค้าระดับความยาก Very Ultra Hard คือข้อมูลต้องเป๊ะมาก ๆ และผลิตภัณฑ์ที่แนะนำไปต้องกรองส่วนผสมที่อาจก่อปัญหาได้ออกไปให้หมดเลย ก็เลือกกันประมาณชั่วโมงนึงได้กว่าจะเสร็จปิดยอดไป 8000 เป๊ะ (เพื่อให้ได้ Eye Cream ขนาดเต็มฟรีไปเพิ่มนอกเหนือจาก Sample จำนวนมาก) มาเฉลยทีหลังว่าที่แท้ก็เป็นแฟนบล็อกปูเป้อีกเหมือนกัน แต่ที่ไม่บอกก่อนคงเพราะอยากพิสูจน์ดูล่ะมั้งว่าเราจะบริการหรือให้ข้อมูลยังไงรึเปล่า? ยังไงก็รบกวนช่วย Comment ด้วยนะขอรับ ถ้าไม่ดียังไงปูเป้จะได้พยายามปรับปรุงต่อไปอีก

ยังมีคุณตี๋แล้วก็ Kiehl’s Fan และคนอื่น ๆ ที่แวะมา Say Hi พูดคุยทักทายกันอีกหลายคน ถึงวันนี้จะเหนื่อยมากแต่ก็เป็นวันที่สนุกและมีความสุขจริง ๆ

PS. วันนี้พี่ซินดี้ฝาก Paula’s Choice ตัว CLEAR ที่ออกใหม่มาให้ด้วย ดีใจจัง 😀

วันนี้มีคนแวะมาเยี่ยมเยียนเยอะมาก ที่เซอไพรส์ที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นเหล่าเรนเจอร์ที่พึ่งได้พบเจอตัวเป็น ๆ กันครั้งแรก

 

(จากซ้ายไปขวา : พี่นุช คุณอ้น ปูเป้ พี่ตู๋ คุณต่อ)
งานนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นการพบเจอกันเกือบครบทีมเป็นครั้งแรกเลยมั้ง ก็พูดคุยกันหลายเรื่อง พาเดินชมผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจของแบรนด์พร้อมกับแนะนำผลิตภัณฑืที่เหมาะกับสภาพผิวไปด้วย

แล้วก็ยังมีเค้กอร่อย ๆ เป็นของฝากด้วย (เค้กช้อคโกแลตมูสอร่อยดี บาวารัวหวานจัง ยังไงก็ขอบคุณมากเลยนะขอรับ )

พี่ฟลุ๊คและผองเพื่อนก็แวะมาด้วย ทั้งที่ไม่ค่อยได้คุยกันบ่อยนักแต่ก็ยังแวะมาเยี่ยมเยียนกัน… ดีใจจริง ๆ

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะมีช่างภาพมืออาชีพมาถ่ายรูปในงานโปรโมชั่น ก็เลยขอถ่ายรูปหมู่กันเป็นที่ระลึกสักหน่อย

ดูเหมือนรูปครอบครัวเลยเนอะ 😀
วันจันทร์เป็นวันที่เงียบเหงาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเช้าจนถึงบ่าย ลูกค้าเข้าร้านน้อย แต่มีพนักงานขายเต็มร้าน ไม่มีอะไรจะทำก็เลยเอาพิมพ์ดีดโบราณมาพิมพ์ Mission of Kiehl’s และนโยบายอื่น ๆ ของแบรนด์ไปเรื่อย ๆ เผื่อว่าลูกค้าที่เข้ามานั่งจะได้ลองอ่านไปเล่น ๆ

 

(พิมพ์ดีดนั้นถ้าพิมพ์ผิดแล้วแก้ไม่ได้ แถมจัดหน้ากระดาษก็ลำบาก คนสมัยก่อนนี่เขาเก่งกันจริง ๆ นะเนี่ย)
วันนี้พี่เต้บอกว่าวันที่ 30 กันยายนจะให้ปูเป้ไปช่วยที่ ZEN แทน เพราะอยากให้ไปเทรนและแชร์ข้อมูลผลิตภัณฑ์และการดูแลผิวให้กับ KCR ที่ ZEN ซึ่งปูเป้ก็ไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใด จะว่าไปแล้วเมื่อวันงาน Loreal Mega Sale พี่ปูก็เกริ่น ๆ ว่าสนใจอยากมาทำเป็น Training รึเปล่า ซึ่งปูเป้ก็คิดว่าน่าสนใจดีนะ ถ้าได้ทำงานในจุดนั้นจริง ๆ กระผมก็หวังว่าจะสามารถป้อนพนักงานขายที่มีคุณภาพทั้งการบริการและความรู้สู่วงการเครื่องสำอางไทยได้เยอะ ๆ

พี่เต้ถามอีกว่าอยากจะทำกับ kiehl’s ต่อไปรึเปล่า ใจจริงปูเป้ก็อยากทำนะขอรับ แต่คงต้องเคลียร์ตารางชีวิตตัวเองให้เบาลงกว่าตอนนี้ เพราะว่าช่วงที่ผ่านมานี้เหนื่อยมาก ทั้งฝึกงานกลับมาบ้านก็เคลียร์งานส่วนตัวเพิ่มไปอีก เล่นเอาแทบขาดใจ เอาเป็นว่าปูเป้จะเริ่มจัดตารางงานของตัวเองอย่างจริงจังดูสักที เผื่อจะมาทำ Part-time ขำ ๆ ในเวลาว่าง หรือเป็น Training ก็ดีเหมือนกัน 😀

ผลิตภัณฑ์ตัวที่น่าสนใจที่ขอหยิบมาพูดถึงในวันนี้คือ Superbly Efficient Anti-Perspirant & Deodorant Cream ซึ่งมีส่วนผสมที่ปลอดภัยดีและปราศจากน้ำหอมด้วย (จะได้ไม่ไปตีกับกลิ่นน้ำหอมที่เราฉีดลงไป) ตัวนี้ปูเป้ยังไมได้ลองใช้เลย แต่เห็น Customers Rave หรือคำสรรเสริญจากลูกค้าที่ใช้ประจำแล้วก็เกิดกิเลสอย่างมากมาย เพราะเขาว่าตัวนี้เห็นผลเรื่องการควบคุมกลิ่นเหงื่อได้ดี แบบว่าอิชั้นลองมาหมดทุกสิ่งอัน เจ้าตัวนี้ work สุดแล้ว แถมยังไม่ทำให้เสื้อขาวเป็นคราบเหลืองใต้วงแขนด้วย ยิ่งทำให้น่าสนใจเข้าไปใหญ่ กะว่าจะเอา Vocher ที่แลกจากบัตรเครดิตมาซื้อไอ้นี่ล่ะ 😀

PS. วันนี้พี่มด cinnamongal แวะมาหาด้วย ขอบคุณนะขอรับ

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะได้อยู่ที่ Paragon แล้ว ปูเป้เริ่มคุ้นเคยกับการเป็น KCR และสามารถพูดคุย แนะนำกับลูกค้าทั้งคนไทยและคนต่างชาติได้อย่างเป็นธรรมชาติ เริ่มดูลักษณะของลูกค้าออกว่าชอบให้คุย ให้ติดตาม หรือชอบเดินเลือกด้วยตัวเอง

ปูเป้รู้สึกว่าการทำงานที่ Kiehl’s นี่โชคดีมากนะ เพราะนโยบายการให้ Sample นี้สามารถทำให้เราสร้างความประทับใจกับลูกค้าได้ง่ายกว่าแบรนด์อื่น ๆ การให้ Sample ของปุเป้นั้นไม่ใช่ว่าตัดชิ้นส่วนหรือโชว์ SMS มาให้ก็ยืนซองสินค้าทดลองให้เลยทันที แต่จะพยายามดึงให้ลุกค้าได้รับข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือเกี่ยวกับแบรนด์มากที่สุดเท่าที่เวลาจะเอื้ออำนวย ถ้าเป็นคนที่ไม่เคยรู้จักหรือสัมผัสกับแบรนด์มาก่อน ปูเป้จะอธิบายจุดเด่น นโยบาย จุดแข็งของแบรนด์ พาเดินชมผลิตภัณฑ์โดยรวมของร้าน ก่อนจะเลือก Sample ที่เหมาะกับสภาพผิวของเขามากที่สุด เพื่อที่จะทำให้ลูกค้าที่แวะมาได้จดจำความประทับใจและภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์กลับไป ถึงไมได้ยอดซื้อในวันนี้แต่ก็มีโอกาสที่เขาจะกลับมาอุดหนุนในอนาคตมากเหมือนกัน

 

(มุมสำหรับเด็กของร้านเปิดให้คุณหนูสามารถเข้ามาเล่นได้ แม้จะไมได้ซื้อสินค้าก็ตาม)
ถึงปูเป้จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยอดขาย เพราะขายได้มากหรือขายได้น้อยปูเป้ก็ได้เงินเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางและอาหารการกินวันละ 300 บาทเหมือนเดิมอยู่ดี (พึ่งรู้เมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง ตอนแรกนึกว่าทำฟรี) แต่กระผมจะพยายามสมมุติว่าตัวเองต้องขายของให้ถึงเป้าที่วางไว้อยู่ตลอดเพื่อให้รู้สึกถึงความกดดันในการทำงานจริง โดยหวังว่ากระผมจะสามารถหา Balance ในการขายโดยไม่กดดันให้ลูกค้าซื้อของที่เขาไม่ต้องการ อยากให้เขาได้ของที่เหมาะกับผิวและตรงกับความต้องการจริง ๆ ถ้ามีโปรโมชั่นก็จะพูดจูงใจบ้างแต่ก็ปล่อยให้ลูกค้าตัดสินใจเองว่าเขาต้องการหรือเปล่า ถึงการเป็นพนักงานจะต้องโดนกดดันในเรื่องของยอดขาย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องไปกดดันให้ลูกค้าต้องซื้อในสิ่งที่เขาไม่จำเป็นต้องใช้ การซื้อสินค้ามากขึ้นเพื่อให้ได้ของแถมเพิ่มหรือได้คะแนนสะสมเพิ่มจะเป็นการใช้จ่ายที่ “คุ้มค่า” รึเปล่านั้นเป็นสิ่งที่ลุกค้าต้องตัดสินใจเองไม่ใช่เรื่องที่พนักงานขายจะไปตัดสินใจแทน หน้าที่ของพนักงานขายที่ดีคือช่วยให้คำแนะนำให้ลูกค้าได้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลุกค้าเท่านั้ร

ปูเป้อาจจะคุยกับลุกค้านาน บางคนลากยาวไปเกือบสองชั่วโมง ไม่มีการตัดบทให้ลูถกค้าเสียความรู้สึกแต่อย่างใด เพราะเชื่อว่าถ้าเขาได้รับการบริการที่เต็มที่ ได้ข้อมูล ได้ผลิตภัณฑ์ ได้คำแนะนำที่สามารถช่วยแก้ปัญหาของเขาได้จริง ลูกค้าก็จะประทับใจและกลับมาใช้บริการอีก และกระผมก็เชื่อว่าเขาจะแนะนำและบอกต่อความประทับใจให้กับเพื่อนและคนรู้จักด้วยอย่างแน่นอน

กระผมเชื่อว่าการทำการค้าที่ประสบความสำเร็จจะต้องจริงใจกับลูกค้า เพราะถ้าเราปฏิบัติกับลุกค้าอย่างดีเยี่ยมแล้ว ต่อให้เขาแพ้หรือไม่สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เราได้ อย่างน้อยเขาก็จะยังหลงเหลือความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับการบริการอันเป็นเลิศที่เรามอบให้

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของพารากอนแล้ว พี่เต้จึงพาไปเลี้ยงข้าวที่ ZEN แล้วก็คุยกันสารพัดเรื่องเลยทีเดียว รู้สึกว่าไม่อยากให้มันจบลงเลย เวลา 13 วันผ่านไปเร็วมากจนน่าใจหาย ถึงจะมีเรื่องที่ต้องกดดันตัวเองบ้าง เหนื่อย้บางแต่กระผมก็มีความสุขเต็มที่กับช่วงเวลา 13 วันที่ผ่านมา ปูเป้สัญญากับตัวเองว่าจะต้องหาโอกาสมาร่วมงานกับ Kiehl’s อีกครั้งในอนาคตอย่างแน่นอน จะเป็น Part-time หรือ full-time ก็แล้วแต่โอกาสจะเอื้ออำนวย

พรุ่งนี้เจอกันที่ ZEN ชั้น 1 นะขอรับ 😀

วันสุดท้ายของการทำงาน แต่เป็นวันแรกที่ได้มาอยู่ที่ Kiehl’s สาขา ZEN บรรยากาศร้านดูแปลกตาและไม่มีโซฟาให้นั่งเหมือนที่พารากอน (คงเพราะร้านมันเล็กน่ะนะ)

 

(หนุ่มแว่นในชุดกาว์ท ช่าง Nerd ได้ใจยิ่งนัก)
ได้ข่าวว่าวันนี้จะเป็นวันแรกที่ Kiehl’s สาขา ZEN จะมีจัด Kiehl’s Square เหมือนกับที่พารากอนแต่ขนาดเล้กกว่า ไอ้เราก็คาดหวังว่าจะเจอบู้ทโปรโมชั่นในที่สะดุดตา แต่เอาเข้าจริงมันกลับไปแอบอยู่ในซอกหลืบใกล้ทางไปสำนักงาน CTW ขอบอกว่ามันเป็นซอกหลืบจริงๆ เพราะปูเป้เดินเข้าประทาทางเชื่อม Sky Walk ยังเดินผ่านแบบไม่ได้สังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย (ถ้าพี่ฝนไม่ตะโกนทักก็คงไม่รู้อ่ะว่ามันอยู่ตรงนั้น) พอถามไปว่าทำไมถึงได้มาตั้งบู้ทในซอกหลืบแบบนี้ล่ะ? พี่ปาล์มถึงกับเซ็งเลย (แบบว่าคำพูดแทงใจดำ)
ถ้าบอกว่าลานโปรโมชั่นของพารากอนเงียบผีหลอกแล้ว ที่ CTW ต้องเป็นป่าช้าเพราะว่าคนไม่แวะมาซื้อกันเลย เนื่องจากวันนี้เป็นวันลด 10% สำหรับผู้ที่ถือบัตร Central Card เท่านั้น แถมวันที่ 1 เดือนตุลาคมเป็นต้นไปทาง Kiehl’s ก็จะมีการปรับลดราคาสินค้าลงเพื่อเป็นการคืนกำไรให้กับลูกค้า โดยได้แจ้งข่าวให้กับสมาชิกรู้ล่วงหน้าแล้ว ทุกคนจึงจ้องจะมาช็อปปิ้งในวันรุ่งขึ้นแทนทำให้วันนี้บูทโปรโมชั่นแทบจะเป็นป่าช้า…

ช่วงบ่ายนี่แทบจะไม่มีคนแวะเข้าเลยล่ะเพราะว่าเป็นเวลาทำงาน คนที่เดินผ่านไปก็กำลังเร่งรีบจะเข้าสำนักงานหรือออกไปติดต่องาน จะมายุ่งจริง ๆ ก็เป็นช่วงตอนเย็นที่คนเลิกงานกันซึ่งส่วนใหญ่ก็มารับ Sample ตามใบปลิวที่แจกไป หมดวันนั้นยอดขายของบูทโปรโมชั่นคือ 1450 บาท โดยปูเป้ตีไข่แตกได้ด้วยการขาย Lip Balm ราคา 450 บาทได้ ช่างเป็นตัวเลขที่น่าสะเทือนใจอะไรเช่นนี้ T-T

 

(พี่ฝนจัดชุด Set พิเศษนี้ได้สมบูรณ์แบบมาก มีทุกอย่างที่จำเป็นในการบำรุงผิวตั้งแต่ล้างหน้ายันครีมกันแดด)
แต่เนื่องจากมีเวลาว่างเยอะมาก ปูเป้จึงได้คุยกับพี่ฝน และพี่กี้ในหลายๆ เรื่องและได้รู้ว่า เนื่องจากความที่ Kiehl’s ยังมีขนาดองค์กรที่เล็ก ทำให้ผู้จัดการร้านหรือพนักงานมีหน้าที่ที่หลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสั่งของ เช็คสต็อค หรือแม้กระทั่งคิดโปรโมชั่นกันเอง ซึ่งแบรนด์ใหญ่ ๆ นั้นจะมีคนทำให้หมดทุกอย่าง พนักงานขายก็ขายกันไปอย่างเดียว ทำนู่นทำนี่นิดหน่อย แต่ที่ Kiehl’s นั้นพนักงาน KCR ต้องทำสารพัดไม่ว่าจะเข้าบริษัทแบกของมาร้านเอง ทำเรื่องโอนย้ายหรือสั่งสินค้าเอง ทำความสะอาดร้าน หรือแม้กระทั่งปีนเก้าอี้เพื่อเปลี่ยนหลอดไฟ…

การเป็นพนักงาน KCR นั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยเพราะว่าคนหนึ่งคนต้องมีความรู้หลายด้านและต้องทำได้ทุกอย่างเนื่องจากไม่มีบุคลากรที่จะมาจัดการแทนได้ แต่กระผมก็มองว่าการมาทำงานที่ Kiehl’s นั้นจะช่วยฝึกทักษะและประสบการณ์ในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการจัดการร้าน การขาย การบริการ การดูแลผิวได้เป็นอย่างดี

วันนี้แอบถามพี่ปูถึงเรื่องรายได้ของการเป็น KCR มาด้วยนิดหน่อย ก็สนใจจะมาทำงานบ้างเหมือนกันเพราะว่าจะเก็บเงินไปเที่ยวญี่ปุ่นแบบแบ็คแพ็คกับเพื่อนในปีหน้าอยู่พอดี จิ้มเครื่องคิดเลขแล้วว่าทำไม่กี่เดือนก็มีเงินไปเที่ยวได้แล้ว แต่คงต้องศึกษาเรื่องรายละเอียดของสัญญาการทำงานกันต่อไป เพราะถ้าปูเป้ไม่สามารถทำ Blog หรือรับงานอื่น ๆ ได้กระผมก็คงต้องหาเงินไปเที่ยวด้วยวิธีอื่นแทน 😛

ใกล้ 4 ทุ่มแล้วปูเป้ก็ช่วยพี่กี้เก็บของให้เรียบร้อยแล้วก็ชิ่งกลับบ้านก่อนประตูห้างจะปิดเพราะไม่มีบัตรพนักงาน 14 วันของการฝึกงานที่ทั้งเหนื่อยและสนุกได้หมดลงแล้ว ระหว่างนั่งแท็กซี่กลับบ้านฝ่าสายฝนที่ตกปรอย ๆ ก็ย้อนคิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา รู้สึกว่าช่างโชคดีจริง ๆ ที่มีโอกาสได้สัมผัสกับประสบการณ์แบบนี้ พี่ ๆ KCR ทุกคนก็น่ารักเป็นกันเองและต่างช่วยเหลือกันซึ่งกันเหมือนกับเป็นครอบครัวเดียว

พอถึงบ้านปุ๊ปก็ล้มฟุบคาหมอนทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำล้างหน้า ถุงเท้ายังไม่ถอดเลยด้วยซ้ำ แบบว่าพักผ่อนไม่พอมาเป็นสัปดาห์จนร่างกายไม่ไหวแล้ว กว่าจะตื่นอีกทีก็บ่ายโมงละ เรียกว่านอนทบยอดของที่ผ่านมากันแล้วเลย (แน่นอนว่าสิวขึ้นเพราะไม่ได้ล้างหน้าด้วย T-T ) ก็คงขอพักสักสองสามวันแล้วค่อยเริ่มเคลียร์คำถามใน Blog ที่ค้างไว้มาเกือบ 3 สัปดาห์ละกัน

ท้ายที่สุดนี้ปูเป้ต้องขอขอบคุณ พี่ปู พี่ปาล์ม พี่จอย คุณแป้ง พี่เต้ พี่ฝน ที่เปิดโอกาสให้ปูเป้ได้มาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่แสนมีค่า ขอบคุณ พี่กี้ พี่การ์ตูน พี่ตี๋ พี่กั้ม พี่แอ๋ว คุณแสง เกรซ และ KCR อีกหลาย ๆ คนที่คอยให้คำแนะนำและดูแลน้องใหม่คนนี้เป็นอย่างดี

ขอให้ทุกคนมีความสุขและประสบความสำเร็จยอดขายทะลุเป้าทุกเดือนนะขอรับ 😀